
ช่วงหน้าฝนเที่ยวไหนดี อยากหาที่เที่ยวสวย ๆ ไปสูดกลิ่นฝน ต้องไปยลที่เที่ยวหน้าฝน ใกล้กรุงเทพฯ เหล่านี้ เดินทางไม่ไกล ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะพาใครไปเที่ยวก็ต้องประทับใจ
สำหรับใครที่อยากออกไปสูดกลิ่นดินกลิ่นฝนในช่วงหน้าฝนนี้ แต่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหนดี วันนี้เรามีที่เที่ยวหน้าฝนใกล้กรุงเทพฯ เด็ด ๆ มาฝากกันค่ะ เป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่เหมาะแก่การไปเที่ยวชมในหน้าฝน บรรยากาศชิลเว่อร์ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน จะมีที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย
สำหรับใครที่อยากออกไปสูดกลิ่นดินกลิ่นฝนในช่วงหน้าฝนนี้ แต่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหนดี วันนี้เรามีที่เที่ยวหน้าฝนใกล้กรุงเทพฯ เด็ด ๆ มาฝากกันค่ะ เป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่เหมาะแก่การไปเที่ยวชมในหน้าฝน บรรยากาศชิลเว่อร์ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน จะมีที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย



คุ้มวิมานดิน แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตเครื่องปั้นดินเผา ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในคุ้มวิมานดินจะเต็มไปด้วยสวนสีเขียวสุดร่มรื่น มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความรู้สึกที่สดชื่น นักท่องเที่ยวจะได้ชมการผลิตเครื่องปั้นดินเผาในสไตล์สุดน่ารัก และได้เลือกซื้อสินค้ากลับบ้านอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังจะได้ชมสวนสวย ๆ ชมบ้านดิน จิบกาแฟสุดอร่อย เป็นการพักผ่อนสบาย ๆ ในวันหยุดที่ดีทีเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ koomwimarndin.com
2. บ้านโป่ง ชมศิลปะสตรีทอาร์ต จังหวัดราชบุรี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร่มเกล้า ใจทัศน์กุล

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร่มเกล้า ใจทัศน์กุล
บ้านโป่ง อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตชุมชนสุดเรียบง่าย มีร้านอาหารเก่าแก่สุดอร่อยให้ได้ลิ้มลองมากมาย นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาเดินเที่ยวชมบ้านเรือนเก่าแก่แล้ว ก็ยังมีงานสตรีทอาร์ตสุดเก๋ ซึ่งเป็นผลงานของลูกหลานชาวบ้านโป่ง ให้ได้เดินถ่ายรูปแบบชิค ๆ กันอีกด้วย โดยภาพวาดสตรีทอาร์ตจะปรากฏอยู่บนกำแพงบ้านและอาคารเก่าในเมืองบ้านโป่ง สายฝนปรอย ๆ อากาศเย็นสบาย ก็เตรียมรองเท้าผ้าใบมาเดินลุยกันได้เลย
3. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี หรือที่เรียกสั้น ๆ กันว่า "เจ็ดคด" สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยังคงบริสุทธิ์ ใช้เวลาเดินทางไม่นานจากกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวก็จะได้เจอทั้งน้ำตก ป่าเขา ลำธาร หรือหากอยากใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเดิม ที่นี่ก็มีลานกางเต็นท์โล่ง ๆ มองไปข้างหน้าจะเห็นเป็นบึงขนาดใหญ่ และเป็นเงาของต้นไม้สะท้อนอยู่ในบึง ดูสวยงามแปลกตา เป็นสถานที่พักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองได้เป็นอย่างดี
4. สะพานไม้ภูกระเหรี่ยง จังหวัดนครนายก

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ภูกะเหรี่ยง
อากาศกำลังเย็นสบาย ท้องนาเริ่มเป็นสีเขียวแบบนี้ อยากชวนไปเดินชมทุ่งนาที่นครนายกกันค่ะ เราจะไม่เดินบนคันนาดินนะคะ เพราะเขามีสะพานไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทอดน่องชมวิวสบาย ๆ โดยสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า สะพานภูกระเหรี่ยง ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านคีรีวัน ตำบลศรีนาวา อำเภอเมืองนครนายก ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาเดินเล่นถ่ายรูปแบบชิค ๆ กันแล้ว ก็ยังสามารถที่จะเข้าไปเที่ยวชมวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของชาวบ้าน พร้อมทั้งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านได้อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ภูกะเหรี่ยง
5. เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก

ฝนตกปรอย ๆ แบบนี้ก็ต้องไปหาแหล่งสูดอากาศบริสุทธิ์และชมวิวสวย ๆ ของป่าเขากันสักหน่อย ซึ่งเขื่อนขุนด่านปราการชลก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการไปเที่ยวธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่ดีทีเดียวค่ะ ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายและชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาจากบริเวณจุดชมวิวของเขื่อนแล้ว ก็ยังจะมีบริการพานั่งเรือเที่ยวชมรอบ ๆ เขื่อนอีกด้วย
6. ล่องแก่งแม่น้ำนครนายก จังหวัดนครนายก

ภาพจาก 895Studio / Shutterstock.com
การล่องแก่งกับหน้าฝน เป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กันค่ะ ซึ่งแม่น้ำนครนายกก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ล่องแก่งที่น่าไปเที่ยวมาก ๆ เพราะระดับความแรงของสายน้ำจะอยู่แค่ที่ประมาณ 1-3 เท่านั้น สามารถเล่นกันได้ทุกเพศทุกวัย โดยจุดเริ่มต้นส่วนใหญ่จะลงเรือกันที่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน แล้วไหลไปตามลำน้ำ ใช้เวลาล่องแก่ประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก โทรศัพท์ 0 3731 2282 หรือเว็บไซต์ tat8.com
7. สะพานลูกบวบ จังหวัดชัยนาท


สะพานลูกบวบ ตั้งอยู่ที่ตำบลหันคา อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ห้ามพลาดอีกหนึ่งแห่ง สะพานแห่งนี้เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะเมืองเท้าอยู่ทองที่อยู่ในบึงกระจับใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถที่จะขี่จักรยานหรือเดินท่องเที่ยวบนสะพานลูกบวบได้ หรือจะนั่งเรือชมบัวสวย ๆ ที่อยู่ในบึงกระจับใหญ่ก็ได้เช่นกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี (รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชัยนาทด้วย) โทรศัพท์ 0 3553 5789
8. ดูผีเสื้อ แคมป์บ้านกร่าง แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี


พอเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ผีเสื้อป่านานาชนิดก็จะพากันออกมาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวขุนเขาได้ชมได้ชมกัน โดยเฉพาะที่บริเวณแคมป์บ้านกร่าง ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จะมีผีเสื้อนับร้อยสายพันธุ์ พากันออกมาหากินและบินว่อนไปทั่วป่า โดยจะมีเทศกาลดูผีเสื้อ แคมป์บ้านกร่าง แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทรศัพท์ 0 3277 2311
9. โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี


10. ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค จังหวัดชลบุรี

ภาพจาก MiniStocker / Shutterstock.com
ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ตั้งอยู่ที่อำเภอนาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตอย่างพัทยา ที่นี่เป็นไร่องุ่นเพื่อการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ด้านในมีทัศนียภาพที่สวยงามของทั้งไร่องุ่นและภูเขาสีเขียวขจี ให้ความรู้สึกคล้ายกับไร่องุ่นในยุโรปเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็มักจะมีเทศกาลดนตรีจัดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ใครที่อยากไปฟังเพลงแบบชิล ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ หรือไปนั่งทานอาหารกับครอบครัวเคล้าบรรยากาศสบาย ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ silverlakevineyard.com, Silverlake - Pattaya, Thailand
11. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน จังหวัดชลบุรี

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่น่าไปเที่ยวชมในช่วงวันหยุด ภายในพื้นที่แห่งนี้จะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นสะพานไม้ทอดยาวลัดเลาะไปตามป่าชายเลน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างเพลิดเพลินและยังได้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนกลับบ้านอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3839 8268-9, 08 5101 5488
12. สวนรุกขชาติบ้านเพ จังหวัดระยอง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อบต.แกลง
สวนรุกขชาติบ้านเพ ตั้งอยู่ในบริเวณชายหาดสวนสน อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ต่าง ๆ อาทิ ยางนา, ตะเคียนทอง, กระทิง, เสม็ด, พะยอม, เหียง, มะค่าแต้, เท้ายายม่อม และดองดึง เป็นต้น อีกทั้งยังมีถนนอุโมงค์ต้นสนที่ทอดยาวอยู่เรียบริมชายหาด ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเดินเล่น ถ่ายภาพสวย ๆ รวมทั้งยังสามารถที่จะนั่งเล่นรับลมบริเวณชายหาดได้แบบชิล ๆ เที่ยวพักผ่อนกันได้ทั้งครอบครัวจริง ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3865 3022
13. บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสุพรรณบุรี

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ที่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นศูนย์ศึกษาและรวบรวมพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีอาคารพิพิธภัณฑ์สุดตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเที่ยวชม อีกทั้งยังมีสวนผักและผลไม้พื้นบ้านกว่า 500 ชนิด จัดแสดงให้ความรู้แก่นักเรียน/นักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป บรรยากาศโดยรอบของที่นี่จึงร่มรื่น อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวพักผ่อน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0 3553 5789
14. ดาษดาแกลเลอรี่ จังหวัดปราจีนบุรี

ภาพจาก jack_photo / Shutterstock.com
ดาษดาแกลเลอรี่ ตั้งอยู่ที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่มีบรรยากาศสวยงามสุด ๆ ด้วยมีขุนเขาแห่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โอบล้อมอยู่ด้านหลังของดาษดาแกลเลอรี่ ซึ่งในทุก ๆ ปีก็จะมีการจัดแสดงงานดอกไม้ตามธีมต่าง ๆ อย่างสวยงาม นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะมานอนพักผ่อน ปั่นจักรยาน พายเรือในทะเลสาบ กินไอศกรีมดอกไม้ หรือจะร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อปจัดดอกไม้ก็ได้เช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ dasada-happiness.com
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถเที่ยวชมแบบสวย ๆ ในช่วงหน้าฝน ยังมีที่เที่ยวอีกหลากหลายแบบให้เราได้ไปพักผ่อนกับคนพิเศษกัน ใครว่างเมื่อไร ก็จัดกันไปเลยค่ะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
koomwimarndin.com, เฟซบุ๊ก ภูกะเหรี่ยง, rid.go.th, tat8.com, chaipat.or.th, chonburi.go.th, dnp.go.th, tatsuphan.net