แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่คนไทยค้นหาจาก Google มากที่สุดในปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบเอเชีย ใกล้ไทย ไม่ต้องขอวีซ่า และมีที่เที่ยวสวย ๆ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ถูกค้นหา Google มากที่สุดในปี 2565
กลับมาอีกครั้งกับ Google ประเทศไทย เผยผลคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2565 หรือ Year in Search ทั้งเทรนด์บุคคล เหตุการณ์สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร เป็นต้น โดยเฉพาะในหมวดสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ (Trending International Destinations) ที่สะท้อนให้เห็นความสนใจของคนไทยในการออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 มากขึ้น ลองไปดูกันว่าจะมีประเทศไหนที่ได้รับความสนใจบ้าง เริ่มด้วยที่อันดับ 1 คือ
1. สิงคโปร์ (Singapore)
ประเทศใกล้ไทยที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ครบครันทั้งที่เที่ยวสมัยใหม่ ที่เที่ยวธรรมชาติ และที่เที่ยวทางวัฒนธรรม อาหารท้องถิ่น รวมถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ตั้งอยู่ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่สิงคโปร์ เกาะขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมาแรงแซงทางโค้งขึ้นไปอยู่ในอันดับแรกที่คนไทยค้นหาจาก Google มากที่สุดในปี 2565 เพราะเดินทางไม่ยาก บินแป๊บเดียวถึง ที่สำคัญไม่ต้องขอวีซ่าด้วยนะ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน (ต้องมีเจตนาเพื่อการเดินทางไปท่องเที่ยวเท่านั้น)
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่น่าสนใจ เช่น เมอร์ไลออน, การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์, เขื่อนมารีน่า บาร์ราจ, มารีน่า เบย์ แซนด์, สิงคโปร์ ฟลายเออร์, ย่านคลาร์กคีย์, วัดเจ้าแม่กวนอิม, วัดพระเขี้ยวแก้ว, ถนนออร์ชาร์ด และ Fort Canning Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองสิงคโปร์ เป็นต้น
2. เวียดนาม (Vietnam)
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออย่างเฝอ แหนมเนือง พิซซ่าเวียดนาม และบั๊ญหมี่ แถมค่าครองชีพก็ไม่สูงมากนัก และไม่ต้องขอวีซ่า โดยสามารถพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน อีกทั้งเมืองน่าเที่ยวไม่ได้มีแค่เมืองหลวงอย่างโฮจิมินห์เท่านั้น แต่มีเมืองเล็ก ๆ ที่สวยงามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซาปา ฮานอย ฮอยอัน ดานัง ดาลัด เว้ และญาจาง เป็นต้น ที่นี่จึงได้กลายมาเป็น Dream Destination ของคนไทยที่สนใจในปี 2565
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเวียดนามที่น่าสนใจ เช่น สุสานโฮจิมินห์, ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม, ฮาลองเบย์, ฮาลองบก, ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม, ทะเลทรายมุยเน่, นาข้าวขั้นบันไดเมืองซาปา, พระราชวังทังลอง, เยี่ยมชมเมืองโบราณฮอยอัน, มหาวิหารนอเทรอดามแห่งไซ่ง่อน, พระราชวังเว้, สะพาน Golden Bridge, หาดญาจาง และเมืองตากอากาศดาลัด เป็นต้น
3. ลาว (Laos)
ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของไทย เพียบพร้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ประเพณีและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ และเมื่อเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีน เชื่อมต่อระหว่างกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว กับนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ทำให้สามารถย่นระยะทางเกือบพันกิโลเมตรภายใน 10 ชั่วโมง รวมถึงมีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ภาษา ตลอดจนวิถีชีวิตของคนลาว ที่ไม่ต่างจากคนไทยมากนัก จึงทำให้ลาวกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ติดอันดับคนไทยค้นหาจาก Google ปี 2565
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวลาวที่น่าสนใจ เช่น พระธาตุหลวง, ประตูชัย, วัดเชียงทอง, พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง, น้ำตกตาดกวางสี, ถ้ำปากอู, สี่พันดอน, ทุ่งไหหิน, ปราสาทหินวัดพู, น้ำตกตาดฟาน, ที่ราบสูงโบลาเวน, บลู ลากูน วังเวียง, จุดชมวิวผาแดง, เมืองเฟือง และผาหนามไซ เป็นต้น
4. ญี่ปุ่น (Japan)
ประเทศในดวงใจของหลาย ๆ คนที่อยากไปสัมผัสกับความงดงามของบ้านเมือง ธรรมชาติ วิถีชีวิต และอาหารการกินต่าง ๆ ซึ่งหลังจากปิดประเทศช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 มาหลายปี ในปี 2565 ญี่ปุ่นเริ่มมีการลดมาตรการเกี่ยวกับโควิด 19 และเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติอีกครั้ง ทำให้คนที่รอคอยไปญี่ปุ่นเริ่มค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเยือนดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ เพราะต้องลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Website นอกจากนี้ยังมีเอกสารจำเป็นอื่น ๆ อีก เช่น ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด ทำประกันการเดินทาง เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เที่ยวญี่ปุ่น 2022
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจ เช่น พระราชวังอิมพีเรียล, โตเกียว ทาวเวอร์, ย่านชิบูย่า, ภูเขาไฟฟูจิ, ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก, สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น, ปราสาทฮิเมะจิ, วัดโทไดจิ, ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ, ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ, อุทยานลิงภูเขา, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ, วัดคินกะกุ, สวน Shinjuku Gyoen, สวนกวางนารา และป่าไผ่อาราชิยามะ เป็นต้น
5. เกาหลี (Korea)
สาธารณรัฐเกาหลี หรือที่นิยมเรียกกันว่า เกาหลีใต้ ประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย แล้วก็ยังมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น อากาศดีตลอดทั้งปี ผู้คนน่ารัก มีอาหารเกาหลีและคาเฟ่น่าลิ้มลอง รวมถึงผลงานสถาปัตยกรรมเท่ ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมมากมาย เมื่อเกาหลีใต้ประกาศเปิดประเทศ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องลงทะเบียน K-ETA ก่อนเดินทางเข้าประเทศ และคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัว แถมยังดีงามตรงที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตและเงินก็ไปเที่ยวชิล ๆ กันได้แล้ว ทำให้มีคนหาข้อมูลและหลั่งไหลไปเยือนดินแดนกิมจิเป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่จะอยู่ในอันดับ 5 จากการค้นหา Google มากที่สุดในปี 2565
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่น่าสนใจ เช่น พระราชวังถ็อกซูกุง, พระราชวังคย็องบกกุง, หมู่บ้านบุกชอนฮันอก, หอคอยเอ็นโซล, ย่านอินซาดง, ย่านฮงแด, สวนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทงแดมุน, มหาวิทยาลัยคยองฮี, มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา, คลองชองกเยชอน, สวนสนุกเอเวอร์แลนด์, ลอตเต้เวิลด์, หมู่บ้านวัฒนธรรมคามชอน, ชายหาดควังกาลี, ตลาดปลาจากัลชี, เกาะเชจู, เกาะนามิ, อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน, คลองยอชวาชอน และอุทยานแห่งชาติด็อกยูซัน เป็นต้น
6. ไต้หวัน (Taiwan)
เกาะสวยขนาดกะทัดรัดแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันงดงาม รวมถึงอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นเสน่ห์เย้ายวนให้หลายคนอยากไปเที่ยวไต้หวันสักครั้ง อีกทั้งยังเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ส่วนที่พักก็มีหลากหลายแบบทั้งโรงแรมหรูหราไปจนถึงโฮสเทลราคาย่อมเยา ด้านการเดินทางในไต้หวันก็ไม่ยาก เพราะมีหลายแบบให้เลือก ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างไทเป ก็มีรถสาธารณะหรือรถไฟฟ้า MRT แต่ถ้าจะไปเที่ยวข้ามเมืองก็มีรถไฟ TRA วิ่งจากเหนือลงใต้ และรถไฟความเร็วสูง THSR ให้บริการจากด้านเหนือของเกาะไต้หวันลงสู่เมืองทางใต้ด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไต้หวันที่น่าสนใจ เช่น อนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก, ตึกไทเป 101, พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไต้หวัน, ย่านซีเหมินติง, ตลาดกลางคืนซื่อหลิน, วัดหลงซาน, กระเช้าไฟฟ้าเมาคง, หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น, อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน, อุทยานธรณีเย่หลิว, อุทยานแห่งชาติทาโระโกะ, ทะเลสาบสุริยันจันทรา, หมู่บ้านอะบอริจิน ฟอร์โมซาน, วัดจงไถฉานซื่อ, หมู่บ้านสายรุ้ง, อุทยานแห่งชาติอาหลี่ซาน, ฟาร์มแกะชิงจิ้ง, อนุสรณ์พุทธสถานฝอกวงซาน, ศูนย์ศิลปะสมัยใหม่ในย่าน Yancheng, หมู่เกาะเผิงหู และพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย เป็นต้น
7. โตเกียว (Tokyo)
ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมเดินทางไปสัมผัส โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่าง “โตเกียว” มหานครแห่งสีสันที่ผสมผสานความทันสมัยและความเก่าแก่เอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องความทันสมัยของเทคโนโลยีต่าง ๆ หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ โดยฟรีวีซ่าให้คนไทย ไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องตรวจโควิด เพียงแค่ต้องลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Website ก่อนเดินทาง โตเกียวจึงกลับเข้าสู่การค้นหาข้อมูลจาก Google อีกครั้ง แถมยังติดอยู่ในลิสต์ Top 10 อีกด้วย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวโตเกียวที่น่าสนใจ เช่น ศาลเจ้าเมจิ, ย่านฮาราจูกุ, พระราชวังอิมพีเรียล, โตเกียวทาวเวอร์, ย่านกินซ่า, ย่านอากิฮาบาระ, ห้าแยกชิบูย่า, ตลาดปลาซึกิจิตลาดปลาซึกิจิ, ย่านรปปงงิ, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว, วัดเซ็นโซ, โตเกียวสกายทรี, สวนสาธารณะอุเอโนะ, วัดเซนโซจิ, พิพิธภัณฑ์จิบลิ, อุทยานหลวงชินจูกุ, เกาะโอไดบะ และสะพานสายรุ้ง เป็นต้น
8. จอร์เจีย (Georgia)
ประเทศสวยที่ระยะหลัง ๆ ได้รับความนิยมจากคนไทยไม่น้อย สำหรับ “จอร์เจีย” หรือชื่อเรียกทางการว่า สาธารณรัฐจอร์เจีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทะเลดำในภูมิภาคคอเคซัส (จุดตัดระหว่างยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตก) ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ที่นี่จึงมีการผสมผสานระหว่างความเป็นเอเชียและยุโรป ทำให้เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน บ้านเรือนและอาคารสมัยดั้งเดิมยังคงตั้งตระหง่านคู่กับจอร์เจียมาหลายพันปี บางแห่งยังตั้งโดดเด่นอยู่กลางหุบเขาสีเขียว บวกกับทัศนียภาพของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่งดงาม สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์เย้ายวนนักเดินทางให้ไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวจอร์เจียที่น่าสนใจ เช่น เทือกเขาคอเคซัส, มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี, โบสถ์เกอร์เกติ, โบสถ์เกอลาติ, อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย, อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย, พิพิธภัณฑ์สตาลิน, เมืองโบราณอุพลิสชิเค, หมู่บ้านมรดกโลกอุชกูลลิ, ป้อมนาริกาลา, หมู่บ้านจูทา, ชุมชน Ushguli, โบสถ์เมเตคี, โรงอาบน้ำพุร้อน, สวนไรค์ และสะพานแห่งสันติภาพ เป็นต้น
9. มาเลเซีย (Malaysia)
ประเทศน่าท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ติดกับปลายด้ามขวานไทย มีอาณาเขตแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มาเลเซียตะวันตกและมาเลเซียตะวันออก ถูกกั้นกลางด้วยทะเลจีนใต้ โดยมีเมืองหลวงคือ กัวลาลัมเปอร์ ที่เป็นศูนย์รวมทั้งด้านการค้า เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว คนไทยไปเที่ยวมาเลเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน นอกจากนี้มาเลเซียยังมีลักษณะของภูมิประเทศและวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเที่ยวมาเลเซีย คือการกินอาหารพื้นเมือง โดยเฉพาะ เนียงยา (Nyonya cuisine) หรือเปอรานากัน (Peranakan) อาหารที่ผสมผสานระหว่างจีนและมลายูได้อย่างลงตัว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวมาเลเซียที่น่าสนใจ เช่น ตึกแฝดเปโตรนาส, สวนนกกัวลาลัมเปอร์, ย่านบูกิต บินตัง, หอคอยกัวลาลัมเปอร์, อนุสาวรีย์แห่งชาติมาเลเซีย, พระราชวังอิสตานา เนการา, อาคารสุลต่านอับดุลซามัด, อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู, เกาะลังกาวี, ปีนัง, ยอดเขาคินาบาลู, คาเมรอน ไฮแลนด์, เมืองมะละกา, เมืองปุตราจายา, เกาะสิปาดัน และอุทยานแห่งชาติกีนาบาลู เป็นต้น
10. ซาปา (Sapa)
ดินแดนที่ถูกขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเวียดนามเหนือ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) ติดกับชายแดนประเทศจีน เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ถูกรายล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ ในอดีตเคยตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส ทำให้สถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองมีลักษณะแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) นอกจากนี้ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยสิ่งที่ทำให้ซาปาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั่นคือ ภาพของนาข้าวขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมาตามภูเขาสูงชัน พร้อมกับทะเลหมอกสีขาวละมุน และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างก็คือ ทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ใกล้กับยอดเขาฟานซีปัง (Fansipan) ยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม (3,143 เมตร) และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ซาปาจึงเต็มไปด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขาที่งดงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่สำคัญคนไทยไปเที่ยวไม่ต้องทำวีซ่า สามารถพำนักอยู่ในเวียดนามได้ไม่เกิน 30 วัน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวซาปาที่น่าสนใจ เช่น หมู่บ้านต่าฟาน, หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต, ทะเลสาบซาปา, ภูเขาฮามรอง, โบสถ์ซาปา, น้ำตกสีเงิน, หุบเขาเมืองหัว (เหมื่องฮวา), สะพานแก้วมังกรเมฆ, ยอดเขาฮัมรอง และจุดชมวิวตรามตอนพาส เป็นต้น
แต่ละประเทศก็มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ใครไปเช็กอินครบแล้วก็นับได้ว่าตามเทรนด์ได้ดีทีเดียว แต่ถ้าใครยังเก็บไม่ครบ ปีหน้าถ้ามีโอกาสก็ลองเอาลิสต์อันดับ Google Trend ปี 2565 ไปเป็นไอเดียดูนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง