ภูกระดึง จังหวัดเลย
แหม...มีเสียงการันตีความท้าทาย ผจญภัย และน่าไปสัมผัสแบบนี้ คงอดใจไม่ได้แล้วที่จะไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภูกระดึง เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักอุทยานแห่งนี้พร้อม ๆ กันเลย
ทำความรู้จักภูกระดึง
เสน่ห์ของภูกระดึง
สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาพรรณ สัตว์ป่านานาชนิด หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีบนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต
การเดินทางพิชิตยอดภูกระดึง
สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น จากเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูกระดึง - Phu Kradueng National Park อัปเดตข้อมูลได้มีการปรับเวลาขึ้น-ลงภูกระดึง มีรายละเอียด ดังนี้
เส้นทางขึ้นบนยอดภูกระดึงจะต้องเดินเท้าวัดใจผ่านไล่เรียงไปตั้งแต่ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน ซำแคร่ และช่วงสุดท้ายที่จะผ่านขึ้นไปยังหลังแป เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุด เพราะจะต้องปีนป่ายขึ้นโขดหินและต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน แต่ถ้าใครเหนื่อยก็นั่งลงแวะพักดื่มน้ำหาของกินกันได้ มีร้านค้าประจำอยู่ทุกซำ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกิน
ภูกระดึงเปิด-ปิดฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงไหน
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี เช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน
สถานที่ท่องเที่ยวภูกระดึง
1. ผานกแอ่น
นอกจากนั้นหากอากาศดีพอในช่วงเวลาที่เดินเท้าฝ่าความมืดมาชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับเวลาที่พระจันทร์กำลังจะลับขอบฟ้า ด้านตะวันตกนั้นจะได้เห็นภาพสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ ซึ่งจะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน และใครที่อยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้วย
2. ผาหล่มสัก
แนะนำสักนิดสำหรับผู้ที่จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งถ้าเดินเท้าอาจกินเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่นักท่องเที่ยวสามารถย่นระยะเวลาได้ ด้วยการเช่ารถจักรยานจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการประหยัดเวลาการเดินทาง
3. ผาหมากดูก
4. ผาเหยียบเมฆ
5. ผาแดง
6. น้ำตกวังกวาง
7. น้ำตกถ้ำสอเหนือ
8. น้ำตกเพ็ญพบใหม่
9. น้ำตกถ้ำใหญ่
10. น้ำตกธารสวรรค์
11. สระอโนดาต
นอกจากที่เอ่ยมาแล้ว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกรัตนา น้ำตกพระองค์ น้ำตกธารสวรรค์ ผาแดง ผาส่องโลก ผานาน้อย ผาจำศีล สวนสีดา ลานกินรี ลานวัดพระแก้ว และอีกมากมายบรรยายกันไม่หมด ดังนั้นใครที่ชอบเดินป่า ปีนเขา และสัมผัสธรรมชาติแบบถึงเนื้อถึงตัว ภูกระดึง...คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้
การจองที่พักบนภูกระดึง
ถ้าต้องการนอนบ้านพักจะต้องเข้าไปจองล่วงหน้า 60 วัน ที่เว็บไซต์ nps.dnp.go.th หรือติดต่อฝ่ายบริการที่พัก โทรศัพท์ 0-2562-0760, 0-2561-0777 ต่อ 1743, 1744 หรืออุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 0-4281-0833, 0-4281-0834 สำหรับใครที่ต้องการนอนเต็นท์ ทางอุทยานมีทั้งเต็นท์ไว้ให้บริการและพื้นที่กางเต็นท์รองรับอย่างเพียงพอ
การเดินทางไปภูกระดึง
รถโดยสารประจำทาง : โดยสารรถยนต์จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ผานกเค้า ซึ่งเป็นเขตต่อแดนระหว่างชุมแพ-ภูกระดึง แล้วโดยสารรถประจำทาง (รถสองแถว) ไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึง ควรใช้รถประจำทาง หรือหากนักท่องเที่ยวใช้รถประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ลงที่ชุมแพ และต่อรถสายขอนแก่น-เลย ไปลงที่ตลาดอำเภอภูกระดึง ซึ่งจะมีรถสองแถวต่อไปถึงอุทยาน
หมายเหตุ รถสองแถวแดงที่รับจ้างนำนักท่องเที่ยวส่งระหว่างจุดจอดรถที่ผานกเค้ามาที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง คำแนะนำคือถ้าเราไปไม่กี่คนให้รวมทีมกับกรุ๊ปอื่นจะได้เฉลี่ยค่าสองแถว ไม่ต้องเหมารถให้เปลืองสตางค์
รถไฟ : จากกรุงเทพมหานครโดยสารรถไฟไปลงที่ขอนแก่น จากนั้นโดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยังหน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถว หรือเดินทางต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นยอดภูอีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึง “หลังแป” แล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พัก บนยอดภูกระดึงทางอุทยาน ได้จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม
รถส่วนตัว : เดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ดังนี้
1. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
2. ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่น เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่านและตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
3. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทั้งบนยอดภูกระดึงและบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.00-16.30 น. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 042 810 833, 042 810 834
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
บริเวณที่ทำการอุทยานมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ (คนไทย) คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ (ต่างชาติ) 100 บาท เด็ก 200 บาท และบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 30 บาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์และบ้านพักได้ที่ที่ทำการอุทยาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 4281 0833 และ 0 4281 0834
**หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ
ท้ายสุดฝากไว้สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติบนภูกระดึง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน จึงจะเที่ยวชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดให้เที่ยวบนยอดภูกระดึงได้เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ของทุกปี ทางอุทยานจะปิดเพื่อปรับสภาพธรรมชาติให้ฟื้นตัว และปรับปรุงสถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ฉะนั้นเช็กก่อนออกเดินทางกันด้วยล่ะ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วบรรดาแบ็กแพ็กเกอร์ทั้งหลายก็เตรียมแพ็กกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันได้เลย...
การเที่ยวภูกระดึงอย่างมีจิตสำนึกจะเป็นหนึ่งหนทางรักษาความสวยงามของภูกระดึงได้อย่างยั่งยืนที่สุด นักท่องเที่ยวจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ทิ้งขยะในที่ที่จัดไว้ให้ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่า ไม่แกะสลักชื่อหรือขูดขีดร่องรอยไว้ที่ต้นไม้ ก้อนหิน หรือหน้าผา
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง