เที่ยวเลย พิชิต 12 ภูสวย ๆ ชมทะเลหมอกสุดอลังการ

          ปักหมุดจุดชมวิวทะเลหมอกในจังหวัดเลย ดินแดนยอดภูอันเย็นสบาย พร้อมเต็มอิ่มกับทัศนียภาพที่งดงามเกินบรรยาย

           จังหวัดเลย เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของภาคอีสาน ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางศิลปะ วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนเมืองเลย ที่รอให้นักเดินทางมาสัมผัสเมืองแห่งขุนเขาดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ โดยเฉพาะหน้าหนาวจังหวัดเลยจะอยู่ในลิสต์รายชื่ออันดับต้น ๆ ในการวางแผนท่องเที่ยว วันนี้เราเลยหยิบเอา 12 ภูเขาในจังหวัดเลย ที่มีทะเลหมอกสวย ๆ ให้ได้ไปสัมผัสมาแนะนำกัน เริ่มต้นที่...

1. ภูกระดึง

          อุทยานแห่งชาติภูกระดึง หรือภูกระดึง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร ทำให้สภาพอากาศทั่วไปเย็นสบายเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อาจลดต่ำลงถึง 0 องศาเซลเซียส

เที่ยวเลย

          ไฮไลต์เด็ดอีกหนึ่งอย่างของการมาเที่ยวภูกระดึง คือ การได้ชื่นชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบนภูกระดึงอยู่ที่ "ผานกนางแอ่น" นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทะเลหมอกสวยงาม และถ้ายืนรอให้ม่านหมอกเหล่านั้นค่อย ๆ คลายตัวลง จะเผยให้เห็นทิวทัศน์ของบ้านนกเค้าบริเวณด้านล่าง ส่วนจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอยู่ที่ "ผาหล่มสัก" เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนล้วนต้องมานั่งถ่ายภาพบนชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา โดยมีต้นสนต้นหนึ่งแผ่องค์ประกอบไว้อย่างสวยงาม อ๊ะ ๆ ก่อนลงจากภูกระดึงพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปคู่กับป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" เอาไว้เป็นสักขีพยานในความพยายามกันด้วยนะ

          หมายเหตุ : ภูกระดึง เปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี และช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 042 810 833, 042 810 834

2. ภูเรือ

          อุทยานแห่งชาติภูเรือ หรือภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่มักเดินทางขึ้นยอดภูเรือเพื่อชมแสงแรกของพระอาทิตย์ และสัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็น ท่ามกลางทะเลหมอกที่ลอยคลอเคลียยอดเขา

เที่ยวเลย

          นอกจากนี้โดยรอบบริเวณยอดภูเรือยังมีธรรมชาติสวย ๆ ทั้งป่าสนเขา สวนหินธรรมชาติ และดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ และยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายจุด เช่น ผาโหล่นน้อย, ผาซ่าทอง, น้ำตกห้วยไผ่, สวนหินพาลี, ทุ่งหินพานขันหมาก และหินเต่า เป็นต้น ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด เราแนะนำให้คุณลองมากางเต็นท์หรือนอนบ้านพักค้างสักคืนสองคืน ซึ่งภายในอุทยานได้มีการจัดสถานที่กางเต็นท์เตรียมไว้บริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ โทรศัพท์ 088 509 5299

3. ภูลมโล

          แหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นประจำทุกปีช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม ดอกนางพญาเสือโคร่งจะพร้อมใจกันผลิกลีบชมพูบานจำนวนกว่าแสนต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ (ก่อนเดินทางอย่าลืมโทรศัพท์สอบถามการบานของดอกนางพญาเสือโคร่งก่อนนะ)

เที่ยวเลย

          ภูลมโล เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น และทางอุทยานไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเอง เพราะเส้นทางบางช่วงชันและแคบ อาจจะเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ซึ่งการเดินทางไปยังภูลมโลสามารถขึ้นได้สองเส้นทาง คือจากทางฝั่งบ้านร่องกล้า ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และจากทางฝั่งบ้านกกสะทอน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

เที่ยวเลย

          นอกจากการชมดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว ภูลมโลยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น ยอดสูงสุดภูลมโล ที่ต้องเดินเขาขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร บนจุดชมวิวมีชะง่อนหินเล็ก ๆ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ตกอยู่บนเส้นทางเดินขึ้น ซึ่งเมื่อมองลงมาเบื้องล่างจะพบกับทิวทัศน์ความงดงามของแนวยอดภูลมโลและเทือกเขาอื่น ๆ

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ภูลมโล,ซากุระเมืองไทย,นางพญาเสือโคร่ง,กกสะทอน

4. ภูทอก เชียงคาน

          ภูเขาที่มีความสูงไม่มาก อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กิโลเมตร นับเป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดของเชียงคาน มีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้สถานที่ใด ๆ ในเมืองไทย อีกทั้งยังได้ชมวิวเขาสลับซับซ้อนที่มองได้ไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นแก่งคุดคู้ ภูหมอน ผาแบ่น สายน้ำโขงที่ไหลแนบเชียงคาน ตลอดจนมองเห็นประเทศลาวได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าใครมาช่วงฤดูหนาวที่นี่จะมีทะเลหมอกสีขาวลอยมาให้เห็นอยู่เบื้องหน้า (แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน)

เที่ยวเลย

          การเดินทางจากเมืองเชียงคานใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ทางไปอำเภอปากชม เมื่อผ่านแยกแก่งคุดคู้ไม่ไกลจะมีทางแยกขวามือ สังเกตป้ายสถานีทวนสัญญาณ 483 จะมีป้ายบอกทางขึ้นไปยอดภู จากนั้นจะมีรถของชาวบ้านรับ-ส่งเพื่อขึ้นไปยังยอดภูอีกครั้ง อ๊ะ ๆ แต่ถ้าใครไม่มีรถก็สามารถติดต่อใช้บริการรถสาธารณะที่เชียงคานไปยังภูทอกได้เหมือนกันค่ะ

5. ภูบักได

          ภูบักได หรือภูบักได๋ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอภูเรือ ในความดูแลพื้นที่ของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า และเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนเอง ซึ่งในฤดูหนาวอากาศที่นี่จะหนาวเย็นจัด ยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวงดงามอลังการ

เที่ยวเลย
ภาพจาก APIWICH PUDSUMRAN / Shutterstock.com

          ไฮไลต์ห้ามพลาดเมื่อไปเยือนภูบักไดคือบริเวณยอดภูจะมีหินยื่นออกมาจากหน้าผา เรียกกันว่า "ผาหลอกลวง" เป็นมุมถ่ายภาพสุดฮิตที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ที่ยอดภูบักไดมีจุดกางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจากตีนดอยจะต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเดินเท้าต่อไปอีกราว ๆ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวที่ชุมชนปลาบ่า ยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น น้ำตกปลาบ่า, น้ำตกสองคอน, ไร่แมคคาเดเมีย และเกษตรที่สูงภูเรือ ฯลฯ ให้ได้เที่ยวกันอีกด้วย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ภูบักได ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนปลาบ่า


6. ภูผักหวาน

          อีกหนึ่งจุดชมทะเลหมอกในจังหวัดเลย ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยเดื่อ ตำบลน้ำทูน อำเภอท่าลี่ การเดินทางไปยังจุดชมวิวภูผักหวาน เริ่มต้นจากอำเภอท่าลี่ ไปยัง อบต.อาฮี เป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร หลังจากนั้นไปตามถนนท่าลี่-ด่านซ้าย จนถึงบ้านแก่งม่วง อีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะถึงด่านตรวจจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านห้วยเดื่อ จากนั้นให้ตามเส้นทางถนนคอนกรีตไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก่อนจะถึงทางแยกวัดโพนทอง แล้วให้เลี้ยวเข้าไปในวัด หลังจากนั้นเราจะใช้เส้นทางขึ้นเขาบริเวณข้างวัดโพนทอง ซึ่งขอเตือนไว้นิดหนึ่งว่าถ้าขับรถไปเที่ยวเอง รถที่นำมาควรเป็นรถกระบะ เพราะเส้นทางค่อนข้างขรุขระ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องขึ้นรถอีแต๊กของชาวบ้าน

          โดยสองข้างทางระหว่างขึ้นไปยังจุดชมวิวภูผักหวานจะผ่านพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน หน้าผาประวัติศาสตร์ ซึ่งมีภาพเขียนเกี่ยวกับประวัติพระพุทธศาสนาให้ได้ชมเพลิน ๆ อีกด้วย จากนั้นไม่นานก็จะถึงจุดชมวิว ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือผืนป่าธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่มีทะเลหมอก แค่ได้มานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่นี่ก็นับว่าคุ้ม และทำให้คุณประทับใจได้แล้ว

          สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลอาฮี โทรศัพท์ 042 073 036 หรือ tambonahi.go.th

7. ภูลำดวน

          ภูลำดวน ตั้งอยู่ที่ตำบลปากชม อำเภอปากชม มีลักษณะเป็นยอดเขาสูงอยู่ริมแม่น้ำโขง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 368 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้แบบพาโนรามา รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของแขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้อีกด้วย

เที่ยวเลย

          ในช่วงฤดูหนาวบริเวณนี้จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขงได้ไกลสุดลูกหูลูกตา นักท่องเที่ยวจะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นจากทะเลหมอกและขุนเขาโดยรอบ อากาศหนาวเย็น บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อน นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวต้องการที่จะมาพักค้างแรมด้านบนภูลำดวน ก็มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ไว้รองรับ หากต้องการเช่าเต็นท์ของวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวภูลำดวนอย่างยั่งยืน

          จากบริเวณหมวดการทางปากชมขึ้นมายังภูลำดวน นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปได้ 2 วิธี คือเดินและนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้าน ถ้าเดินขึ้นไปด้านบน ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 25 นาที ส่วนถ้าใครนั่งรถอีแต๊กจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที

8. ภูชมลาว

          จุดชมทะเลหมอกแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย โดยสถานที่แห่งนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก เสน่ห์ความสวยงามของภูชมลาว นั่นคือการมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติแบบ 360 องศา ทะเลหมอกสีขาวลอยอ้อยอิ่ง อีกทั้งยังมองเห็นเมืองแก่นท้าว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกด้วย สมกับชื่อว่า "ภูชมลาว" เสียจริง ๆ โดยจุดชมวิวดังกล่าวเกิดขึ้นจากการร่วมมือร่วมใจของชุมชน ซึ่งมีชาวบ้านในอำเภอท่าลี่ รวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนลุ่มน้ำเหือง ช่วยกันดูแล รวมถึงบริหารจัดการรองรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวภูชมลาว สามารถนำรถส่วนตัวมาจอดตรงบริเวณใกล้ด่านพรมแดนนากระเซ็ง และนั่งรถอีแต๊ก (ประมาณ 2 กิโลเมตร) ของสมาชิกเครือข่ายขึ้นยังตีนภูชมลาว หลังจากนั้นเดินเท้า (ประมาณ 100 เมตร) ขึ้นไปยังยอดภู (ค่าบริการไป-กลับ คนละ 50 บาท) บนภูจะมีแม่ค้าคอยขายของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นรายได้เสริมกระจายสู่ชุมชนอีกทางหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเช็กอินทะเลหมอกสวย ๆ

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลอาฮี โทรศัพท์ 042 073 036, 042 073 041

9. ภูป่าเปาะ

          จุดชมวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็น "ภูหอ" ที่ว่ากันว่ามีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่น จนหลายคนขนานนามให้เป็น "ฟูจิเมืองเลย" ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน เป็นจุดชมวิวที่สูง 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล

เที่ยวเลย

          จุดชมวิวภูป่าเปาะมีทั้งหมด 4 จุด แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ 4 ซึ่งจำเป็นต้องเดินเท้าไต่ความสูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตร โดยต้องผ่านป่าเล็ก ๆ ขึ้นไปโผล่ยังจุดชมวิว ยิ่งถ้าใครต้องการมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวนี้ อาจจำเป็นต้องพกไฟฉายเผื่อไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย เพราะทางเดินค่อนข้างมืดและมีความลาดชัน เมื่อขึ้นมาแล้วนักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้มาในช่วงหน้าหนาว และในวันที่ฟ้าเป็นใจ คุณอาจจะได้ชื่นชมความสวยงามของทะเลหมอกที่ลอยละล่องอีกด้วย

เที่ยวเลย

          การเที่ยวชมภูป่าเปาะสามารถเข้าชมได้ทุกช่วงฤดูกาล ซึ่งในแต่ละฤดูภูป่าเปาะก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นในช่วงหน้าร้อนจะมองเห็นทุ่งหญ้าและขุนเขาเป็นสีเหลืองทอง ช่วงหน้าฝนจะมองเห็นภูเขาและท้องนาเขียวขจี และช่วงหน้าหนาวถือเป็นช่วงฤดูทองของภูป่าเปาะ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เจอกับทะเลหมอก บวกกับวิวของฟูจิเมืองเลย ยิ่งสวยเข้าไปกันใหญ่

          ทั้งนี้การขึ้นไปชมวิว ณ ภูป่าเปาะ ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไป จะต้องนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นไปเท่านั้น และเนื่องจากบริเวณจุดชมวิวของภูป่าเปาะไม่ได้มีอาณาเขตกว้างขวาง จึงไม่มีพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์นอนดูดาว รวมถึงตลอดสองข้างทางที่รถอีแต๊กมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวก็ไม่มีที่พักให้นักท่องเที่ยวนอนค้างคืนเช่นกัน หากนักท่องเที่ยวอยากที่จะพักค้างคืนก่อนขึ้นไปยังภูป่าเปาะ ทั่วบริเวณเส้นทางอำเภอหนองหินก่อนถึงภูป่าเปาะจะมีที่พักเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย

10. ภูอีเลิศ

          ภูอีเลิศ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลยอีกแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสกับความงดงามของวิวทะเลหมอกสุดปัง ซึ่งจะสามารถเห็นสายหมอกสีขาวละมุนอยู่ท่ามกลางร่องภูเขาของทั้งฝั่งไทยและฝั่งประเทศลาว วันไหนที่อากาศดี ก็จะสามารถเอามือเอื้อมไปคว้าสายหมอกกันได้อย่างใกล้ชิด และตรงจุดชมวิวยังมีชะง่อนผาเล็ก ๆ ให้ได้ถ่ายภาพสวย ๆ ด้วย

เที่ยวเลย

          ทั้งนี้บริเวณจุดชมวิวภูอีเลิศยังมีสภาพเป็นโขดหินสลับกับป่าไม้ ทัศนียภาพสวยงามมาก จนชาวบ้านขนานนามว่าเป็นแกรนด์แคนยอนจังหวัดเลย สภาพของอากาศที่นี่จะหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาว อากาศจะเย็นจับใจมาก ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะ

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ภูอีเลิศ

11. ภูบ่อบิด

          แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเลยเพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น อยู่ในเขตวนอุทยานภูบ่อบิด ตำบลชัยพฤกษ์ ตำบลเมือง อำเภอเมือง สูงจากระดับน้ำทะเลราว 500-600 เมตร ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ และยังได้เห็นวิวของเมืองเลยเป็นของแถมด้วย

เที่ยวเลย

          นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดเป็นระยะทางประมาณ 670 เมตร เป็นทางเดินบันได ไม่ลำบากมากนัก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อขึ้นไปแล้วก็จะสามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมืองเลย พร้อมทั้งขุนเขาต่าง ๆ ที่อยู่โอบล้อมรอบ ๆ เมืองเลย เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมาก

12. ภูผาหนอง

          ภูผาหนอง ตั้งอยู่ที่ตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาที่มีวิวสวยงาม แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยที่ยอดภูผาหนองนักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นวิวภูเขาน้อยใหญ่สวยงาม ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย หน้าหนาวก็มีทะเลหมอกให้ได้ชมไม่น้อยหน้าไปกว่าที่ไหนในเมืองไทย อีกทั้งยังมีพื้นที่ให้กางเต็นท์ได้ด้วย ที่สำคัญยังไม่ต้องไปเบียดกับนักท่องเที่ยวมากด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสถานที่ชมทะเลหมอกที่ดีทีเดียว

เที่ยวเลย

          ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดเลยเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย โทรศัพท์ 042 812 812 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. หรือ เฟซบุ๊ก TAT Loei Office

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
 และ เฟซบุ๊ก TAT Loei Office


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวเลย พิชิต 12 ภูสวย ๆ ชมทะเลหมอกสุดอลังการ อัปเดตล่าสุด 15 มิถุนายน 2565 เวลา 11:47:10 77,436 อ่าน
TOP
x close