เดือนมิถุนายน เที่ยวไหนดี ? วางแพลนเที่ยวหน้าฝนกับ ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน 2568 เที่ยวไทยกันให้เย็นฉ่ำ สายชิล สายลุย สายธรรมชาติ ต้องไม่พลาด !
แม้ฝนจะเริ่มโปรยปรายในเดือนมิถุนายน แต่อากาศชุ่มฉ่ำแบบนี้แหละที่ทำให้การท่องเที่ยว สนุกและสดชื่นขึ้นเป็นเท่าตัว หลายคนอาจลังเลว่าจะเที่ยวดีไหมในช่วงหน้าฝนแบบนี้ แต่รู้ไหมว่า เดือนมิถุนายน คือช่วงเวลาทองของธรรมชาติที่เขียวขจีและสดใสที่สุดในรอบปี ไม่ว่าจะเป็นทะเลสวย ๆ น้ำตกชุ่มฉ่ำ หรือภูเขาเขียวขจี บรรยากาศแบบนี้แหละที่สายธรรมชาติตัวจริงไม่ควรพลาด และถ้าใครกำลังมองหา ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน 2568 เรามีลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวสุดปัง เทศกาลสนุก ๆ หรือกิจกรรมโดนใจ ที่จะช่วยให้คุณวางแผนเที่ยวหน้าฝน ได้แบบไม่มีพลาดมาฝากกัน ดังนี้
ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน 2568
รวมสถานที่เที่ยวหน้าฝนทั่วไทย
1. เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
แม้ในช่วงเดือนมิถุนายน จะเป็นเดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีในเกาะสีชัง แต่ที่นี่ก็ยังเป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่น่าสนใจ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และบนเกาะเองก็ยังมีจุด Hidden Gem ลับ ๆ ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก มีทั้งรถสองแถว และรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า จะเลือกเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือนอนพักค้างแรมสักคืน ก็มีที่พักสวย ๆ คาเฟ่ฟีลดี ๆ ร้านอาหารทะเลสด ๆ ให้เลือกแบบจุใจเลย
2. กินผลไม้ กินบุฟเฟต์ซีฟู้ดสด ๆ ที่โฮมสเตย์ จังหวัดจันทบุรี
ถ้าใครกำลังมองหาทริปกินแบบฟิน ๆ ที่ได้ทั้งผลไม้สดจากสวนและซีฟู้ดแบบจัดหนัก จันทบุรีคือคำตอบเลย เพราะช่วงนี้คือฤดูผลไม้ ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ หวานฉ่ำกินได้ไม่อั้นจากสวนจริง ๆ แถมหลายโฮมสเตย์ยังจัดบุฟเฟต์ซีฟู้ดสด ๆ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ปิ้งย่างต้มครบสูตร ที่สำคัญคือสดมาก เพราะได้มาจากทะเลจันทบุรีโดยตรง ไม่ใช่ซีฟู้ดแช่แข็งแน่นอน ที่พักก็อบอุ่นน่ารัก สไตล์โฮมสเตย์แบบบ้าน ๆ แต่ได้ฟีลเหมือนไปนอนบ้านญาติ มีทั้งกิจกรรมชิล ๆ อย่างล่องแพเปียก พายเรือ เล่นน้ำ หรือเดินตลาดท้องถิ่น เที่ยวแบบนี้ได้ทั้งกิน พัก และใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่ใจต้องการเลยล่ะ
3. บ้านห้วยน้ำใส หรือ แม่กำปอง 2 จังหวัดราชบุรี
เที่ยวหมู่บ้านมอญเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามในอำเภอสวนผึ้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ร่มรื่น และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวมอญที่เรียบง่าย มีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกมากมาย ทั้งร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ร้านกาแฟบรรยากาศดี และร้านอาหารฟิวชั่นที่ผสมผสานวัฒนธรรมมอญเข้าไป นอกจากนี้ยังมีร้านค้าของชาวบ้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกมากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย งานหัตถกรรม และอาหารแปรรูป แถมมีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นริมน้ำ บริเวณบ้านเรือนของชาวบ้าน หรือจุดชมวิวต่าง ๆ
ภาพจาก : Sakcared / Shutterstock.com
4. ช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร
ชวนไปกางเต็นท์สัมผัสความเย็นฉ่ำช่วงหน้าฝนกันที่ ช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของถนนคลองลาน - อุ้มผาง และเป็นจุดสุดท้ายที่ยานพาหนะเข้าถึงได้ บริเวณนี้จะเป็นจุดที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ด้วยความที่พื้นที่อยู่ในบริเวณช่องเขา ทำให้มีสายลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ช่องเย็นจึงเป็นจุดกางเต็นท์อีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันในวันหยุด ซึ่งนอกจากจะมารับอากาศเย็นแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงาม และยังเป็นแหล่งดูนกนานาชนิดอีกด้วย
ภาพจาก : Tanasara / Shutterstock.com
5. เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
อำเภอที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในจังหวัดเพชรบูรณ์ เดิมพื้นที่นี้มีต้นค้อ (ไม้ตระกูลปาล์ม) ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ได้ชื่อนี้มาโดยปริยาย ภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นสบายตลอดปีแม้ในฤดูร้อน และค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว รวมทั้งมีทัศนียภาพสวยงาม เป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ และมีจุดท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งน้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมวิว ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ เช่น อนุสาวรีย์จีนฮ่อ พิพิธภัณฑ์อาวุธ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ นอกจากนี้ยังมีพระบรมธาตุเจดีย์ และพระตำหนักเขาค้อ สถานที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกด้วย
6. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
สายแอดเวนเจอร์ทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม เพราะฤดูกาลล่องแก่งลำน้ำเข็กกำลังจะมาถึงอีกแล้ว โดยสายน้ำนี้เป็นลำน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลผ่านอำเภอวังทอง ทอดยาวขนานไปกับเส้นทางหลวงหมายเลข 12 (สายพิษณุโลก-หล่มสัก) เป็นเส้นทางการล่องแก่งที่เหมาะสำหรับนักผจญภัยมือใหม่ ไม่ต้องเดินเท้าเข้าป่า ไม่ต้องแบกหามเรือยาง ไม่ต้องเตรียมเสบียงแต่อย่างใด จุดเริ่มต้นจะอยู่บริเวณท่าข้าม ซึ่งขับรถไปถึงได้ง่าย ๆ มีระยะทางล่องแก่งประมาณ 8 กิโลเมตร ผ่านแก่งต่าง ๆ ถึง 8 แก่ง ซึ่งแต่ละแก่งมีระยะให้พักและเตรียมตัวก่อนลงแก่งต่อไป จึงทำให้ล่องไปได้แบบไม่เหนื่อยมาก แต่ได้ความสนุกแบบเต็มเปี่ยม
ภาพจาก : propae / Shutterstock.com
7. ชิมทุเรียน หลง หลิน ลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
พาไปเที่ยวเมืองลับแล ตามตำนานเชื่อว่าเป็นเมืองแม่หม้าย เมืองที่เข้ามาแล้วหาทางออกไม่ได้ เมืองที่คนไม่พูดโกหก และเมืองแห่งทุเรียน หลงลับแล และหลินลับแล สายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับการค้นพบและพัฒนาสายพันธุ์จากชาวบ้านเมืองลับแล และได้รับการยอมรับว่ามีรสชาติอร่อยและหากินได้ยาก เพราะมีเพียงเมืองลับแลเท่านั้นที่สามารถปลูกได้ เนื่องจากสวนทุเรียนเมืองลับแลนั้นมีทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่บนภูเขา ซึ่งชาวบ้านเดินทางเข้าไปดูแลได้ยาก จึงต้องปล่อยให้ทุเรียนเติบโตเองตามธรรมชาติ เอกลักษณ์ของทุเรียนเมืองลับแลทั้ง 2 สายพันธุ์คือ ผลขนาดเล็กและค่อนข้างกลม เนื้อเนียนละเอียด สีเหลืองชัดเจน มีกลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นหวานมัน และจะออกผลให้ได้ชิมกันในช่วงเดือนพฤษภาคมถึง สิงหาคมของทุกปี
8. ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
ความงามของดอกกระเจียวสีชมพูกำลังจะเบ่งบานปกคลุมผืนป่าอีกครั้ง ที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ โดยปกติแล้วดอกกระเจียวจะเริ่มบานชูช่อในช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และจะบานเต็มที่ประมาณต้นถึงกลางเดือนกรกฎาคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้ทางอุทยานแห่งชาติไทรทองได้อัปเดตว่า ตอนนี้ดอกกระเจียวเริ่มทะยอยชูช่อแล้ว คาดว่าปลายเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม คงจะบานกันเต็มทุ่งบัวสวรรค์อย่างแน่นอน
9. เทศกาลผีตาโขน จังหวัดเลย
งานประเพณีประจำปีของชาวอำเภอด่านซ้าย ซึ่งจะจัดขึ้นหลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดเลย โดยเป็นการนำโดยนำงานบุญหลวง หรือ บุญผะเหวด งานบุญบั้งไฟ งานบุญซำฮะ (สะเดาะเคราะห์บ้านเมือง) และการละเล่นผีตาโขนมารวมเป็นงานเดียวกัน เพื่อเป็นการบูชาอารักษ์หลักเมือง และพิธีการบวงสรวงดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ และสำหรับใน ปี 2568 นี้ มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28-30 มิถุนายน 2568 และวันที่ 29 มิถุนายน 2568 จะเป็นวันแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง หรือ ขบวนแห่ผีตาโขน นั่นเอง
ภาพจาก : gobalink / Shutterstock.com
10. อุทยานแห่งชาติขุนแจ จังหวัดเชียงราย
หน้าฝนคือช่วงเวลาที่ธรรมชาติฟื้นตัวและสวยที่สุด ซึ่งอุทยานแห่งชาติขุนแจ เป็นจุดหมายที่ยังคงความเงียบสงบและอุดมสมบูรณ์มาก ๆ ที่นี่มีทั้งเส้นทางเดินป่า น้ำตก และจุดชมวิวที่มองเห็นทะเลหมอกและผืนป่าเขียวขจีแบบ 360 องศา ไฮไลต์คือ น้ำตกขุนแจ น้ำตกที่มีความสวยงามและมีความโดดเด่น ประกอบด้วยน้ำตก 6 ชั้น ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายนจะมีน้ำใสเย็นและไหลแรง และอีกหนึ่งจุดเด่นของอุทยานแห่งนี้คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ป่า หญ้าเขียวขจี และกลิ่นอายของความเงียบสงบ เหมาะกับสายรักธรรมชาติที่อยากชาร์จพลังในบรรยากาศสงบ ๆ ท่ามกลางภูเขาและหมอกบาง ๆ ที่เริ่มปกคลุมในยามเช้า
11. วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
ที่เที่ยวที่เหมาะมากกับเดือนมิถุนายน เพราะบรรยากาศรอบ ๆ เขียวชอุ่มสุด ๆ จากฝนที่เพิ่งเริ่มตกใหม่ ๆ แถมอากาศก็กำลังดี ไม่ร้อนจัด ไม่หนาวเกิน ตัววัดตั้งอยู่ใกล้ดอยอินทนนท์เลย คือไปเที่ยวธรรมชาติแล้วแวะมาสักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำปีชวดได้ในทริปเดียว ภายในวัดสวยแบบล้านนาแท้ ๆ มีพระเจดีย์สีทองโดดเด่น บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการมานั่งพักใจ เติมพลังแบบเบา ๆ ก่อนจะลุยเที่ยวต่อในตัวเมืองเชียงใหม่ก็ได้
12. เกาะแรต จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะเล็ก ๆ ในอำเภอดอนสัก อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 60 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ 1 กิโลเมตร บนเกาะเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงประมาณ 90 ครัวเรือน ภายหลังมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนมาเป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวิถีชาวเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เงียบสงบ นอกจากนี้ บนเกาะก็มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีทัศนียภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น สะพานเฉลิมสิริราช ศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าแม่ทับทิม และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติริมทะเล
13. จุดชมวิวทะเลหมอกเขาศูนย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ตั้งอยู่ในตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง มีความสูง 510 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เดิมบริเวณพื้นที่ป่านี้จะมีการปลูกต้นยางพาราแทรกอยู่โดยทั่วไปจนถึงยอดเขา บางส่วนเป็นพื้นที่ปลูกไม้ผล และมีเขาบริวารอีกสามลูก คือ เนินลูกกรอก ควนไฟไหม้ และเขาขวาง บนยอดเขาศูนย์เป็นที่ตั้งของสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรคมนาคม อีกทั้งยังเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า มีลานกางเต็นท์และอุปกรณ์เต็นท์ให้เช่า รวมถึงมีร้านค้าและห้องน้ำให้บริการด้วย
ภาพจาก : ThewayIsee / Shutterstock.com
14. เกาะพยาม จังหวัดระนอง
ลงใต้ไปเที่ยวแบบ Low Season กันที่ เกาะพยาม มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะขนาดใหญ่ทางฝั่งทะเลอันดามันที่เดินทางได้ทั้งปี ไม่มีมรสุม แต่มีโอกาสเจอฝนบ้างตามฤดูกาล ซึ่งก็ไม่ต้องกลัวไป เพราะนอกจากทะเลสวย ๆ แล้ว เกาะพยามถือเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความเป็นธรรมชาติสูง อุดมสมบูรณ์ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เต็มไปด้วยความเงียบสงบ และมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น อ่าวแม่หม้าย อ่าวกวางปีป อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย วัดเกาะพยาม ที่มีไฮไลต์คือ โบสถ์กลางทะเล ที่สามารถเดินจากท่าเรือไปนั่นเอง
ภาพจาก : shutter_o / Shutterstock.com
15. ล่องแก่งสองแพรก จังหวัดพังงา
เปิดประสบการณ์สุดมันส์ ไปกับการล่องแก่งสองแพรก ซึ่งเป็นชื่อของแม่น้ำใหญ่ที่ไหลจากเทือกเขาพังงา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต ไหลผ่านป่าดิบร้อนสมบูรณ์ ในสายธารของแม่น้ำสองแพรก เต็มไปด้วยแร่ดีบุก มองเห็นร่องรอยของการทำเหมืองเก่า ริมฝั่งแม่น้ำรายล้อมไปด้วยป่าสมบูรณ์ บรรยากาศสดชื่น เรียงรายด้วยแนวหิน สวยงามตามธรรมชาติ แถมความสนุกยังไม่หมดแค่นั้น เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมขี่ช้าง ขับรถ ATV โหนสลิง Zipline ให้ได้ไปลุยกันอีกด้วย ถูกใจสายแอดเวนเจอร์อย่างแน่นอน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ล่องแก่งสองแพรกพังงา
หน้าฝนแบบนี้อย่าเพิ่งหมดใจว่าจะไม่มีที่เที่ยว เพราะเดือนมิถุนายนก็เที่ยวได้สวยไม่แพ้ฤดูไหน ไม่ว่าจะเป็นภูเขาเขียวชอุ่ม น้ำตกไหลแรง หรือวัดสวย ๆ ท่ามกลางสายหมอก บอกเลยว่าเที่ยวหน้าฝนมีเสน่ห์เฉพาะตัวสุด ๆ แถมคนไม่เยอะ อากาศก็ดี ใครกำลังมองหาที่เที่ยวเดือนมิถุนายน ลองเปิดใจแล้วออกเดินทางไปชาร์จแบตกันดูนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวหน้าฝน อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊ก องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ Mae Wong National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาค้อ -Khao Kho National Park, เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานพิษณุโลก : TAT Phitsanulok Office, เฟซบุ๊ก ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติไทรทอง Sai Thong National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม Pa Hin Ngam National Park, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานเลย : TAT Loei Office, kohraet.com, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช : TAT Nakhon Si Thammarat Office, องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพยาม, เฟซบุ๊ก ล่องแก่งสองแพรกพังงา, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติขุนแจ - Khun Chae National Park, เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร (WatChomthong AjarnTong)