มิถุนายน เที่ยวไหนดี แนะนำที่เที่ยวทั่วไทย เที่ยวไปในเดือนแห่งการเริ่มต้นฤดูฝนอันแสนชุ่มฉ่ำ เก็บเกี่ยวบรรยากาศหลังฝนตกและมีหมอกหนา เติมความสุขให้ชีวิตกัน
พอเข้าเดือนมิถุนายน ก็ถือว่าเป็นช่วงต้นฤดูฝน สายฝนที่เริ่มโปรยปราย ท้องฟ้าแสนสดใส ธรรมชาติงอกงาม หลายคนก็เริ่มมองหาที่เที่ยวหน้าฝนสุดโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาเขียวขจี น้ำตกไหลริน ตลาดน่าเที่ยว ให้ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา ในช่วงที่ฝนโปรยปรายแบบนี้หาแพลนไปเที่ยวกันดีกว่ากับ ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน 2567 จะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน
ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน 2567
1. บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม จังหวัดเชียงราย
แอ่วเหนือไปพักผ่อนหย่อนใจหย่อนกายลง บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม บ่อน้ำร้อนธรรมชาติใน วนอุทยานน้ำตกห้วยแก้ว-บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดชิลภายในอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยาน บริเวณริมแม่น้ำกก เป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร น้ำภายในบ่อมีอุณหภูมิอยู่ที่ 67 องศาเซลเซียส และมีสีเขียวมรกตใสสะอาด อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด เช่น ฟลูออไรด์ ไนเตรต ซัลเฟต ไอโอดีน แต่อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย
ทางวนอุทยานจะมีบ่อซีเมนต์สร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวแช่น้ำร้อนได้ โดยน้ำจะค่อย ๆ ผุดขึ้นจากบ่อไหลเป็นห้วยเล็ก ๆ ไปยังบ่อซีเมนต์สำหรับแช่ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนตัว บ้านพักติดริมแม่น้ำกก ลานกางเต็นท์ รวมถึงร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ใครที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหรือทำงานลองแวะไปพักผ่อนแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายกันได้
2. ทุ่งนาขั้นบันได จังหวัดเชียงใหม่
สูดอากาศดี ๆ รายล้อมไปด้วยทุ่งนาสีเขียวในช่วงหน้าฝนกันที่ นาขั้นบันได จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในแลนด์มาร์กยอดฮิตในช่วงกรีนซีซั่น สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติและรักในการถ่ายภาพ ภาพของนาข้าวที่เขียวขจีปลูกลดหลั่นตามทิวเขาจนกลายเป็นเหมือนขั้นบันไดเรียงลำดับชั้น หากมาในตอนเช้าจะได้พบกับทะเลหมอกและสัมผัสไออุ่นจากแสงแดด และถ้าหากมาตอนเย็นสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินและแสงยามเย็นสวย ๆ กระทบกับหุบเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก นอกจากนาขั้นบันไดที่สวยงามจนต้องแวะถ่ายรูปรัว ๆ แล้ว ไฮไลต์อีกอย่างของนาขั้นบันไดคือ ที่พักแบบโฮมสเตย์ต่าง ๆ ของชาวบ้านที่เปิดให้เราได้สัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตผู้คนได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
3. อำเภอปัว จังหวัดน่าน
ใครชอบเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ในเมืองเล็ก ๆ เงียบสงบ มองไปทางไหนก็เขียวชอุ่มสดชื่นสบายตา ขอแนะนำ อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมืองแห่งทุ่งนา ธรรมชาติ และวัดเก่าแก่ สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ชมวัฒนธรรมอันทรงเสน่ห์ในแบบของไทลื้อ ยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายนจะเริ่มมีทุ่งนาสีเขียวให้ได้เห็นกันแล้ว
ในอำเภอปัวมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เราได้แวะไปเยือน เช่น วัดภูเก็ต ที่ด้านหลังวัดจะมีวิวทุ่งนาสีเขียวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไปถ่ายรูปกันได้เพลิน ๆ หรือจะแวะไปจิบกาแฟที่ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนา มีทางเดินไม้ไผ่ให้เราเดินชมทุ่งนาสวย ๆ หรือจะขึ้นไปสูดอากาศกันให้เต็มปอดที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา บนนั้นบอกเลยว่าอากาศดีสุด ๆ และสำหรับคนที่มาเที่ยวอำเภอปัว แนะนำให้นอนพักที่ ที่พักปัว อย่างน้อย 1 คืน ตื่นเช้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นสายหมอกบาง ๆ และน้ำค้างยามเช้าด้วยนะ
4. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
ที่เที่ยวดังแห่งเมืองมะขามหวาน ที่ไม่ว่าจะเที่ยวหน้าไหนก็สวย หลายคนอาจจะคิดว่าต้องมาหน้าหนาวเท่านั้น แต่หน้าฝนก็สวยเหมือนกัน โดย อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอหล่มสักและอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่มากกว่า 603,750 ไร่ เป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสูง มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศหนาวเย็นทั้งตอนเย็นและตอนเช้า ส่วนตอนกลางวันอากาศจะเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ย 25 องศาเซลเซียสเท่านั้น และในช่วงหน้าฝนก็จะมีฝนตกชุก แต่ก็ยังมาเที่ยวได้ แค่อาจจะต้องลุยฝนลุยโคลนกันสักหน่อย เหมาะสำหรับสายลุยชอบความท้าทาย
สำหรับที่เที่ยวภายใน อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีให้เลือกมากมายเลย เช่น
- จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์ เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตก เป็นถ้ำขนาดเล็กที่ภายในจะมีช่องแคบ ๆ มีหินงอก-หินย้อย เป็นที่อยู่ของค้างคาวหลายชนิด โดยเฉพาะค้างคาวมงกุฎมาร์แชล ที่เป็นสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์
- จุดชมทิวทัศน์ภูค้อ จุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ในช่วงหน้าหนาวจะสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า และยังมองเห็นป่าของสวนสนภูกุ่มข้าวสลับกับป่าดงดิบ ส่วนบริเวณด้านหลังจะเป็นภูกระดึงและภูผาจิต ที่สำคัญมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติให้เดินเที่ยวชมอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี ถ้ำใหญ่น้ำหนาว น้ำตกตาดพรานบา น้ำตกทรายทอง น้ำตกเหวทราย ป่าเปลี่ยนสี ผาล้อมผากอง สวนสนบ้านแปก สวนสนภูกุ่มข้าว เป็นต้น จัดว่าเป็นที่เที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวเร่งฝีเท้าเข้าไปรับความสดชื่นในป่าผืนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้เบื่อ
5. ตลาดน้ำบางขาม วัดคุ้งท่าเลา จังหวัดลพบุรี
ตลาดน้ำบางขาม ตลาดน้ำเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ในวัดคุ้งท่าเลา ตำบลบางพึ่ง อำเภอบ้านหมี่ เป็นตลาดน้ำที่ทางวัดและชาวบ้านร่วมมือกันก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนให้มีรายได้ สินค้าส่วนใหญ่เป็นผลิตผลของชาวบ้าน และอาหารคาว-หวาน ทั้งผัดไทย หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเรือ ไก่ย่าง ส้มตำ ทอดมันหัวปลี ข้าวโพดปิ้ง ขนมไทย ผลไม้ น้ำสมุนไพรต่าง ๆ พร้อมของใช้ของฝากอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีบริการล่องเรือเที่ยวชมแม่น้ำบางขาม เป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ 15 ที่นั่ง ได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนตามสองฝั่งคลอง
ภาพจาก : SOMCHAI DAENGNGAM / Shutterstock.com
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ที่ใครมาที่วัดคุ้งท่าเลาเป็นต้องเช็กอินคือ ซุ้มประตูทางเข้า เป็นรูปหนุมานอ้าปาก ประดับกระจกสีสวยสะดุดตา เมื่อเดินผ่านปากหนุมานเข้าไปในวัดก็จะเจอ ยักษ์ไมยราพ และประติมากรรมตัวละครอื่น ๆ ที่นำเอาตำนานเมืองลพบุรีเกี่ยวกับเรื่องรามเกียรติ์ มาประยุกต์ในการสร้างด้วย ใครกำลังหาที่เที่ยวเดือนมิถุนายน ที่ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งรูปสวย ๆ แถมของกินหลากหลาย ก็ลองไปที่นี่กันดูได้ โดยตลาดแห่งนี้จะเปิดทุกวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
6. ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน โดยวัดโพธิ์เก้าต้นเป็นวัดสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไหว้พระทำบุญไม่ขาดสาย และเพื่อให้เที่ยวอย่างครบรส อีกทั้งยังส่งเสริมรายได้ให้กับชาวบ้าน ทางชุมชนจึงได้มีการจัดตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันขึ้น บรรยากาศภายในตลาดร่มรื่นน่าเที่ยวชม มีการจัดแต่งซุ้มจำหน่ายสินค้าด้วยวัสดุธรรมชาติในรูปแบบพื้นบ้าน ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ชาวบ้านจะแต่งตัวย้อนยุคมานั่งจำหน่ายสินค้า พูดจาขอรับ/เจ้าค่ะ พาให้บรรยากาศยิ่งคล้ายกับตลาดในยุคโบราณ
ภาพจาก : adul24 / Shutterstock.com
สินค้าที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายจะเป็นอาหารท้องถิ่น ขนมโบราณที่หากินยาก ผลิตภัณฑ์ทำมือ รวมไปถึงพืชผักและผลไม้สด ๆ จากไร่ของชาวบ้าน ซึ่งจะเริ่มขายกันในราคาเพียงแค่หลักสิบเท่านั้น อีกทั้งยังมีการแสดงต่าง ๆ เช่น การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงเพลงฉ่อย การแสดงวีรกรรมชาวบ้านบางระจัน จากเด็ก ๆ ในชุมชนอีกด้วย ตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.
7. วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท
วัดดังของเมืองชัยนาท ตั้งอยู่ในตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี ในอดีตเป็นวัดร้างชื่อ วัดขวิด เพราะบริเวณรอบ ๆ เป็นที่ดอนและมีต้นมะขวิดขึ้นอยู่เลยเป็นที่มาของชื่อ แต่ก็มีชาวบ้านเรียกว่า วัดบ้านแค ตามชื่อของหมู่บ้านคือบ้านแคด้วยเหมือนกัน กระทั่งถึงในสมัย หลวงพ่อกวย เป็นเจ้าอาวาสนั้น จึงมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดโฆสิตาราม เนื่องจากท่านได้สร้างพระพิมพ์ซึ่งมีรูปแบบเหมือนกับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลชื่อดัง รวมถึงยังมีลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อกวยมากราบไหว้ท่านกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ภาพจาก : Anirut Thailand / Shutterstock.com
ภายในวัดมีการเก็บสังขารหลวงพ่อกวยเอาไว้ให้ลูกศิษย์และผู้คนทั่วไปได้สักการะ นอกจากนี้ทางวัดยังมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คนจะนิยมเอาน้ำไปทำน้ำมนต์ และเอาดินไปสร้างพระ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสระที่หลวงพ่อกวยขุดและลงอาถรรพ์เอาไว้ เมื่อก่อนนั้นท่านจะนำเอาพระเครื่องและแม่พิมพ์พระบางแบบทิ้งลงไปเพื่อให้ศักดิ์สิทธิ์ เรียกได้ว่าเป็นวัดดังที่มีผู้คนมากมายเดินทางมากราบไหว้ หรือใครที่อยากจะเช่าพระเครื่องกลับไปสักองค์ก็ควรจะต้องแวะมาอย่างมากจริง ๆ
8. วัดนางในธัมมิการาม จังหวัดอ่างทอง
วัดนางในธัมมิการาม หรือชาวบ้านเรียกว่า วัดนางใน ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดศาลเจ้าโรงทอง ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2393 เป็นวัดที่รวมความเป็นสิริมงคลของจังหวัด มีจุดเด่นอยู่ที่ หอบูรพาจารย์ดั้งเดิม เป็นกุฏิหลังเก่าทรงปั้นหยา ซึ่ง หลวงพ่อนุ่ม และ หลวงพ่อชม อดีตเจ้าอาวาสองค์สำคัญของวัด ใช้จำพรรษามาหลายสิบปี ทั้งนี้ หลวงพ่อนุ่ม เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่รู้จักกันไปทั่ว เป็นพระนักพัฒนาผู้รักสันโดษ และเป็นพระที่มีความรู้แตกฉานในพระธรรม ท่านได้ทำการก่อสร้างวัดและพัฒนาวัดนางในร่วมกับประชาชน ทำให้วัดแห่งนี้มีความเจริญขึ้นในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
ภาพจาก : kwanchai / Shutterstock.com
ปัจจุบันประชาชนจากทั่วสารทิศได้เดินทางมากราบไหว้ขอพรกันอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสมความปรารถนาแล้วก็จะนำน้ำอัดลมมาทำการแก้บน โดยในทุก ๆ ปีวัดนางในจะจัดงานประจำปีซึ่งตรงกับเทศกาลตรุษจีน เป็นการจัดงานที่มีความยิ่งใหญ่ ทางวัดจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปปิดทองรูปหล่อหลวงพ่อนุ่ม มีประชาชนทั่วไปทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
9. เขาช่องลม จังหวัดนครนายก
เขาช่องลม ที่เที่ยวที่ได้ชื่อว่าเป็น กรีนแลนด์ ณ ไทยแลนด์ รอบข้างจะรายล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ จนรู้สึกได้ถึงพลังของธรรมชาติที่อบอวลอยู่รอบ ๆ ตลอดเส้นทาง การไปเที่ยวน้ำตกช่องลมนั้นเราจะต้องนั่งเรือเข้าไปด้านในเขื่อนขุนด่านปราการชล เมื่อเข้าไปถึงจะได้พบกับดินแดนแห่งขุนเขาและลำน้ำที่ซุกซ่อนตัวอยู่หลังเขื่อน สองข้างทางจะมีลำธารน้ำที่มีโขดหินเล็กใหญ่สลับกันไป และมีน้ำไหลผ่านตามซอกหิน ให้ความรู้สึกสดชื่นไม่น้อย แม้จะต้องเดินเท้าเข้าไป แต่ด้วยระยะทางและสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่ธรรมชาติวิวทิวทัศน์ที่อยู่ในช่องเขาจนเป็นที่มาของชื่อ เขาช่องลม แต่ยังมีน้ำตกสวย ๆ อย่างน้ำตกผางามงอน น้ำตกคลองคราม และน้ำตกช่องลม ที่ใครอยากจะลงเล่นน้ำก็สามารถทำได้ เพราะน้ำไม่ลึกและไม่แรงมากด้วย
10. กินปู ดูเหยี่ยว เที่ยวโฮมสเตย์ ที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน จังหวัดจันทบุรี
หมู่บ้านไร้แผ่นดิน หรือ หมู่บ้านปากน้ำเวฬุ อยู่ในพื้นที่ตำบลบางชัน อำเภอขลุง ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของการมาท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรี ไฮไลต์คือการได้มาชม เหยี่ยวแดง สัตว์ป่าคุ้มครองที่มีมากมายนับร้อยนับพันตัวมารวมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่หาดูได้ยาก และแสดงถึงระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของป่าชายเลนที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ และเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ภาพจาก : PUMPZA / Shutterstock.com
ชาวบ้านบางคนก็ได้ปรับบ้านพักให้กลายเป็นที่พักอาศัยแบบโฮมสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว พร้อมจัดกิจกรรมล่องแพเปียกไปบริเวณป่าโกงกางลุ่มน้ำเวฬุ ชมเหยี่ยวนับร้อยนับพันตัวที่โฉบลงมากินอาหารบนผิวน้ำอย่างตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังมีมีกิจกรรมทางน้ำให้สนุกสนานเพลิดเพลิน เช่น พายเรือคายัก เล่นน้ำ ชมทะเลแหวก หาดทรายสีดำ บริเวณปากน้ำแม่น้ำเวฬุ ช่วงก่อนที่แม่น้ำจะไหลออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาด้วย
11. วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ
วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ที่บ้านอาฮง ตำบลไคสี อำเภอเมืองบึงกาฬ เดิมมีชื่อว่า วัดป่าเลไลย์ เป็นวัดร้าง และได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ในปี พ.ศ. 2517 จนกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์ ว่ากันว่าตรงหน้าวัด บริเวณแก่งอาฮง คือจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง มีความลึกมากกว่า 200 เมตร ด้วยความที่บริเวณนี้จะมีน้ำไหลเชี่ยววนจนเกิดเป็นหลุมรูปกรวย หากมีเศษไม้หรือใบไม้ต่าง ๆ ติดมาก็จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นกรวยราว 30 นาที ก่อนจะหลุดลอยไป ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าตรงบริเวณนี้เป็น สะดือแม่น้ำโขง นั่นเอง ซึ่งนอกจากแก่งนี้จะเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบทำประมงอีกด้วย ทำให้ได้เห็นภาพวิถีชีวิตริมแม่น้ำโขงกันแบบใกล้ชิด เรียกได้ว่ามาวัดที่เดียวก็ชมความอันซีนของแก่งอาฮงไปด้วยเลย
ภาพจาก : Jesse33 / Shutterstock.com
12. เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี
ที่เที่ยวธรรมชาติทางฝั่งตะวันตกก็น่าเที่ยวไม่น้อย โดยเฉพาะ เขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความสวยงามของวิวทะเลสาบ ภาพน้ำที่สะท้อนกับภูเขาสูงใหญ่ และความเงียบสงบชวนผ่อนคลาย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอกับสายหมอกจาง ๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่บริเวณสันเขื่อนในยามเช้า หรือถ้าใครที่อยากมีกิจกรรมสนุก ๆ ก็สามารถไปเล่นน้ำล่องแพ (มีให้เลือก 2 แบบ คือ แพล่องและแพพักค้างคืน) ดูนก ตกปลา หรือไปชมวิวที่จุดชมวิวป้อมปี่ก็ได้
ทั้งนี้ เขื่อนวชิราลงกรณ หรือชื่อเดิมที่เรียกว่า เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมดาดคอนกรีตแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นมาเพื่อปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย โดยสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2527 มีขนาดสันเขื่อนสูงจากฐาน 92 เมตร ยาว 1,019 เมตร มีพื้นที่กักเก็บน้ำ 388 ตารางกิโลเมตร และจุน้ำได้ 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามากถึง 3 เครื่องอีกด้วย นอกจากจะผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว เขื่อนแห่งนี้ยังมีประโยชน์ด้านการเกษตรและชลประทาน การบรรเทาอุทกภัย และเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุน้ำจืดด้วย
ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็กอินยอดฮิต น่าไปเก็บให้ครบในปีนี้
13. น้ำตกเปรโต๊ะลอซู จังหวัดตาก
น้ำตกเปรโต๊ะลอซู หรือ น้ำตกปิตุ๊โกร ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยสามหมื่น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูงราว ๆ 500 เมตร ไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่น ผ่านหน้าผาหินใหญ่ โดยไฮไลต์สำคัญคือ ชั้นน้ำตกจะไหลมารวมกันจากทางซ้ายและขวาเป็นรูปตัววีขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายกับรูปหัวใจ เลยเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกรูปหัวใจสุดงดงามแห่งนี้
สำหรับการจะเข้าไปชมความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ผ่านเส้นทางธรรมชาติที่มีความยากและลำบากพอตัว ทั้งลื่น ลุยป่า ฝ่าโคลน ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์ นอนพักกลางป่า แล้วค่อยออกมาอีกทีในเช้าวันถัดมา ทั้งนี้ หากใครสนใจจะเดินทางเข้าไปควรติดต่อคนนำทาง เพราะเส้นทางเดินป่าน้ำตกเปรโต๊ะลอซูนี้เป็นเส้นทางใหม่ ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ควรใช้ชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทางเป็นผู้นำทาง หรือสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นก็ได้เช่นกัน
14. เที่ยวชายทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประจวบคีรีขันธ์ เมืองสามอ่าวที่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาลของนักท่องเที่ยว ด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีหาดสวย ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งอย่าง หัวหิน หรือจุดอื่น ๆ เช่น ปราณบุรี ทะเลในตัวเมืองอย่างพื้นที่อ่าวมะนาว อุทยานแห่งชาติหาดวนกร เป็นต้น แถมยังเป็นจังหวัดที่เดินทางไปเที่ยวได้ทุกเดือนอีกด้วย แม้ในช่วงเดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงที่ฝนมีบ้างประปราย แต่ก็ไม่มากนัก หากวันไหนอากาศดีก็จะได้เจอกับทะเลสวย ๆ ฟ้าใส ๆ หรือแม้กระทั่งในวันที่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจก็ยังมีกิจกรรมริมหาด หรือแหล่งท่องเที่ยวรอบ ๆ เป็นตัวเลือกให้อีกเพียบ
15. น้ำตกโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา
ปิดท้ายที่เที่ยวเดือนมิถุนายนกันที่ น้ำตกโตนงาช้าง ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ประมาณ 26 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันไป เริ่มที่ชั้น 1 โตนบ้า มีลักษณะคล้ายลำธารที่ไหลลงมาจากโขดหินเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใกล้กับจุดจอดรถ ต่อด้วยชั้นที่ 2 โตนปลิว ห่างจากชั้นแรกประมาณ 200 เมตร จะมีน้ำไหลลงมาจากสองฝั่งของผาที่สูงราว 20 เมตร ก่อนจะลงมาบรรจบกันจนเกิดเป็นแอ่งน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้
ต่อด้วยชั้นที่ 3 โตนงาช้าง เห็นเป็นสายน้ำไหลลงมาบรรจบกันจากสองฝั่งของหน้าผา มีรูปร่างคล้ายงาช้าง จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้ ตรงแอ่งน้ำจะมีโขดหินกั้นเอาไว้ สามารถไปนั่งชมทัศนียภาพของป่าเขาและบ้านเมืองด้านล่างได้ ถัดขึ้นไปอีกก็จะพบกับชั้นที่ 4 โตนดำ ต่อด้วยชั้นที่ 5 โตนน้ำปล่อย ชั้น 6 โตนฤาษีคอยบ่อ และชั้นที่ 7 โตนเหม็ดชุน ซึ่งมีความสูงที่สุดอยู่ที่ 1,550 เมตร อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมเล่นน้ำและชมความสวยงามของน้ำตกถึงแค่ 3 ชั้นแรก เพราะเดินทางสะดวก ไม่ต้องขึ้นเขาสูงเกินไป และไม่อันตรายด้วย
เดือนมิถุนายน ช่วงเดือนที่เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่หน้าฝน หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าออกไปเที่ยวแล้วเจอฝนก็มีแต่ความเฉอะแฉะและเปียกชื้น แต่ฤดูฝนที่ฝนโปรยปรายนี่แหละที่มีความพิเศษของธรรมชาติรอให้เราได้ไปสัมผัสมากมาย ทั้งกลิ่นดินหอมละมุน ดอกไม้และใบไม้เขียวขจีสีสดใส ต้นไม้ใหญ่ไหวตามแรงลม น้ำตกไหลซู่ซ่า เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ ไปเลย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า รีบออกไปเที่ยวหน้าฝนกันเถอะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวหน้าฝน ท่องเที่ยวหน้าฝน อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก Lam nam kok National Park, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานเชียงใหม่ - TAT Chiang Mai, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานน่าน, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว Nam Nao National Park, เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำบางขาม วัดคุ้งท่าเลา บ้านหมี่ ลพบุรี, เฟซบุ๊ก ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน วัดโพธิ์เก้าต้น, เฟซบุ๊ก วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร อย่างเป็นทางการ, เฟซบุ๊ก วัดนางในธัมมิการาม, เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานนครนายก (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว), เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ, เฟซบุ๊ก เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานตาก : TAT Tak Office, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ : TAT Prachuap Khiri Khan, เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง