ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม 2567 เที่ยวฉ่ำปอดทั่วไทย เย็นฉ่ำใจในช่วง Rainy Season

           ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม 2567 ทั้งแช่น้ำตกเย็นชุ่มฉ่ำ ย่ำภูเขา ฟินกับสายหมอก พร้อมกิจกรรมแอดเวนเจอร์ครบรส เที่ยวเพลินได้ทั้งครอบครัว
           ช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 มีวันหยุดยาวให้เหล่าคนทำงานได้ไปเที่ยวพักผ่อน ชาร์จแบตให้เต็มก่อนกลับไปลุยงานกันต่อถึง 2 ครั้ง ซึ่งตรงกับ วันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา แถมในช่วงปลายเดือนยังเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 อีกด้วย ฉะนั้นไม่ควรรอช้าหรือมัวแต่กลัวฟ้าฝน รีบเก็บกระเป๋าแล้วออกไปฟินกับอากาศเย็นสบายบริสุทธิ์สดชื่น ท่ามกลางธรรมชาติแสนชุ่มฉ่ำในช่วงหน้าฝนกันเถอะ วันนี้เรามี ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม 2567 มาฝากกัน ทั้งที่เที่ยวหน้าฝนใกล้กรุงเทพฯ และงานเทศกาลที่น่าสนใจในเดือนกรกฎาคม ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม 2567

1. ประเพณีแห่เทียนพรรษา ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา

           ในปี 2567 วันเข้าพรรษาตรงกับวันที่ 21 กรกฎาคม เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งในอดีตยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เหล่าพุทธศาสนิกชนมักจะร่วมกันถวายเทียนพรรษาแก่พระภิกษุ เพื่อปรารถนาให้ตนเองมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดดุจดังแสงสว่างของดวงเทียน จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและเป็นประเพณีที่นิยมทำกันมาจนถึงปัจจุบัน
ประเพณีแห่เทียนพรรษา

          โดยในปี 2567 หลายจังหวัดในประเทศไทยมีการจัดงาน ประเพณีแห่เทียนพรรษา 2567 กันอย่างยิ่งใหญ่และมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เช่น พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก อุบลราชธานี นครราชสีมา เป็นต้น สำหรับชาวพุทธคนไหนที่อยากทำบุญหล่อเทียนและร่วมชมขบวนแห่เทียนพรรษา สามารถติดตามรายละเอียดต่าง ๆ ได้เลย
 

งานประเพณีแห่เทียนพรรษา 2567 ทั่วไทย ร่วมสร้างกุศลรับเทศกาลเข้าพรรษา

2. ล่องแก่ง กิจกรรมสุดมันส์ในฤดูน้ำหลาก

         เดือนกรกฎาคม ถือเป็นช่วงที่เข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มตัว ธรรมชาติเต็มไปด้วยความชุ่มชื่น แหล่งน้ำกลับมาเติมเต็มอีกครั้งจนทำให้เกิดการทำกิจกรรมที่ท้าทายขึ้นนั่นคือ การล่องแก่ง โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมล่องแก่งกันในฤดูน้ำหลากแบบนี้ ยิ่งมีน้ำมากก็จะยิ่งสนุกมากขึ้น ความท้าทายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

  • แก่งลำภาชี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี : ชมความร่มรื่นของธรรมชาติสองฟากฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี และนกนานาชนิด ที่ผลัดกันร้องสลับไป-มาอย่างไพเราะเพราะพริ้ง เพลิดเพลินไปกับสายน้ำเย็นแห่งแม่น้ำลำภาชี กับกิจกรรมพายเรือคายักล่องไปตามแก่งต่าง ๆ เหมาะสำหรับสายล่องแก่งแบบวิถีสโลว์ไลฟ์
ล่องแก่งแก่งลำภาชี สวนผึ้ง ราชบุรี

  • แก่งหินสามชั้น จังหวัดนครนายก : เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำนครนายก มีต้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นทั้งสถานที่สำหรับเล่นน้ำคลายร้อน และเป็นแก่งที่มีน้ำไหลเชี่ยวที่สุด มักมีนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแก่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งความยากอยู่ในระดับธรรมดาถึงปานกลาง
ล่องแก่งแก่งหินสามชั้น นครนายก

ภาพจาก : TuM_Klidsada / Shutterstock.com

  • แก่งหินเพิง อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี : อีกหนึ่งในเส้นทางล่องแก่งที่มีความยาก-ง่ายอยู่ที่ระดับ 3-5 บนระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาผจญภัยบนสายน้ำราว 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยในช่วงน้ำหลากหรือช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการล่องแก่งหินเพิง จะมีนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ที่ชอบความท้าทายเดินทางมาเล่นน้ำตามแก่งต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก
ล่องแก่งแก่งหินเพิง ปราจีนบุรี

ภาพจาก : Suchart Boonyavech / Shutterstock.com

  • ลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก : เส้นทางล่องแก่งที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ขึ้นชื่อเรื่องความท้าทายและความสนุกสนานของลำน้ำที่มีเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว ด้วยระยะทางสุดโหด 8 กิโลเมตร ยาวนานประมาณ 3-4 ชั่วโมง และมีระดับความยากง่ายตั้งแต่ 1-5 เลยทีเดียว รับรองว่าสายลุยต้องถูกใจแก่งนี้อย่างแน่นอน
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก พิษณุโลก

ภาพจาก : propae / Shutterstock.com

3. ประเพณีตักบาตรดอกไม้ จังหวัดสระบุรี

           ประเพณีสำคัญที่อยู่คู่กับวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท และพื้นที่ใกล้เคียงมาช้านาน จะจัดขึ้นในวันเข้าพรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี โดยมีความเป็นมาคือ ในช่วงฤดูฝนของทุกปีจะมีดอกไม้ท้องถิ่นชนิดหนึ่งออกดอกในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาพอดี ชาวบ้านจึงได้เก็บดอกไม้มาถวายพระสงฆ์ และเรียกกันว่า ดอกเข้าพรรษา ทำให้ในทุก ๆ ปีชาวบ้านจะเก็บดอกเข้าพรรษามาถวายพระสงฆ์เพื่อนำไปสักการะรอยพระพุทธบาท โดยในขณะที่พระสงฆ์เดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะนำดอกเข้าพรรษาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทนั้น ชาวบ้านก็จะนำขันน้ำหรือภาชนะใส่น้ำลอยด้วยดอกพิกุลนั่งรออยู่ตามขั้นบันไดเพื่อคอยล้างเท้าให้แก่พระสงฆ์ ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการชำระบาปที่ได้กระทำมาให้หมดสิ้นไป
ประเพณีตักบาตรดอกไม้

ภาพจาก : wanrung stock / Shutterstock.com

           ในปี 2567 งานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี โทรศัพท์ 0-3626-6005

4. ทุ่งดอกไม้บานสะพรั่งต้อนรับสายฝน

          เมื่อเข้าช่วงหน้าฝน ความชุ่มฉ่ำของธรรมชาติก็มาพร้อมความสวยงามของดอกไม้นานาพรรณที่พร้อมจะผลิดอกบานอวดโฉม ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชม ยกตัวอย่างเช่น  

  • ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ : ดอกกระเจียว ราชินีแห่งป่าฝนที่จะผลิดอกอวดสีสันทั้งสีชมพูเข้ม สีชมพูอ่อน และสีขาว บานสะพรั่งรับสายฝนเต็มลานกว้างที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ที่ดอกกระเจียวทั้ง 3 ทุ่งของอุทยานแห่งนี้จะบานเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีลานหินงาม ลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในอุทยานด้วย
ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

  • ทุ่งดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก : ดอกเปราะภูขาว เป็นดอกไม้ป่าสีขาวสวย ขึ้นอยู่ประจำบริเวณลานหินปุ่ม โดยจะผลิดอกบานในช่วงหน้าฝนอันแสนชุ่มฉ่ำ ประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมความสวยงามได้
ทุ่งดอกเปราะภูสีขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - Phu Hin Rong Kla National Park โทรศัพท์ 08-1596-5977

  • ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด จังหวัดตาก : อีกหนึ่งทุ่งดอกไม้ในช่วงหน้าฝนที่จะบานอวดความสวยงามท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย กับทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอกไม้ประจำฤดูฝน ดอกสีชมพูอมม่วง กลีบมีลักษณะกางออกคล้ายผีเสื้อ เมื่อดอกบานสะพรั่งทั่วทั้งดอยจะดูคล้ายฝูงผีเสื้อบินอยู่เต็มไปหมด เป็นพืชเฉพาะถิ่นที่พบที่จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะไปชมความงามของทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อเบ่งบานชูกลีบสีชมพูคือประมาณเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด

5. น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

           ไปเยือน น้ำตกหมันแดง ฝ่าดงทากไปดูดอกลิ้นมังกรสีชมพูที่มีอยู่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น และจะบาน 1 ครั้งต่อปีในช่วงหน้าฝน โดยน้ำตกหมันแดงเป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมด 32 ชั้น แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแค่ชั้น 1-9 ซึ่งแต่ละชั้นมีลักษณะเด่นและความงดงามแตกต่างกันไป ทั้งนี้ การเดินทางไปดูน้ำตกหมันแดงต้องอาศัยการผจญภัยเดินป่าฝ่าดงด้วยระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง แต่ในช่วงหน้าฝนเส้นทางค่อนข้างชันและลื่นมาก ๆ นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปที่น้ำตกต้องติดต่อและมีเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัย
น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

           สำหรับ ดอกลิ้นมังกรสีชมพู ซึ่งเป็นดอกกล้วยไม้หายาก จะเติบโตด้วยการยึดเกาะบนแผ่นหินที่มีความชุ่มชื้น และจะบานเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งจะออกดอกบานเต็มที่ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยในประเทศไทยจะพบดอกลิ้นมังกรสีชมพูออกดอกเป็นดงเกาะติดบนโขดหินบริเวณหน้าน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นชั้นที่สวยที่สุดนั่นเอง
ดอกลิ้นมังกรสีชมพู น้ำตกหมันแดง

           สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - Phu Hin Rong Kla National Park โทรศัพท์ 08-1596-5977

6. วังน้ำเขียว สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย

           หนึ่งในที่เที่ยวช่วงหน้าฝนอย่างวังน้ำเขียวที่เรียกว่าสวยสะกดจนได้ชื่อว่าเป็น สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ทั้งบรรยากาศของภูเขา ผืนป่า มีอากาศเย็นสบาย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แถมอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีโอกาสเจอดอกไม้ที่สวยงาม ที่เที่ยวเด็ด ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวธรรมชาติอย่างผาเก็บตะวัน น้ำตกม่านฟ้า อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง และที่เที่ยวชิล ๆ ชิค ๆ ที่ไปถ่ายรูปสวย ๆ กันได้ทั้งครอบครัวอย่าง Village Farm & Winery ฟ้าประทาน โรส พาร์ค หรือ วังน้ำเขียวฟาร์ม รวมถึงยังมีร้านอาหารและที่พักสวย ๆ อีกเพียบ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม ที่มีวันหยุดยาว 3 วัน ถึง 2 ครั้ง ก็สามารถพาครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรัก ไปพักผ่อนชิล ๆ ชมธรรมชาติอากาศดี ๆ ได้เต็มที่เลยทีเดียว
จุดชมวิวเขาแผงม้า วังน้ำเขียว

7. เขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี

          เที่ยวเมืองลิง กับที่เที่ยวแนวอันซีนที่มีจุดชมวิวสวยงามได้บรรยากาศราวกับไปเที่ยวภาคเหนืออย่าง เขาพระยาเดินธง ตั้งอยู่ในตำบลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม ภายในพื้นที่ของวัดหนองนา ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เป็นจุดชมวิวที่เดินทางค่อนข้างสะดวกมาก ถนนเป็นเส้นทางราดยาง ในช่วงสุดท้ายก่อนถึงจุดชมวิวเป็นถนนคอนกรีตตลอดทาง เส้นทางคดเคี้ยวบ้างแต่ไม่ชันมาก สามารถขับรถขึ้นไปได้แบบสบาย ๆ จากจุดเริ่มต้นไปถึงยอดเขาประมาณ​ 4 กิโลเมตร ผ่านถนนที่เรียกกันว่า ถนนลอยฟ้าลพบุรี ระหว่างทางปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีและพืชไร่ของชาวบ้าน

จุดชมวิวเขาพระยาเดินธง

          สำหรับจุดชมวิวเขาพระยาเดินธง สามารถขึ้นมาชมวิวได้ตลอดทั้งวัน แต่ถ้าใครอยากได้วิวสายหมอกคลอเคลียภูเขา มองไปเบื้องล่างคือความเขียวขจีของต้นไม้ และวิวของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แนะนำให้มาตอนเช้าประมาณ 06.30 น. เมื่อมาถึงจุดชมวิวก่อนเข้าไปยังพื้นที่ของวัดก็จอดรถได้เลย เดินไม่ถึง 5 ก้าวก็จะได้พบกับวิวที่สวยงามอลังการตรงหน้า บริเวณจุดชมวิวมีก้อนหินริมผาที่ยื่นออกไปให้ชมวิวหลายจุด จะเลือกไปยืนหรือนั่งชมตรงจุดไหนก็ได้ บอกเลยว่าสวยทุกมุมจริง ๆ นอกจากนี้บนยอดเขายังมีจุดกางเต็นท์พักแรมเพื่อชมดาวตอนกลางคืนอีกด้วย
           สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานลพบุรี : TAT Lopburi Office โทรศัพท์ 0-3677-0096-7

8. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์

          อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อีกหนึ่งในลิสต์ที่เที่ยวที่ต้องไปเยือนของเมืองมะขามหวาน ที่เที่ยวหน้าไหนก็สวย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำและสดชื่น เป็นอุทยานที่เป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ เพราะครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอหล่มสักและอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ สภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสูง มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบาย

จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

         ด้านบนของอุทยานจะมี ภูผาจิต ภูกุ่มข้าว และ ภูด่านอีป้อง ที่เป็นจุดสูงสุดซึ่งสูงกว่า 1,271 เมตร จากระดับน้ำทะเล และมีที่เที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์ เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตก เป็นถ้ำขนาดเล็กที่ภายในจะมีช่องแคบ ๆ มีหินงอก-หินย้อย เป็นที่อยู่ของค้างคาวหลายชนิด โดยเฉพาะค้างคาวมงกุฎมาร์แชล ที่เป็นสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์ และ จุดชมทิวทัศน์ภูค้อ จุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าและมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติให้เที่ยวชมอีกด้วย รวมถึงที่เที่ยวอื่น ๆ ภายในอุทยาน เช่น ถ้ำใหญ่น้ำหนาว, น้ำตกตาดพรานบา, น้ำตกทรายทอง, น้ำตกเหวทราย, ป่าเปลี่ยนสี, ผาล้อมผากอง, สวนสนบ้านแปก, สวนสนภูกุ่มข้าว เป็นต้น
           สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว Nam Nao National Park โทรศัพท์ 06-1042-8234

9. บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี

           ไปเที่ยวชิล ๆ ในช่วงหน้าฝนกันที่ บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่สุดชายแดนไทย-เมียนมา ตั้งอยู่ในหุบเขาปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเดือนกรกฎาคมที่น่าไปเช็กอินมาก ๆ ด้วยความเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เหมาะแก่การพักผ่อน ยิ่งในช่วงหน้าฝนทั่วทั้งหมู่บ้านจะถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกขาวโพลน มองไปทางไหนก็เจอแต่ความสดชื่น ปัจจุบันมีร้านอาหาร โฮมสเตย์ ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ถนนคนเดินในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิตของคนไทยและเมียนมา รวมถึงนักผจญภัยทั้งหลายที่จะขึ้นเขาช้างเผือกก็จะต้องมาเริ่มต้นเดินเท้าจากหมู่บ้านอีต่องแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
บ้านอีต่อง กาญจนบุรี

ภาพจาก : chopjai photo / Shutterstock.com

10. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จังหวัดน่าน

          อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ตั้งอยู่ที่บ้านขุนสถาน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน มีความสูงกว่า 1,424 เมตร สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีความสูงชัน มีแนวสันเขาของดอยแปรเมืองเป็นเส้นแนวแบ่งเขตระหว่างจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน อีกทั้งยังมีลำธารและลำห้วยไหลลงสู่แม่น้ำหลายสายอีกด้วย มีดอยที่สูงที่สุดคือ ดอยภูคา สภาพอากาศค่อนข้างผันผวนและชุ่มชื้นตลอดทั้งปี อุณหภูมิในช่วงหน้าร้อนค่อนข้างเย็นสบาย ส่วนในหน้าฝนและฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำลง จนบางครั้งอาจจะมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 1.5-2 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนมกราคมได้

          สำหรับอุทยานแห่งนี้เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติ ชอบชมวิวทิวทัศน์ป่าเขา ดูสายหมอกในตอนเช้า เพราะมีที่เที่ยวที่เป็นไฮไลต์อย่าง สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน (Khunsathan Watershed Research Station) หนึ่งในแลนด์มาร์กของการดูดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จะออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีชมพูเต็มไปทั่วทั้งบริเวณในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี และที่สถานีวิจัยแห่งนี้ยังมี ดอกชมพูภูคา ดอกไม้หายากปลูกเอาไว้ด้วย โดยดอกชมพูภูคาจะออกดอกบานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ซึ่งจะออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ตัวดอกมีสีชมพู เมื่อบานดอกจะชิดกันแน่น ทำให้ดูเป็นพุ่มสวยงาม
ดอกนางพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย ที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน อุทยานแห่งชาติขุนสถาน

ภาพจาก : KIETSUDA KATKASEM / Shutterstock.com

          นอกจากนี้อุทยานแห่งนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย เช่น ดอยกู่สถาน ดอยแม่จอก กาดวัว ศาลเจ้าพ่อเขาครึ่ง รวมไปถึงน้ำตกอย่างน้ำตกตาดหมอก น้ำตกผาแดง น้ำตกขุนลี และน้ำน่านตอนบนเขื่อนสิริกิติ์ เป็นต้น โดยทางอุทยานมีร้านอาหารและบ้านพัก รวมถึงจุดกางเต็นท์ไว้ให้บริการด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน - Khun Sathan National Park โทรศัพท์ 08-7173-9549

อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ที่เที่ยวน่าน สัมผัสอากาศเย็น มองเห็นทะเลหมอก

11. นาขั้นบันไดสวย ๆ

           นาขั้นบันได ถือเป็นที่เที่ยวที่มีความมหัศจรรย์ดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิตติศัพท์นาขั้นบันไดที่เชียงใหม่ ที่มักมีนักท่องเที่ยวเดินไปสัมผัสความงามของท้องทุ่งนาสีเขียวขจีเป็นจำนวนไม่น้อย จะไม่ให้หลงเสน่ห์ได้อย่างไร ก็ในเมื่อไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทางไหนก็รู้สึกสดชื่นและสบายตา ไม่ว่าจะเป็นบ้านป่าบงเปียง, บ้านตีนผา, บ้านทุ่งยาว, บ้านกองกาน, บ้านบนนา, บ้านแม่กลางหลวง และบ้านผาหมอน แต่ละที่ล้วนสวยงามและอลังการไม่ซ้ำกัน ภาพของนาข้าวสีเขียวที่ลัดเลาะตามไหล่เขาและเนินสูงเช่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์การท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเห็นด้วยตาสักครั้ง
นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง เชียงใหม่

          โดยช่วงเดือนที่เหมาะสมในการมาเที่ยวนาขั้นบันไดที่เชียงใหม่จะมีอยู่ 3 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงแรก เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม จะเป็นช่วงเริ่มดำนา เราจะได้เห็นต้นกล้าที่เพิ่งปลูก มองเห็นน้ำในทุ่งนาสะท้อนไปกับท้องฟ้า ช่วงที่สอง เดือนกันยายนถึงตุลาคม เป็นช่วงที่ต้นข้าวเริ่มโตเต็มที่ ข้าวเริ่มออกรวง ท้องทุ่งนาเป็นสีเขียวขจี และช่วงที่สาม ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ต้นข้าวโตพร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยว ทุ่งนาจะกลายเป็นสีเหลืองทอง มองแล้วสวยงามแปลกตา  

         
 นอกจากนาขั้นบันไดที่เชียงใหม่แล้ว ยังมีนาขั้นบันไดที่มีความสวยงามไม่แพ้กันในจังหวัดอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่โครงการหลวงแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน, โครงการปิดทองหลังพระ จังหวัดน่าน, บ้านสะปัน จังหวัดน่าน และบ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น

12. ล่องแก่งแม่น้ำปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

           เส้นทางล่องแก่งหนึ่งเดียวในไทยที่ไหลสวนทางกับแม่น้ำทุกสายในประเทศ เพราะล่องในแม่น้ำปาย ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นสายน้ำที่เกิดจากทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาแดนลาวในอำเภอปาย แล้วไหลลงมาทางทิศใต้ ผ่านอำเภอปาย-อำเภอปางมะผ้า-อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ก่อนจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวิน (แม่น้ำคง) ในเขตรัฐคะยา เมียนมา มีความยาวประมาณ 180 กิโลเมตร กว้างประมาณ 30 เมตร และลึกประมาณ 7 เมตร ท้องน้ำเป็นกรวดทราย ในฤดูแล้งน้ำลึกประมาณ 7 เมตร แต่ละช่วงมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
ล่องแก่งแม่น้ำปาย แม่ฮ่องสอน

          สำหรับการล่องแก่งแม่น้ำปาย มีระยะทางรวมประมาณ 50 กิโลเมตร ความยากของแก่งมีตั้งแต่ระดับ 1-4 แต่ในฤดูฝนอาจถึงระดับ 5 ซึ่งน้ำเชี่ยวมีความยากมาก การล่องแก่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น ซึ่งสามารถแบ่งการล่องเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงแรก ช่วงต้นน้ำปายถึงอำเภอปาย ใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันเต็ม โดยต้องพักแรมคืนก่อนการเดินทางและหลังจากการล่องแพแล้วอีก 1 คืน ช่วงที่สอง จากอำเภอปายถึงอำเภอแม่ฮ่องสอน ระยะทางการล่องแพทั้งหมดประมาณ 70 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน และช่วงที่สาม อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนถึงเขตชายแดนไทย-เมียนมา ปกติแล้วในช่วงนี้นิยมนั่งเรือหางยาวมากกว่าล่องแพ เพราะได้ชมทิวทัศน์แม่น้ำที่มีความสวยงามและระดับน้ำลดหลั่นกันตลอดทาง ใช้เวลาในการไป-กลับเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

          
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน TAT. Maehongson โทรศัพท์ 0-5361-2982

13. ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี

           ลงใต้ไป Unseen Thailand กันที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ่อน้ำผุดที่มีความใสจนมองเห็นพื้นทรายและตะกอนหินปูนที่อยู่ด้านล่าง แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งวันไหนฟ้าเปิดน้ำจะยิ่งสวยเป็นพิเศษ ซึ่งสาเหตุที่บ่อน้ำแห่งนี้ยังมีความใสสะอาดและสวยงามเช่นนี้ เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้มีมาตรการดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีตั้งแต่หน้าทางเข้าที่จะมีการตรวจสอบขยะและจำกัดจำนวนสัมภาระของนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะฉะนั้นทุกคนที่มาจึงเข้ามาได้แค่เล่นน้ำเท่านั้น ไม่มีการนำอาหารหรือเครื่องดื่มมาดื่มกินเหมือนที่อื่น ๆ เพื่อรักษาความสะอาดนั่นเอง
ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด สุราษฎร์ธานี

           สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี : TAT SuratThani Office โทรศัพท์ 0-7728-8817

14. หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต

           เมื่อพูดถึง ภูเก็ต ไข่มุกอันดามัน ที่เป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับ 1 ของประเทศไทย หลายคนก็มักจะนึกถึงหาดป่าตองกันอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแวะเวียนไปสัมผัสความงดงามของหาดทรายขาว น้ำทะเลใส แสงแดดจัด และความสะดวกสบายทั้งด้านการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว การแสดงอันเต็มไปด้วยสีสัน รวมถึงกิจกรรมทางทะเลมากมายที่มีไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว หรือถ้าใครเป็นสายพักผ่อนชิล ๆ อยากนอนเล่นริมหาด ก็มีเตียงผ้าใบและร่มหลากสีคอยให้บริการตลอดทั้งแนวหาดอีกด้วย จะนอนพักผ่อนกับครอบครัว หรือจะฟังเพลงชิล ๆ สนุก ๆ ก็ได้หมด ยิ่งช่วงเดือนกรกฎาคมแบบนี้อากาศดี เที่ยวได้อย่างประทับใจแน่นอน
หาดป่าตอง ภูเก็ต

ภาพจาก : Brostock / Shutterstock.com

15. พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล จังหวัดสงขลา

           ปิดท้ายกับที่เที่ยวประจำเดือนกรกฎาคมกันที่ พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล หรือ วัดสเตนเลส ตั้งอยู่บนเขาคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นวัดที่มีเจดีย์สร้างจากสเตนเลสทั้งหมด นับว่าเป็นเจดีย์หนึ่งเดียวของโลกเลยก็ว่าได้ บริเวณวัดยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหาดใหญ่ได้ครบ 360 องศาเลยทีเดียว ภายในฐานเจดีย์มีทางเดินเป็นบันไดเวียนสเตนเลสสวยงามนำไปสู่ชั้น 2 ซึ่งสามารถขึ้นไปถ่ายรูปดูส่วนที่เป็นโครงสร้างเจดีย์ สิ่งตกแต่งประดับประดาอื่น ๆ รวมถึงทำบุญในบาตรสเตนเลสที่มีอยู่ทั่วไป นอกจากนี้บนฐานชั้น 2 ยังมีระเบียงให้ออกไปชมวิวทิวทัศน์ได้ นอกจากเจดีย์แล้ว ที่นี่ยังมีพระพุทธรูป รอยพระพุทธบาท เจ้าแม่กวนอิม และสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ให้ได้กราบไหว้กันอีกด้วย
พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล สงขลา

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก TAT Hatyai - ททท. สำนักงานหาดใหญ่ โทรศัพท์ 0-7424-3747

          เข้าสู่ช่วงหน้าฝนเต็มตัวแล้ว อย่ามัวแต่กลัวฟ้าฝน จับเจ่าอยู่กับบ้าน รีบเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวตามที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม ที่เรานำมาฝากกันเถอะ ยิ่งเดือนนี้มีวันหยุดยาวถึง 2 ครั้งด้วย อย่ามัวรอช้า รีบออกไปสัมผัสกับธรรมชาติแสนชุ่มฉ่ำ และประเพณีเทศกาลต่าง ๆ ที่จะมอบประสบการณ์และความทรงจำแสนพิเศษกันดีกว่า

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

บทความ ที่เที่ยวหน้าฝน สถานที่ท่องเที่ยว อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม 2567 เที่ยวฉ่ำปอดทั่วไทย เย็นฉ่ำใจในช่วง Rainy Season อัปเดตล่าสุด 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 13:24:25 30,002 อ่าน
TOP
x close