มีวันว่างหรือวันหยุดหลายวันแต่ไม่รู้จะไปท่องเที่ยวที่ไหนดี … ใครเคยเป็นแบบนี้ยกมือขึ้น ? วันนี้เราขออาสาเป็นไกด์พาไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน จากสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วไทย ซึ่งแต่ละที่บอกเลยว่าสวยและน่าไปเที่ยวพักผ่อนมาก ๆ อีกทั้งยังไปเยือนได้ตลอดทั้งปี จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย
เมืองท้ายสุดในดินแดนทางตะวันออกของไทย สำหรับ “จังหวัดตราด” อุดมสมบูรณ์และครบถ้วนไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม อยากเที่ยวทะเลก็ได้ ภูเขาก็มี จะเที่ยวชุมชน วัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดีงาม มาจังหวัดเดียวเที่ยวได้ครบทุกรูปแบบ แต่สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวตราดแต่ไม่รู้จะไปไหนดี เรามีโปรแกรมท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน มาแนะนำกัน
วันที่ 1 : เริ่มทริปด้วยการไปสักการะ “ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด” ตั้งอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองตราด เป็นศาลหลักเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ต่อด้วย “วัดบุปผาราม” (วัดปลายคลอง) วัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ที่บ้านปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2191) จากนั้นไปชมอันซีนไทยแลนด์จากแคมเปญ 25 UNSEEN New Series นั่นก็คือ “พระจมน้ำ” หรือพระพุทธสิริภูวดลมงคลชัย เป็นพระพุทธรูปสูงกว่า 5 เมตร ที่จมอยู่ในน้ำกลางอ่างเก็บน้ำเขาระกำ
ปิดท้ายวันแรกด้วยการไปชม “จุดชมวิวแหลมงอบ” ที่มีสัญลักษณ์สำคัญอย่างประภาคารสูงตั้งโดดเด่น และป้ายสุดแผ่นดินตะวันออกให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เดินทางต่อไปอีกนิดเพื่อพักค้างคืนกันบริเวณ “อ่าวตาลคู่” ตั้งอยู่บริเวณตำบลบางปิด อำเภอแหลมงอบ บรรยากาศเงียบสงบ มีทิวต้นมะพร้าวให้ความร่มรื่นตลอดแนวชายหาด เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำเพลิน ๆ
ทั้งนี้ หากอยากไปดำน้ำ เมื่อไปถึงเกาะช้างในช่วงเช้า สามารถซื้อแพ็กเกจเที่ยววันเดย์ทริป ไปดำน้ำตามเกาะต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบ ซึ่งสามารถซื้อแพ็กเกจได้จากรีสอร์ตที่พัก หรือไปที่หมู่บ้านประมงบางเบ้า หมู่บ้านชาวประมงที่บ้านพักอาศัยปลูกโดยการปักเสาลงในทะเล มีสะพานเชื่อมติดต่อถึงกันตลอดแนว ที่นี่เป็นจุดที่อยู่ปลายเกาะช้าง และเป็นจุดขึ้นเรือไปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะขาม เกาะหมาก เกาะรัง เกาะเหลายา ฯลฯ โดยมีโปรแกรมแพ็กเกจทัวร์ให้เลือกมากมาย และปิดท้ายวันด้วยการหาร้านอาหารวิวสวย ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ
วันที่ 3 : ก่อนเดินทางกลับเช็กอินคาเฟ่บนเกาะช้างสัก 1 ร้าน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือรอคิวข้ามเรือขึ้นฝั่ง เพื่อไปเยือน “บ้านท่าระแนะ” ที่ตั้งอยู่ในตำบลหนองคันทรง อำเภอเมืองตราด แหล่งท่องเที่ยวชุมชนดีเด่นที่น่าสนใจ หมู่บ้านแห่งนี้ดำเนินชีวิตอยู่กับป่าชายเลนและท้องทะเลได้อย่างดีเยี่ยม สามารถล่องเรือชมลานตะบูน มีรากตะบูนอันคดเคี้ยวสวยงามโผล่ขึ้นมายามน้ำลด ก่อนกลับบ้านล่องเรือคลองขอน สัมผัสบรรยากาศคล้ายกับป่าดึกดำบรรพ์อันงดงาม เป็นอันจบทริปเที่ยวตราดแบบประทับใจ เต็มอิ่มทั้งประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน และท้องทะเล
เที่ยวอุทัยธานี 3 วัน 2 คืน
อุทัยธานี จังหวัดขนาดกะทัดรัดที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมาย ลองหาเวลาว่างไปทำความรู้จักและปรับจังหวะชีวิตให้ช้าลงกับจังหวัดสงบแห่งนี้ ลองมาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด ชมความสวยงามของพุทธศิลป์ และเฝ้ามองวิถีชีวิตของผู้คนที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรี
วันที่ 1 : เริ่มต้นทริปด้วยการไปไหว้พระที่ “วัดจันทาราม” (วัดท่าซุง) วัดเก่าแก่ที่มีอาคารสวยงามวิจิตรตระการตา จากนั้นไปเยือน “วัดอุโปสถาราม” วัดสวยริมแม่น้ำสะแกกรัง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปิดท้ายวันด้วยการเดินขึ้นบันได 499 ขั้น ไปสักการะหลวงพ่อพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ณ “วัดสังกัสรัตนคีรี” (วัดเขาสะแกกรัง) และชมวิวมุมสูงเมืองอุทัยธานี นอนค้างในเมืองสักคืน
วันที่ 2 : เช้าของวันชักชวนให้ไปเดินเล่นที่ “ตลาดริมน้ำสะแกกรัง” สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่น พร้อมกับลิ้มรสอาหารเช้าอร่อย ๆ จากนั้นมุ่งหน้าไปเยือน “หุบป่าตาด” ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่พลาดไม่ได้เลย เป็นเขาหินปูนที่มีขนาดเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ รายล้อมไปด้วยป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นตาด พืชตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่พบมากในบริเวณหุบเขาหินปูนแห่งนี้ และไม้แปลกตาหายากหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ ราวกับเดินทางย้อนกาลเวลาสู่ยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากพรรณไม้แปลกตาหายากแล้ว ที่โดดเด่นที่สุดคือ "กิ้งกือมังกรสีชมพู" สีสันฉูดฉาดงามตา สายพันธุ์ใหม่ของโลก
วันที่ 3 : ก่อนกลับบ้านแวะไป “วัดถ้ำเขาวง” วัดสวยที่ตั้งอยู่ติดกับเชิงเขาในเขตวนอุทยานถ้ำเขาวง ไฮไลต์ที่สำคัญคืออาคารเรือนไทย ที่อยู่ติดกับภูเขาสูงใหญ่ มีลักษณะเป็นเรือนไม้ 4 ชั้น สร้างด้วยไม้สักและไม้มะค่า สีน้ำตาลเข้มตัดกับป่าเขาสีเขียวโดดเด่น ประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ ด้านหน้าเป็นสระน้ำกว้าง มีทั้งสวนไม้ดอกไม้ประดับ และสะพานที่ทอดข้ามสระน้ำ จากนั้นไปต่อที่ “วนอุทยานถ้ำเขาวง” อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามของอำเภอบ้านไร่ เต็มไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ต้นไม้นานาพรรณ อีกทั้งยังมีถ้ำที่มีอายุเก่าแก่หลายพันปี โดยเฉพาะถ้ำพุหวายที่มีหินงอกหินย้อยสุดอลังการ
เที่ยวสุโขทัย 3 วัน 2 คืน
สุโขทัย อาณาจักรเก่าแก่ร่วม 700 ปี ที่เป็นราชธานีแห่งแรกของชาติไทย จึงมีร่องรอยแห่งอารยธรรมทางสังคม งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า หลงเหลืออยู่อย่างครบถ้วน จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกสร้างความสุขและความภาคภูมิให้กับชาวไทยไม่ใช่น้อย การได้ไปท่องเที่ยวสุโขทัยจึงเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ไม่ควรพลาด
วันที่ 1 : ไปย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานกันที่ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” ตั้งอยู่ในบริเวณตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง ภายในประกอบไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม กำแพงเมืองเก่า และร่องรอยของพระราชวัง จุดที่น่าสนใจ เช่น วัดมหาธาตุ, วัดศรีชุม, วัดชนะสงคราม, วัดช้างล้อม, กำแพงเมือง, วัดช้างรอบ, วัดศรีสวาย, วัดตระพังเงิน, วัดสระศรี, วัดตระพังทองหลาง, เนินปราสาทพระร่วง, วัดพระพายหลวง และทำนบพระร่วง เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถปั่นรถจักรยานชมบริเวณโดยรอบได้ หรือจะนั่งรถรางก็ได้ มีออร์ดิโอทัวร์ด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องฟังแนะนำสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในบริเวณอุทยาน มี 3 ภาษา เช่าได้บริเวณศูนย์บริการท่องเที่ยวของอุทยาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยนอนค้างในเมืองสักคืน
วันที่ 2 : เช้าตรู่มุ่งหน้าไปอำเภอศรีสัชนาลัย เพื่อไปนอนโฮมสเตย์ที่ “บ้านนาต้นจั่น” ชุมชนเล็ก ๆ สุดเงียบสงบในตำบลบ้านตึก โดดเด่นด้วยสภาพแวดล้อมของท้องไร่ท้องนา ชาวบ้านใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ซึ่งชาวบ้านจะจัดเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่มีทั้งอาหารพื้นเมืองสุดอร่อยให้ลิ้มลอง พาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ พาไปขี่จักรยานชมทุ่งนากว้างใหญ่ ชมการทำผ้าหมักโคลน การทำตุ๊กตาบาร์โหน ได้ชาร์จพลังอย่างเต็มที่จากธรรมชาติแน่นอน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย
วันที่ 3 : ก่อนจากลาสุโขทัย ออกจากบ้านนาต้นจั่นแล้วแนะนำให้ไปสัมผัสเมือง “สวรรคโลก” ใครที่ชอบเมืองเก่า ๆ แนวฮิปสเตอร์ ที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ เพียบ ที่แรกที่อยากแนะนำคือ สถานีรถไฟสวรรคโลก มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปี แล้วก็เดินมาถ่ายรูปเล่นกันที่ตลาดเก่าสวรรคโลก มีบ้านเรือนแถวไม้ให้ได้ถ่ายรูปหลากหลายมุม จากนั้นก็ไปเช็กอินกันที่สถานีตำรวจสวรรคโลกหลังเก่า อาคารทรงปั้นหยาและทรงจั่วที่มุขด้านหน้าสุดงดงาม แล้วค่อยปิดท้ายกันด้วยร้านบะหมี่เม้งเจ้าเก่า ร้านบะหมี่ที่ทำเส้นและเกี๊ยวเองมายาวนานมากกว่า 100 ปี
- ที่เที่ยวสุโขทัย ไปพักร้อน เที่ยวชิล ๆ กันที่เมืองโบราณ
- จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม จ.สุโขทัย สัมผัสความสุขพร้อมลมหนาวแบบเต็ม ๆ
- 15 เรื่องน่ารู้เขาหลวง สุโขทัย พิชิตธรรมชาติสวย ได้ใจนักท่องเที่ยวสายลุย
- เที่ยวสุโขทัย ปั่นจักรยานชิล ๆ เส้นทางรอบนอกอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
- เที่ยวสุโขทัย 2 วัน 1 คืน สุขเล็ก ๆ แบบพอเพียงที่สวรรคโลก
- เที่ยวทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย ใน 1 วัน เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศทุ่งนา
เที่ยวแพร่ 3 วัน 2 คืน
แพร่ เป็นจังหวัดที่ใครหลายคนมองข้าม เพราะเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดสุดฮิตอื่น ๆ ในภาคเหนือ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมืองแพร่นี้มีความน่ารักไม่แพ้เมืองอื่น ๆ เลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ไปเยือนได้ตลอดทั้งปี แต่สิ่งที่ดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยือนสักครั้งก็คือความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยเสน่ห์หลากหลาย ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เงียบสงบ เราจึงมีโปรแกรมเที่ยวแพร่มาแนะนำกัน
วันที่ 1 : เริ่มต้นด้วยการสักการะ “พระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี” พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ ณ วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ต่อด้วย “ศาลหลักเมือง” ที่ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิม ย่านกลางเมือง ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นไปชมความงดงามของ “คุ้มเจ้าหลวง” หรือพิพิธภัณฑ์เมืองแพร่คุ้มเจ้าหลวง ที่อยู่ไม่ไกลกัน เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น มีรูปทรงขนมปังขิง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์และแม่เจ้าบัวไหล ส่วนใต้ถุนอาคารเคยใช้เป็นคุกกักขังนักโทษ ต่อด้วยไปเยือน “คุ้มวงศ์บุรี” บ้านแบบยุโรปประยุกต์สีชมพูอ่อน ทรงปั้นหยา 2 ชั้น เป็นบ้านของเจ้าพรหมเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ผู้สืบเชื้อสายมาจากอดีตเจ้าเมืองแพร่ และปิดวันด้วยการนั่งรถรางชมสถานที่ต่าง ๆ ภายในบริเวณเมืองแพร่ โดยขึ้นรถได้ที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ตรงข้ามโรงเรียนนารีรัตน์
วันที่ 2 : มุ่งหน้าไป “หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง” หมู่บ้านที่มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นชื่ออย่างผ้าม่อฮ่อม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ก่อนจะไปชมความอลังการของ “วนอุทยานแพะเมืองผี” ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้าน ๆ ปี แต่เมื่อน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เกิดเป็นรูปร่างแปลกสวยงาม แล้วไปค้างคืนกันที่ “บ้านนาตอง” ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ หมู่บ้านกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยป่าเขียว มีลำน้ำแม่ก๋อนไหลผ่าน บรรยากาศเงียบสงบ ที่นี่มีโฮมสเตย์ให้บริการ เช่น นาคานาตอง - Naka Natong Home, นาตองอิงดอยโฮมสเตย์ และ ลุงอ๊อด โฮมสเตย์ บ้านนาตอง เป็นต้น
ภายในหมู่บ้านมีสถานที่เที่ยว เช่น ถ้ำปู่ปันตาหมี เป็นแหล่งความรู้ทางโบราณคดี เนื่องจากขุดพบโครงกระดูกอายุหลายร้อยปี และของใช้ที่ทำจากหิน โดยได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านนาตอง, ถ้ำพระ อยู่ติดกับถ้ำปู่ปันตาหมี ภายในถ้ำประดิษฐานของพระพุทธรูป และมีโพรง 2 โพรง ที่สามารถผ่านออกไปได้ และยังเป็นแหล่งอาศัยของ “เต่าปูลู” ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว จะอาศัยอยู่ในเฉพาะพื้นที่ที่มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์และน้ำสะอาดเท่านั้น สอบถามข้อมูลได้ที่ ชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านนาตอง โทรศัพท์ 0-5452-9060-1
วันที่ 3 : ก่อนกลับไปไหว้พระ 3 พระธาตุ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวโยงต่อเนื่องกัน โดยเล่าว่า ครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ที่ดอยลูกหนึ่ง อยู่ทางทิศใต้ของดอยธชัคคะบรรพต ครั้นเสด็จมาถึงก็จวนแจ้งแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็คือ “พระธาตุจอมแจ้ง” หลังจากนั้นได้เสด็จมาทางทิศเหนือถึงธชัคคะบรรพตแล้วได้ประทับอยู่ที่นั่น ระหว่างนั้นมีขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้อุปัฎฐาก ได้มอบพระเกศาธาตุ นั่นก็คือ “พระธาตุช่อแฮ” ในปัจจุบัน ต่อจากนั้นได้เสด็จขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และประทับอยู่ดอยลูกหนึ่งที่สูงกว่าดอยลูกอื่นในเมืองโกศัย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับแลดู ที่ภาษาเหนือเรียกกันว่า “เล็งผ่อ” และนี่เองได้กลายเป็นที่มาของชื่อ “ดอยเล็ง” ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ภายในเมืองแพร่มีร้านอาหารอร่อยมากมาย เช่น ร้านขนมจีนป้าดา, ร้านข้าวซอยเจ๊เล็ก, เย็นตาโฟ ประตูชัย, ร้านปั๋นใจ๋, ร้านบ้านขนมเส้น (ร้านขนมเส้นเอ็น), ร้านขนมจีนยายป้อง, ร้านขนมเส้นดวงเนตร, ร้านสายลมจอย, ร้านกุ๊กชุนโภชนา, ครัวไม้เมือง (อาหารเหนือ ), ไอติมซาหริ่ม แต๋วรวมมิตร และขนมปังนมเย็น บ๊วยนมสด เป็นต้น ทางด้านคาเฟ่หรือร้านกาแฟก็น่าลิ้มลอง แต่ละร้านบรรยากาศดี เครื่องดื่มก็รสชาติโดนใจ ดูเพิ่มเติมได้ที่ 10 ร้านกาแฟแพร่ พักเบรกจากความวุ่นวาย แวะจิบกาแฟรสละมุน
เที่ยวนครพนม 3 วัน 2 คืน
จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ในเขตภาคอีสานตอนบน เป็นเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขงที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอดีตอาณาจักรอันเคยรุ่งเรืองนามว่าอาณาจักรศรีโคตรบูร (ศรีโคตรบอง) ในปัจจุบันนับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ที่งดงาม และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง และยังเป็นเมืองที่เหมาะอย่างยิ่งในการพักผ่อน พักใจ ลองไปดูว่าโปรแกรมเที่ยว 3 วัน 2 คืน มีอะไรบ้าง
วันที่ 1 : เริ่มต้นทริปด้วยการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครพนม ด้วยการตระเวนไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ได้แก่
1. พระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีวอก ว่ากันว่าจะมีความเจริญรุ่งเรือง
4. พระธาตุมหาชัย เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางวัน) ในเขตอำเภอปลาปาก อานิสงส์การนมัสการส่งให้ได้ประสบชัยชนะ ให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์
5. พระธาตุมรุกขนคร เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) ในเขตอำเภอธาตุพนม พระธาตุบริวารที่มีอายุน้อยที่สุด แต่ ณ จุดที่สร้างวัดนั้นมีอายุและความเป็นมาที่ยาวนานกว่าร้อยปี
6. พระธาตุประสิทธิ์ เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ในเขตอำเภอนาหว้า อานิสงส์ของการนมัสการส่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการงานก้าวหน้าสมดังประสงค์
7. พระธาตุท่าอุเทน เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์ การนมัสการมีอานิสงส์ให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ
8. พระธาตุนคร เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ ประดิษฐานอยู่ภายในวัดมหาธาตุ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์เสริมบารมีและมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน
หากใครไหว้เฉพาะพระธาตุประจำวันเกิดเสร็จเรียบร้อย เราขอแนะนำให้ไป “วัดโอกาส” (ศรีบัวบาน) เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐาน “พระติ้ว” และ “พระเทียม” พระพุทธรูปแฝดอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวนครพนมมาแต่โบราณ ก่อนจะไปสักการะ “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” รูปปั้นพญานาคขดหาง มี 7 เศียร พ่นน้ำได้ หล่อด้วยทองเหลือง ทุกวันในเวลาพลบค่ำจะมีการเปิดไฟประดับรอบองค์พญาศรีสัตตนาคราช และบริเวณใกล้กันคือลานพนมนาคา ลานกว้างโล่งเหมาะกับการชมทัศนียภาพของแม่น้ำโขงยามค่ำคืน
วันที่ 2 : เที่ยวเวียดนามในนครพนม เริ่มต้นวันด้วยการกินอาหารเช้าสไตล์เวียดนาม เช่น ร้านพรเทพอาหารเช้า ร้านอาหารที่เปิดมายาวนานหลายสิบปี มีเมนูให้เลือกทั้งโจ๊ก ไข่กระทะ ขนมปังยัดไส้ (ข้าวจี่) ต้มเส้น ขนมจีน (บี่บุ๋น), รสเลิศไข่กระทะ นครพนม อีกหนึ่งร้านอาหารเช้าที่ไม่อยากให้พลาด โดยเฉพาะใครที่ชอบเมนูไข่กระทะและข้าวจี่ (ขนมปังยัดไส้) สูตรเฉพาะของทางร้าน และร้านข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ เนื้อแป้งที่นุ่ม ไม่หนาจนเกินไป สอดไส้ต่าง ๆ แบบจัดเต็ม อิ่มแล้วชวนขยับขาไปชม “หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์” ตั้งอยู่บริเวณถนนสุนทรวิจิตร ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เมื่อ พ.ศ. 2503 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนม ที่ได้ให้ที่พักพิงในสมัยสงครามอินโดจีน เมื่อคราวย้ายกลับปิตุภูมิประเทศเวียดนาม
ต่อด้วยไปเยือน “อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับเวียดนาม ภายในบริเวณอนุสรณ์สถานได้จัดสร้างอาคารสถาปัตยกรรมเวียดนามและไทยได้อย่างลงตัว มีรูปเหมือนประธานาธิบดีโฮจิมินห์ อาคารพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมภาพและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของเส้นทางการต่อสู้กอบกู้ชาติของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ รวมถึงการก่อสร้างหุ่นขี้ผึ้งจำลองสภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ที่เคยพำนักในพื้นที่บ้านนาจอกเมื่อในอดีต หรือใครอยากสวมชุดอ๋าวหย่ายถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็มีให้บริการด้วย
ใกล้ ๆ กันเป็น “บ้านลุงโฮจิมินห์” สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้ โฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้เข้ามาอาศัยเพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนาม เป็นบ้านสวนแบบโบราณ ชั้นเดียว มีเพียงเตียงไม้ ชั้นวางของ โต๊ะ เก้าอี้ยาว มีเสื้อผ้าวางบนชั้น ห้องกลางมีโต๊ะ เก้าอี้ยาว และมีข้อมูล เรื่องราว เกี่ยวข้องกับประวัติที่สำคัญของท่านอยู่
ก่อนจะวกกลับเข้าเมืองไปถ่ายรูปเล่นบริเวณ “อุโมงค์นาคราช” เส้นทางจักรยานริมแม่น้ำโขง ตั้งแต่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) ไปจนถึงบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และรอเวลานั่ง “เรือสำราญแม่โขงพาราไดซ์ครูซ” สัมผัสลมหนาวกลางแม่น้ำโขง ที่เปิดบริการทุกวัน (หยุดวันจันทร์) เรือออกวันละ 1 รอบ เวลา 17.30 น. (ล่อง 2 ชั่วโมง) ค่าล่องเรือคนละ 200 บาท ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่ม โดยบนเรือมีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เรือสำราญแม่โขงพาราไดซ์ครูซ
ทั้งนี้ หากไปตรงกับวันศุกร์-อาทิตย์ ไม่ควรพลาดไปสัมผัส "ถนนคนเดินเมืองนครพนม" บริเวณถนนชยางกูร อำเภอเมืองนครพนม เปิดเวลา 17.00-22.00 น. มีร้านอาหารที่แวดล้อมด้วยตึกไม้โบราณ มีอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวจี่ อาหารเวียดนาม เป็นต้น พร้อมกับเดินชมสินค้าพื้นเมืองน่ารัก ๆ
วันที่ 3 : สัมผัสวิถีชีวิตยามเช้าริมโขง จิบกาแฟตามคาเฟ่นครพนมสวย ๆ บรรยากาศดี มีกาแฟเข้ม ขนมอร่อย บางร้านก็พร้อมเสิร์ฟอาคารคาว มีทั้งร้านริมโขงและในเมือง จากนั้นไปดื่มด่ำกับความงามของ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” โบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่และสวยงามแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำโขง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารที่สวยงามแปลกตา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2469 โดยบาทหลวงเอดัวร์ นำลาภ อธิการโบสถ์ ช่วงเทศกาลสำคัญชาวคริสต์แต่ละชุมชนในจังหวัดนครพนมจะประดิษฐ์ดาวรูปแบบต่าง ๆ แล้วแห่มารวมกันไว้ที่นี่ จบทริปด้วยการซื้อของอร่อยเมืองนครพนมติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เที่ยวชุมพร 3 วัน 2 คืน
ชุมพร จังหวัดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งทะเลสวย หาดทรายขาว วัดวาอาราม วิถีชีวิตของผู้คน และอาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ ไปเจาะลึกที่เที่ยวชุมพร ในแบบ 3 วัน 2 คืน กับโปรแกรมท่องเที่ยว ดังนี้
วันที่ 1 : เริ่มต้นทริปด้วยการดื่มด่ำกับโลกใต้ทะเล เพราะทะเลชุมพรเปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน เหมาะสำหรับการดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตื้นหรือน้ำลึก โดยปกติแล้วหมู่เกาะชุมพรจะแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ ๆ โซนแรกคือ เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เกาะกะโหลก และเกาะทะลุ โซนที่สองคือ เกาะมัตรา เกาะหลักแรด และเกาะลังกาจิว แต่ละโซนรับประกันเลยว่าจะต้องประทับใจกับภาพความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล ทั้งฝูงปลา ปะการัง ดอกไม้ทะเลสีสันต่าง ๆ การไปเที่ยวก็ไม่ยากเพราะมีบริษัทนำเที่ยวเอกชนอื่น ๆ ให้บริการอยู่พอสมควร หรือไม่ก็สามารถติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งมีเรือชาวบ้านให้บริการเหมาลำ ชอบแบบไหนเลือกได้ตามสะดวก หลังจากนั้นก็ตกลงราคาให้เรียบร้อย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร - Mu Ko Chumphon National Park โทรศัพท์ 0 7755 8144 และนอนค้างในตัวเมืองสักคืน
วันที่ 2 : ไปเดินเล่นตลาดเช้าสัมผัสวิถีชีวิตคนพื้นถิ่น จากนั้นมุ่งหน้าไปนอนโฮมสเตย์บน “เกาะพิทักษ์” ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวท้องครก ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน ห่างจากชายฝั่งทะเลอ่าวไทย 1 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวทะเลแบบสงบ ๆ เรียบง่าย หากแต่มากล้นด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ แถมยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวให้ทำมากมาย ว่ากันว่าเสน่ห์ของเกาะพิทักษ์คือความเรียบง่าย บ้านเรือนแต่ละหลังตั้งเรียงรายอยู่ในทะเล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำเกาะ รวมถึงยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด การทำประมงพื้นบ้าน เช่น การไดหมึก ลอบปลาหมึก อวนปลาหมึก และอวนปลาเรือเล็ก เป็นต้น การได้มาพักผ่อนที่นี่จึงเหมือนกับวางช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายลงชั่วคราว แล้วค่อยซึมซับและละเมียดละไมวิถีชีวิตพื้นบ้าน ณ เกาะพิทักษ์แห่งนี้
วันที่ 3 : ตื่นเช้าตรู่เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศแบบสโลว์ไลฟ์บนเกาะพิทักษ์ ก่อนจะขึ้นฝั่งไปไหว้วัดพระบรมธาตุสวี วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัด ภายในมีโบราณสถานที่สำคัญคือ “องค์พระธาตุสวี” บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในองค์พระเจดีย์ ต่อด้วยไป “จุดชมวิวเขามัทรี” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นชุมชนปากน้ำชุมพรและชายหาดทะเลชุมพรได้สุดลูกหูลูกตา อีกทั้งยังมองเห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน วิถีประมงของชาวปากน้ำชุมพร วิถีเกษตรกรรมที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักหล่อเลี้ยงชีวิตชาวชุมพรมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของ “ร้านกาแฟถ้ำสิงห์” แวะไปนั่งพัก จิบกาแฟโรบัสต้าของดีขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร และไปสักการะ “ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” องค์พระบิดาแห่งกองทัพเรือ ก่อนกลับบ้าน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : ททท. สำนักงานแพร่, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร - Mu Ko Chumphon National Park, phrae.go.th, thai.tourismthailand.org, museumthailand.com, park.dnp.go.th, thailandtourismdirectory.go.th