รวมที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่เหมาะแก่การจัดทริปไปเที่ยวในช่วงหน้าฝน มีทั้งท้องทะเล ภูเขา นาขั้นบันได ชุมชนเล็ก ๆ ทุ่งดอกไม้กลางป่า ฯลฯ นำเสนอทุกความงดงามของเมืองไทย
ช่วงครึ่งปีหลังแบบนี้ก็พอดิบพอดีกับหน้าฝน ซึ่งแน่นอนว่าหลาย ๆ คนก็อยากจะพักเบรกไปท่องเที่ยวพักผ่อนกันบ้าง สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อไปเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน มามะ...มาดูทางนี้เลย เราจัดที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่เหมาะแก่การไปเที่ยวหน้าฝนมาให้แล้ว ซึ่งแต่ละที่ก็ต้องบอกว่าสวย และน่าไปเที่ยวพักผ่อนมาก ๆ เราจัดมาให้ครบทุกแบบ จะมีที่ไหนบ้าง...ไปส่องกันเลย
ภูสอยดาว หนึ่งในไฮไลต์ที่เที่ยวหน้าฝนที่อยากให้ได้ลองไปสัมผัสกันสักครั้ง คงจะมีไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ดอกไม้จะบานสะพรั่งอยู่บนทุ่งกว้างบนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร และดอกไม้ที่ว่านี้ก็สวยงามเสียด้วย กับทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงสวยละลายใจ ที่บานสะพรั่งรับสายหมอกและหยาดน้ำค้างยามเช้าใต้ทิวป่าสนในช่วงหน้าฝน สวยงามละลานตาแบบหาดูได้ยากจริง ๆ และที่ลานสนแห่งนี้ก็ยังมีน้ำตกสายทิพย์ และจุดชมวิวสวย ๆ ให้ได้ชมกันด้วย
การขึ้นไปยังลานสนภูสอยดาวนั้น จะต้องเดินเท้าขึ้นเขาประมาณ 6.5 กิโลเมตร และต้องค้างคืนบนเขา 1 คืน และต้องมีการติดต่อเจ้าหน้าที่ไปล่วงหน้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao
- ภูสอยดาว เปิดท่องเที่ยว-พักแรม บริเวณลานสน ประจำปี 2567
หน้าฝนแบบนี้ บางทีใจก็เซอยากไปฮาเฮที่ทะเลบ้าง ซึ่งก็โชคดีของคนไทยนะที่สามารถเที่ยวทะเลได้ทั้งปี แม้แต่ในหน้าฝนก็สามารถไปลั้ลลากับท้องทะเลทางฝั่งอ่าวไทยตอนล่างได้ ไล่ลงไปตั้งแต่ทางฝั่งจังหวัดชุมพร ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องรวมกับเกาะเต่าด้วย ยิ่งถ้าเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม คลื่นลมจะสงบ ท้องทะเลสวยใส สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น หาดทรายก็ขาวสะอาด บรรยากาศคึกคัก รีสอร์ตและที่พักมีให้เลือกหลากหลายแบบ เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนกับทะเลมาก ๆ
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 0 7728 8817-9
- เที่ยวเกาะเต่าให้สบายใจ มีสิ่งไหนต้องรู้ ?
- 15 ที่พักเกาะเต่า ติดทะเล บรรยากาศสวยใจละลาย ฟินกระจายกับทะเลใสแจ๋ว
สังขละบุรี ดินแดนสามวัฒนธรรมชายแดนไทย-เมียนมา ทางฝั่งตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่คือ ชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยง และคนไทย จึงเกิดเป็นดินแดนสามวัฒนธรรม ที่นี่เป็นแหล่งรวมศรัทธาพระพุทธศาสนาที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยเป็นที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการาม สถานที่ที่ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเคยเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งแต่เดิมนั้นวัดวังก์วิเวการามจะตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ คือ บริเวณที่แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตีไหลมาบรรจบกัน
ต่อมาชาวบ้านที่ศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะก็ได้ร่วมกันสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง ตามมาด้วย สะพานมอญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดอันดับ 2 ของโลก และหลังจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ ก็ทำให้บริเวณที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการามเดิมนั้นน้ำท่วมในช่วงหน้าฝน จึงมีการย้ายไปยังวัดวังก์วิเวการามในที่ตั้งปัจจุบัน และวังก์วิเวการามเดิมก็ได้กลายเป็นวัดใต้น้ำ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของสังขละบุรี
การมาเที่ยวสังขละบุรีนักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายแบบ เช้าตื่นขึ้นมาก็สามารถมาใส่บาตรบนสะพานมอญ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ไปมาหาสู่กันด้วยสะพานไม้แห่งนี้ สาย ๆ ก็เที่ยวไหว้พระ ล่องเรือชมวัดวังก์วิเวการามเดิม หรือจะไปล่องแพไม้ไผ่ก็ได้ และยังมีร้านกาแฟชิล ๆ ให้นั่งจิบกาแฟรสเข้มกันด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงาน กาญจนบุรี
- ที่พักสังขละบุรี นอนอิงธรรมชาติ ในบรรยากาศสบาย ๆ
- ที่เที่ยวสังขละบุรี กาญจนบุรี ชมธรรมชาติ ดื่มด่ำวัฒนธรรม
เขาใหญ่ และวังน้ำเขียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติสวย ๆ แล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมอีกเพียบ พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พักหลากหลายแบบ มีให้เลือกกันแทบจะทุกไลฟ์สไตล์เลยทีเดียว ใครอยากนอนกางเต็นท์ก็สามารถเข้าไปกางเต็นท์ชิล ๆ ได้ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือจะไปทางฝั่งวังน้ำเขียวก็ได้ หรือถ้าอยากเที่ยวชมไร่องุ่น ก็มีหลายแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศแบบยุโรปก็มีให้ไปถ่ายรูปเก๋ ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวฮิตอีกมากมายที่อยากแนะนำให้ไปสนุกกัน ที่เที่ยวเขาใหญ่ เช่น เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม, ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์, สวนซ่อนศิลป์, เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม, สวนสนุก Life Park และ ฟาร์มโชคชัย เป็นต้น ส่วนที่เที่ยวทางฝั่งวังน้ำเขียว เช่น อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง, วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2), น้ำตกสวนห้อม, ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า และสวนลุงไกร วังน้ำเขียว เป็นต้น
- 15 ที่พักเขาใหญ่ มีสระว่ายน้ำ ลงตัวทุกความสบาย ประทับใจไม่รู้ลืม
- 20 ที่เที่ยววังน้ำเขียวห้ามพลาด ธรรมชาติสวยสมบูรณ์กับอากาศที่บริสุทธิ์
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สถานที่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย มีพื้นที่ทั้งหมดมากกว่า 789,000 ไร่ จึงถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งอำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ทางฝั่งจังหวัดเพชรบูรณ์
สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ก็คือ ทุ่งแสลงหลวง มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งใหญ่กว่า 10 กิโลเมตร ในช่วงหน้าฝนทั้งผืนป่าก็จะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ยามเช้ามีสายหมอกบาง ๆ ให้ได้ยลกันตลอด นอกจากนี้ก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายจุด อาทิ ทุ่งนางพญา, แก่งวังน้ำเย็น, ทุ่งโนนสน, น้ำตกแก่งโสภา, ถ้ำเดือน-ถ้ำดาว และน้ำตกกุหลาบแดง เป็นต้น
บึงกาฬ เป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่กลับมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยอันซีนตั้งอยู่หลายแห่ง ซึ่งเหมาะแก่การไปเที่ยวชมเสพความสวยงามยามหน้าฝน โดยเฉพาะน้ำตกต่าง ๆ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกชะแนน และน้ำตกถ้ำฝุ่น ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะน้ำตกถ้ำพระที่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลผ่านหน้าผาหินสีดำกว้างใหญ่ รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณสีเขียวขจี เหมาะแก่การไปเที่ยวเล่นน้ำตกให้ฉ่ำใจ
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ทั้งถ้ำนาคา ณ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ธรรมชาติสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องพญานาค, ภูทอก ภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางป่า, หินสามวาฬ ณ ภูสิงห์ หินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูงอายุกว่า 75 ล้านปี, แก่งอาฮง สะดือแห่งแม่น้ำโขง, ทะเลบัวแดงหนองเลิง บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่, บึงโขงหลง บึงน้ำขนาดใหญ่กับบรรยากาศสุดชิล และหนองกุดทิง หนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่เกือบ 20,000 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลก หรือแรมซาร์ไซต์
- 15 ที่เที่ยวบึงกาฬ ลัดเลาะที่เที่ยวเด็ด ๆ มีดีกว่าที่คิด
อำเภอเชียงดาว ไม่ได้มีดีแค่ยอดดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ไปฟินอีกนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ ใครที่ชอบพักท่ามกลางทุ่งนาป่าเขา จะต้องหลงรักอำเภอเชียงดาวอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันมีโฮมสเตย์สวย ๆ เปิดให้บริการมากมาย ราคาหลักร้อยแต่ได้วิวหลักแสนหลักล้าน บอกเลยว่าคุ้มเกินคุ้ม และยิ่งถ้าไปเที่ยวหน้าฝนก็จะได้สัมผัสกับนาข้าวขั้นบันไดสีเขียว ได้นอนชมภูเขา ชมสายฝนโปรยปรายเบา ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย หรือถ้าใครอยากออกไปขี่ช้างชมป่าชมลำธาร ที่เชียงดาวก็มีศูนย์ฝึกช้างเชียงดาวไว้รองรับ
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงดาวที่ไม่อยากให้พลาด เช่น ดอยแม่ตะมาน และสันป่าเกี๊ยะ, พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์, เมืองคอง, บ้านอรุโณทัย, พระธาตุสามเงา วัดปางมะโอ, สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี, บ่อน้ำร้อนโป่งอาง, แก่งปันเต๊า, บ้านแม่แมะ, บ้านนาเลาใหม่ และวัดถ้ำเชียงดาว เป็นต้น
- 15 ที่เที่ยวเชียงดาว เมืองสวรรค์แห่งขุนเขา ดาวเด่นห้ามพลาดของเชียงใหม่
ใครที่ชอบป่าเขา ทุ่งนาเขียว ๆ และวัฒนธรรมแบบล้านนาผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบไทใหญ่ อยากให้ลองไปสัมผัสกับอำเภอเล็ก ๆ อย่างแม่สะเรียงกันสักหน่อย อำเภอแม่สะเรียงเป็นอำเภอที่อยู่ในหุบเขา รายล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่และป่าที่อุดมสมบูรณ์ ในส่วนของพื้นที่ราบก็มีทุ่งนากว้างใหญ่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงใช้วิถีชีวิตสุดเรียบง่ายตามแบบประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม บรรยากาศก็เงียบสงบ และมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมไม่น้อยเหมือนกัน การได้มานอนพักผ่อนเกสต์เฮ้าส์เล็ก ๆ หรือโฮมสเตย์ที่นี่จึงเป็นอีกทางเลือกของการพักผ่อนที่ดีทีเดียว
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอำเภอแม่สะเรียง เช่น วัดสุพรรณรังษี, อุทยานแห่งชาติสาละวิน, วัดกิตติวงศ์, วัดจองสูง หรือวัดอุทยารมณ์, วัดจอมทอง และพระธาตุจอมมอญ เป็นต้น
อำเภอปัว แม้ว่าจะเป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็ครบเครื่องไปด้วยภูเขา ป่าสีเขียว ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ และวัดวาอารามแบบดั้งเดิม พร้อมทั้งยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟบรรยากาศดีให้ได้ไปอิ่มอร่อยหลายแห่ง มันคงจะดีไม่น้อยที่ตื่นเช้ามาก็ได้จะเดินออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางท้องทุ่งนา โดยมีภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลัง สาย ๆ ก็ไปทำบุญไหว้พระตามวัดต่าง ๆ แล้วแวะไปร้านกาแฟวิวสวย กลางวันก็กินอาหารพื้นเมือง ส่วนช่วงบ่ายก็ไปทำกิจกรรมทำผ้ามัดย้อม หรือไม่ก็ทำสบู่จากช็อกโกแลต แล้วปิดท้ายความฟินของวันด้วยช็อกโกแลตฟองดูว์สุดเข้มข้น เห็นไหม...ปัวน่าเที่ยวจะตาย
สถานที่ท่องเที่ยวปัวที่ไม่อยากให้พลาด เช่น วัดภูเก็ต, ตูบนาไทลื้อ, บ้านป้าหลอม ผ้าทอโบราณ, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, Cocoa Valley Cafe, วัดพระธาตุเบ็งสกัด และตลาดเทศบาลตำบลปัว เป็นต้น
จังหวัดพะเยา เมืองเก่าแก่นับหลายพันปี มีความสวยงามไม่แพ้จังหวัดไหนในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ ที่นี่ได้ซ่อนความงามต่าง ๆ ไว้เพียบเลย อย่างภูลังกาก็คงจะได้ยินกิตติศัพท์ความงดงามของที่นี่กันไปบ้างแล้ว สำหรับการเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย สามารถชมทะเลหมอกได้แบบปัง ๆ ทั้งฤดูฝนไปจนปลายฤดูหนาว หรือจะเป็นกว๊านพะเยา ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของเมืองไทย ซึ่งมีวิวทิวทัศน์และกิจกรรมให้ได้ทำเพลิน ๆ มากมาย และก็ยังมีศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า สถานที่ผลิตพืชผัก-ผลไม้เมืองหนาวปลอดสารพิษ พร้อมทั้งดอกไม้เมืองหนาวสวย ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมกัน
นอกจากนี้ในจังหวัดพะเยาก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกหลากหลายแบบ ทั้งอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง, อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง, อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม, อุทยานแห่งชาติภูซาง, วัดพระธาตุจอมทอง, วัดศรีโคมคำ, วัดติโลกอาราม, วัดพระธาตุสบแวน และMagic Mountain Cafe\' เป็นต้น
- 12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาด
- 10 ที่พักพะเยาสวย ๆ ดีไซน์เก๋ บรรยากาศดี ที่น่าไปเช็กอิน
- 12 ร้านอาหารพะเยา มาเยือนถึงที่ ต้องจัดสักมื้อ
ทำงานกันเหนื่อยมาครึ่งปีแล้ว ให้รางวัลตัวเองสักหน่อยนะ พาตัวเองออกไปสัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งใหม่ ๆ ก็เติมพลังให้ชีวิตได้ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เราได้นำเสนอไป ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว ลองตามไปสัมผัสกันนะ ไม่แน่นะ...อาจจะหลงรักไปเลยก็ได้
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao, ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี, park.dnp.go.th และ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว, ททท.
ที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ฉบับหน้าฝน
1. ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
ภูสอยดาว หนึ่งในไฮไลต์ที่เที่ยวหน้าฝนที่อยากให้ได้ลองไปสัมผัสกันสักครั้ง คงจะมีไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ดอกไม้จะบานสะพรั่งอยู่บนทุ่งกว้างบนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร และดอกไม้ที่ว่านี้ก็สวยงามเสียด้วย กับทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงสวยละลายใจ ที่บานสะพรั่งรับสายหมอกและหยาดน้ำค้างยามเช้าใต้ทิวป่าสนในช่วงหน้าฝน สวยงามละลานตาแบบหาดูได้ยากจริง ๆ และที่ลานสนแห่งนี้ก็ยังมีน้ำตกสายทิพย์ และจุดชมวิวสวย ๆ ให้ได้ชมกันด้วย
การขึ้นไปยังลานสนภูสอยดาวนั้น จะต้องเดินเท้าขึ้นเขาประมาณ 6.5 กิโลเมตร และต้องค้างคืนบนเขา 1 คืน และต้องมีการติดต่อเจ้าหน้าที่ไปล่วงหน้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao
- ภูสอยดาว เปิดท่องเที่ยว-พักแรม บริเวณลานสน ประจำปี 2567
2. เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หน้าฝนแบบนี้ บางทีใจก็เซอยากไปฮาเฮที่ทะเลบ้าง ซึ่งก็โชคดีของคนไทยนะที่สามารถเที่ยวทะเลได้ทั้งปี แม้แต่ในหน้าฝนก็สามารถไปลั้ลลากับท้องทะเลทางฝั่งอ่าวไทยตอนล่างได้ ไล่ลงไปตั้งแต่ทางฝั่งจังหวัดชุมพร ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องรวมกับเกาะเต่าด้วย ยิ่งถ้าเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม คลื่นลมจะสงบ ท้องทะเลสวยใส สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น หาดทรายก็ขาวสะอาด บรรยากาศคึกคัก รีสอร์ตและที่พักมีให้เลือกหลากหลายแบบ เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนกับทะเลมาก ๆ
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 0 7728 8817-9
- เที่ยวเกาะเต่าให้สบายใจ มีสิ่งไหนต้องรู้ ?
- 15 ที่พักเกาะเต่า ติดทะเล บรรยากาศสวยใจละลาย ฟินกระจายกับทะเลใสแจ๋ว
3. สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
สังขละบุรี ดินแดนสามวัฒนธรรมชายแดนไทย-เมียนมา ทางฝั่งตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่คือ ชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยง และคนไทย จึงเกิดเป็นดินแดนสามวัฒนธรรม ที่นี่เป็นแหล่งรวมศรัทธาพระพุทธศาสนาที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยเป็นที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการาม สถานที่ที่ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเคยเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งแต่เดิมนั้นวัดวังก์วิเวการามจะตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ คือ บริเวณที่แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตีไหลมาบรรจบกัน
ต่อมาชาวบ้านที่ศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะก็ได้ร่วมกันสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง ตามมาด้วย สะพานมอญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดอันดับ 2 ของโลก และหลังจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ ก็ทำให้บริเวณที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการามเดิมนั้นน้ำท่วมในช่วงหน้าฝน จึงมีการย้ายไปยังวัดวังก์วิเวการามในที่ตั้งปัจจุบัน และวังก์วิเวการามเดิมก็ได้กลายเป็นวัดใต้น้ำ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของสังขละบุรี
การมาเที่ยวสังขละบุรีนักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายแบบ เช้าตื่นขึ้นมาก็สามารถมาใส่บาตรบนสะพานมอญ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ไปมาหาสู่กันด้วยสะพานไม้แห่งนี้ สาย ๆ ก็เที่ยวไหว้พระ ล่องเรือชมวัดวังก์วิเวการามเดิม หรือจะไปล่องแพไม้ไผ่ก็ได้ และยังมีร้านกาแฟชิล ๆ ให้นั่งจิบกาแฟรสเข้มกันด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงาน กาญจนบุรี
- ที่พักสังขละบุรี นอนอิงธรรมชาติ ในบรรยากาศสบาย ๆ
- ที่เที่ยวสังขละบุรี กาญจนบุรี ชมธรรมชาติ ดื่มด่ำวัฒนธรรม
4. เขาใหญ่-วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เขาใหญ่ และวังน้ำเขียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติสวย ๆ แล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมอีกเพียบ พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พักหลากหลายแบบ มีให้เลือกกันแทบจะทุกไลฟ์สไตล์เลยทีเดียว ใครอยากนอนกางเต็นท์ก็สามารถเข้าไปกางเต็นท์ชิล ๆ ได้ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือจะไปทางฝั่งวังน้ำเขียวก็ได้ หรือถ้าอยากเที่ยวชมไร่องุ่น ก็มีหลายแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศแบบยุโรปก็มีให้ไปถ่ายรูปเก๋ ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวฮิตอีกมากมายที่อยากแนะนำให้ไปสนุกกัน ที่เที่ยวเขาใหญ่ เช่น เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม, ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์, สวนซ่อนศิลป์, เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม, สวนสนุก Life Park และ ฟาร์มโชคชัย เป็นต้น ส่วนที่เที่ยวทางฝั่งวังน้ำเขียว เช่น อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง, วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2), น้ำตกสวนห้อม, ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า และสวนลุงไกร วังน้ำเขียว เป็นต้น
- 15 ที่พักเขาใหญ่ มีสระว่ายน้ำ ลงตัวทุกความสบาย ประทับใจไม่รู้ลืม
- 20 ที่เที่ยววังน้ำเขียวห้ามพลาด ธรรมชาติสวยสมบูรณ์กับอากาศที่บริสุทธิ์
5. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สถานที่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย มีพื้นที่ทั้งหมดมากกว่า 789,000 ไร่ จึงถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งอำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ทางฝั่งจังหวัดเพชรบูรณ์
สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ก็คือ ทุ่งแสลงหลวง มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งใหญ่กว่า 10 กิโลเมตร ในช่วงหน้าฝนทั้งผืนป่าก็จะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ยามเช้ามีสายหมอกบาง ๆ ให้ได้ยลกันตลอด นอกจากนี้ก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายจุด อาทิ ทุ่งนางพญา, แก่งวังน้ำเย็น, ทุ่งโนนสน, น้ำตกแก่งโสภา, ถ้ำเดือน-ถ้ำดาว และน้ำตกกุหลาบแดง เป็นต้น
6. จังหวัดบึงกาฬ
บึงกาฬ เป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่กลับมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยอันซีนตั้งอยู่หลายแห่ง ซึ่งเหมาะแก่การไปเที่ยวชมเสพความสวยงามยามหน้าฝน โดยเฉพาะน้ำตกต่าง ๆ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกชะแนน และน้ำตกถ้ำฝุ่น ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะน้ำตกถ้ำพระที่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลผ่านหน้าผาหินสีดำกว้างใหญ่ รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณสีเขียวขจี เหมาะแก่การไปเที่ยวเล่นน้ำตกให้ฉ่ำใจ
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ทั้งถ้ำนาคา ณ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ธรรมชาติสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องพญานาค, ภูทอก ภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางป่า, หินสามวาฬ ณ ภูสิงห์ หินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูงอายุกว่า 75 ล้านปี, แก่งอาฮง สะดือแห่งแม่น้ำโขง, ทะเลบัวแดงหนองเลิง บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่, บึงโขงหลง บึงน้ำขนาดใหญ่กับบรรยากาศสุดชิล และหนองกุดทิง หนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่เกือบ 20,000 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลก หรือแรมซาร์ไซต์
- 15 ที่เที่ยวบึงกาฬ ลัดเลาะที่เที่ยวเด็ด ๆ มีดีกว่าที่คิด
7. อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอเชียงดาว ไม่ได้มีดีแค่ยอดดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ไปฟินอีกนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ ใครที่ชอบพักท่ามกลางทุ่งนาป่าเขา จะต้องหลงรักอำเภอเชียงดาวอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันมีโฮมสเตย์สวย ๆ เปิดให้บริการมากมาย ราคาหลักร้อยแต่ได้วิวหลักแสนหลักล้าน บอกเลยว่าคุ้มเกินคุ้ม และยิ่งถ้าไปเที่ยวหน้าฝนก็จะได้สัมผัสกับนาข้าวขั้นบันไดสีเขียว ได้นอนชมภูเขา ชมสายฝนโปรยปรายเบา ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย หรือถ้าใครอยากออกไปขี่ช้างชมป่าชมลำธาร ที่เชียงดาวก็มีศูนย์ฝึกช้างเชียงดาวไว้รองรับ
สถานที่ท่องเที่ยวเชียงดาวที่ไม่อยากให้พลาด เช่น ดอยแม่ตะมาน และสันป่าเกี๊ยะ, พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์, เมืองคอง, บ้านอรุโณทัย, พระธาตุสามเงา วัดปางมะโอ, สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี, บ่อน้ำร้อนโป่งอาง, แก่งปันเต๊า, บ้านแม่แมะ, บ้านนาเลาใหม่ และวัดถ้ำเชียงดาว เป็นต้น
- 15 ที่เที่ยวเชียงดาว เมืองสวรรค์แห่งขุนเขา ดาวเด่นห้ามพลาดของเชียงใหม่
8. อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ใครที่ชอบป่าเขา ทุ่งนาเขียว ๆ และวัฒนธรรมแบบล้านนาผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบไทใหญ่ อยากให้ลองไปสัมผัสกับอำเภอเล็ก ๆ อย่างแม่สะเรียงกันสักหน่อย อำเภอแม่สะเรียงเป็นอำเภอที่อยู่ในหุบเขา รายล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่และป่าที่อุดมสมบูรณ์ ในส่วนของพื้นที่ราบก็มีทุ่งนากว้างใหญ่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงใช้วิถีชีวิตสุดเรียบง่ายตามแบบประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม บรรยากาศก็เงียบสงบ และมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมไม่น้อยเหมือนกัน การได้มานอนพักผ่อนเกสต์เฮ้าส์เล็ก ๆ หรือโฮมสเตย์ที่นี่จึงเป็นอีกทางเลือกของการพักผ่อนที่ดีทีเดียว
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอำเภอแม่สะเรียง เช่น วัดสุพรรณรังษี, อุทยานแห่งชาติสาละวิน, วัดกิตติวงศ์, วัดจองสูง หรือวัดอุทยารมณ์, วัดจอมทอง และพระธาตุจอมมอญ เป็นต้น
9. อำเภอปัว จังหวัดน่าน
อำเภอปัว แม้ว่าจะเป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็ครบเครื่องไปด้วยภูเขา ป่าสีเขียว ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ และวัดวาอารามแบบดั้งเดิม พร้อมทั้งยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟบรรยากาศดีให้ได้ไปอิ่มอร่อยหลายแห่ง มันคงจะดีไม่น้อยที่ตื่นเช้ามาก็ได้จะเดินออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางท้องทุ่งนา โดยมีภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากหลัง สาย ๆ ก็ไปทำบุญไหว้พระตามวัดต่าง ๆ แล้วแวะไปร้านกาแฟวิวสวย กลางวันก็กินอาหารพื้นเมือง ส่วนช่วงบ่ายก็ไปทำกิจกรรมทำผ้ามัดย้อม หรือไม่ก็ทำสบู่จากช็อกโกแลต แล้วปิดท้ายความฟินของวันด้วยช็อกโกแลตฟองดูว์สุดเข้มข้น เห็นไหม...ปัวน่าเที่ยวจะตาย
สถานที่ท่องเที่ยวปัวที่ไม่อยากให้พลาด เช่น วัดภูเก็ต, ตูบนาไทลื้อ, บ้านป้าหลอม ผ้าทอโบราณ, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, Cocoa Valley Cafe, วัดพระธาตุเบ็งสกัด และตลาดเทศบาลตำบลปัว เป็นต้น
- เที่ยวปัว จังหวัดน่าน 2 วัน 1 คืน กับกิจกรรมสุดสร้างสรรค์
- เที่ยวอำเภอปัว น่าน กับ 10 จุดเช็กอิน เก็บความสุขจากธรรมชาติ
- เที่ยวอำเภอปัว น่าน กับ 10 จุดเช็กอิน เก็บความสุขจากธรรมชาติ
10. จังหวัดพะเยา
จังหวัดพะเยา เมืองเก่าแก่นับหลายพันปี มีความสวยงามไม่แพ้จังหวัดไหนในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ ที่นี่ได้ซ่อนความงามต่าง ๆ ไว้เพียบเลย อย่างภูลังกาก็คงจะได้ยินกิตติศัพท์ความงดงามของที่นี่กันไปบ้างแล้ว สำหรับการเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย สามารถชมทะเลหมอกได้แบบปัง ๆ ทั้งฤดูฝนไปจนปลายฤดูหนาว หรือจะเป็นกว๊านพะเยา ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของเมืองไทย ซึ่งมีวิวทิวทัศน์และกิจกรรมให้ได้ทำเพลิน ๆ มากมาย และก็ยังมีศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า สถานที่ผลิตพืชผัก-ผลไม้เมืองหนาวปลอดสารพิษ พร้อมทั้งดอกไม้เมืองหนาวสวย ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมกัน
นอกจากนี้ในจังหวัดพะเยาก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกหลากหลายแบบ ทั้งอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง, อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง, อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม, อุทยานแห่งชาติภูซาง, วัดพระธาตุจอมทอง, วัดศรีโคมคำ, วัดติโลกอาราม, วัดพระธาตุสบแวน และMagic Mountain Cafe\' เป็นต้น
- 12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาด
- 10 ที่พักพะเยาสวย ๆ ดีไซน์เก๋ บรรยากาศดี ที่น่าไปเช็กอิน
- 12 ร้านอาหารพะเยา มาเยือนถึงที่ ต้องจัดสักมื้อ
ทำงานกันเหนื่อยมาครึ่งปีแล้ว ให้รางวัลตัวเองสักหน่อยนะ พาตัวเองออกไปสัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งใหม่ ๆ ก็เติมพลังให้ชีวิตได้ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เราได้นำเสนอไป ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว ลองตามไปสัมผัสกันนะ ไม่แน่นะ...อาจจะหลงรักไปเลยก็ได้
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณตรวจสอบอีกครั้ง