เที่ยวเพชรบุรี ปี 2568 สนุกได้ครบรสในจังหวัดเดียว ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดินทางง่าย ทั้งไหว้พระ กางเต็นท์ริมเขา เที่ยวทะเลก็มีครบ
เพชรบุรี จังหวัดเล็ก ๆ ที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ครบครัน ทั้งวัดวาอารามเก่าแก่แบบประวัติศาสตร์ ถ้ำโบราณที่น่าไปสัมผัส ไปจนถึงที่เที่ยวสไตล์ครอบครัวอย่างสวนสนุก ฟาร์ม และคาเฟ่น่ารัก ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ทะเลชะอำ ให้ได้พักผ่อน และเขตอุทยานแห่งชาติที่เหมาะกับสายธรรมชาติสุด ๆ ไม่ว่าจะสายบุญ สายชิล หรือสายลุย ที่นี่มีหมด ปี 2568 นี้ ถ้าคุณยังไม่มีแพลนเที่ยว ลองให้เพชรบุรีอยู่ในลิสต์ดู รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่เที่ยวเพชรบุรี อัปเดตปี 2568
1. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)
แลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเพชรบุรี อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เขาวัง เป็นพระราชวังเก่าแก่บนยอดเขาที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงประมาณ 92 เมตร มีทั้งหมด 3 ยอด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อน และพระราชทานชื่อว่า เขามไหศวรรย์ ภายในประกอบด้วยกลุ่มพระที่นั่ง วัด และอาคารต่าง ๆ ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย จีน และนีโอคลาสสิกยุโรป เช่น พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์, พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์, พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท รวมถึงหอระฆัง พระธาตุจอมเพชร และวัดพระแก้วอันงดงาม ยอดเขาทั้ง 3 มีจุดชมวิวเมืองเพชรบุรีแบบพาโนรามาสุดตระการตา และยังเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาอีกด้วย ใครถือกล้องมา รับรองได้รูปกลับไปเพียบ
การขึ้นไปชมเขาวังมีให้เลือกทั้งเดินขึ้นแบบออกกำลังขา หรือเลือกนั่งรถรางไฟฟ้าค่าบริการคนละ 60 บาท (ค่าเข้าชม 20 บาท) ที่พลาดไม่ได้เลยคือลิงจ๋อที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กลัวกล้อง โดยเฉพาะคนที่ถือของกินต้องระวังน้องแย่งไปอย่างน่าเอ็นดู และไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ ทุกปีจะมีงานเฉลิมฉลองพระนครคีรี จัดขึ้นในวันศุกร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ต่อเนื่อง 10 วัน 10 คืน มีการแสดงแสงสีเสียง พลุ ดอกไม้ไฟ และกิจกรรมมากมาย แต่ควรติดตามข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานท้องถิ่นก่อนเดินทาง เพราะอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
2. วัดพระแก้วน้อย
อีกหนึ่งวัดสวยคู่เมืองเพชรบุรีที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน วัดพระแก้วน้อย หรือที่ชาวบ้านมักเรียกสั้น ๆ ว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดเก่าแก่บนยอดเขาด้านทิศตะวันออกของพระนครคีรี หรือเขาวัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังฤดูร้อน โดยจำลองแบบมาจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในกรุงเทพฯ ทำให้สถาปัตยกรรมมีความงดงามผสมผสานไทย–จีน–ยุโรปได้อย่างลงตัว ภายในประกอบด้วยปูชนียสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น พระวิหารที่สร้างด้วยหินอ่อน มีหน้าบันประดับลวดลายพระมหามงกุฎงดงามจากฝีมือช่างเมืองเพชรบุรี เดิมภายในประดิษฐานพระแก้วผลึกก่อนจะมีการอัญเชิญกลับกรุงเทพฯ และเปลี่ยนเป็นพระพุทธรูปหินอ่อน พร้อมพระแก้วมรกตจำลองให้ประชาชนได้กราบไหว้ ด้านหลังพระวิหารเป็นที่ตั้งของพระสุทธเสลเจดีย์ เจดีย์ศิลาสีเขียวอมเทาสูง 9 เมตร ส่วนด้านหน้าคือพระปรางค์แดง ภายในประดิษฐานพระไพรีพินาศจำลอง และศาลารายขนาดเล็ก 3 หลัง อยู่ตรงข้ามกับหอระฆัง วัดพระแก้วน้อยจึงไม่เพียงโดดเด่นในแง่ของประวัติศาสตร์และศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดชมวิวเมืองเพชรบุรีแบบ 360 องศาที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ไหว้พระใกล้กรุงเทพฯ ท่ามกลางความร่มรื่นของยอดเขาอย่างแท้จริง
3. ถ้ำเขาหลวง (วัดถ้ำเขาหลวง)
หรือที่ชาวบ้านเมืองเพชรนิยมเรียกว่า ถ้ำวิมานจักรี ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ สูงเพียง 92 เมตร ไม่ไกลจากเขาวัง ภายในถ้ำแห่งนี้มีพระพุทธรูปโบราณที่ได้รับการบูรณะโดยรัชกาลที่ 4 และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงสร้างอารามขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระราชบิดา จุดเด่นของถ้ำเขาหลวงคือปล่องแสงธรรมชาติที่ส่องทะลุลงมากระทบหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ทำให้เกิดภาพสวยงามอลังการยามกลางวัน และบรรยากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน ภายในยังมีพระพุทธรูปที่สำคัญ รวมถึงพระพุทธรูปที่ฐานถูกประทับตราพระมหากษัตริย์ ซึ่งหาชมได้ยากมาก ที่นี่ได้รับการดูแลและบูรณะอย่างต่อเนื่อง มีวิทยากรคอยแนะนำตามจุดต่าง ๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงจำนวนมากที่เพิ่มความคึกคักให้กับบรรยากาศโดยรอบ ถ้ำเขาหลวงจึงเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมสำหรับสายเที่ยววัด ชมถ้ำ และสายถ่ายรูปที่อยากสัมผัสเสน่ห์ของธรรมชาติและแสงเงาในถ้ำที่สวยไม่แพ้ที่ใดในไทย
4. วัดมหาธาตุวรวิหาร
พระอารามหลวงเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เด่นด้วยพระปรางค์ห้ายอดสีขาวขนาดใหญ่ สูงกว่า 55 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลรอบทิศ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจำนวนมาก และเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อวัดมหาธาตุ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์เล็กทรงพัด ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมายาวนาน วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยมีโบราณวัตถุที่ขุดพบเป็นหลักฐาน และยังมีสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาหลายจุด เช่น วิหารน้อยที่มีฐานทรงสำเภา ภายในวิหารหลวงประดับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องเทพชุมนุมและชาดกจากฝีมือช่างเมืองเพชร ปัจจุบันยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของโบราณ พระพุทธรูป และเครื่องลายครามให้ผู้สนใจเข้าชมฟรีอีกด้วย
5. วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน)
เป็นวัดเก่าแก่ริมเชิงเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาวัง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเพื่อประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 400 ปี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงเห็นถึงความทรุดโทรมของพระพุทธรูปจึงโปรดให้สร้างวิหารขึ้นคลุมองค์พระไว้ กลายเป็นวิหารพระพุทธไสยาสน์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ไฮไลต์ของวัดคือพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ขนาดยาวถึง 43 เมตร สูงจากฐานบรรทม 15 เมตร จัดเป็นพระนอนขนาดใหญ่ลำดับที่ 4 ของประเทศไทย สร้างด้วยอิฐทั้งองค์ ลงรักปิดทองสวยงาม เชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้จะเสริมความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะคนเกิดวันอังคาร
6. วัดใหญ่สุวรรณาราม (วัดใหญ่)
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดน้อยปักษ์ใต้ ภายในวัดมีจุดไฮไลต์มากมายที่น่าแวะชม โดยเฉพาะศาลาการเปรียญทรงไทยทำจากไม้สักทั้งหลัง มุงหลังคากระเบื้องกาบู สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนปลาย พร้อมบานประตูไม้แกะสลักอันโดดเด่นที่มีรอยแตกซึ่งเล่าขานกันว่าเป็นรอยพม่าฟัน และอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดคือ หลวงพ่อหกนิ้ว พระพุทธรูปศิลปะอยุธยาทรงเครื่อง ที่นิ้วพระบาทขวามี 6 นิ้ว เชื่อกันว่าใครได้มากราบไหว้จะโชคดีสมปรารถนา นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถแบบอยุธยาที่ประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามและหอไตรกลางน้ำ สถาปัตยกรรมไทยทรงคุณค่าที่ควรค่าแก่การชม เรียกได้ว่าเป็นวัดที่รวมทั้งความศักดิ์สิทธิ์และความงดงามทางศิลปะไว้อย่างครบถ้วน
ภาพจาก : amnat30 / Shutterstock.com
7. วัดกำแพงแลง (วัดเทพปราสาทศิลาแลง)
เป็นหนึ่งในวัดโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเพชรบุรี โดดเด่นด้วยโบราณสถานแบบขอม สร้างขึ้นในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม วัดแห่งนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของอารยธรรมขอมที่แผ่เข้ามายังภาคกลางของไทย โดยเฉพาะศิลปะแบบบายนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในองค์ปรางค์และกำแพงศิลาแลง ปัจจุบันหลงเหลือปรางค์อยู่ 3 องค์จากเดิม 5 องค์ แต่ละองค์เคยเป็นเทวลัยที่ประดิษฐานเทวรูปสำคัญอย่างพระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระลักษมี และพระขันธกุมาร ซึ่งสะท้อนถึงรากฐานของศาสนาพราหมณ์ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นวัดพุทธในสมัยหลัง จากวัดร้างถูกบูรณะขึ้นใหม่ในยุคกรุงศรีอยุธยา วัดกำแพงแลงจึงกลายเป็นสถานที่ที่ผสมผสานทั้งความเชื่อ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมไว้อย่างกลมกลืน
ภาพจาก : amnat30 / Shutterstock.com
8. วัดเขาบันไดอิฐ
เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเดิมเคยเป็นสำนักสงฆ์เก่าตั้งแต่สมัยสุโขทัย ก่อนจะได้รับการยกฐานะเป็นวัดในภายหลัง ความโดดเด่นของวัดนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมหน้าบันพระอุโบสถซึ่งมีลวดลายปูนปั้นครุฑล้อมกนกเปลวพลิ้ว สะท้อนฝีมือช่างเมืองเพชรได้อย่างงดงาม ไฮไลต์สำคัญของวัดอยู่ที่ ถ้ำพระเจ้าเสือ ซึ่งมีตำนานเล่าว่าพระเจ้าเสือเคยเสด็จมาเยี่ยมพระอาจารย์แสง และได้ถวายพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรไว้ รวมถึงถ้ำพระพุทธไสยาสน์ที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ และถ้ำอื่น ๆ อย่างถ้ำพระอาทิตย์ ถ้ำพระจันทร์ ถ้ำช้างเผือก ถ้ำดุ๊ค และถ้ำสว่างอารมณ์ ที่มีพระพุทธรูปโบราณให้กราบไหว้หลากหลาย
9. หาดชะอำ
ชายหาดชื่อดังของจังหวัดเพชรบุรี ที่ยังคงครองใจนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมาอย่างยาวนาน ด้วยชายหาดที่ยาวขนานไปกับถนนเลียบทะเล บรรยากาศชิล ๆ มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเล่นบานาน่าโบ๊ท เจ็ตสกี ปั่นจักรยาน ขี่ม้าชมวิว หรือจะนั่งเล่นเตียงผ้าใบริมทะเล พร้อมสั่งอาหารทะเลสด ๆ มากินก็ได้ครบในที่เดียว นอกจากนี้ยังมีที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้บริการตลอดแนวชายหาด เรียกได้ว่าสะดวกทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืนก็ได้หมด
นอกจากความสวยงามแล้ว หาดชะอำยังมีเรื่องราวน่าสนใจทางประวัติศาสตร์อีกด้วย ในอดีตเคยเป็นที่ก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากบริเวณหาดเจ้าสำราญมีแมลงวันรบกวน พระองค์จึงทรงเลือกพื้นที่ทางตอนใต้บริเวณชะอำในการสร้างพระตำหนักแทน ทำให้บริเวณนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่เจ้านายและขุนนาง ต่อมาจึงกลายเป็นจุดหมายพักผ่อนยอดฮิตของประชาชนทั่วไป
10. หาดปึกเตียน
เป็นชายหาดขนาดเล็กที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ระหว่างหาดเจ้าสำราญและหาดชะอำ เหมาะกับสายชิลที่ชอบบรรยากาศสบาย ๆ ไม่พลุกพล่าน ตัวชายหาดอาจไม่กว้างใหญ่เหมือนหาดอื่น แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือประติมากรรมตัวละครจากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ที่ถูกจำลองไว้ทั้งบนหาด บนโขดหิน และแม้กระทั่งกลางน้ำทะเล ไม่ว่าจะเป็นนางผีเสื้อสมุทร พระอภัยมณี สินสมุทร นางเงือก ฯลฯ เสมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในฉากวรรณกรรมไทยกันเลยทีเดียว มีเรื่องเล่าว่าสุนทรภู่เคยเดินทางมาถึงเมืองเพชรบุรีในช่วงที่ท่านบวช และอาจได้รับแรงบันดาลใจจากชายหาดแห่งนี้ในการสร้างสรรค์บทกลอนเรื่องพระอภัยมณี นอกจากจุดเด่นด้านวรรณกรรมแล้ว หาดปึกเตียนยังมีบรรยากาศเรียบง่าย มีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักให้บริการพอสมควร เหมาะกับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย มานั่งเล่นริมทะเลแบบสงบ ๆ ได้อย่างลงตัว
11. หาดแหลมหลวง (แหลมผักเบี้ย)
เป็นหนึ่งในหาดที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ตัวชายหาดมีความกว้าง รายล้อมด้วยต้นหญ้า ดอกหญ้า และพื้นที่สีเขียวสบายตา ด้วยความที่หาดนี้อยู่ใกล้ป่าโกงกาง จึงพบสัตว์ท้องถิ่นชายเลนอย่างปูทะเล ปลาตีน และนกหัวโตหน้าขาวได้ไม่ยาก เหมาะกับคนที่รักการชมธรรมชาติ หรืออยากเดินเล่นริมชายหาดที่ไม่พลุกพล่าน นอกจากนี้ยังถือเป็นทรายเม็ดแรกของอ่าวไทย เพราะตั้งอยู่เลยจากมหาชัยและแม่กลองมาเพียงไม่ไกลเท่านั้น อีกหนึ่งไฮไลต์ของหาดแหลมหลวงคือ มุมถ่ายรูปสวย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสะพานไม้กลางป่าชายเลน อุโมงค์ต้นไม้ บริเวณแนวหาดที่เปิดโล่ง ไปจนถึงช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่โรแมนติกสุด ๆ เรียกได้ว่าเหมาะทั้งกับสายแคมป์ปิ้ง สายถ่ายภาพ และสายชิลที่อยากหาที่เงียบ ๆ ผ่อนคลายใกล้กรุงเทพฯ แบบไม่ต้องขับรถไกลเลย
12. หาดเจ้าสำราญ
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรีเพียง 15 กิโลเมตร ถือเป็นชายหาดประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญยาวนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีตำนานเล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถเคยเสด็จประพาส และประทับแรมที่นี่หลายวันจนทรงโปรดความงามของชายหาด จึงพากันเรียกขานว่า หาดเจ้าสำราญ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 หาดแห่งนี้เป็นที่โปรดสำหรับพระราชวงศ์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างค่ายหลวงบางทะลุ หรือพระตำหนักหาดเจ้าสำราญเพื่อพักผ่อน ต่อมาเมื่อมีปัญหาเรื่องแมลงวันและขาดแคลนน้ำจืด จึงทรงย้ายไปยังพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน แต่ชื่อหาดยังคงเรียก เจ้าสำราญ มาจนถึงวันนี้
ปัจจุบันหาดเจ้าสำราญทอดยาวด้วยทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส ภายใต้อากาศที่เย็นสบาย เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีร้านอาหารทะเลสด บรรยากาศเรียบง่ายไม่วุ่นวาย และยังรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไปเช้า–เย็นกลับ หรือพักค้างคืนได้อย่างสะดวก มีรีสอร์ต โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน
13. จุดชมวิวบางแก้ว
ตั้งอยู่บนถนนเลียบชายฝั่งทางหลวงชนบทสาย สส.2021 ห่างจากหาดเจ้าสำราญไม่ไกล นับเป็นจุดชมทะเลที่เงียบสงบและยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ การมาช่วงน้ำลดจะเห็นพื้นทรายโคลนโผล่กลางทะเล เกิดเป็นเหมือนทะเลแหวกขนาดย่อม สามารถนั่งพักชมวิว หรือปั่นจักรยานเลียบชายฝั่งชมทัศนียภาพสบายตา บริเวณนี้มีศาลาและมุมให้จิบกาแฟยามเช้า หรือชมแสงแรกแห่งวันได้อย่างสดชื่น
- ที่อยู่ : ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
14. วัดนอกปากทะเล
ตั้งอยู่ในตำบลปากทะเล อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญกับชุมชนชายฝั่งมาอย่างยาวนาน ไฮไลต์ของวัดนี้คือ โบสถ์ไม้สักโบราณทั้งหลัง ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี ใช้เทคนิคการเข้าไม้แบบปะกน และยกพื้นสูงเพื่อให้พ้นระดับน้ำทะเล โดยไม้สักถือเป็นวัสดุยอดนิยมของวัดชายทะเล เพราะทนทานต่อลมทะเลได้ดีกว่าการก่อปูน อีกหนึ่งจุดเด่นของวัดคือ วิหารเภตรานิพพานัง อาคารทรงเรือสำเภาที่รวมศิลปะหลากหลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน ภายในตกแต่งด้วยภาพเขียนลายรดน้ำลงรักปิดทองอย่างวิจิตร พร้อมองค์ประกอบเรือจริง เช่น พวงมาลัย ใบพัด และเสากระโดง ทำให้ที่นี่กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของศิลปกรรมชายทะเล นอกจากนี้ยังมี ศาลาการเปรียญเก่า มุงด้วยกระเบื้องว่าวสีแดงสลับขาว โดยเรียงเป็นตัวอักษรแสดงปีที่สร้างคือ ร.ศ. 117 (พ.ศ. 2443) แม้ว่าหอระฆังและหมู่กุฎิจะเคยชำรุดทรุดโทรม แต่ปัจจุบันมีการบูรณะจนกลับมาสง่างาม เหมาะแก่การปฏิบัติศาสนกิจ และเป็นสถานที่พักผ่อนใจสำหรับผู้มาเยือนอย่างแท้จริง
ภาพจาก : NICKY1841 / Shutterstock.com
- ที่อยู่ : ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
15. เขื่อนแก่งกระจาน
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่กั้นแม่น้ำเพชรบุรีจนเกิดเป็นอ่างเก็บน้ำจืดกว้างขวางโอบล้อมด้วยขุนเขา และมีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายอยู่กว่า 30-40 แห่ง เป็นวิวทะเลสาบแสนงดงาม เหมาะกับการมานั่งชิลรับลม ชมพระอาทิตย์ตก หรือล่องเรือชมธรรมชาติรอบเขื่อนได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในบริเวณเขื่อนยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นตกปลา เล่นน้ำริมเขื่อน หรือขับรถขึ้นไปชมวิวบนสันเขื่อน ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของลำน้ำและภูเขาได้แบบ 360 องศา มีร้านอาหารอร่อย ๆ เรียงรายรอบเขื่อนให้เลือกชิม และยังมีลานกางเต็นท์สำหรับผู้ที่ชอบนอนดูดาวยามค่ำคืนอีกด้วย อีกหนึ่งไฮไลต์ห้ามพลาดคือ สะพานแขวนแก่งกระจาน ซึ่งทอดยาวประมาณ 500 เมตร เชื่อมระหว่างเกาะในเขื่อน โดยทำจากไม้และเชือกสลิง เหมาะสำหรับการถ่ายรูปสวย ๆ ใครแวะมาแก่งกระจานห้ามพลาดการเช็กอินเด็ดขาด !
ภาพจาก : amnat30 / Shutterstock.com
16. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เป็นอุทยานขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,915 ตารางกิโลเมตร นับเป็นสมบัติทางธรรมชาติที่มีพืชพรรณและสัตว์ป่าหายากหลากหลายชนิด ตั้งแต่เสือดาว จระเข้โขง ช้างป่าไปจนถึงนกหายาก พร้อมผืนป่าหลายประเภทที่เชื่อมโยงระบบนิเวศหลายภูมิภาค ที่นี่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติและคนรักป่า มีอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่ของเขื่อนแก่งกระจาน พร้อมสะพานแขวนที่ทอดตัวผ่านผืนน้ำ เหมาะกับการปีนสันเขื่อน ชมวิวพระอาทิตย์ตก-ขึ้น และพายเรือสำรวจความงามของทะเลสาบ ในเขตอุทยานยังมีจุดกางเต็นท์และลานพักค้างคืน เช่น บริเวณอาคารทำการที่จุดเขื่อน และถัดไปหลายจุดรอบเขต มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติและชมสัตว์ เช่น ฝูงผีเสื้อ นก และสัตว์ป่าเล็กยามเช้าแก่งกระจานจึงถือเป็นย่านยอดนิยมของการกางเต็นท์ ดูดาว หรือชิลล์ริมลำธาร หากใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบสมบูรณ์ แวะมาเที่ยวชมอ่างเก็บน้ำ ล่องเรือ พักแรมบนสันเขื่อน หรือเดินชมผืนน้ำและป่าในวันเดียว ก็ถือเป็นแผนเที่ยวใกล้กรุงที่น่าสนใจและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของความเป็นป่าเขาต้นตำรับอย่างแท้จริง
ภาพจาก : Polbkt / Shutterstock.com
17. แคมป์บ้านกร่าง
สวรรค์ของสายแคมป์และคนรักผีเสื้อ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถือเป็นอีกหนึ่งจุดพักค้างแรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งที่หลงใหลในธรรมชาติ บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ ท่ามกลางป่าเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน มีลานกางเต็นท์กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ลานจอดรถ และร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ ให้บริการ ใครชอบความเรียบง่ายแต่ไม่ลำบากเกินไป ต้องมาลองเลย
หนึ่งในไฮไลต์ของแคมป์บ้านกร่างคือ ลานผีเสื้อ ที่จะได้พบกับฝูงผีเสื้อนับร้อยนับพันตัวออกมาบินอวดโฉมในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ก่อนเวลาเที่ยง ถือเป็นช่วงพีคที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ไม่เพียงแค่ผีเสื้อเท่านั้นนะ ที่นี่ยังเป็นจุดชมนกหายากและสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เจ้าลูกหมี ที่บางคนโชคดีเจอหน้าเต็นท์มาแล้ว
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นจุดปล่อยรถขึ้นเขาพะเนินทุ่ง และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรให้ได้เดินชิล ๆ ระหว่างทางอาจได้พบฝูงนกหรือผีเสื้อกลางทางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แคมป์บ้านกร่างเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 กรกฎาคม ของทุกปี และจะปิดในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้น และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แนะนำให้จองล่วงหน้าและเตรียมตัวดี ๆ
18. เขาพะเนินทุ่ง
ถ้าเอ่ยถึงทะเลหมอก หลายคนอาจจะนึกถึงภาคเหนือเป็นอันดับแรก แต่รู้ไหมว่า ที่เพชรบุรีก็มีจุดชมทะเลหมอกสุดอลังการอย่าง เขาพะเนินทุ่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นดินแดนแห่งขุนเขาและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ รายล้อมด้วยผืนป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยความที่ต้นไม้ปล่อยไอน้ำตลอดปี ทำให้ที่นี่สามารถชมทะเลหมอกได้ทุกฤดูกาล ไม่จำเป็นต้องรอเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น แต่หากอยากชมหมอกที่งดงามเป็นพิเศษ ก็แนะนำให้ไปช่วง ปลายฝนต้นหนาว เพราะจะได้เห็นวิวเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าแบบเต็มตา
เขาพะเนินทุ่งตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 50 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาเป็นถนนลูกรัง มีความลาดชันบางช่วง และเจ้าหน้าที่ อนุญาตให้เฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น สำหรับใครไม่มีรถ 4WD สามารถใช้บริการรถนำเที่ยวของอุทยานได้ จุดชมวิวหลักจะอยู่ที่กิโลเมตรที่ 30 และกิโลเมตรที่ 36 ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมทะเลหมอกได้แบบพาโนราม่า สวยจนต้องหยิบกล้องมารัวชัตเตอร์ไม่หยุด
นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักค้างแรมเพื่อรอชมทะเลหมอกยามเช้าและดูดาวในยามค่ำคืนได้ด้วยนะคะ อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางขุนเขาภาคเหนือโดยไม่ต้องเดินทางไกลเลย ทั้งนี้ เขาพะเนินทุ่งจะเปิดให้ขึ้นชมได้ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 กรกฎาคม ของทุกปี และจะปิดในช่วงหน้าฝนเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ภาพจาก : ajisai13 / Shutterstock.com
19. น้ำตกทอทิพย์
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 9 ชั้น แต่ละชั้นมีเสน่ห์ต่างกันออกไป โดยเฉพาะชั้นที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของน้ำตกแห่งนี้ ด้วยสายน้ำที่ไหลผ่านหน้าผาหินสีดำสูงกว่า 15 เมตร แล้วแตกตัวเป็นสองสาย สู่ลำธารด้านล่างท่ามกลางป่าไม้เขียวขจี ให้ความรู้สึกสดชื่นและงดงามราวฉากในนิยาย การเดินทางไปยังน้ำตกทอทิพย์นั้นต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย เพราะต้อง เดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร จากจุดจอดรถใกล้กิโลเมตรที่ 36 บนเขาพะเนินทุ่ง เส้นทางเดินจะเป็นทางลงเขาเกือบตลอดทั้งทาง ใช้เวลาเดินไป-กลับราว 3 ชั่วโมง เหมาะกับนักเดินป่ามือใหม่ที่อยากเปิดประสบการณ์ผจญภัยแบบเบา ๆ
ช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวมากที่สุดคือ ปลายฤดูร้อนถึงต้นฝน แต่หากมาช่วงหน้าฝนจริง ๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะการป้องกันทาก เช่น ถุงกันทากหรือสเปรย์ตะไคร้หอม เพราะพื้นที่ค่อนข้างชื้นและทากชุมมาก บรรยากาศสองข้างทางเดินนั้นร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และยังอาจพบสัตว์ป่าน่ารักอย่าง ค่าง ชะนี หรือฝูงนกนานาชนิด ที่ออกมาหากินในบริเวณต้นไทรด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเยี่ยมชมน้ำตกทอทิพย์ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ล่วงหน้า เพื่อจัดหานำทางที่เชี่ยวชาญ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และทำให้การเที่ยวธรรมชาติในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง
20. อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่น่าสนใจในเพชรบุรี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ห่างจากตัวอำเภอแก่งกระจานเพียงประมาณ 25–30 นาที ที่นี่แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน ได้แก่ แดนมหายานเต๋า และแดนพุทธเกษตร มีพระพุทธรูป เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู รวมถึงรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมในหลายปาง โดยไฮไลต์ของที่นี่คือ เจ้าแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกรที่แกะสลักจากไม้การบูรหอม นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งถือเป็นองค์ที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก ภายในอุทยานมีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การเดินชม ถ่ายภาพ และไหว้พระเสริมสิริมงคล
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม จังหวัดเพชรบุรี
21. โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
หนึ่งในแลนด์มาร์กสายเกษตรที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเพชรบุรีคือ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง บนพื้นที่กว่า 250 ไร่กลางหุบเขา ที่ครั้งหนึ่งเคยแห้งแล้ง แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี จุดเริ่มต้นของโครงการนี้มีที่มาน่ารักมากจากหัวมันเทศที่พระองค์ทรงลืมไว้บนตราชั่งในห้องทรงงาน ณ พระราชวังไกลกังวล เมื่อกลับมาอีกครั้ง หัวมันนั้นกลับงอกใบออกมา ทำให้พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า แม้ในที่แห้งแล้งหรือบนตราชั่ง หัวมันยังเติบโตได้ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการแห่งนี้ขึ้น และตั้งชื่ออย่างมีอารมณ์ขันว่า “ชั่งหัวมัน”
ปัจจุบันโครงการเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าศึกษาเรียนรู้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะมาแบบครอบครัว หรือกลุ่มนักศึกษา มีกิจกรรมทัวร์รอบโครงการด้วยรถรางพร้อมวิทยากร ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงอย่างละเอียด นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินหรือ ปั่นจักรยานชมแปลงเกษตร และแลนด์มาร์กเด่นของที่นี่อย่าง กังหันลมสีขาวขนาดใหญ่ ที่ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าภายในโครงการอีกด้วย นับว่าเป็นที่เที่ยวเชิงเรียนรู้ที่เหมาะกับทุกวัย และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
22. ถ้ำเขาย้อย
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสายบุญที่เที่ยวได้แบบแวะง่าย ไม่ไกลจากตัวเมืองเพชรบุรีคือ ถ้ำเขาย้อย หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดถ้ำเขาย้อย เป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ที่ด้านในมีถ้ำธรรมชาติหลายถ้ำ บรรยากาศสงบเย็น ด้านในถ้ำประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) เป็นพระประธานองค์ใหญ่ และยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่นับสิบองค์ ทั้งปางสมาธิ ปางมารวิชัย และปางประจำวันเกิด ที่ผู้คนมากราบไหว้ขอพรกันอย่างสม่ำเสมอ
จุดศรัทธาอีกแห่งในถ้ำคือ รอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ตั้งอยู่หลังพระประธาน ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าหากได้มาปิดทองหรือโยนเหรียญบูชา จะได้อานิสงส์เสริมโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา และที่นี่ยังมีรูปปั้น พระเจ้าอู่ทอง และรูปปั้นงู ที่เป็นอีกหนึ่งจุดเคารพบูชา นอกจากนี้ ถ้ำเขาย้อยยังเป็นสถานที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 4 เคยเสด็จมาปักกลดปฏิบัติธรรมเมื่อครั้งทรงผนวช จึงทำให้วัดนี้มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ภาพจาก : SUTHIN LODTHONG / Shutterstock.com
23. สวนตาลลุงถนอม
แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับตาลโตนด พืชเศรษฐกิจคู่จังหวัดเพชรบุรีมายาวนาน บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ลุงถนอมได้เปิดสวนให้ผู้คนเข้ามาเรียนรู้ตั้งแต่การปลูก การดูแลต้นตาล การเก็บน้ำตาลสด ไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งตาลโตนดกวน ลูกตาลลอยแก้ว และ กาแฟน้ำตาลโตนด ที่กลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของคาเฟ่เล็ก ๆ หน้าสวนที่ต้องแวะลอง นอกจากความรู้ นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดร่มรื่นใต้ร่มเงาต้นตาลที่เรียงรายสวยงาม พร้อมแคร่นั่ง เปลญวนให้นอนชิล หรือจะพกเสื่อมานั่งปิกนิกใต้ต้นไม้ก็ยังได้ ถ้าวันไหนมีการตัดลูกตาล ก็มีโอกาสได้ชิมลูกตาลสด ๆ จากต้นเลยด้วยนะคะ ที่นี่จึงไม่ใช่แค่แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์วิถีชีวิตชาวสวนและวัฒนธรรมการปลูกตาลโตนดที่หาดูได้ยากในยุคนี้
24. อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ (เขื่อนแม่ประจันต์)
เป็นเขื่อนดินขนาดกลางที่ก่อสร้างเพื่อปิดกั้นลำห้วยแม่ประจันต์ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2539 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549 ตัวเขื่อนมีสันเขื่อนยาวกว่า 2 กิโลเมตร และสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 42.2 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญและพื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์น้ำแล้ว เขื่อนแห่งนี้ยังกลายเป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่อยากมาสูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศโดยรอบของเขื่อนแม่ประจันต์นั้นเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของป่าไม้ มีลมเย็นพัดผ่าน และเหมาะมากสำหรับการนั่งชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น หากมาช่วงที่น้ำเต็มเขื่อน วิวจะสวยเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายรูป สายปั่นจักรยาน หรือสายชิล ที่นี่ตอบโจทย์หมด นอกจากนี้ ยังมีพระนอนองค์ใหญ่ ณ จุดชมวิวเขากระทิง ใกล้ ๆ ให้แวะสักการะเพิ่มความสิริมงคลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นโลเคชันนอกสายตาแต่บรรยากาศน่าแวะสุด ๆ
- ที่อยู่ : บ้านจะโปรง ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี
25. ถ้ำโบ้
โพรงถ้ำขนาดใหญ่บนเขาอีบิด ตั้งอยู่บริเวณบ้านคีรีวงก์ อำเภอเขาย้อย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวสายลุยที่อยากสัมผัสประสบการณ์ปีนเขาและชมวิวธรรมชาติแบบพาโนรามา โดยบริเวณปากถ้ำมีโพรงกว้าง มองออกไปเห็นวิวทุ่งนาและพื้นที่เกษตรของชาวบ้านแบบสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศเย็นสบาย และในบางจังหวะอาจได้เห็นฝูงนกบินออกจากถ้ำเป็นภาพที่สวยงามมาก ภายในถ้ำเป็นโถงสูงโปร่ง มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แสงแดดลอดผ่านปล่องหินเข้ามาในถ้ำ สร้างบรรยากาศลึกลับและงดงามในเวลาเดียวกัน เส้นทางขึ้นค่อนข้างชัน ต้องเกาะเชือกและปีนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ไม่เหมาะกับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ทางเดินอาจลื่นและเป็นอันตราย แต่เมื่อขึ้นมาถึงแล้วก็จะพบกับวิวหลักล้านที่มองเห็นเมืองเพชรบุรีและต้นตาลเรียงรายได้อย่างชัดเจน เหมาะทั้งสำหรับนักผจญภัยและคนที่อยากได้รูปเท่ ๆ จากมุมลับแห่งเมืองเพชรแห่งนี้
26. วัดถ้ำแจง
แลนด์มาร์กใหม่ของสายมูที่ห้ามพลาด กับ พ่อปู่พญาเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช องค์พญานาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูงราว 31 เมตร ลำตัวยาว 227 เมตร มีช่องลอด 9 ช่องตามความเชื่อเรื่องเสริมสิริมงคล รูปแบบสวยงามวิจิตร สีเขียวปีกแมลงทับมีมิติ สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น นอกจากจะได้มากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังสามารถร่วมกิจกรรมลอดท้องพญานาค หรือสักการะบายศรีและชุดธูปผ้าแดงในราคาย่อมเยาได้อีกด้วย ใครที่อยากสัมผัสพลังแห่งความศรัทธา และเส้นทางสายมูแบบเต็มขั้น ที่นี่คือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด นอกจากนี้บริเวณหลังวัดยังมี ถ้ำแจง ถ้ำธรรมชาติที่สงบและงดงาม มีแผนปรับปรุงเพื่อเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธอีกแห่งของเพชรบุรีในอนาคตอีกด้วย
ภาพจาก : Anirut Thailand / Shutterstock.com
27. Camel Republic (สวนอูฐชะอำ)
สถานที่ท่องเที่ยวสุดชิคที่รวมทั้งสวนสัตว์และสวนสนุกไว้ในที่เดียว โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์โมร็อกโค สีสันสดใส ถ่ายรูปขึ้นทุกมุม ไฮไลต์ของที่นี่คือการได้ใกล้ชิดกับสัตว์หลากชนิด เช่น อูฐ อัลปาก้า คาปิบาร่า ยีราฟ ม้า แพะ แกะ รวมถึงนกนานาพันธุ์อย่างฟลามิงโก้ เป็ด และห่าน ที่สามารถให้อาหารได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังมีโซนเครื่องเล่นสุดมันส์ เช่น Flying Macaw ที่เหวี่ยงตัวคุณราวกับกำลังบิน Drop Twist เครื่องเล่นแนวดิ่งสุดระทึก และ Minidance 360 ที่ทั้งหมุนทั้งเหวี่ยงแบบไม่ปรานี สำหรับเด็ก ๆ ก็มีม้าหมุน บ้านบอล และสระน้ำวนให้สนุกได้เช่นกัน ปิดท้ายด้วยร้านของที่ระลึกสุดน่ารักที่มีทั้งตุ๊กตา เสื้อผ้า และของขวัญติดไม้ติดมือกลับบ้าน เหมาะกับทั้งครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อนที่อยากแวะพักเติมพลังสนุกก่อนมุ่งหน้าลงใต้
ภาพจาก : Nach-Noth / Shutterstock.com
28. Swiss Sheep Farm (Zucata Sheep Farm)
แลนด์มาร์กยอดฮิตของเพชรบุรี ที่ตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองเพชรบุรีและชะอำ ด้วยบรรยากาศที่จำลองฟาร์มแกะจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งคอกแกะ โรงนา กังหันลม และหมู่บ้านยุโรปสีสันสดใส เหมาะกับสายครอบครัวและคนรักสัตว์สุด ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่จะได้สนุกกับกิจกรรมให้อาหารและป้อนนมแกะ ชมสัตว์น่ารักอย่างแพะ อัลปาก้า คาปิบาร่า เต่า ยีราฟ และอูฐ นอกจากนี้ยังมีโซนเกมชิงรางวัล ขี่ม้า นั่งรถถังชมวิวรอบฟาร์ม พร้อมร้านคาเฟ่และร้านอาหารให้ได้นั่งพักชิล ๆ หลังถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่ม
ภาพจาก : sarayuth3390 / Shutterstock.com
29. The Field Animals Dream
เป็นสวนสัตว์ขนาดกลางบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ หนึ่งเดียวในจังหวัดเพชรบุรี ภายในเต็มไปด้วยบรรยากาศร่มรื่น และกิจกรรมให้อาหารสัตว์แบบใกล้ชิดกว่า 20 โซน ไม่ว่าจะเป็น เต่าซูคาต้า ปลาคราฟ นกฟลามิงโก้ นกแก้ววินคานัว และจิงโจ้ที่ส่งตรงจากออสเตรเลีย รวมถึงสัตว์อีกมากมายที่พร้อมโชว์ความน่ารักแบบไม่กลัวคน นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปตกแต่งไว้อย่างน่ารัก เรือถีบให้ปั่นชมวิวรอบบึงน้ำ เหมาะมากสำหรับการพาเด็ก ๆ มาเรียนรู้ธรรมชาติและสัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเพชรบุรีที่คนรักสัตว์ไม่ควรพลาด
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The field Animals dream
30. โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ที่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน โดยเกิดขึ้นภายใต้มูลนิธิศิลปาชีพตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เพื่อส่งเสริมอาชีพการประมงแบบยั่งยืน ลดต้นทุนจากการออกเรือไกลและสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอย่างมั่นคง ภายในฟาร์มมีกิจกรรมให้เรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำอย่างปลานวลจันทร์ กุ้ง และหอย การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เช่น การปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น การปลูกป่าชายเลน และกิจกรรมสาธิตการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ฟาร์มยังร่วมมือกับกลุ่มประมงพื้นบ้านและผู้ทำนาเกลือ เพื่อพัฒนาอาชีพและดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน นอกจากความรู้แล้ว ที่นี่ยังมีมุมพักผ่อนริมทะเล ศาลาให้นั่งชิล และป้ายข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ทะเลให้อ่านเพลิน ๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัยที่อยากเรียนรู้ควบคู่ไปกับการพักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ จังหวัดเพชรบุรี
และนี่คือส่วนหนึ่งของ ที่เที่ยวเพชรบุรี ที่เรานำมาฝากกัน จังหวัดนี้ไม่ใช่แค่เมืองผ่านระหว่างกรุงเทพฯ – หัวหินอีกต่อไป แต่เป็นจุดหมายปลายทางครบเครื่อง ทั้งทะเล ภูเขา วัดเก่า ธรรมชาติ ฟาร์ม และกิจกรรมสำหรับทุกวัย เที่ยวได้ทุกฤดูทั้งปี จะวันเดียวก็ได้ หรือพักค้างก็สนุกได้เต็มที่ !
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวเพชรบุรี ที่เที่ยวชะอำ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี, เฟซบุ๊ก พระนครคีรี กรมศิลปากร / Phra Nakhon Khiri, The Fine Arts Department, เฟซบุ๊ก สำนักงานวัดมหาธาตุวรวิหาร จ.เพชรบุรี, เฟซบุ๊ก วัดพระนอน จ.เพชรบุรี, เฟซบุ๊ก วัดเขาบันไดอิฐ. อ เมืองฯ จ เพชรบุรี, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - Kaeng Krachan National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม จังหวัดเพชรบุรี, เว็บไซต์ ชั่งหัวมัน.royaloffice.th, เฟซบุ๊ก สวนตาลลุงถนอม, เฟซบุ๊ก วัดถ้ำแจง จ.เพชรบุรี, เฟซบุ๊ก สวนอูฐ ชะอำ, เฟซบุ๊ก Swiss Sheep Farm (Zucata Sheep Farm), เฟซบุ๊ก The field Animals dream, เฟซบุ๊ก ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ จังหวัดเพชรบุรี