ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว อิ่มเอมความสุขกับการเดินทางในช่วงรอยต่อฤดูกาล ก่อนที่สายฝนจะหมดไป และลมหนาวเข้ามาเยือน ลองออกเดินทางสักครั้งกันดีกว่า
ช่วงปลายฝนต้นหนาวถือเป็นอีกหนึ่งช่วงนาทีทองสำหรับการออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะคุณจะได้สัมผัสถึงความงดงามเขียวขจี ที่มาพร้อมกับสายลมเย็น ๆ เป็นครั้งคราว แม้สายฝนจะยังไม่จากเราไปเสียหมด แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับคนที่ใฝ่ในการเดินทางท่องเที่ยว และก่อนที่ช่วงรอยต่อฤดูนี้จะจากไป เรามีที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวมาฝาก หลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณได้เลือกแบบจุใจ บางทีแม้ว่าคุณอาจเคยไปแล้ว หากแต่ลองเปลี่ยนช่วงเวลาการเดินทาง ไม่แน่นะว่า...คุณอาจพบความงามที่ต่างออกไป
ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว
ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว
1. นาขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ จังหวัดน่าน
หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยนำวิธีการทำนาขั้นบันไดบนพื้นที่ภูเขา เพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวจะอิ่มเอมใจไปกับภาพนาข้าวเขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขา สลับซับซ้อนดูสวยงามตา แนะนำว่าให้มาเที่ยวช่วงหน้าฝนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ส่วนในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน นักท่องเที่ยวก็จะได้สัมผัสกับอากาศหนาวพร้อมกับนาข้าวสีเหลืองทอง ที่เริ่มออกรวงดูสวยงามตาไปอีกแบบ
ที่อยู่ : อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
2. ดอยภูคา จังหวัดน่าน
จุดชมวิวยอดนิยมในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาได้แบบพาโนรามา ยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน พร้อมกับวิวของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่พ้นขึ้นสู่ขอบฟ้าอย่างช้า ๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นจับใจ และบรรยากาศที่เงียบสงบ ในจุดนี้จะมีลานกางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน
เบอร์โทรศัพท์ : อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โทรศัพท์ 0 5473 1623, 08 2194 1349
ดอกชมพูภูคา
3. ขุนสถาน จังหวัดน่าน
ที่อยู่ : อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
เบอร์โทรศัพท์ : อุทยานแห่งชาติขุนสถาน โทรศัพท์ 087 173 9549
4. ดอยสวนยาหลวง จังหวัดน่าน
ดอยสวนยาหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลผาทอง อำเภอท่าวัง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ด้วยเป็นยอดดอยเปิดโล่งกว้าง มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่บนเนินเขา ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500-1,600 เมตร ที่นี่จึงเป็นสถานที่ชมวิวทะเลหมอกที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนนอนโฮมสเตย์ท่ามกลางไร่กาแฟได้ที่บ้านสันเจริญ นอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ แล้ว ก็ยังจะได้ลิ้มรสกาแฟสดสุดเข้มข้นกันอีกด้วย
ที่อยู่ : หมู่บ้านสันเจริญ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
เบอร์โทรศัพท์ : 096 952 2223
เฟซบุ๊ก : ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ
5. ดอยตีดู้ว์ จังหวัดน่าน
ดอยตีดู้ว์ เป็นยอดดอยสูงประมาณ 700 เมตรจากระดับน้ำทะล ตั้งอยู่บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 (น่าน-พะเยา) ตำบลสะเนียน อำเภอเมือง เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทะเลหมอกได้แบบอันซีนสุด ๆ นอกจากการมาชมทะเลหมอกยามเช้าที่ดอยตีดู้ว์แล้ว ยามเย็นก็ยังชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย และยังมีตลาดชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้าพื้นเมืองและอาหารพื้นเมือง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้บริการ อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุก ๆ รออยู่ เช่น การโล้ชิงช้าม้ง การแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองชาวม้ง การชมแปลงสตรอว์เบอร์รี (เปิดให้เข้าชมช่วงที่ออกผลแล้ว) เป็นต้น
ที่อยู่ : ตำบลสะเนียน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน
เฟซบุ๊ก : ดอยตีดู้ว์
6. ไร่ชาลุงเดช จังหวัดเชียงใหม่
แปลงปลูกชาที่เรียงรายลดหลั่นกันลงมาตามไหล่เขา ซึ่งนอกจากชาที่นี่จะมีคุณภาพดีแล้ว ยังมีทัศนียภาพที่สวยงามอีกด้วย เพราะตั้งอยู่บนเนินเขาที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมไร่ชา พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีการเก็บเกี่ยวชา ชิมชา และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชาจากไร่ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด อีกทั้งยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้ง และเที่ยวชมสวนส้ม สวนกล้วยไม้ แปลงปลูกกาแฟ และพืชผลเมืองหนาว และยังมีที่พักไว้บริการอีกด้วย
ที่อยู่ : ใกล้กับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ตำบลเมืองก๋าย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เบอร์โทรศัพท์ : 081 163 3765
เฟซบุ๊ก : ไร่ชาลุงเดช
7. เมืองคอง จังหวัดเชียงใหม่
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในแนวเทือกเขาดอยหลวงเชียงดาว อยู่ในพื้นที่ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ความพิเศษของบ้านเมืองคองคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และยังมีวิวของนาข้าวกว้างใหญ่ เบื้องหลังเป็นขุนเขาดอยหลวงเชียงดาว อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และบรรยากาศเงียบสงบมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชาร์จพลังงานจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ที่นี่มีโฮมสเตย์กลางนาข้าว ราคาหลักร้อย พร้อมทั้งร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศสบาย ๆ วิวสวยหลักล้านให้บริการอยู่ด้วย บางโฮมสเตย์จะมีสะพานไม้ไผ่ทอดไปกลางทุ่งนา และมีลำคลองเล็ก ๆ ให้ได้ว่ายน้ำเล่นให้ชุ่มฉ่ำใจ รับรองได้ว่าบ้านคองจะให้คุณหลงรักได้ไม่ยาก
ที่อยู่ : อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
8. แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอที่มีธรรมชาติและความเงียบสงบเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ใคร ๆ ต่างก็อยากเดินทางไปเยือน ถึงแม้ต้องผ่านโค้งแล้วโค้งเล่าก็ไม่ใช่อุปสรรค "แม่แจ่ม" ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา อยู่ในอ้อมกอดของแม่น้ำอย่างอบอุ่น รอยยิ้มผู้คนเป็นมิตร สนิทกันเหมือนญาติ นี่คือเอกลักษณ์และคำนิยามความเป็นแม่แจ่มได้อย่างชัดเจน เพราะที่นี่ยังคงเงียบสงบ มีหมู่บ้านอยู่ตามที่ราบและกระจัดกระจายอยู่ตามหุบเขาใหญ่น้อยที่ล้อมรอบเรียงรายอยู่ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากมาย สิ่งหนึ่งที่เป็นเสมือนไฮไลต์ของที่นี่ก็คือนาข้าวขั้นบันไดกว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำออกฮู, วัดป่าแดด, วัดกองกาน, วัดกองแขก, สถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง, สวนป่าแม่แจ่ม และหมู่บ้านทอผ้าซิ่นตีนจก เป็นต้น
ที่อยู่ : อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
9. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ดินแดนที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาสีเขียวอุดมสมบูรณ์ เที่ยวชมแปลงปลูกดอกไม้ ผัก และผลไม้เมืองหนาว เดินเก็บสตรอว์เบอร์รีสด ๆ จากไร่แบบชิล ๆ ชมแปลงปลูกชาท่ามกลางสายหมอก สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาและอากาศที่หนาวจับใจ สวรรค์บนเขาสูงที่คุณก็สามารถเอื้อมถึง จุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในดอยอ่างขาง เช่น จุดชมวิวม่อนสน, สวนบอนไซ, สวนบ๊วย สวนท้อ, จุดชมวิวขอบด้ง, ไร่ชาสองพัน, จุดชมวิวกิ่วลม, สวน 80 ปี, แปลงปลูกกุหลาบ และดอกไม้เมืองหนาว เป็นต้น
ที่อยู่ : ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
เบอร์โทรศัพท์ : สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทรศัพท์ 053 969 476-78 ต่อ 114
เว็บไซต์ : www.royalprojectangkhang.com
10. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่
ชวนไปเที่ยวโครงการหลวง ชมดอกไม้สวย ๆ ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง ตั้งอยู่อำเภอแม่วาง ด้วยเพราะทำเลที่ตั้งอยู่ในหุบเขา ทำให้ทัศนียภาพโดยรวมของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวงมีความงดงามมาก ๆ นักท่องเที่ยวจะได้ชมแปลงสาธิตการผลิตพืชผัก ไม้ดอก ไม้ผลตามฤดูกาล หรือถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นนักท่องเที่ยวสายลุย ที่นี่ก็มีน้ำตกสวย ๆ ให้คุณได้ลัดเลาะ หรือถ้าใครอยากพักผ่อนแบบชิลๆ ต้องที่ "อ่างเก็บน้ำห้วยตอง" อ่างเก็บน้ำสำหรับไว้ใช้ในการทำเกษตรกรรม และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม เหมาะแก่การไปนั่งรับลมเย็น ๆ พักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด
ที่อยู่ : ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
เบอร์โทรศัพท์ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง โทรศัพท์ 098 278 9061, 084 948 3546
11. ไร่ชาฉุยฟง จังหวัดเชียงราย
บนเนื้อที่ตามเนินเขาของตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน มากกว่า 1,000 ไร่ เต็มไปด้วยไร่ชาคุณภาพแห่งไร่ชาฉุยฟง ด้วยความที่ไร่ชาแห่งนี้อยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 1,200 เมตร พร้อมทั้งสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของชา จึงทำให้ชาที่นี่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม มีความหอมเป็นเอกลักษณ์ การันตีคุณภาพจากรางวัลต่าง ๆ ตลอดมา และเมื่อไม่นานมานี้ทางไร่ชาฉุยฟงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมทัศนียภาพของไร่ชา พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากทางไร่ได้ในราคาย่อมเยา
ที่อยู่ : ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
เบอร์โทรศัพท์ : 053 771 563
เว็บไซต์ : www.chouifongtea.com
เฟซบุ๊ก : CHOUI FONG TEA
12. ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย
หนึ่งในสถานที่ชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ที่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น เหมาะมาก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยหน่อย ๆ ด้วยต้องเดินเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ลำบากมากนัก ช่วงเช้า ๆ หลังฝนตกที่จุดชมวิวจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้อลังการมาก ๆ เห็นเป็นสายหมอกฟุ้งขาวละมุนลอยอัดเต็มแน่นร่องเขา มีแสงสีทองของพระอาทิตย์ค่อย ๆ ฉาบทาขึ้นทีละเล็กทีน้อย เป็นภาพที่สวยสะกดใจจริง ๆ บางวันยังสามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าที่อยู่ห่างออกได้ด้วย
ที่อยู่ : ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
13. ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย
ชุมชนของชาวจีนฮ่อตั้งอยู่ที่ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งมีวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในท้องถิ่นแล้ว ก็ยังจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของดอยแม่สลองด้วย เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยรอบของหมู่บ้านก็จะมีไร่ชาให้ได้ไปเดินเที่ยวชม ถ่ายรูปเก๋ ๆ มากมาย มีที่พักวิวสวย ๆ ทั้งแบบที่ให้บริการแบบรีสอร์ตและโฮมสเตย์ และถ้าใครที่ชอบกินอาหารจีนยูนนานจะต้องหลงรักที่นี่แน่ ๆ เพราะมีร้านอาหารจีนยูนนานอร่อย ๆ ให้ได้ไปลิ้มลองเพียบ หรือใครที่ชอบกินบ๊วยและท้อ ก็จะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปให้ได้เลือกช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ
ที่อยู่ : อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
14. น้ำตกภูซาง จังหวัดพะเยา
น้ำตกภูซาง หรือที่หลายคนเรียกว่า น้ำตกอุ่น ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูซาง ที่นี่เป็นน้ำตกที่มีน้ำอุ่นเพียงแห่งเดียวที่พบในประเทศไทย เพราะน้ำตกมีอุณหภูมิสูงถึง 35-36 องศาเซลเซียส โดยเกิดจากสายน้ำอุ่นที่ไหลมาจากผาหินปูน มีความสูงประมาณ 25 เมตร มีน้ำไหลตลอดปีและน้ำใสปราศจากกลิ่นกำมะถัน สามารถลงเล่นน้ำได้ อีกทั้งบริเวณใต้น้ำตกภูซางยังเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสราวกับกระจก จึงเหมาะสำหรับการลงแช่น้ำให้อบอุ่นสบายตัว ใกล้ ๆ กันยังมี "บ่อน้ำซับอุ่น" ซึ่งเป็นบ่อน้ำซับอุ่นตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำตกภูซาง
ที่อยู่ : ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
15. บ้านแม่ละนา จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ชุมชนเก่าแก่ที่มีมานานกว่า 200 ปี เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้อยู่ที่วิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง ทั้งยังคงเอกลักษณ์วัฒนธรรมไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมหมู่บ้าน ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทใหญ่ พักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ร่วมกับชาวบ้าน หรือจะพักรีสอร์ตที่ได้บรรยากาศแบบธรรมชาติ เห็นวิวนาข้าวสวยอยู่เบื้องหน้า ที่นี่จึงเป็นพื้นที่สำหรับใครก็ตามที่ต้องการชาร์จพลังให้กับชีวิต ได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบเต็มขั้น
ที่อยู่ : ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
16. เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
ใครอยากหาสถานที่ท่องเที่ยวอิงแอบกับธรรมชาติในช่วงปลายฝนต้นหนาว เราขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ความโดดเด่นของอำเภอเนินมะปราง นั่นคือ ธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาหินปูนรูปร่างสวยงามแปลกตา และท้องทุ่งนาสุดกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจีสุดอุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของที่นี่ ได้แก่ จุดชมวิวบ้านเผ่าไทย, จุดชมวิวและโฮมสเตย์บ้านรักไทย, ภูเขาหินปูนบ้านมุง, ทุ่งทานตะวันบ้านไร่ภูตะวัน, ชมค้างคาวยามเย็นที่บ้านมุง และน้ำตกถ้ำหมี เป็นต้น นักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการเที่ยวในบรรยากาศที่สงบพลาดไม่ได้เด็ดขาด
ที่อยู่ : อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
17. ผาชูธง จังหวัดพิษณุโลก
ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร อดีตเคยเป็นสถานที่ที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ขึ้นไปชูธงแดง (ค้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาล โดยผาแห่งนี้เป็นหน้าผาสูงชันที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาวในยามเช้าจะได้เห็นความอลังการของทะเลหมอกที่สวยงาม เป็นภาพของสายหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วผืนป่าสีเขียวขจีราวกับอยู่ในดินแดนของสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
ที่อยู่ : ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เบอร์โทรศัพท์ : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 0 5535 6607, 08 1596 5977, 0 5523 3527
18. บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์
บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำมากกว่า 148 ชนิด พืชกว่า 44 ชนิดแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของบึงบอระเพ็ด ก็คือ "นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร" และ "ปลาเสือตอ" ซึ่งเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยาก แต่สามารถพบเห็นได้บริเวณบึงบอระเพ็ด นอกจากนี้ยังมีทะเลบัวสีชมพูสดใสให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถที่จะนั่งเรือชมวิวไปรอบ ๆ บึง หรือจะเที่ยวชมการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ก็ได้เช่นกัน
ที่อยู่ : ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
19. ทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
อำเภอเล็ก ๆ ที่น่าท่องเที่ยวไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะคนที่ชอบบรรยากาศของป่าเขา ท้องทุ่งนาเขียว และบรรยากาศสุดเงียบสงบ มีสถานที่ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสักการะ "หลวงพ่อศิลา" วัดทุ่งเสลี่ยม พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์นี้ เป็นที่นับถือของชาวสุโขทัยยิ่งนัก เดิมประดิษฐานในถ้ำเจ้ารามกลางป่าลึก ต่อมาชาวบ้านได้อัญเชิญมาที่วัดทุ่งเสลี่ยม, โด่แม่ถัน บ้านเชิงผา ตำบลกลางดง เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นบ้านเรือนของอำเภอทุ่งเสลี่ยม ทุ่งนา ได้สุดสายตา หรือจิบกาแฟชิล ๆ ที่ "บ้านหอมกลิ่นดิน" ร้านกาแฟสุดชิคกลางท้องทุ่งนา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวของอำเภอทุ่งเสลี่ยมที่จะพลาดกันไม่ได้
ที่อยู่ : อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
20. หมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี
หมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดน ในอดีตหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมความเจริญต่าง ๆ หากแต่อาจเป็นเพราะความลื่นไหวของเวลา ที่นำพาอดีตที่รุ่งโรจน์เหล่านั้นติดมือไปด้วย คงเหลือไว้แต่กลิ่นอายของอดีตที่ยังคงติดค้างหลงเหลือตามอาคารบ้านเรือนหลังเก่า ๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า อีกทั้งบริเวณหมู่บ้านอีต่องยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกหลายที่ เช่น "เนินช้างศึก" หรือ "ฐานช้างศึก" อยู่ในเขตความรับผิดชอบของตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.135 ทางขึ้นจะอยู่ระหว่างสถานีตำรวจปิล๊อกกับหมู่บ้านอีต่อง ทางขึ้นจะเขียนว่า "อุโมงค์เหมือง" และ "จุดชมวิว " ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมและพักกางเต็นท์ได้ในบริเวณที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้
ที่อยู่ : หมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อค อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพจาก chopjai photo / Shutterstock.com
21. เขาช่องลม จังหวัดนครนายก
อีกหนึ่งที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เลย สำหรับ "เขาช่องลม" ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเขื่อนขุนด่านปราการชล บอกเลยว่าธรรมชาติที่นี่สวยเด็ดจนต้องยกนิ้วให้ และน่าจะถูกใจสายถ่ายรูปอยู่ไม่น้อย ซึ่งการมาเที่ยวที่ช่องเขาลมจะต้องนั่งเรือ (โดยมีจุดบริการที่เขื่อนขุนด่านปราการชล) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที โดยเรือจะแวะ 4 จุด ได้แก่ น้ำตกผางามงอน, น้ำตกคลองคราม, น้ำตกต้นน้ำ และน้ำตกช่องลม เป็นต้น
ที่อยู่ : ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเขื่อนขุนด่านปราการชล ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
22. หมู่บ้านสลักคอก เกาะช้าง
ชุมชนประมงพื้นบ้านรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในป่าชายเลน มีอ่าวเป็นเวิ้งกว้างก่อนที่จะเป็นช่องแคบเพื่อออกไปสู่ทะเล ชาวประมงจึงมักจะนำเรือมาหลบลมที่อ่าวบ้านสลักคอก สิ่งที่พิเศษก็คือมีธรรมชาติของป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ยามค่ำคืนจึงมีกิจกรรมการล่องเรือมาด เพื่อชมหิ่งห้อย ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างโรแมนติก เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก
ที่อยู่ : ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
เบอร์โทรศัพท์ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด โทรศัพท์ 039 597 259-60, 039 597 255
23. ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย
แหล่งชมทะเลหมอกแห่งใหม่สุด Unseen ที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม โดยภูแห่งนี้เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่สามารถเดินขึ้นไปชมทะเลหมอกสุดอลังการได้แบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากตีนเขาไปถึงยอดเขาไม่ถึง 10 นาที ทะเลหมอกที่ปรากฏเป็นหมอกที่อยู่ตอนบนของแม่น้ำโขง คือฝั่งขวาจะเป็นฝั่งไทยและฝั่งซ้ายเป็นฝั่ง สปป.ลาว ทั้งนี้ แนะนำให้มาชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวจะมีความสวยงามมากที่สุด โดยสามารถมาชมได้ตั้งแต่เวลา 05.30-09.00 น. อย่างไรก็ตามความหนาแน่นของหมอกขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวันด้วย
ที่อยู่ : ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
เบอร์โทรศัพท์ : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง โทรศัพท์ 042 414 872
24. ภูลำดวน จังหวัดเลย
สถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมวดการทางปากชม แขวงการทางที่ 1 เป็นยอดเขาสูงอยู่ริมแม่น้ำโขง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 368 เมตร สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้แบบพาโนรามา รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของแขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้ด้วย ในช่วงปลายฝนต้นหนาวยาวไปจนถึงปลายฤดูหนาว บริเวณนี้จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขงได้ไกลสุดลูกหูลูกตา โดยวิธีการเดินทาง จากบริเวณหมวดการทางปากชมขึ้นมายังภูลำดวนทำได้ 2 วิธี คือเดินและนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้าน ถ้าเดินขึ้นไปด้านบน ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ส่วนนั่งรถอีแต๊กจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
ที่อยู่ : ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย
เบอร์โทรศัพท์ : ผู้ใหญ่สุนันท์ สารีพิมพ์ โทรศัพท์ 080 009 6637
25. ผาหมวก จังหวัดเลย
ตั้งอยู่คู่กับภูผาหนอง ในบ้านนาโพธิ์ อำเภอนาแห้ว เมื่อคุณมองลงมาจากบนภูผาหมวก คุณจะเห็นกับแปลงนาข้าวที่เขียวขจี คู่กับสายน้ำเหืองที่คดเคี้ยวไปมากั้นระหว่างสองพรมแดนระหว่างไทย-ลาว บรรยากาศโดยรอบของภูผาหมวกนั้นร่มรื่นเต็มไปด้วยภูเขาและทุ่งนาเขียวขจี เป็นภาพที่ประทับใจแก่ผู้มาเยี่ยมเยียนไม่รู้ลืม การเดินทางขึ้นบนยอดภูนั้น สามารถเดินเท้าขึ้นเลาะภูเขาประมาณ 800 เมตร เป็นการเดินขึ้นภูที่ไม่ลำบากจนเกินไปนัก
ที่อยู่ : ตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
26. ภูทอก จังหวัดเลย
จุดชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดของเชียงคาน มีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้สถานที่ใด ๆ ในเมืองไทย อีกทั้งยังได้ชมวิวเขาสลับซับซ้อนที่มองได้ไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นแก่งคุดคู้ ภูหมอน ผาแบ่น สายน้ำโขงที่ไหลแนบเชียงคาน ตลอดจนมองเห็นประเทศลาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพในมุมกว้าง โดยจุดเด่นของทะเลหมอกที่นี่จะมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนปกคลุมอย่างหนาแน่นไปทั่วทั้งเมืองเชียงคาน และถึงแม้พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสและเดินลุยหมอกได้แบบใกล้ชิดมากกว่าที่อื่นอีกด้วย
ที่อยู่ : อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
27. เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เขาสก (เขื่อนรัชชประภา) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน ยอดแหลม กลางสายน้ำของเขื่อนเชี่ยวหลาน ความสวยงามของที่นี่ได้รับสมญานามว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละฤดูก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกมากมาย ทั้งว่ายน้ำ พายเรือคายัก ตกปลา ดูนก เดินป่าสำรวจธรรมชาติ เรียกได้ว่าครบหมดทั้งกิจกรรมบนบกและในน้ำ แถมยังมีที่พักให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการมากมาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ของเมืองไทย ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาด ที่สำคัญยังจะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และ Wi-Fi (บางพื้นที่สามารถใช้ได้ ตรวจสอบกับทางรีสอร์ตที่เข้าพักอีกครั้ง) ตัดขาดจากโลกภายนอกแบบสุด ๆ
ที่อยู่ : ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เบอร์โทรศัพท์ : อุทยานแห่งชาติเขาสก โทรศัพท์ 084 184 5805
28. ล่องแพบ้านวังหอน จังหวัดนครศรีธรรมราช
ชุมชนเก่าที่ยังคงดำเนินวิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย ที่นี่นักท่องเที่ยวจะสนุกไปกับแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนอย่างกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สามารถกระโดดน้ำ เล่นน้ำ และล่องแพได้แบบชิล ๆ ท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่นตลอดสองข้างทาง และฟินไปกับสายน้ำเย็น ๆ ลำธารใส ๆ ของคลองวังหอน ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติที่เกิดจากป่าต้นน้ำของเทือกเขาบรรทัด ไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัง แถมยังมีที่พักแบบเต็นท์กระโจมและกระท่อมไม้ไผ่บริการด้วย
ที่อยู่ : บ้านวังหอน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
เบอร์โทรศัพท์ : 063 191 6591, 080 695 5656
เฟซบุ๊ก : ล่องแพบ้านวังหอน
29. เขาไข่นุ้ย จังหวัดพังงา
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมทิวทัศน์หุบเขาน้อยใหญ่ในท้องทะเลอันดามัน รวมถึงทะเลหมอกสุดอลังการของภาคใต้ แม้แต่ฤดูร้อนก็มีปรากฏให้เห็น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมเขาไข่นุ้ยได้ตลอดทั้งปี สามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่ต้องเป็นรถกระบะเท่านั้น และยิ่งถ้าไม่ชินทางไม่แนะนำให้ขับรถขึ้นไปเอง เพราะบางช่วงของเส้นทางจะชัน อาจเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้
ที่อยู่ : บ้านฝ่ายท่า ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
เบอร์โทรศัพท์ : องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว โทรศัพท์ 076 445 281, 081 187 6199
เว็บไซต์ : www.thungmaphrao.go.th
30. อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล
อุทยานธรณีสูตล ครอบคลุมทั้งหมด 4 อำเภอของจังหวัดสตูล คือ ทุ่งหว้า มะนัง ละงู และอำเภอเมือง มีความโดดเด่นอยู่ที่ลักษณะภูมิประเทศและธรรมชาติ มีลักษณะเป็นเทือกเขาหินปูน มีเกาะน้อยใหญ่ และชายหาดที่สวยงาม จึงทำให้อุทยานธรณีสตูลมีเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นเกาะหลีเป๊ะ, หมู่เกาะอาดัง, ปราสาทหินพันยอด, หมู่เกาะดง, ถ้ำเลสเตโกดอน, ล่องแก่งวังสายทอง, พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีสตูล, พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า รวมถึงยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต ที่นักท่องเที่ยวจะได้ร่วมสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตชาวสตูล เช่น ชาวมานิ (เงาะป่า) ประเพณีลอยเรือ ประเพณีไหว้ผีโบ๋ และบ่อเจ็ดลูก เป็นต้น นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้แล้ว อุทยานธรณีสตูลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำวังน้ำกล้วย, เขาน้อย, ถ้ำภูผาเพชร และอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่อยู่ : ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
เบอร์โทรศัพท์ : อุทยานธรณีสตูล โทรศัพท์ 063 594 4929
เว็บไซต์ : www.satun-geopark.com
เฟซบุ๊ก : Satun Geopark
เป็นยังไงบ้าง ? น่าจะมีที่ไหนสักที่ที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอน ใครที่ยังเหลือวันลางานอยู่ แล้วคิดไม่ตกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี หรือใครที่เก็บวันลาไว้ช่วงสิ้นปี ลองเปลี่ยนมาเที่ยวช่วงนี้ดู เพราะไม่ต้องเบียดเสียดผู้คนเยอะแยะ แถมได้ความประทับใจกลับไปด้วย
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ที่เที่ยวหน้าหนาว อื่น ๆ น่าสนใจ
- 25 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ความสวยงามแห่งรอยต่อฤดูกาล
- อากาศดี ๆ สัมผัสเสน่ห์ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวหลากสไตล์
- 20 ที่เที่ยวอีสานหน้าหนาว สัมผัสความเย็น ชมวิวทะเลหมอก พิกัดเด็ดถ่ายรูปเช็กอิน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : thai.tourismthailand.org, chouifongtea.com, thungmaphrao.go.th, royalprojectangkhang.com, satun-geopark.com, เฟซบุ๊ก ไร่ชาลุงเดช, เฟซบุ๊ก CHOUI FONG TEA, เฟซบุ๊ก Satun Geopark, เฟซบุ๊ก ดอยตีดู้ว์ และ เฟซบุ๊ก ล่องแพบ้านวังหอน - อากาศดี ๆ สัมผัสเสน่ห์ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวหลากสไตล์
- 20 ที่เที่ยวอีสานหน้าหนาว สัมผัสความเย็น ชมวิวทะเลหมอก พิกัดเด็ดถ่ายรูปเช็กอิน