ข้อมูลจากเว็บไซต์ hco.mhlw.go.jp บอกรายละเอียดสำหรับการเข้าประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ Visit Japan Website เพียงช่องทางเดียว และไม่ต้องลงทะเบียน MySOS แล้ว (เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565) เมื่อกรอกเสร็จ จะได้ QR Code ซึ่งใช้สแกนผ่านจุด ตม. และศุลกากรเมื่อมาถึงญี่ปุ่น แนะนำให้กรอกล่วงหน้า (เช่น 2-3 วันก่อนบิน) เพื่อความสะดวก
ภาพจาก : เว็บไซต์ vjw-lp.digital.go.jp
ทุกครั้งที่เราเดินทางไปญี่ปุ่นในยุคก่อน มักจะคุ้นเคยกับการกรอกใบ ตม. และแบบฟอร์มศุลกากรบนเครื่องบิน แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นได้เปลี่ยนมาใช้ระบบออนไลน์เป็นหลักแล้ว นักท่องเที่ยวต้องกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Visit Japan Web ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนการเข้าประเทศรวดเร็วและสะดวกกว่าเดิมมาก
+++ ลิงก์ลงทะเบียน Visit Jpann Website คลิก ที่นี่
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้งาน Visit Japan Web มาก่อน จำเป็นต้องใช้อีเมลเพื่อสมัครบัญชีใหม่ จากนั้นจึงกรอกข้อมูลส่วนตัว เที่ยวบิน และที่พักได้ทันที แต่ถ้าใครเคยลงทะเบียนไว้แล้ว สามารถล็อกอินด้วยบัญชีเดิมและสร้างทริปใหม่ได้เลย สะดวกมาก ๆ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำหลายรอบ
ภาพจาก : เว็บไซต์ vjw-lp.digital.go.jp
- เริ่มจากการสมัครบัญชี โดยกดปุ่ม “Sing up for a new account”
- กรอกอีเมลและตั้งรหัสต่าง ๆ (ต้องเป็นอักษรภาษาอังกฤษใหญ่+เล็ก+ตัวเลข+อักษรพิเศษ) และใส่รหัสผ่านที่ตั้งอีกรอบ
- กรอกรหัสที่ส่งไปในอีเมลของผู้ที่ทำการสมัครลงไป
ภาพจาก : เว็บไซต์ vjw-lp.digital.go.jp
- หลังจากนั้นทำการกรอกชื่อ-นามสกุล/วัน เดือน ปีเกิด/สัญชาติ/เพศ/เลขพาสปอร์ต
- ในกรณที่มีครอบครัวหรือเพื่อนไปด้วย ต้องกรอกรายละเอียดด้วยเช่นกัน
- ตรวจเช็กข้อมูลต่าง ๆ เพื่อความถูกต้องอีกครั้ง แล้วก็กด Register
ภาพจาก : เว็บไซต์ vjw-lp.digital.go.jp
- เมื่อทำการสมัคร Account เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ Login เข้าระบบ และกดปุ่ม “New Registration”
- กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับทริป โดยทำการตั้งชื่อทริป/วันที่เดินทางถึงญี่ปุ่น/สายการบิน/หมายเลขไฟลต์ รวมถึงกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับที่พัก ไม่ว่าจะเป็นชื่อที่พัก/ที่อยู่/เมือง/จังหวัด/เบอร์โทรศัพท์ที่พัก/
- เมื่อกรอกเสร็จให้ทำการเช็กรายละเอียดอีกรอบ แล้วจึงค่อยกด “Register plan”
ภาพจาก : เว็บไซต์ vjw-lp.digital.go.jp
- หลังจากนั้นกดเข้าไปกรอกรายละเอียดในส่วนของ RigesterPlaned Entry/Return เพื่อกรอกข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง
- กรอกรายละเอียดต่าง ๆ ชื่อ/ที่อยู่ในประเทศไทย/จุดประสงค์การเดินทาง/ระยะเวลาที่อยู่ญี่ปุ่น ตลอดจนคำถามต่าง ๆ หลังจากนั้นก็กด Rigister และเมื่อกรอกข้อมูล ตม. ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วจะได้ QR Code กดเซฟ QR Code ไว้เพื่อใช้โชว์ตอนเข้า ตม.
- หลังจากนั้นทำการกรอกข้อมูลศุลกากรต่อไป เมื่อกรอกเรียบร้อยแล้วจะได้รับ QR Code ทั้งสองอัน กดเซฟเอาไว้เพื่อใช้โชว์ตอนเข้า ตม. เป็นอันเรียบร้อย
- พาสปอร์ต ต้องมีอายุเหลือมากพอสำหรับการเดินทาง (แนะนำอย่างน้อย 6 เดือน) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าพาสปอร์ตไม่มีความเสียหาย
- ตั๋วเครื่องบินขาออก ตม. อาจขอดูตั๋วขากลับหรือไปประเทศต่อไป เพื่อยืนยันแผนการเดินทาง
- ข้อมูลที่พัก แสดงการจองโรงแรมหรือที่พักคืนแรกในญี่ปุ่น แนะนำให้มีรายละเอียดติดต่อของที่พักเผื่อเจ้าหน้าที่ขอดู
- หลักฐานการเงิน ตม. อาจขอให้ยืนยันว่ามีเงินเพียงพอสำหรับทริป เช่น เงินสด, บัตรเครดิต, สเตทเมนท์ธนาคาร
- ประกันเดินทาง (แนะนำ) แม้ไม่บังคับ แต่ควรมีประกันที่ครอบคลุมค่าเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ทำให้การเดินทางปลอดภัยและอุ่นใจ
- ข้อมูลสุขภาพ (ถ้ามี) ปัจจุบัน ไม่ต้องแสดงผลตรวจ COVID หรือใบรับวัคซีน แต่ควรตรวจสอบสายการบินอีกครั้ง แนะนำให้มียา/เอกสารสุขภาพส่วนตัวติดตัว
- เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี) สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น เยี่ยมญาติ ทำงานสั้น หรือศึกษาภาษา อาจต้องมีจดหมายเชิญหรือวีซ่าตามประเภทการเข้าประเทศ
รู้ว่าอยากไปเห็นญี่ปุ่นในบรรยากาศแบบไหน
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากไปเที่ยวที่ภูมิภาคไหนของประเทศญี่ปุ่น ชอบเที่ยวเมือง ชอบเที่ยวธรรมชาติ หรือชอบเที่ยววัฒนธรรม ถ้าคิดภาพไม่ออก แนะนำว่าให้หาข้อมูลตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ เพราะญี่ปุ่นในแต่ละช่วงฤดูก็จะมีเสน่ห์และความสวยงามที่แตกต่างกันไป วิธีง่าย ๆ เช่น ลองเข้าไปใน YouTube แล้วพิมพ์คำหรือข้อความ (Keyword) ง่าย ๆ อย่าง “Japan November” ผลลัพธ์การค้นหาที่ได้ก็จะขึ้นมาให้เราได้เห็นว่าบรรยากาศภาพรวมของญี่ปุ่นในช่วงเดือนนั้น ๆ เป็นอย่างไร น่าจะช่วยทำให้การตัดสินใจเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่โดยหลัก ๆ แล้วถ้าอยากไปเห็นดอกซากุระ แนะนำให้มาช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน, ถ้าอยากชมใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้มาช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน, ถ้าอยากมาเห็นหิมะ แนะนำให้มาช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ (แต่ต้องบอกก่อนนะว่า โตเกียว โอซากา และเกียวโต ปกติแล้วหิมะแทบไม่ตก ส่วนใหญ่จะนิยมไปแถบฮอกไกโด)
รู้ว่า JR Pass แบบไหนเหมาะกับแผนเที่ยวของตัวเอง
ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายมาก และยังมีการแบ่งเป็นแบบธรรมดา (Ordinary) และแบบพรีเมียม (Green) นอกจากนี้ยังแบ่งตามจำนวนวันที่ต้องการเดินทางและอายุของผู้โดยสารอีกด้วย ยังไงก่อนไปลองศึกษาข้อมูลให้ดี ๆ ซึ่งถ้าเรารู้ตำแหน่งที่จะไปเที่ยวแล้ว การเลือกซื้อ JR Pass ก็จะทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ภาพจาก : fernando Monet / Shutterstock.com
รู้ว่าพักย่านไหนจะสะดวกกับตัวเอง
รู้ว่ามีที่กิน ที่ช้อปไหนบ้างใกล้เคียงกับที่เราไป
ภาพจาก : Thiti Sukapan / Shutterstock.com
แอปพลิเคชันเกี่ยวกับการเดินทาง
Jorudan ครอบคลุมการเดินทางรถไฟ เครื่องบิน และรถบัส
- เว็บไซต์ : world.jorudan.co.jp
- แอปฯ สำหรับ Android ดาวน์โหลด ที่นี่
- แอปฯ สำหรับ iPhone ดาวน์โหลด ที่นี่
Navitime ครอบคลุมการเดินทางรถไฟ เครื่องบิน รถบัส แท็กซี่ รถยนต์ และเดิน
- เว็บไซต์ : navitime.co.jp
- แอปฯ สำหรับ Android ดาวน์โหลด ที่นี่
- แอปฯ สำหรับ iPhone ดาวน์โหลด ที่นี่
Google Maps ครอบคลุมการเดินทางรถไฟ เครื่องบิน รถบัส แท็กซี่ รถยนต์ และเดิน
- เว็บไซต์ : google.co.th
- แอปฯ สำหรับ Android ดาวน์โหลด ที่นี่
- แอปฯ สำหรับ iPhone ดาวน์โหลด ที่นี่
แอปพลิเคชันเกี่ยวกับสัญญาณ Wi-Fi
Travel Japan Wi-Fi ค้นหาสัญญาณ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น เผื่อในกรณีที่อินเทอร์เน็ตมีปัญหา ลองเชื่อมต่อโดยใช้แอปพลิเคชันนี้ดู
- เว็บไซต์ : japanfreewifi.com
- แอปฯ สำหรับ Android ดาวน์โหลด ที่นี่
- แอปฯ สำหรับ iPhone ดาวน์โหลด ที่นี่
แอปพลิเคชันเกี่ยวกับความปลอดภัย
Safety Tips แอปพลิเคชันสำหรับการเตือนภัยทางธรรมชาติต่าง ๆ และแนะนำวิธีรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นด้วย
1. เคารพกฎการเข้าคิวและความเป็นระเบียบ
ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะรอรถไฟ ซื้อของ หรือเข้าคิวร้านอาหาร ควรยืนรอตามแถวและไม่แซงคิวการเว้นระยะอย่างสุภาพถือเป็นเรื่องปกติ และคนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับความสงบเรียบร้อย
ภาพจาก : image_vulture / Shutterstock.com
2. พูดคุยเสียงเบา
ในที่สาธารณะ เช่น รถไฟ สถานี หรือร้านอาหาร ควรพูดเสียงเบาและหลีกเลี่ยงโทรศัพท์เสียงดัง การเคารพพื้นที่ส่วนรวมเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก
3. ถอดรองเท้าในบ้านและบางพื้นที่สาธารณะ
ก่อนเข้าบ้าน, วัด, หรือบางร้านอาหาร จะต้องถอดรองเท้า บางที่อาจมีรองเท้าแตะให้ใส่ ควรใส่ให้ถูกต้องและเรียบร้อย
4. จัดการขยะอย่างเคร่งครัด
ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีถังขยะสาธารณะ แนะนำให้แยกขยะตามประเภท (ขยะเผาได้, ขยะรีไซเคิล, ขยะขนาดใหญ่) ควรเก็บขยะส่วนตัวไว้จนกว่าจะเจอจุดทิ้งที่ถูกต้อง
5. เคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัฒนธรรม
เมื่อเข้าวัด, ศาลเจ้า, หรือพิพิธภัณฑ์ทางศาสนา ควรแต่งกายสุภาพ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของหรือรูปปั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต และปฏิบัติตามป้ายหรือคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
6. ไม่กินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มขณะเดินบนถนน
คนญี่ปุ่นมักไม่กินหรือดื่มขณะเดินไปมาในที่สาธารณะ หากซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มควรไปทานในพื้นที่ที่จัดไว้ เช่น ร้านกาแฟ, จุดพัก หรือม้านั่งในสวน
7. ให้ความเคารพระบบขนส่งสาธารณะ
จ่ายค่าโดยสารอย่างถูกต้อง, ไม่วางขาตรงที่นั่ง, และไม่โทรศัพท์เสียงดัง สำหรับรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) และรถไฟในเมือง ควรเข้าใจวิธีจองที่นั่งและเวลาเดินทางให้ถูกต้อง
8. การให้ทิปไม่จำเป็น
ญี่ปุ่นไม่ถือว่าการให้ทิปเป็นมารยาทปกติ การทิปอาจทำให้เกิดความสับสนหรือดูไม่สุภาพ
9. เตรียมตัวสำหรับการสื่อสาร
แม้คนญี่ปุ่นหลายคนจะเข้าใจภาษาอังกฤษในเมืองใหญ่ แต่การมี วลีภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน เช่น “สวัสดี”, “ขอบคุณ”, “ขอโทษ” จะช่วยให้การสื่อสารราบรื่นและสร้างความประทับใจ
+++ หลากหลายเรื่องราวทั้งที่เที่ยว tips ท่องเที่ยว เกี่ยวกับญี่ปุ่น คลิกที่นี่
ใครที่มีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ลองเอาข้อมูลที่เรามาบอกไปศึกษาดูกันนะ น่าจะช่วยทำให้วางแผนได้อย่างรัดกุมมากขึ้น ยังไงขอให้ทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่ตั้งตารอคอยมานานของทุกคนเป็นทริปที่สนุกและแฮปปี้กันถ้วนหน้า ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง






