ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวปางอุ๋ง พาแว้นมอเตอร์ไซค์จากเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่ "ปางอุ๋ง" แถมยังแวะเที่ยวแม่ฮ่องสอนตามสถานที่ท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนที่ต้องไปเช็กอิน
ตามรอยเส้นทางสองล้อของ คุณเจ้าหญิงหมวกฟาง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่จะพาไปพบกับสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามของภาคเหนือ เส้นทางเชียงใหม่-ปางอุ๋ง และแม่ฮ่องสอน เริ่มต้นเดินทางผ่านโค้งนับพันจากเมืองเชียงใหม่เข้าสู่แม่ฮ่องสอน ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติสุดจะเกินบรรยายของแนวทิวสน หมอกจาง ๆ เหนือผิวน้ำในตอนเช้าที่แสนโรแมนติกอย่าง "ปางอุ๋ง" เที่ยวชมไร่ชาและจิบชาอุ่น ๆ ที่ "หมู่บ้านรักไทย" และไม่ลืมแวะเก็บรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวสองข้างทางในแม่ฮ่องสอน อย่าง "ภูโคลน" "ซูตองเป้" "อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา" และ "บ้านจ่าโบ่" เป็นอันปิดจ๊อบการเดินทางด้วยสองล้ออย่างสมบูรณ์ อย่ารอช้า…เราจะพาคุณไปชมความสวยงามสองข้างทางด้วยสองล้อไปพร้อม ๆ กัน
+++++++++++++++++++++++
วิถีแว้นแพ็กเกอร์ "ฉันจะพาเธอขี่มอเตอร์ไซค์จากเชียงใหม่-ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน"Chiangmai-Pangung Maehongson
กว่า 8 ชั่วโมง l กว่า 2,000 โค้ง l กว่า 200 กิโลเมตร ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นคิดบ้าอะไร รู้แต่ว่าอยากไปนอนเต็นท์ริมแม่น้ำ เปิดเต็นท์ออกมาตอนเช้า ฟริ้ง !!!! ก็ได้ประสบพบเจอกับหมอกสีขาว ๆ ลอยฟุ้ง ๆ อยู่เหนือผิวน้ำ มีหงส์ขาว หงส์ดำ เป็นหงส์พระราชทาน มีแนวต้นสนสูง ๆ อย่างกับอยู่บนเกาะนามิที่ญี่ปุ่น เอ๊ย !! เกาหลีต่างหาก ตอนนั้นมโนได้แค่นี้ เปิดดูรูปสวย ๆ ของคนอื่นเพิ่มกิเลสทุกวัน จนลืมนึกถึงระยะทางไปเลย ความกลัวหายไปไหนหมดไม่รู้ รู้สึกได้แค่ว่า "เราต้องไปอยู่ตรงนั้นให้ได้" แค่นั้น
ทริปนี้จะโหด มันส์ ฮา บ้าขนาดไหน ติดตามต่อไปเลยค่ะ
review by Journeyaholic
Page : journeyaholic.thailand
Facebook : Panwad Premprasit
IG : instagram.com/journeyaholic
กระทู้อื่น ๆ ของเรา
ตะลุย ...เกาะล้าน 3 วัน 2 คืน แบบชิค ๆ คูล ๆ
สวัสดีคนแปลกหน้า ฉันจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรี มีตังค์ 550 บาทก็พอ
ผู้หญิงคนเดียว แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่ "ฉันจะพาไปแว้นมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยอินทนนท์"
แล้วจะไปยังไงล่ะ ? จริง ๆ แล้วก็ไปได้หลายวิธีนะ เราเริ่มจากเชียงใหม่เลยละกัน ส่วนใครจะมาเชียงใหม่ยังไงก็เลือกได้ตามอัธยาศัย
1. จากเชียงใหม่นั่งเครื่องไปลงแม่ฮ่องสอน แล้วเช่ารถขับไปเองหรือไปนั่งรถสองแถวได้ที่หน้าตลาดสายหยุด จะเป็นสายแม่ฮ่องสอน-ห้วยมะเขือส้ม เที่ยวไป 09.00 น. และ 14.00 น. เที่ยวกลับ 06.00 น. และ 11.00 น. หรืออาจจะเหมารถจากหน้าตลาดสายหยุดไปเลยก็ได้อัตราค่าโดยสารประมาณ 600 บาท
2. จากเชียงใหม่นั่งรถตู้หรือรถทัวร์ไปลงปาย จากปายจะมีทั้งรถตู้ รถหวานเย็น รถสองแถว ไปถึงแม่ฮ่องสอนได้ พอถึงแม่ฮ่องสอนแล้วก็ทำตามข้อ 1.
3. จากเชียงใหม่เช่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ขับไปยาว ๆ เลย แต่ก่อนอื่นมาดูเส้นทางกันก่อนค่ะ ถ้าขี่หรือขับรถไปเอง สามารถเลือกเส้นทางหลัก ๆ ได้ 3 เส้น
เส้นทางที่ 1 คือเส้นทางด้านบนสุด จากเชียงใหม่มาทางแม่แตง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 แล้วเลี้ยวซ้ายตรงแยกแม่มาลัย เข้าทางหลวงหมายเลข 1095 โดยเส้นทางนี้จะผ่านอำเภอปาย ปางมะผ้า สู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
เส้นทางที่ 2 ออกจากเชียงใหม่ไปทางดอยอินทนนท์ ผ่านอำเภอแม่แจ่ม ขุนยวม แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 265.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง แต่ไม่ค่อยมีปั๊มน้ำมันใหญ่ ๆ และได้ยินว่าทางโหดกว่าเส้นทางแรก
เส้นทางที่ 3 ออกจากเชียงใหม่ไปทางอำเภอจอมทอง ใช้ถนนหมายเลข 108 ผ่านอำเภอแม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 351.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
เราเลือกเส้นทางแรกทั้งขาไปและขากลับค่ะ จากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน ผ่านทางอำเภอปาย เป็นระยะทาง 245 กิโลเมตร 2,224 โค้ง ลองซูมเส้นทางในแผนที่ดูครั้งแรกนี่ถึงกับอึ้งค่ะ เราให้ฉายามันว่า "ถนนสายมาม่า" ใครอยากรู้ว่าทำไมลองขยายแผนที่ดูนะคะ
เริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ Go Go Go....
001. ครั้งนี้เราเดินทางไปเชียงใหม่กับนครชัยแอร์เหมือนเดิม เพิ่งเติมคือทริปนี้มาขึ้นรถที่ศูนย์นครชัยไม่ใช่หมอชิต เดินทางวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 19.30 น.
ร้านนี้อยู่ติดกับไบค์กี้เลยค่ะ ไม่ต้องมีมัดจำเหมือนกัน ใช้แค่บัตรประชาชน แต่ต่างกันตรงที่ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมงนะคะ แวะเติมน้ำมันนู่นนี่นั่น กว่าจะได้ออกจากเดินทางก็ปาไป 7 โมงละค่ะ ขี่มาสักพักใหญ่ ๆ คือมันหนาวแบบไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ ขอแวะเซเว่นฯ ก่อน
ขอเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ตบท้ายด้วยเอากางเกงมาใส่อีกตัว แล้วก็ซื้อถุงมือผ้า 19 บาท ในเซเว่นฯ ใส่ประทังชีวิตไปก่อน เพราะขี่มาแค่ประมาณชั่วโมงหนึ่งนี่มือเริ่มไม่รู้สึกค่ะ ใครแพลนจะมาช่วงหนาว ๆ อย่าคิดว่าแดดออกแล้วจะอุ่นนะคะ ถ้าคุณคิดแบบนั้นคุณพลาดค่ะ กรุณาเตรียมชุดที่มันกันลม เสื้อกันลม กางเกงกันลม ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ แว่นตา ผ้าบัฟหรือผ้าปิดปากก็ได้ ทริปนี้ยอมรับเลยว่าบกพร่องมาก ฮ่า ๆๆ ไม่มีอะไรสักอย่างเลยนอกจากแว่นตากับผ้าพันคอ
002. แล้วก็แว้น ๆๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ไหวอีกแล้วค่ะขอพักอีกที เนื่องจากเสื้อเรามันไม่ได้กันลม เวลาขี่รถนี่หนาวไปถึงทรวงในเลย
ร้านนี้ชื่อร้านแม่มด แวะจิบชา กาแฟได้ตามสะดวกค่ะ
ขี่ออกมาจากร้านสักนิดหนึ่งก็จะมาเจอโค้งนี้ค่ะ อลังการงานโค้งจริง ๆ ตรงจุดนี้จะมีไหล่ทางสามารถจอดถ่ายรูปได้ไม่อันตรายค่ะ
มุ่งหน้าสู่เมืองปาย เราจะไปกินข้าวกลางวันกันที่นั่นค่ะ ระหว่างทางก็มีถนนที่กำลังสร้างใหม่ แล้วก็ปรับปรุงเรื่องไหล่ทางอยู่เป็นระยะ ๆ ฝุ่นค่อนข้างเยอะ แว่นตากับผ้าปิดปากช่วยเราได้มากค่ะ
วนอยู่ในปายได้ไม่เท่าไรก็มาจบที่ร้านเกาเหลาเลือดหมูร้านนี้ค่ะ ใส่ใบอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ผักกาดหอม แล้วก็ไม่ใช่ใบตำลึง รสชาติแปลก ๆ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นใบสตรอว์เบอร์รีค่ะ เลยร้านข้าวมาหน่อยเป็นร้านขายเสื้อมือสองค่ะ รีบตรงเข้าไปหาเสื้อกันลมสักตัว สภาพพอใช้ได้ ได้มาในราคา 200 บาท ถ้าไม่ได้ตัวนี้คาดว่าไม่ถึงแม่ฮ่องสอนแน่ค่ะ ถึงเวลาจะเที่ยงแล้วแต่อากาศก็ไม่ได้ลดละความเย็นลงแม้แต่น้อย เห็นฝรั่งเค้าใส่เสื้อสายเดี่ยวแว้นกันสบายใจ จิตใจเค้าทำด้วยอะไรกันคะ ฮ่า ๆๆ
003. เมื่อชุดพร้อม ร่างกายพร้อม ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไปทางอำเภอปางมะผ้าค่ะ
วิวสองข้างทางก็สวยงามตามท้องเรื่อง
ผ่านจุดชมวิวดอยกิ่วลม ฝรั่งและนักท่องเที่ยวจะเยอะนะคะตรงจุดนี้
ขี่มาเรื่อย ๆ เจอโค้งนี้ถึงกับตกใจ เพราะนางเป็นสีแดงทั้งโค้ง ไม่รู้ทำไมเค้าถึงทำเป็นสีแดง แต่เราว่ามันทำให้ถนนลื่น แล้วก็น่ากลัวกว่าที่ควรจะเป็นอีก
แวะพักรถ พักคนอีกครั้งที่จุดชมวิวปางมะผ้า ที่นี่มีกาแฟสดนะคะ แต่เราไม่ถนัด ขอจัดสปอนเซอร์ดีกว่า ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าเหนื่อยมาก ไม่เคยขี่รถไกลและนานขนาดนี้ ถึงกับล้มตัวลงนอนหลังป้ายจุดชมวิวเลยล่ะค่ะ คือมันง่วง มันเพลีย แต่มาไกลถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องไปต่อค่ะ
เจอรถคันนี้ เป็นรถสองแถวจากปายไปแม่ฮ่องสอน เลยแอบถามราคาเค้ามา เค้าบอกว่าจากปายไปแม่ฮ่องสอนก็ 100 บาทค่ะ
004. ในที่สุดก็ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ เราถึงกับนับเลขหลักกิโลมาตลอดทางเลย จริง ๆ จะไม่เข้ามาในตัวเมืองก็ได้นะคะ เพราะว่าทางเข้าปางอุ๋งจะอยู่ถึงก่อนตัวเมืองค่ะ แต่ที่เราเข้ามาตัวเมืองก่อนก็เพราะมาแม่ฮ่องสอนทั้งทีจะพลาดที่นี่ได้ยังไงล่ะคะ "พระธาตุดอยกองมู" พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน แวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อนค่ะ
บางคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมที่กระถางดอกไม้บูชาเค้าถึงมีไม้มาให้ นั่นเป็นเพราะว่าที่นี่เค้ามีความเชื่อเรื่องการค้ำจุนชีวิต เค้าเลยให้ไม้มาพร้อมกับดอกไม้บูชา ซึ่งเวลาจะบูชาเราก็ต้องนำดอกไม้ไปวางไว้ตรงฐานของพระธาตุ ซึ่งจะมีพระประจำวันเกิดทั้งเจ็ดวันอยู่ พร้อมทั้งเอาไม้ไปวางไว้ตรงนั้นด้วยเพื่อเป็นการค้ำชูชีวิต
หลังจากที่เราสักการะพระธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาอีกฝั่ง อ้อมมาทางด้านหลังก็จะเป็นร้านกาแฟนะคะ แค่ชื่อร้านก็สวยงามละค่ะ ร้านนี้ชื่อว่า ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา (Before Sunset Coffee)
แล้ววิวก็อลังการสมชื่อ ถ้าได้มาตอนเย็น ๆ รอดูพระอาทิตย์ตกคงจะสวยมาก ๆ แต่ตอนเราไปถึงตรงระเบียงจุดชมวิวของร้านย้อนแสงพอดี
ร้านนี้จุดถ่ายรูปก็เยอะพอสมควรนะคะ ไปนั่งชิล ๆ ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
ลงมาจากพระธาตุก็จะพบกับ "อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชา"
พระยาสิงหนาทราชา เดิมชื่อ ชานกะเล มีเชื้อสายเป็นคนไตหรือชาวไทยใหญ่ เกิดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2369 ที่เมืองจ๋าม รัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2399 เกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้นในรัฐฉาน นายชานกะเลจึงอพยพเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านปางหมูโดยอาศัยอยู่กับพะก่าหม่อง ด้วยความที่ชานกะเลเป็นคนขยัน กล้าหาญ ฉลาด อดทน และซื่อสัตย์ จึงได้ช่วยพะก่าหม่องทำงานเป็นอย่างดีจนพะก่าหม่องรักใคร่เหมือนบุตรและยกบุตรสาวชื่อนางใสให้เป็นภรรยา จากนั้นชานกะเลอพยพครอบครัวและได้รวบรวมผู้คนไปตั้งหมู่บ้านขึ้นชื่อว่า "บ้านกุ๋นยวม" (อำเภอขุนยวมในปัจจุบัน) ชาวบ้านเห็นชานกะเลเป็นคนดี มีความสามารถและมีลักษณะเป็นผู้นำจึงยกย่องให้เป็น นายบ้านกุ๋นยวม
ต่อมาบ้านกุ๋นยวมได้ถูกยกขึ้นเป็นเมือง ชานกะเลจึงได้รับการสถาปานาเป็นเจ้าเมืองกุ๋นยวมเป็นคนแรก ชานกะเลปกครองเมืองและสร้างความเจริญรุ่งเรืองเป็นเวลา 8 ปี จวบจนปี พ.ศ. 2417 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน และพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าครองนครเชียงใหม่ ได้ยกบรรดาศักดิ์ชานกะเล เป็นพระยาสิงหนาทราชาและแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก พระยาสิงหนาทราชาครองเมืองจนถึงปี พ.ศ. 2427 รวมเวลาได้ 10 ปี ก็ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุรวมได้ 58 ปี
005. ในที่สุดที่ที่เราลอยคอหรือรอคอยก็มาถึง "ปางอุ๋ง" เราต้องขี่เข้ามาทางหมู่บ้านรวมไทยนะคะไม่ใช่รักไทย เห็นบางคนสับสนกันเยอะ ตอนที่เราไปเข้าได้เลยนะคะ ไม่ต้องไปแลกบัตรที่ศูนย์ศิลปาชีพหรือถ้ำปลาแล้วค่ะ เข้าออกพื้นที่ได้ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. ยังไงก็ควรเข้าไปก่อนจะเย็นนะคะ เพราะถ้ามืดแล้วทางจะอันตรายมาก ถนนทางขึ้นตรงช่วงทางเข้าหมู่บ้านแคบมาก รถยนต์สวนแทบไม่ได้ค่ะ อยากจะบอกว่ามาถึงแล้วลืมความเหนื่อยที่ผ่านมาแทบจะหมดสิ้น มันตื่นเต้นกับความสวยของบรรยากาศตรงหน้า ใครจะไปเชื่อว่าจังหวัดที่เราไม่เคยคิดจะมา มันจะมีอะไรซ่อนอยู่มากมายขนาดนี้
ที่นี่มีสัญณาณโทรศัพท์นะคะ แถมมี 3G เต็มเปี่ยม ของดีแทคนะคะ ค่ายอื่นเงียบกริบค่ะ
ส่วนเรื่องที่พักก็จะมีทั้งโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านรวมไทย ราคาก็มีตั้งแต่ 400-2,500 บาท เช่น
โฮมสเตย์ลุงปาละ โทรศัพท์ 08 2766 7455, 08 3571 6668
นายฉิ่งโฮมสเตย์ โทรศัพท์ 08 0677 9169, 08 3581 4224
ลุงจายโฮมสเตย์ โทรศัพท์ 08 9552 4520
บ้านพักของโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จำนวน 5 หลัง และมีพื้นที่กางเต็นท์ 50 หลังต่อวัน ติดต่อในวัน-เวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08 7661 8594, 08 0847 8456 ในส่วนนี้จะอยู่ในการดูแลของกรมป่าไม้ค่ะ
รวมไทยเกสต์เฮ้าส์ บ้านพักริมทะเลสาบ จำนวน 10 กว่าหลัง ราคา 450-850 บาท ติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 05361 1244 ในส่วนนี้จะอยู่บริเวณสันเขื่อนด้านนอกค่ะ
โฮมสเตย์ของชาวบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณก่อนทางเข้าค่ะ มีทั้งร้านกาแฟ ร้านหมูกระทะ
ตรงนี้จะเป็นด่านที่ตั้งอยู่ก่อนจะเข้าส่วนพื้นที่ดูแลของกรมป่าไม้นะคะ เค้าจะให้ลงชื่อแล้วไม่เสียค่าเข้านะคะ แต่ใครจะช่วยเท่าไรก็ได้ค่ะ เงินส่วนนี้จะไว้ใช้ดูแลและปรบปรุงพื้นที่บริเวณนี้ค่ะ
ตรงนี้จะเป็นจุดที่สามารถจอดรถได้ค่ะ แล้วก็จะมีร้านค้าอยู่ มาถึงเราก็รีบไปติดต่อเรื่องจองเต็นท์เลยค่ะ เพราะไม่ได้แบกเต็นท์มาเอง
คืนนี้เราได้นอนตรงนี้ค่ะ ราคาเต็นท์สีม่วงอยู่ที่ 350 บาท นอนได้ประมาณ 3 คน แต่เรานอนคนเดียวค่ะ ฮ่า ๆๆ ส่วนเต็นท์เล็กข้าง ๆ จะอยู่ที่ 150 บาท นอนได้คนเดียว
ถัดเต็นท์เราไปหน่อยก็จะเป็นสะพานไม้ที่ยื่นออกไป แลนด์มาร์กที่ใคร ๆ หลายคนต้องมาถ่ายรูปนะคะ
เอาของมาเก็บที่เต็นท์เรียบร้อยออกไปถ่ายรูปตรงสันเขื่อนกันดีกว่าค่ะ พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว แสงกำลังสวยเลย
เจอหงส์ดำคู่นี้พาลูกใส่หลังมาด้วย น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
ตรงส่วนนี้ก็จะเป็นบริเวณบ้านพักค่ะ เดินลงไปอีกหน่อยก็จะเป็นจุดขึ้น-ลงแพไม้ไผ่ สำหรับใครที่อยากนั่งแพตอนเย็นก็ได้นะคะ แต่เราเก็บไว้นั่งตะลุยหมอกตอนเช้าดีกว่า
ฟ้าใกล้มืดแล้วอากาศเริ่มเย็นละคะ ต้องรีบไปอาบน้ำก่อน ใครมาขอบอกเลยว่าควรรีบอาบน้ำก่อนจะมืดนะคะ เพราะน้ำที่นี่เย็นพอกับน้ำในช่องฟรีซเลยค่ะ แล้วไฟที่ห้องน้ำก็มีน้อย ค่อนข้างจะมืด บรึ๋ย ๆ นิดหนึ่งค่ะ ยืนทำใจอยู่ตั้งนานกว่าจะอาบได้ ฮ่า ๆๆ
006. มืดแล้ว มืดแล้วของที่นี่คือมืดจริง ๆ ค่ะ มีแค่ไฟจากส่วนที่เป็นร้านค้าอยู่ไกล ๆ แล้วก็มีแค่แสงไฟจากตะเกียงของเต็นท์อื่น ๆ บ้าง
อาบน้ำแล้ว ฟ้าก็มืดแล้ว ก็หิวแล้วสิคะ เมนูเด็ดของที่นี่ก็น่าจะเป็นหมูกระทะนี่แหละค่ะ เด็ดหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าบรรยากาศมันเด็ดค่ะ แล้วมันก็เป็นหมูกระทะที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยกินมาเลยก็ว่าได้ นั่งบนดิน ตามองดาว ปากเคี้ยวหมูกระทะ กับอากาศแบบนี้ อุณหภูมิแบบนี้ ฟินจริง ๆ ต้องไปลองค่ะ
กินเสร็จแล้วอย่าเพิ่งเก็บเตาค่ะ
ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหลือให้เป็นประโยชน์ก่อน ถ่านก็เหลืออีกเพียบ นั่งผิงไฟ ดูดาว เคล้าน้ำค้าง ฮ่า ๆๆ (นี่เพื่อนร่วมกระทะเราเองค่ะ หาได้แถว ๆ ข้างทาง)
อีกอย่างที่พีคสุด ๆ ในค่ำคืนนี้ก็คงจะเป็นแสงจันทร์กับแสงดาวบนฟ้านี่แหละค่ะ
สวยจนบอกไม่ถูก และเยอะจนนับไม่ไหว บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดเหมือนกัน ชอบนั่งดูดาวเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ดาวที่เราเคยเห็นมันไม่ใช่แบบนี้ มันบอกไม่ถูกจริง ๆ มันยิบยับเต็มฟ้าไปหมด ถึงแม้จะมีแสงจากดวงจันทร์ส่องสว่างอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจทำให้แสงจากดวงดาวสว่างน้อยลงเลย นั่งถ่ายรูปดาว รูปท้องฟ้าอยู่เป็นชั่วโมง ๆ จนอยู่ไม่ไหว อากาศเย็นและน้ำค้างแรงมากจริง ๆ เต็นท์กับฟลายชีทก็ช่วยได้น้อยนิด
สำหรับคนที่อยากมานอนเต็นท์นะคะ เราว่ายอมเหนื่อยแบกเต็นท์มาเองดีกว่าค่ะ มันน่าจะคุณภาพกว่า เต็นท์ที่เรานอนนอนได้สามคน มีผ้าห่มให้สามผืน มันก็น่าจะอุ่นดีนะคะ แต่ไม่ใช่เลยค่ะ เรานอนใส่เสื้อสามชั้น กางเกงสองชั้น หมวกอีก ผ้าพันคออีก เพราะลมมันเข้าตามตาข่ายข้างล่างเต็นท์ค่ะ แล้วน้ำค้างก็แรงจนมันชื้นไปหมด ทั้งข้างในข้างนอก แต่ด้วยความเพลียจากการแว้นมาแปด-เก้าชั่วโมง และอิ่มหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนไปตามระเบียบพระจันทร์
007. รุ่งอรุณ...ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีห้า กลัวไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นกับแสงตอนเช้า แต่จริง ๆ คือพระอาทิตย์ที่นี่ก็ตื่นสายค่ะ กว่าจะขึ้นก็ปาไปหก-เจ็ดโมงเช้า
ล้างหน้า แปรงฟันเรียบร้อย จะให้อาบน้ำเหรอ ! ฝันไปเถอะ
แอบแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่านางไม่หนาวเหรอเจ้าหงส์ ถ้าลงไปจะเย็นจนขาชาไหมนะ เพราะอุณหภูมิตอนนี้ก็แค่ 9 องศาเองนะ
ตอนเช้า ๆ ที่นี่จะมีพระจากในหมู่บ้านเข้ามาบิณฑบาตนะคะ ก็จะมีชาวบ้านบางส่วนเอาของใส่บาตรเป็นชุด ๆ เดินมาขายให้ถึงเต็นท์เลยค่ะ ชุดใส่บาตรชุดละ 40 บาท พระท่านจะมารอบิณฑบาตอยู่บริเวณแถว ๆ ที่จอดรถค่ะ จะมาตั้งแต่ประมาณหกโมงเช้า
ใส่บาตรเสร็จก็ไปนั่งแพกันเถอะ
ขึ้นจากแพแล้วไปแชะรูปรับแสงเช้าบนสันเขื่อนหน่อยค่ะ
แลนด์มาร์กอีกที่หนึ่งของที่นี่ ต้องมาถ่ายมุมนี้ให้ได้สินะ ไม่แน่ใจว่าเป็นศาลาหรือบ้านพักอะไร แต่เหมือนจะไม่ได้ใช้นานแล้ว
ที่นี่มีต้นสนอยู่มากมาย แต่นี่กลับเป็นลูกสนลูกแรกที่เราเจอแบบสมบูรณ์ ไม่รู้หายไปไหนหมด แต่มีคนบอกเราว่าเค้าก็เก็บกลับบ้านกันไปหมดแล้วน่ะสิ ฮ่า ๆๆ
มุมมหาชนขอแชะมุมนี้ซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง วันที่เราไปเป็นวันธรรมดานะคะ ตอนกลางคืนก็มีเต็นท์อยู่แค่ไม่เกิน 20 หลัง คนน้อยพอสมควรค่ะ
008. เก็บของใส่กระเป๋า โบกมือบ๊ายบายปางอุ๋ง แล้วพบกันใหม่นะ ออกจากปางอุ๋งเราจะไปทานอาหารเช้ากันที่บ้านรักไทยค่ะ บ้านรักไทยอยู่ห่างจากปางอุ๋งประมาณ 12 กิโลเมตร ติดกับประเทศพม่า
ส่วนที่เป็นที่พักของลีไวน์รักไทย เค้าอนุญาตให้เข้ามาถ่ายรูปรอบ ๆ ได้นะคะ ถ้ามาเช้ากว่านี้คงจะสวยมาก ๆ เลยค่ะ
อันนี้จะเป็นชาหอมพันปี ดื่มฟรีนะคะ
ที่เห็นทั้งสามเหยือกนี่ก็ฟรีค่ะ เค้าชงมาให้ชิม เราชอบชายอดน้ำค้างค่ะ หอมมาก ดื่มง่าย ไม่ขม
ขาหมูยูนนาน หมั่นโถวนึ่ง เห็ดหอมทอดซีอิ๊ว
อยากจะบอกว่าหมั่นโถวนี่ตัดกำลังมากค่ะ แค่สองลูกอิ่มสุด ๆ
ส่วนด้านนี้จะเป็นในส่วนของร้านกาแฟ มีโปสเตอร์ขายด้วยนะคะ มีตู้สามารถหย่อนได้เลยที่หน้าร้านค่ะ
009. น้ำตกผาเสื่อ น้ำตกที่ไม่มีน้ำ ฮ่า ๆ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหน้าฝนน้ำจะเยอะกว่านี้มาก มีฝรั่งมาปีนน้ำตกด้วยค่ะ เห็นอยู่ไกล ๆ เราแค่เดินลงไปถ่ายรูปอย่างเดียว ข้างล่างเป็นโขดหินลึก ๆ อันตรายพอสมควรค่ะ
ภูโคลน จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีปริมาณแร่ธาตุซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวหนังและระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ใกล้เคียงกับปริมาณแร่ธาตุของ "โคลนจากทะเลสาบมรณะ (Dead Sea Mud)" อัตราค่าบริการในแต่ละบริการก็แตกต่างกันไปนะคะ ของเราเวลาน้อยเลยแช่เท้าแค่อย่างเดียว 20 บาท แช่ได้ 15 นาที หรือดูรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ thongteaw.com
บ่อโคลนค่ะ เราเห็นเดือดปุด ๆ ตลอดเวลาเลย ด้านข้างเขียนไว้ว่าอุณหภูมิภายในบ่อ 70 องศา แล้วก็มีกลิ่นแปลก ๆ น่าจะเป็นกลิ่นกำมะถันค่ะ
010. ซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธา ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร ซูตองเป้ เป็นภาษาไทใหญ่แปลว่าอธิษฐานสำเร็จ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากได้มายืนอยู่กลางสะพานแล้วอธิษฐานขอความสำเร็จใด ๆ ก็จะพบกับความสมหวัง ภิกษุสงฆ์และชาวบ้านกุงไม้สัก ที่ต่างก็ช่วยกันลงแรงสานพื้นสะพานด้วยไม้ไผ่ทอดยาวไปบนที่นาของเจ้าของที่ที่อุทิศผืนนาถวาย โดยสร้างเพื่อเชื่อมต่อระหว่างสวนธรรมภูสมะและหมู่บ้านกุงไม้สัก ข้ามผ่านทุ่งนาและแม่น้ำสายเล็ก ๆ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งได้ใช้สัญจรไป-มาระหว่างหมู่บ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น
จากที่เมื่อเช้า 10 องศา ดูแดดตอนนี้สิคะ อากาศสวิงมากค่ะแม่ฮ่องสอน เสื้อสามชั้นที่ใส่มาถอดแทบไม่ทันเลย
011. อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา จอดรถด้านหน้าแล้วเดินเข้าไปประมาณ 500 เมตรค่ะ
จุดชำระค่าบริการ ถ้าจำไม่ผิด 20 บาท/คน
ด้านหน้าจะมีอาหารปลาขายค่ะ จะเป็นผัก ปลาที่นี่รักสุขภาพชอบกินผักค่ะ
หยิบออกมาเจอไอ้ตัวนี้ตกใจเลย แมลงสาบหรือเปล่า ฮ่า ๆๆ
ข้างล่างก็มีปลานะคะ ตัวใหญ่เลย
กราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ ป้าที่ขายผักบอกว่าเป็นฤๅษีเจ้าของถ้ำแห่งนี้
ตรงนี้ใกล้ชิดสนิทสนมสุด ๆ แทบจะโดดขึ้นมาแง่มมือเราแล้ว
012. ออกจากถ้ำปลาเราก็จะไปแวะที่บ้านจ่าโบ่กันค่ะ ขี่ย้อนกลับไปทางอำเภอปายเหมือนเดิม เพราะว่าคืนนี้เราจะไปพักกันที่ปายอีก 1 คืนค่ะ
แวะพักรถพักคนกันสักหน่อยค่ะ เมื่อยมาก ๆ จุดชมวิวตรงนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะคะ มีร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ด้วย ไปต่อกันเลยค่ะ…
คือเห็นทางละแบบว่า......เอิ่มมมมมม...... ทางโหดสุด ๆ เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 2-3 ช่วงถนนค่ะ แล้วก็เป็นทางขึ้นเขาตลอด
ที่นี่มีปั๊มหลอดค่ะ แวะเติมน้ำมันก่อนเดี๋ยวจะได้ขี่กลับปายยาว ๆ เลย
... ร้านปิดค่ะ แต่ไม่เป็นไรวิวสวย ๆ ไม่ปิดค่ะ
ก็สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยหรือเปล่าไม่รู้...อดกิน
อยู่ดี ๆ นางก็เข้ามาเล่นด้วยอย่างกับว่ารู้จักมานานแสนนาน สวัสดีมิตรภาพต่างถิ่น
ไปเจอกันต่อที่ปายนะคะ ขอยกปายไปไว้อีกกระทู้หนึ่งเดี๋ยวกระทู้นี้จะยาวเกินไป เดี๋ยวจะสรุปค่าใช้จ่ายในส่วนของเชียงใหม่-ปางอุ๋ง ไว้ให้ก่อนค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
● ค่ารถทัวร์นครชัยแอร์ : 584 บาท
● ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ : 900 บาท (3 วัน)
● เติมน้ำมันครั้งที่ 1 : 50 บาท
● ค่าถุงมือ : 19 บาท
● ค่าโจ๊ก โอวัลติน : 43 บาท
● ร้านกาแฟแม่มด : นมสดร้อน 40/พายสตรอว์เบอร์รี 15 บาท
● ค่าข้าว ต้มเลือดหมู : 50 บาท
● ค่าเสื้อกันลม : 250 บาท
● เติมน้ำมันครั้งที่ 2 ที่ปางมะผ้า : 70 บาท
● ค่ากาแฟบนพระธาตุดอยกองมู : 45 บาท
● ค่าเข้าปางอุ๋ง : เท่าไรก็ได้แล้วแต่เรา
● ค่าเช่าเต็นท์ : 350 บาท
● ค่าหมูกระทะ : 300 บาท/ชุด
● ค่าชาร์จแบต : 20 บาท/เครื่อง (ฝากชาร์จได้ที่ร้านค้าที่ขายหมูกระทะ)
● ชุดใส่บาตร : 40 บาท
● เติมน้ำมันครั้งที่ 3 : 50 บาท
● ค่าอาหารที่บ้านรักไทย : ประมาณ 500 กว่าบาท
● ค่าโปสการ์ด : 20 บาท/ใบ
● ค่าแช่เท้าภูโคลน : 20 บาท
● ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา : 40 บาท/คน
● ค่าอาหารปลา : 20 บาท/ถุง แต่ 3 ถุง 50 บาทค่ะ
● เติมน้ำมันครั้งที่ 4 : 50 บาท
ถ้ากระทู้ปายเสร็จจะมาแปะลิงก์ต่อให้นะคะ รับรองว่ามีที่สวย ๆ มาแนะนำแน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเจ้าหญิงหมวกฟาง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Panwad Premprasit
