เที่ยวแม่ฮ่องสอน เมืองสามหมอกของประเทศไทย กับที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ พักผ่อนสุดชิลได้เต็มที่ในเวลา 3 วัน 2 คืน
แม่ฮ่องสอน จังหวัดเหนือสุดแดนสยาม ที่ทุกอำเภอและทุกพื้นที่สามารถกลายเป็นแหล่งชาร์จพลังให้กับผู้คนได้ ด้วยบรรยากาศ ความงดงามของธรรมชาติ ป่าเขา อากาศที่เย็นสบาย และความเรียบง่ายของชาวเมืองแม่ฮ่องสอน ทำให้จังหวัดนี้มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมุ่งเป้าไปเที่ยวกันในช่วงที่มีวันหยุดยาว โดยในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนในเส้นทางตัวเมือง-ปางอุ๋ง-บ้านรักษ์ไทย ในเวลา 3 วัน 2 คืนกัน
การเดินทางไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน
สำหรับใครที่อยากเดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถเดินทางมาได้ทั้ง
-
ทางรถโดยสาร : มีรถทัวร์ของบริษัทเดินรถต่าง ๆ ที่มีปลายทางที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จากนั้นสามารถต่อรถสองแถวหรือรถประจำทางเล็กที่วิ่งภายในจังหวัดเพื่อไปยังอำเภอต่าง ๆ ได้
-
ทางรถยนต์ส่วนตัว : ถือเป็นเส้นทางที่ทรหดมาก ๆ สำหรับการขับรถมาเอง เพราะต้องใช้เวลากว่า 14 ชั่วโมง กับระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร ประกอบกับเส้นทางเป็นทางขึ้นเขา มีความลาดชัน จึงจำเป็นต้องใช้คนขับที่ชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมตั้งหลักกันที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน จากนั้นจึงค่อยขับรถมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อ
-
ทางเครื่องบิน : ปัจจุบันสายการบินที่เปิดเส้นทางบินไปแม่ฮ่องสอนยังมีไม่มากนัก และช่วงเวลาในการบินก็น้อย หลายคนจึงมักจะใช้วิธีเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่เชียงใหม่ก่อน จากนั้นค่อยเช่ารถยนต์ขับไปแม่ฮ่องสอน
เที่ยวแม่ฮ่องสอน 3 วัน 2 คืน : Day 1
เริ่มต้นการไปเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้วยการเข้าวัด กราบไหว้พระขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อน ที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยที่ตั้งของวัดอยู่บนดอยกองมู ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกเพียง 3 กิโลเมตร
วัดพระธาตุดอยกองมู
แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ คือ พระเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างขึ้นโดยพ่อค้าชาวไทใหญ่ชื่อ จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ประดับลวดลายปูนปั้น มีฐานแปดเหลี่ยมซ้อนสามชั้น บริเวณฐานด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระตามทิศทั้งแปด ด้านในเจดีย์เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศเมียนมา และพระธาตุเจดีย์องค์เล็ก สร้างโดยเจ้าผู้ครองแม่ฮ่องสอนคนแรกคือ พญาสิงหนาทราชา เมื่อ พ.ศ. 2417
นอกจากเจดีย์ทั้ง 2 องค์แล้ว ยังมีวิหารวัดพระธาตุดอยกองมู อยู่ติดกับพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ โดยสร้างขึ้นพร้อมกัน มีลักษณะเป็นอาคารทรงโรงเปิดโล่ง ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาซ้อนสามชั้นมุงด้วยกระเบื้องไม้ และตกแต่งโลหะฉลุลวดลายตามแบบศิลปะไทใหญ่ รวมไปถึงจุดชมวิว ตั้งอยู่ด้านหน้าองค์พระเจดีย์ ซึ่งจากจุดนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างสวยงามชัดเจน ทั้งนี้ บริเวณวัดพระธาตุดอยกองมูยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญประจำปีหลายงานของจังหวัด เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันออกพรรษา ที่จะมีการตักบาตรดาวดึงส์ อันเป็นประเพณีที่น่าสนใจของแม่ฮ่องสอนด้วย
หลังจากที่ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ก็เดินทางมาต่อกันที่ “สะพานไม้ซูตองเป้” หรือสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 8 กิโลเมตร
สะพานไม้ซูตองเป้
เป็นสะพานสร้างจากไม้ไผ่ มีความกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร ถูกสร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านในหมู่บ้านกุงไม้สัก ที่ช่วยกันสานไม้ไผ่เป็นแผ่นทอดยาวข้ามทุ่งนาที่เจ้าของที่อุทิศผืนนาถวายให้แก่วัด และเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกุงไม้สักและสวนธรรมภูสมะ ทำให้พระภิกษุและชาวบ้านได้สัญจรไป-มาอย่างสะดวก ทั้งนี้ คำว่า ซูตองเป้ เป็นภาษาไทใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ หรือบางคนก็แปลว่า ความสำเร็จ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากได้มายืนอยู่กลางสะพานแล้วอธิษฐานขอความสำเร็จใด ๆ ก็จะพบกับความสมหวัง
ตัวสะพานทำจากไม้ ให้ความรู้สึกสวยงามคลาสสิก ทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาเยือนแม่ฮ่องสอนก็ต้องแวะมาเช็กอิน โดยส่วนใหญ่นิยมมาตอนเช้า ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นเป็นแสงสีทองสว่างรำไรส่องมาที่สะพาน เพื่อมารอใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์จากสวนธรรมภูสมะ ที่เดินบิณฑบาตมาสู่บริเวณหมู่บ้านกุงไม้สัก หรือใครจะมาช่วงหน้านาก็สวยงามไปอีกแบบ เพราะสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นพาดผ่านทุ่งนา ในช่วงที่มีการทำนา (หน้าฝน) ทุ่งนาเบื้องล่างจะเป็นสีเขียวขจี และในช่วงที่รวงข้าวสุกพร้อมเกี่ยว (หน้าหนาว) ทุ่งนาสีเขียวสบายตาก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามไปทั้งทุ่งเลย เรียกว่าสามารถเที่ยวได้ทั้งปีสำหรับสะพานซูตองเป้แห่งนี้
ภาพจาก KETSIRI YINDEE / Shutterstock.com
เดินทางไปต่อกันที่ “อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ” ที่เที่ยวเชิงธรรมชาติในจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ที่ตำบลห้วยผา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
มีเนื้อที่ประมาณ 488 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 305,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่วนอุทยานถ้ำปลา และวนอุทยานน้ำตกผาเสื่อ อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปางมะผ้า มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ ดังนี้
- ถ้ำปลา ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร ภายในแอ่งน้ำมีน้ำไหลออกจากถ้ำใต้ภูเขาตลอดเวลา และมีปลาตัวใหญ่ เช่น ปลามุง ปลาคัง หรือปลาพลวง ซึ่งเป็นปลาในวงศ์เดียวกับปลาคาร์พ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีใครกล้าทำอันตราย เพราะเชื่อกันว่าเป็นปลาเจ้า ปัจจุบันบริเวณอุทยานถ้ำปลาได้รับการปรับปรุงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักแวะมาพักผ่อนที่วนอุทยานแห่งนี้ โดยมีลานจอดรถไว้บริการ แต่ต้องเดินเท้าเข้าไปชมถ้ำปลาอีกประมาณ 500 เมตร
- น้ำตกผาเสื่อ เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูงประมาณ 10 เมตร กว้าง 15 เมตร ซึ่งไหลลงมาจากน้ำตกแม่สะงาในเมียนมา สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่นักท่องเที่ยวนิยมมาในช่วงฤดูฝน (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) มากกว่า เพราะจะมีน้ำมาก ทำให้มองเห็นสายน้ำตกปกคลุมเต็มหน้าผาหินกว้าง มีลักษณะคล้ายเสื่อปูลาด จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกผาเสื่อนั่นเอง ส่วนในฤดูแล้งมีน้ำน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี ช่วงที่เหมาะสมจะไปท่องเที่ยวคือเดือนกรกฎาคม-กันยายน
นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น น้ำตกแม่สะงากลาง ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีน้ำมากกว่าน้ำตกผาเสื่อ เพราะเป็นชั้นที่เป็นต้นน้ำ แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและนิยมเท่าไรนัก เพราะต้องจอดรถไว้ที่สันเขื่อน และต้องเดินป่าเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมไปถึงถ้ำพระหัตถ์คู่พระพุทธบาท ภายในถ้ำมีหินเป็นเหมือนรอยพระพุทธบาทกับพระหัตถ์ ซึ่งต้องเตรียมไฟฉายไปส่องด้วย เพราะภายในถ้ำค่อนข้างมืด
เที่ยวแม่ฮ่องสอน 3 วัน 2 คืน : Day 2
เที่ยวในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ทั้งไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมธรรมชาติที่สวยงามกันแล้ว ไปตะลุยเที่ยวดูหมอกสวย ๆ ให้สมกับชื่อเมืองสามหมอกกันดีกว่า โดยจะพาทุกคนลัดเลาะขึ้นไปเที่ยว “ปางอุ๋ง” แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะมีบรรยากาศและความสวยงามของป่าเขาและอ่างเก็บน้ำที่เหมือนกับต่างประเทศเลยทีเดียว
ปางอุ๋ง
มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านรวมไทย อำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 40 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะต้องขับรถข้ามภูเขาสูงที่มีความสลับซับซ้อน เส้นทางเป็นทางโค้ง มีความลาดชันเกือบตลอดเส้นทาง และเป็นพื้นที่ขอบชายแดนไทย-เมียนมา ในอดีตพื้นที่ตรงนี้มีการลักลอบปลูกพืชและค้ายาเสพติด รวมไปถึงยังมีขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นห่วงความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพของชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ รวมถึงสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมาแทน ทั้งนี้ ในภาษาเหนือ คำว่า ปาง แปลว่า ที่พักกลางป่า ส่วนคำว่า อุ๋ง แปลว่า ที่ราบต่ำลึกลงไป มีลักษณะเหมือนแอ่งกระทะที่มีน้ำขัง ซึ่ง ปางอุ๋ง หมายถึง ที่พักกลางป่าที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ นั่นเอง
ลักษณะพื้นที่ของปางอุ๋ง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนลำต้นสูงใหญ่ที่ปลูกเรียงรายกันโอบล้อมอ่างเก็บน้ำ ให้ฟีลเงียบสงบและโรแมนติกไปในคราวเดียวกัน ช่วงเช้าของฤดูหนาวในบางวันอาจได้พบกับไอหมอกที่ลอยละล่องอยู่เหนือทะเลสาบ เคล้าไปกับอากาศที่หนาวเย็น ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบาง ๆ ยิ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจจนยากจะลืมเลือน
อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวที่ปางอุ๋ง คือ ล่องแพไม้ไผ่ ชมวิวต้นสน ยลสายหมอกที่หยอกเย้าในยามเช้า โดยชาวบ้านในหมู่บ้านจะรับหน้าที่เป็นสารถีพาเราล่องแพไปเป็นรอบ รอบละประมาณ 30 นาที ระหว่างทางนอกจากจะได้ชมธรรมชาติแล้ว ยังอาจได้เจอฝูงหงส์ที่ว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบด้วย
นอกจากชมความสวยงามของอ่างเก็บน้ำและล่องแพไม้ไผ่แล้ว ที่ปางอุ๋งยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจที่ควรค่าแก่การเช็กอิน ได้แก่ สันอ่างเก็บน้ำ ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญว่ามาปางอุ๋งแล้วต้องได้ถ่ายรูปมุมนี้ มิฉะนั้นจะเหมือนมาไม่ถึงนั่นเอง และหมู่บ้านรวมไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าปางอุ๋ง เป็นแหล่งชุมชนขนาดเล็กที่มีถนนผ่ากลางคล้ายกับถนนคนเดิน ตลอดระยะทาง 300 เมตรจะมีร้านค้าขายอาหารของชาวบ้านที่เราสามารถเลือกซื้อกันได้ตามใจชอบ
ภาพจาก AfriramPOE / Shutterstock.com
เที่ยวแม่ฮ่องสอน 3 วัน 2 คืน : Day 3
ชมความสวยงามในม่านหมอกที่ปางอุ๋งแล้ว อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่ “บ้านรักไทย” กันด้วย เพราะอยู่ไม่ไกลจากปางอุ๋งเท่าไรนัก แถมมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ที่ถ้าลองได้มาสักครั้งจะต้องประทับใจและอยากกลับมาอีกอย่างแน่นอน
บ้านรักไทย
ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่เคยเป็นอดีตกองกำลังทหารคณะชาติ กองพล 93 ก๊กมินตั๋ง อพยพลี้ภัยจากจีนและพม่าในช่วงที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ และมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ปัจจุบันถูกพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A-List ว่าใครอยากสัมผัสวัฒนธรรมของคนจีนฮ่อ หรือจีนยูนนาน สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้เลย เพราะที่บ้านรักไทยแห่งนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นจีนยูนนานไว้สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ภาษา สถาปัตยกรรม บ้านเรือนที่สร้างด้วยดินเหนียวผสมข้าวฟ่าง รวมถึงอาหารทั้งขาหมูหมั่นโถวและชาหอม ๆ
เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในสไตล์จีนยูนนาน พร้อมทะเลสาบสวย ๆ กลางหมู่บ้าน เสริมด้วยอากาศเย็น ๆ สบาย ๆ เกือบทั้งปี เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร ยิ่งถ้ามาในช่วงหน้าหนาวต้องเตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อม เพราะที่นี่จะหนาวเย็นเป็นพิเศษเลย
ไฮไลต์ของการมาเที่ยวบ้านรักไทย คือ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย-จีนยูนนานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่เรียบง่ายแต่มีความสุข รวมถึงการได้ทำกิจกรรมชิล ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบชาดูไอหมอกที่ลอยละลิ่วเหนือผืนน้ำในยามเช้า เดินเล่นในไร่ชาที่ปลูกไว้เป็นระดับขั้นบันไดตามความสูงชันของภูเขา นั่งเรือในทะเลสาบชมความงดงามของบ้านเรือนที่เรียงอยู่บนเนินเขา ปั่นจักรยานเล่นรอบหมู่บ้าน และจับจ่ายซื้อของกินของฝากสไตล์จีนยูนนาน
นี่เป็นเพียงเส้นทางเที่ยวแม่ฮ่องสอนในละแวกอำเภอเมืองเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวในช่วงหยุดยาว 3 วัน 2 คืน หรือถ้าใครมีเวลามากกว่านั้นก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ อำเภอปาย ต่อก็ได้ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตของแม่ฮ่องสอนด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ไหว้พระแม่ฮ่องสอน อื่น ๆ ที่นี่สนใจ