เดือนสิงหาคม มีวันหยุดให้คนทำงานชื่นใจกันอีกแล้ว แถมยังเป็นวันแม่ เหมาะสำหรับการพาคุณแม่และครอบครัวออกไปเที่ยวพักผ่อน ใครกำลังหาที่เที่ยวไทยในเดือนสิงหาคม มาทางนี้เลย
เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่อยู่ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการท่องเที่ยวในฤดูฝนเป็นอีกหนึ่งฤดูที่น่าเที่ยวไม่แพ้ฤดูอื่น ๆ เลย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพราะจะได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา น้ำตก เมฆหมอก ต่างก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ หากใครยังคิดไม่ออกว่าสิงหาคมเที่ยวไหนดี ? จะมีที่เที่ยวหน้าฝนสวย ๆ ที่ไหนให้ได้เที่ยวกันบ้าง วันนี้เรามีไอเดียที่เที่ยวน่าไปในเดือนสิงหาคมมาฝากกัน บอกเลยว่าแต่ละที่ทั้งเด็ดและโดน เที่ยวสนุกชุ่มฉ่ำพร้อมสายฝนแน่นอน
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
ภาคเหนือ
1. ผาช่อ จังหวัดเชียงใหม่
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วาง ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝนจนทำให้เกิดเป็นประติมากรรมผาดินขนาดใหญ่ เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อน บริเวณนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก จนกระทั่งแม่น้ำปิงเปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้จึงถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้น ๆ และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาหินกำแพงสูงขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา มีความสูงมากกว่า 30 เมตร กว้างกว่า 100 เมตร นอกจากนี้ยังมีรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่ตามหน้าผาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เส้นทางในการเดินเข้าไปชมผาช่อนั้นอาจจะต้องบุกป่าฝ่าดงกันพอสมควร แต่ก็พอจะมีร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่ อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย ทำให้เดินได้เรื่อย ๆ ไม่เหนื่อยมาก ถือเป็นเส้นทางชมธรรมชาติที่ดีอีกหนึ่งเส้นทางเลยทีเดียว
2. กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา
เมื่อมาเที่ยวพะเยา แลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดต้องไปเช็กอินให้ได้คือ กว๊านพะเยา บึงแห่งพุทธศาสนาและทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 1 ของภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทยอีกด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์กลางการจัดกิจกรรมของชาวพะเยา ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามเพราะมีภูเขาน้อยใหญ่เป็นฉากหลัง มีร้านอาหารและโรงแรมให้บริการหลายแห่ง มีมุมไฮไลต์สุดฮิตคือ รูปปั้นพญานาคกลางน้ำหันหน้าเข้าหากัน และกิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนกว๊านพะเยา คือการล่องเรือชมกว๊าน และล่องเรือชมวัดติโลกอาราม วัดกลางน้ำ ซึ่งเป็นอันซีนพะเยานั่นเอง
วัดติโลกอาราม เป็นศาสนสถานเก่าแก่ที่มีมาก่อนกว๊านพะเยา ซึ่งจมอยู่ใต้กว๊านมายาวนานกว่า 70 ปี ปัจจุบันตัววัดยังจมอยู่ใต้กว๊านพะเยา มีเพียงยอดเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐดินเผาเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ประเพณีที่สำคัญของวัดแห่งนี้คือ การเวียนเทียนกลางน้ำ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการเวียนเทียนทั้งหมด 3 ครั้ง คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา โดยผู้ที่มาเวียนเทียนจะนั่งอยู่บนเรือเพื่อทำการเวียนเทียนรอบลานอิฐดินเผาและพระธาตุที่โผล่พ้นผิวน้ำ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในกว๊านด้วย หากปีไหนน้ำลด ไม่สามารถพายเรือได้ จะเป็นการเดินเวียนรอบ ๆ วัดกลางน้ำแทน (ในวันอาสาฬหบูชา ปี 2566 จัดให้มีการเดินเวียนแทนเนื่องจากน้ำลด)
ภาพจาก : sanchai buasong / Shutterstock.com
3. วัดภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์
สถานปฏิบัติธรรมสายยุติกนิกาย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2534 มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 1,786 เมตร จากระดับน้ำทะเล ห่างจากจุดชมวิวภูทับเบิกประมาณ 6 กิโลเมตร รายล้อมไปด้วยป่าเขาอุดมสมบูรณ์และสายหมอกที่ปกคลุมในยามเช้า ทำให้วัดแห่งนี้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะกับการมาทำบุญและปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบร่มเย็น จุดเด่นของวัดป่าภูทับเบิก คือ พระมหาธาตุเจดีย์โพธิปักขิยธรรม พุทธสถานที่มีความโดดเด่นแม้จะมองจากที่ไกล ๆ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธโคดมปางไสยาสน์ และ พระศรีอริยเมตไตรย ลงรักปิดทองประดับเพชรพลอยรัตนชาติ นอกจากนี้ยังมีพระประจำวันประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของภูทับเบิก นอกเหนือจากไร่กะหล่ำปลีและทะเลหมอกแบบเดิม ๆ เป็นพิกัดที่สายบุญไม่ควรพลาดเลย
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
4. อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย
อุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติที่เหมาะสำหรับไปเที่ยวในเดือนสิงหาคม มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อีกทั้งด้านทิศเหนือยังอยู่ติดกับประเทศลาว สำหรับคำว่า ภูเรือ มาจากภูเขาลูกหนึ่งที่มีชะโงกผายื่นออกมา ซึ่งดูแล้วคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือ ทำให้เรียกที่นี่กันว่า ภูเรือ นั่นเอง สำหรับที่เที่ยวในภูเรือที่น่าสนใจคือ จุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เหมาะกับการมาสูดอากาศบริสุทธิ์ รับแสงแรกของวัน โดยจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเรือจะมีอยู่ 2 จุดด้วยกัน คือ จุดชมวิวเดโช และ ผาโหล่นน้อย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถไปกางเต็นท์ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือได้อีกด้วย
5. ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
เที่ยวเมืองช้างในเดือนสิงหาคม ไปชมสถาปัตยกรรมขอมโบราณสมัยนครวัดกันที่ ปราสาทศีขรภูมิ ปราสาทหินอายุเก่าแก่กว่าพันปี โดยปราสาทแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ปราสาทระแงง ซึ่งมาจากชื่อ ตำบลระแงง ที่ตั้งของตัวปราสาทนั่นเอง มีการสันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีศิลปกรรมขอมแบบบาปวนและแบบนครวัด เดิมที่นี่เป็นเทวสถานเพื่อบูชาพระศิวะ เทพเจ้าแห่งศาสนาฮินดู
ลักษณะเด่นของปราสาทศีขรภูมิ คือ ปรางค์ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารอีก 4 องค์ โดยมีภาพสลักนางอัปสรถือดอกบัว และทวารบาลถือกระบองอยู่ตรงประตู นอกจากนี้ยังมี ศิลาทับหลัง อีก 4 ชิ้น ซึ่งในปัจจุบันเหลือทับหลังเพียงชิ้นเดียวที่ปราสาทศีขรภูมิแห่งนี้ เพราะอีก 3 ชิ้นที่เหลือถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ 2 แผ่น และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย อีก 1 แผ่น ถือได้ว่าเป็นปราสาทที่คงเค้าเดิมและสวยงามที่สุดในสุรินทร์ ใครอยากหาโบราณสถานที่งดงามและสมบูรณ์คงเดิมแต่อดีตกาลต้องลองมาที่นี่เลย
6. ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสำหรับคนที่ชื่นชอบการชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้า กับ ผามออีแดง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา มีชื่อเสียงในเรื่องของจุดชมวิวทิวทัศน์หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และชมวิวทะเลหมอกในยามเช้า บริเวณข้าง ๆ หน้าผายังมีงานศิลปะเป็นภาพแกะสลักลักษณะนูนต่ำ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 1,500 ปีเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแผ่นดินประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปเป็นมุมกว้าง โดยทางอุทยานได้จัดทำพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางทอดยาวไปจนสุดปลายหน้าผา แต่ปลอดภัยเพราะมีรั้วกั้นไว้ ทำให้สามารถแวะชมวิวได้ตลอดทางเลย
ภาพจาก : CGN089 / Shutterstock.com
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
ภาคกลาง
7. อุทยานพระพิฆเนศ จังหวัดนครนายก
เที่ยวเดือนสิงหาคมแบบไม่ต้องไปไหนไกล แค่ขับรถจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมง ก็ถึงแล้วกับ อุทยานพระพิฆเนศ ไปทำบุญไหว้สักการะพระพิฆเนศ รูปปูนปั้นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งตามความเชื่อแล้ว พระพิฆเนศ เป็นเทพในศาสนาพราหมณ์ เป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ หลายคนจึงนับถือพระพิฆเนศให้เป็นองค์บรมครูแห่งศิลปวิทยาการนั่นเอง โดยอุทยานแห่งนี้เกิดจากความตั้งใจของพระราชพิพัฒน์โกศล หรือหลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร พร้อมด้วยคณะศิษย์ที่มีความเคารพนับถือในองค์พระพิฆเนศ ได้ดำเนินการจัดสร้างพระพิฆเนศปูนปั้นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หน้าตักกว้างถึง 9 เมตร และสูง 15 เมตร จำนวน 2 ปาง นั่นคือ ปางนั่งประทานพร หรือเรียกว่า ปางคณบดี และ ปางไสยาสน์ประทานพร นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ ที่รวบรวมองค์พระพิฆเนศจำนวนถึง 108 ปาง ที่ครบสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทยด้วย
ภาพจาก : dreamloveyou / Shutterstock.com
8. วัดคีรีวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์
หนึ่งในวัดสวยแห่งเมืองปากน้ำโพ ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ อำเภอเมือง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครสวรรค์ ภายในเจดีย์มี 4 ชั้น ได้แก่ ชั้นแรก เป็นที่จุดธูปเทียนบูชา ชั้นที่สอง จะมีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังต่าง ๆ ในไทย ชั้นที่สาม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองต่าง ๆ และชั้นที่สี่ เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองนครสวรรค์ได้กว้างไกลแบบสุดลูกหูลูกตาเลย
9. บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
เป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่กลางเมืองพิจิตร และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวพิจิตรอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะมีความสวยงามของแสงอาทิตย์สะท้อนบนผิวน้ำให้บรรยากาศโรแมนติกเป็นอย่างมาก นอกจากการชมบรรยากาศบึงอันกว้างใหญ่ของบึงสีไฟแล้ว ภายในบริเวณยังมีจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกหลายจุด ทั้งสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศาลากลางน้ำ และรูปปั้นพญาชาละวัน หรือจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบันทึกในกินเนสส์บุ๊กด้วยความยาวประมาณ 38 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร และกว้าง 6 เมตร ข้างในตัวจระเข้ในอดีตเคยเป็นห้องประชุม ปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน แต่ยังสามารถถ่ายรูปด้านนอกได้ ซึ่งเป็นจุดเช็กอินและจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนบึงสีไฟอีกด้วย
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
ภาคตะวันออก
10. หาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง
พาเที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ กันที่ หาดแม่รำพึง ระยอง อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการพักผ่อนชิล ๆ ได้ตากอากาศกับทะเลสดชื่นสบาย ๆ ไม่ต้องเดินทางข้ามเกาะก็พบกับน้ำทะเลสวยใส พร้อมกิจกรรมพักผ่อนชิล ๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะติดเสื่อมาปูนอนเล่นรับลมชายหาด เล่นน้ำทะเล เล่นเซิร์ฟบอร์ด ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรือโยคะริมหาด ก็ได้ออกกำลังกายพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดให้สมกับการพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้หาดแห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับ เขาแหลมหญ้า สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของระยองด้วย อย่างไรก็ตาม การเล่นน้ำที่หาดแม่รำพึงควรทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากคลื่นทะเลแรงและมีกระแสน้ำวนเป็นบางจุด
11. หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี
หาดเจ้าหลาว อำเภอท่าใหม่ เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี มีหาดทรายสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันทบุรี เมื่อน้ำลงจะเห็นสันทรายเป็นแนวยาวไปจนถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่าวคุ้งกระเบน ส่วนชายหาดด้านตะวันออกจะเป็นแหลมหินและสันเขา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ยอดฮิต บรรยากาศดีตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับพักผ่อนริมทะเลชิล ๆ จะมาแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือพักค้างคืนก็ได้ มีทั้งที่พักและร้านอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกมากมาย
12. บ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด
ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว เป็นชุมชนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นที่รู้จักในชื่อชุมชนที่มี 2 ศาสนา และ 3 วัฒนธรรม คือ ศาสนาพุทธ และอิสลาม จากวัฒนธรรมชาวไทย ชาวจีน และชาวมุสลิม ซึ่งแม้จะมาจากต่างความเชื่อและต่างวัฒนธรรม แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะของแต่ละวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวได้พัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวทั้งแบบไปเช้า-เย็นกลับ และนอนพักค้างคืนที่โฮมสเตย์ มีกิจกรรมมากมายให้ได้ลองทำเพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบ้าน เช่น การทำงอบใบจาก การทำอาหารพื้นบ้าน นั่งเรือชมคลองน้ำเชี่ยวทะลุป่าชายเลนและออกสู่ทะเลอ่าวไทย ชมธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เช่น เหยี่ยวแดงนับร้อย ป่าโกงกาง และป่าชายเลนรอบ ๆ ชุมชน เป็นต้น
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
ภาคใต้
13. ดอยตาปัง จังหวัดชุมพร
เริ่มกันที่จังหวัดชุมพร ประตู่สู่ภาคใต้ กับจุดชมวิวทะเลหมอกแบบปัง ๆ อย่าง ดอยตาปัง อำเภอสวี อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชุมพรไปทางใต้ราว ๆ 70 กิโลเมตร พื้นที่จะเป็นภูเขาดิน สูงจากระดับน้ำทะเล 500 เมตร จึงเป็นจุดชมวิวรอบด้านแบบ 360 องศาที่สวยงามมาก ๆ ที่สำคัญสามารถชมวิวกันได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันด้วยนะ ไฮไลต์อีกหนึ่งอย่างของดอยตาปัง คือการได้ขึ้นมาดูแสงพระอาทิตย์ส่องลอดผ่านรูของภูเขา หรือเขาทะลุ ในยามเช้านั่นเอง ยิ่งได้จิบกาแฟเขาทะลุ ซึ่งเป็นกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร ถือว่าครบสูตรเลยทีเดียว
14. คลองหรูด จังหวัดกระบี่
คลองหรูด ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองทะเล ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นคลองน้ำจืดสายเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายป่าพรุ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ในสมัยก่อนมีการสร้างฝายกั้นน้ำบริเวณช่วงกลางลำคลอง ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ความลึกประมาณ 5 เมตร กว้างประมาณ 200 เมตร จนชาวบ้านพูดกันติดปากว่า คลองหนองทะเล ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัด รองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเที่ยวเชิงนิเวศ โดยการพายเรือคายักขึ้นไปชมต้นน้ำของคลองหนองทะเล และระหว่างเส้นทางก็สามารถเที่ยวชมโขดหินน้อยใหญ่ คล้ายกับภูเขาเล็ก ๆ โผล่พ้นผิวน้ำสลับเรียงรายสวยงาม นอกจากนี้ยังมีจุดที่ลงเล่นน้ำได้เหมือนมีสระว่ายน้ำใส ๆ ส่วนตัวกันไปเลย
15. วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี
ชื่อเต็มคือ วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไร่ ตำบลทุ่งพลา ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวใต้ ไม่ว่าใครที่มาถึงปัตตานี ต้องแวะมาเที่ยวชมความสวยงามและกราบสักการะหลวงปู่ทวดองค์จำลองกันสักครั้ง โดยถือเป็นวัดต้นกำเนิดของ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เพราะท่านคือเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด อีกทั้งตามประวัติ เมื่อหลวงปู่ทวดมรณภาพแล้ว ได้มีการนำร่างสังขารของท่านมาไว้ที่วัดช้างให้แห่งนี้ ทั้งนี้ ใครที่มาสักการบูชาต่างมาขอพรเรื่องสุขภาพ หรือหากทำของหาย ต้องการได้คืน ก็มักจะมาขอกับหลวงปู่ทวดนั่นเอง
ความโดดเด่นของวัดช้างให้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ ทำบุญ และชมความสวยงามคือ พระธาตุเจดีย์วัดช้างให้ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีความสูงถึง 59.09 เมตร รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นเจดีย์ 5 ยอด โดยมีองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านล่างเป็นห้องโถง มีระเบียงเป็นวิหารคดรอบองค์พระเจดีย์ อีกทั้งยังมีฉัตรทองคำหนัก 100 บาท เป็นฉัตร 7 ชั้น ประดับทับทิมประดิษฐานอยู่บนยอดเจดีย์สวยงาม และภายในองค์พระธาตุเจดีย์ยังบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นที่สักการบูชาอีกด้วย
ภาพจาก : Sakcared / Shutterstock.com
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2566
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา
วันเข้าพรรษา 2566 ปีนี้ตรงกับวันที่ 2 สิงหาคม ถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่ชาวพุทธพร้อมใจกันเข้าร่วม อีกทั้งยังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะมีการจัดงานเทศกาลเข้าพรรษาทั่วประเทศ นอกจากนี้เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำสืบเนื่องมายาวนานคือ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ซึ่งก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ใครใกล้ที่ไหน หรืออยากไปชมความสวยงามของประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปกันได้เลย
เดือนสิงหาคม จัดเป็นหนึ่งเดือนที่อยู่ในช่วงหน้าฝนแบบเต็ม ๆ ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากออกไปไหน เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่เที่ยว หรือไปแล้วฝนจะตก ถ่ายรูปออกมาไม่สวย แต่สายฝนแสนชุ่มฉ่ำนี่แหละจะทำให้ธรรมชาติสวยงาม เต็มไปด้วยความสดชื่นเย็นสบาย ว่าแล้วก็อย่ากลัวฝน รีบจัดกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวกันดีกว่า
บทความ เที่ยวเดือนสิงหาคม อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊ก ผาช่อ - อุทยานแห่งชาติแม่วาง, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, museumthailand.com, เฟซบุ๊ก วัดป่าภูทับเบิก วัดที่สูงที่สุดในประเทศไทย, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูเรือ - Phu Ruea National Park, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานสุรินทร์ - ศรีสะเกษ TAT Surin-Sisaket, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร- Khao Phra Wihan National Park, เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานนครนายก (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว), เฟซบุ๊ก วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานนครสวรรค์-พิจิตร TAT Nakhon sawan-Phichit, เฟซบุ๊ก วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว บ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด, เฟซบุ๊ก Kayak Klongnongtale คายัคคลองหนองทะเล / คลองหรูด, เฟซบุ๊ก Watchanghai วัดช้างให้ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้
