ทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปต้องไม่พลาด กับ 30 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม ทั้ง วัด ศาลเจ้า ปราสาท บ่อน้ำพุร้อน พิพิธภัณฑ์ และแหล่งช้อปิ้ง
กระแสการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังฮิตติดลมบนกันเลยทีเดียว
มีเพื่อน ๆ หลายคนเคยไปสัมผัสดินแดนอาทิตย์อุทัยกันมาแล้ว
และก็มีบางคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น
ซึ่งสำหรับใครที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่นั้น ต้องรีบมาอ่านโดยเร็ว
เพราะเราได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
ที่ได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ
สำหรับคนที่กำลังวางแผนหรือหาข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
เอาเป็นว่าลองไปดูกันว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนที่ยังไม่เคยไปกัน
หรือสถานที่เที่ยวแห่งไหนจะต้องไปให้ได้ในทริปตะลอนทัวร์ญี่ปุ่นครั้งต่อไป
30 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น
1. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
ศาลเจ้าที่สำคัญของลัทธิชินโต ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเกียวโต ซึ่ง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) มีความโดดเด่นตรงที่มีประตูโทริอิสีแดงนับพันตั้งเรียงรายยาวจนถึงเขตป่า Inari ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ทางด้านหลัง มีความยาวประมาณ 233 เมตร เป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง
ภาพจาก superjoseph / Shutterstock.com
2. อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ หรือโดมปรมาณู (Hiroshima Atomic Bomb Dome)
โดมแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเงียบสงบ ซึ่งประวัติอนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ หรือโดมปรมาณู (Hiroshima Atomic Bomb Dome) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915 โดยสถาปนิกชาวเช็ก มันไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงหลงเหลือโครงสร้างดั้งเดิมไว้อย่างชัดเจน จึงได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 บริเวณรอบข้างล้อมรอบไปด้วยสวนสวยงาม ต้นไม้เขียวขจี ด้านหนึ่งติดกับแม่น้ำ นักท่องเที่ยวนิยมล่องเรือชมความสวยงามของอาคารและสวน ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะบานสะพรั่งงดงาม
3. ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าลัทธิชินโตที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดย ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลบนเกาะอิสึกุชิมะ เมืองฮะสึไกชิ จังหวัดฮิโรชิมา มีอายุมากกว่า 1,400 ปี มีเสาประตูโทริอิตั้งอย่างสง่างามกลางทะเล นั่งท่องเที่ยวนิยมมาชมบรรยากาศยามเช้าและพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ยิ่งงดงาม
4. วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) เป็นวัดที่สำคัญของเมืองนาระ (Nara) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 752 เป็นวัดในศาสนาพุทธ จุดเด่นของที่นี่ก็คือ พระพุทธรูป Daibutsuden ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงประมาณ 15 เมตร อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือประตู Nandaimon ซึ่งเป็นประตูไม้ที่มีรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ บริเวณโดยรอบวัดยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้อีกด้วย
ภาพจาก Luciano Mortula - LGM / Shutterstock.com
5. วัดเออิคันโดะ หรือวัดเซนรินจิ (Eikando Zenrinji Temple)
วัดเออิคันโดะ หรือวัดเซนรินจิ (Eikando Zenrinji Temple) เป็นวัดพุทธของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามในเมืองเกียวโต โดดเด่นไปด้วยต้นไม้มากมายรายล้อม ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ที่อยู่ทั่วทั้งวัดจะเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม บรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวจึงนิยมที่จะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกัน
6. อุทยานลิงภูเขา (Jigokudani Yaen Koen)
อุทยานลิงภูเขา (Jigokudani Yaen Koen) ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับแม่น้ำ Yokoyu ในเมืองนากาโน มีพื้นที่เป็นหน้าผาสูงชัน มีไอหมอกทั่วทั้งบริเวณป่า และมีหิมะยาวนานถึง 1 ใน 3 ของปี แต่ที่นี่คือสวรรค์ของลิงภูเขาแก้มแดง ในฤดูหนาวลิงเหล่านี้จะลงไปแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน อวดแก้มแดงก่ำและความน่ารักให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
7. วัดโอคุโนอิน (Okunoin Temple)
วัดโอคุโนอิน (Okunoin Temple) ตั้งอยู่ที่จังหวัดวะกะยะมะ เป็นสถานที่ฝังศพของ Kobo Daishi มีสะพาน Ichinohashi รูปทรงดั้งเดิมเป็นทางเชื่อมไปยังด้านใน อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ฝังศพ ซึ่งมีมากถึง 200,000 หลุม ถือว่าเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความงดงามตรงที่พื้นที่แห่งนี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ดีเลยทีเดียว
ภาพจาก Phuong D. Nguyen / Shutterstock.com
8. การแสดง Samruai Kembu Theater
โรงละครแห่งนี้อยู่ในเมืองเกียวโต เป็นการแสดงฟันดาบของเหล่าซามูไรในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ผู้เข้าชมจะได้ชมศิลปะการต่อสู้ของซามูไร เริ่มตั้งแต่การเตรียมตัว การฝึกซ้อม จนกระทั่งการต่อสู้จริง ดูรายละเอียดของการแสดง Samruai Kembu Theater และราคาบัตรเข้าชมได้ที่ samurai-kembu
9. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) รวบรวมสัตว์น้ำมากมายจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ มีแท็งก์น้ำขนาดใหญ่เรียกว่า The Kuroshio Sea Tank เป็นแท็งก์น้ำในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นสัตว์ทะเลที่ตัวมหึมาอย่างฉลามได้อย่างชัดเจน โดยเปิดทุกวัน ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ จะเปิดตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น. ในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน เปิดตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ oki-churaumi
ภาพจาก Moddy / Shutterstock.com
10. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (Hakone Open-Air Museum)
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (Hakone Open-Air Museum) ตั้งอยู่ที่จังหวัดคะนะงะวะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและศิลปะเข้ากันได้อย่างลงตัว มีการแสดงผลงานทางด้านศิลปะครบทุกแขนง พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้และภูเขาสีเขียวขจี เป็นสถานที่เรียนรู้งานการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เปิดตั้งแต่ 09.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hakone-oam.or.jp
ภาพจาก TungCheung.jpg / Shutterstock.com
11. วัดคินกะกุ (Kinkaku-ji Temple)
วัดคินกะกุ สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นที่พักของซามูไรนามว่า Ashikaga Yoshimitsu ภายหลังได้กลายมาเป็นวัดในศาสนาพุทธ มีความโดดเด่นด้วยศาลาสีทอง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยสระน้ำใสและต้นไม้อันร่มรื่น ภาพของปราสาทสีทองสะท้อนลงน้ำพร้อมกับใบไม้หลากสีสันจะหาชมได้ที่นี่เท่านั้น
12. สวน Shinjuku Gyoen
สวน Shinjuku Gyoen ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าชินจุกุ (Shinjuku Station) เมืองโตเกียว เป็นสวนที่ใหญ่และได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น เพราะมีต้นไม้นานาพรรณ มีการจัดสวนอย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นซากุระมากมาย จึงเป็นสถานที่ที่ดีมากสำหรับการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ รวมทั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกันอีกด้วย สวนแห่งนี้เหมาะสำหรับการเดินออกกำลังกาย นั่งพักผ่อน ปิกนิก ฯลฯ
13. วัดนาริตะซัง (Naritasan Shinshoji Temple)
วัดนาริตะซัง (Naritasan Shinshoji Temple) ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ ใกล้กับสนามบินนาริตะ มีอายุเกือบ 1,000 ปี เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) มีเจดีย์ตั้งอยู่กลางวัดเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ ล้อมรอบไปด้วยสวนสีเขียวอันร่มรื่น บริเวณทางเข้าวัดจะมีชุมชนร้านค้าขายของที่ระลึกและอาหารท้องถิ่นจำนวนมาก เรียกว่า Omotesando นักท่องเที่ยวจึงได้ทั้งช้อปปิ้งและเสพความสวยงามของบรรยากาศภายในวัด
ภาพจาก 501room / Shutterstock.com
14. สวนเคนโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden)
สวนเคนโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) ตั้งอยู่ที่จังหวัดอิชิกะวะ เป็นสวนที่มีความสวยงามที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด มีการจัดสวนอย่างสวยงาม พร้อมสระน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่แห่งนี้ ในฤดูใบไม้ผลิสวนเคนโรคุเอ็นจะมีดอกซากุระบานสะพรั่งสวยงามไปทั่วสวน ยามฤดูใบไม้ร่วงก็มีสีสันของใบไม้ที่สดใสงดงามไม่แพ้กัน
ภาพจาก Joshua Hawley / Shutterstock.com
15. ภูเขาไฟฟูจิซัง
ถือได้ว่าเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดมากที่สุดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น
ด้วยความที่ ภูเขาไฟฟูจิซัง เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านโดดเด่น มีความสูงถึง
3,776 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
ภาพที่ชินตามากที่สุดคือบนยอดภูเขาไฟจะมีหิมะสีขาวปกคลุม ตลอดทั้งปี
สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบายจากเมืองโตเกียว
และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่รอบ ๆ
ภูเขาไฟฟูจิซังให้ได้เที่ยวแวะชมกันอีกด้วย
16. ปราสาทมะสึโมะโตะ (Matsumoto Castle)
ปราสาทมะสึโมะโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ที่จังหวัดนากาโน่ (Nagano)
ปราสาทเก่าแก่อีกแห่งของญี่ปุ่น เป็นปราสาทสีดำ
ตัดกับสีท้องฟ้าดูโดดเด่นสวยงามยิ่งกว่าปราสาทไหน ๆ
ที่สำคัญยังมีเจแปนแอลป์เป็นฉากหลังอันงดงาม
ปราสาทแห่งนี้ยังมีลักษณะที่เอื้อต่อการชมจันทร์
จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของขุนนางในสมัยก่อนของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิบรรยากาศจะงดงามมาก
เพราะสวนที่อยู่รอบ ๆ ปราสาทจะเต็มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง
เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา
08.30-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ matsumoto-castle.jp
17. ย่าน Minato Mirai 21 โยโกฮามา
Minato Mirai 21 เป็นเขตเมืองใหม่ในเมืองโยโกฮามา (Yokohama) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 เป็นเขตที่มีความทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีแต่ตึกสูงและเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย จุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Queen\'s Square Yokohama และ Yokohama Landmark Tower ซึ่งมีความสูงมากถึง 296 เมตร มีทั้งหมด 70 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโยโกฮามาได้ที่ชั้น 69 นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงที่สำคัญ (Yokohama Cosmoworld) ซึ่งมีชิงช้าสวรรค์ยักษ์ให้ได้ขึ้นไปชมความงดงามของเมืองแห่งนี้ทั้งยามกลางวันและกลางคืน
18. สวนกวางนารา (Nara Park)
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนารา มีเนื้อที่ทางด้านตะวันตกถึงทางด้านตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร และทางเหนือจรดใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร สิ่งที่เป็นนางเอกของ สวนกวางนารา (Nara Park) ก็คือกวางจำนวนมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ภายในสวนยังมีวัด Todai-ji และศาลเจ้า Kasuga Taisha ให้ได้ไหว้ขอพรด้วย ภายในสวนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมทั้งต้นเชอร์รีหรือซากุระ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมซากุระของญี่ปุ่น
19. การแสดงเกียร์ (Gear Theater)
เกียร์ เป็นการแสดงที่ไม่ใช้คำพูด โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับความทันสมัยในโลกอนาคต มีการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้การแสดงสนุกสนานและมีความน่าตื่นเต้น ระยะเวลาของการแสดงประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที มีรอบการแสดงทุกวัน ยกเว้นวันอังคารและวันพฤหัสบดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ gear.ac
20. ภูเขา Misen
ภูเขา Misen ตั้งอยู่ที่เกาะมิยาจิมะ (miyajima island) มีความสูงถึง 535 เมตรจากระดับน้ำทะเล "Virgin Forest Misen" เป็นป่าที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นป่าอนุรักษ์ ด้วยมีส่วนผสมของธรรมชาติที่ลงตัว เพราะมีต้นสนหลากหลายสายพันธุ์และมีต้นไม้จากหลากหลายแห่ง มีความอุดมสมบูรณ์และมีอากาศสดชื่น โดยที่จุดสูงสุดสามารถมองเห็นวิวทะเลและเกาะน้อยใหญ่ได้อย่างสวยงาม
21. ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอะซะคุสะ (Asakusa Culture Tourist Information Center)
22. วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)
วัดฮาเซเดระ เป็นวัดที่เก่าแก่และโดดเด่นที่สุดในเมืองคามาคุระ
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 736
อาคารหลักเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
ด้วยความสูง 9.18 เมตร
ระฆังที่อยู่ภายในวัดถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ รอบ ๆ
วัดมีการตกแต่งด้วยสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ
มีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก
ภาพจาก Various images / Shutterstock.com
23. หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village)
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Mt. Haku-san ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดกิฟุ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างอยู่ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวขจี ในยามหน้าหนาวก็จะเต็มไปด้วยหิมะ บ้านเรือนภายในหมู่บ้านมีการสร้างอย่างเป็นเอกลักษณ์ คือมีการมุงหลังคาด้วยวัสดุธรรมชาติ มีโครงสร้างหลังคาคล้ายกับการพนมมือ ไม่ใช้ตะปูในการยึดเหนี่ยว ปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่มากกว่า 100 หลังคาเรือน ชาวบ้านใช้ชีวิตเรียบง่าย มีการทำเกษตรกรรมและขายของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995
24. วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusangendo Temple)
วัดซันจูซันเก็นโด อีกหนึ่งวัดที่สำคัญของกรุงเกียวโต เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป Senju Kannon-zo ซึ่งมีมือมากถึง 1,000 มือ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำนวนมากมายตั้งอยู่ในวัดแห่งนี้ด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ฤดูหนาวจะเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ฤดูร้อนจะเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
25. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji-jingu Shrine)
ศาลเจ้าเมจิ ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1921 เพื่อถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใจกลางป่าอันเขียวขจีกลางเมืองโตเกียว เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ไม่เสียค่าเข้าชม (เฉพาะบริเวณเขตศาลเจ้า)
26. ย่านชิบูย่า (Shibuya)
หากต้องการเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นเขาใช้ชีวิตและแต่งกายกันอย่างไร ต้องไม่พลาดการไปเดินในย่านชิบูย่า เพราะเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ในช่วงวันหยุดจะเห็นวัยรุ่นแต่งตัวตามตัวละครในการ์ตูนหรือภาพยนตร์ต่าง ๆ หรือที่เราเรียกว่าการแต่งคอสเพลย์ ออกมาประชันกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นให้ได้เดินเลือกซื้อมากมาย
27. พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า (Toyota Commemorative Museum of Industry and Technology)
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า เป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าใจเรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1911โดย Sakichi Toyoda มีผลงานที่จัดแสดงอยู่มากกว่า 4,000 ชิ้น โดยผลงานส่วนใหญ่จะอธิบายถึงความมหัศจรรย์ของกระบวนการทำงานของเครื่องจักรและเครื่องยนต์ เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ tcmit
28. อาราชิยาม่า (Arashiyama)
สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพป่าไผ่ที่เรียงรายเป็นซุ้มโค้งเขียวขจีสวยงาม ต้องไม่พลาดการไปเยือนอาราชิยาม่า ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต เป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้นานาพรรณ ร่มรื่น เงียบสงบ จุดเด่นของที่นี่คือซุ้มโค้งของป่าไผ่ ซึ่งมีความเขียวสดชื่น เหมาะแก่การถ่ายภาพ บริเวณรอบ ๆ ยังประกอบไปด้วยสวนและต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย สวยงามตลอดทั้งปี
29. สนามกีฬาแห่งชาติเรียวโงะกุ (Ryogoku Kokugikan)
กีฬาซูโม่ เป็นกีฬาที่เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดการแข่งขันในทุก ๆ ปี ซึ่งจะมีการแข่งขันในรอบที่สำคัญที่สนามกีฬาแห่งชาติเรียวโงะกุ เมืองเกียวโต สามารถบรรจุคนได้ทั้งหมด 11,098 คน สะดวกสบายในการเดินทาง นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นจึงควรหาโอกาสในการไปชมการแข่งขันซูโม่สักครั้งในชีวิต
ภาพจาก J. Henning Buchholz / Shutterstock.com
30. กรุงโตเกียว
จุดหมายอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะต้องมาแวะเยี่ยมเยือนกรุงโตเกียว ด้วยเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ที่มีความศิวิไลซ์ เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความทันสมัย แต่ยังคงสอดแทรกวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมากมายและยังเป็นศูนย์กลางในการไปเยือนยังภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย
อันที่จริงประเทศญี่ปุ่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ไปค้นหาอีกมากมาย เอาเป็นว่าหากมีโอกาสอย่าพลาดบินลัดฟ้าไปดื่มด่ำกับประเทศที่มีอารยธรรมที่สวยงามแห่งนี้กันเลย :)
หมายเหตุ : ข้อมูลลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : soranews24.com, jnto, tcmit, meijijingu, shirakawa, hasedera, visit-miyajima, gear.ac, go-nagano, kanazawa-tourism, japan-guide, oki-churaumi, samurai-kembu, igokudani, visit-miyajima-japan, visithiroshima