x close

พัทยา สีสันวันเวลาของครอบครัว


พัทยา
สถานที่ท่องเที่ยวพัทยา สีสันวันเวลาของครอบครัว


สถานที่ท่องเที่ยวพัทยา สีสันวันเวลาของครอบครัว

พัทยา สีสันวันเวลาของครอบครัว (อ.ส.ท.)

พรีมา อ่วมเจริญ...เรื่อง
นภดล กันบัว...ภาพ

          จำกันได้ไหม...ความสนุกของการท่องเที่ยวกันทั้งครอบครัวในวันวานเป็นเช่นไร ตื่นเต้นจนยากจะหลับตานอนเมื่อรู้ว่าจะได้นั่งรถมองสองข้างทางที่ทอดยาว กินของอร่อยได้ไม่อั้น และถ่ายรูปทั้งวันอย่างไม่รู้หน่าย คล้ายกันว่าไม่อยากให้นาทีนั้นพ้นผ่าน นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ? ความจริง ก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจหลงลืมวันเวลาก่อนเท่าที่คลอเคล้าด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครัว อาจด้วยเพราะหน้าที่การงานหรือจังหวะเวลาที่ไม่ตรงกัน

          พัทยา เมืองท่องเที่ยวที่รู้จักตั้งแต่เรายังต้องแหงนหน้าคุยกับพ่อแม่ ขณะที่เราเติบโตขึ้น พัทยาเองก็ไม่เคยหยุดยั้งการเติบโต และสีสันแห่งความสุขก็คล้ายกับจะไม่มีวันจืดจาง เป็นนิยามเมืองแห่งการท่องเที่ยวของครอบครัวอย่างจริงแท้


Mimosa อุ่นไอความรักท่ามกลางสีสันของบ้านยุโรป

          ราวกับโลกของเทพนิยาย...บ้านเรือนรูปร่างแปลกตาฉาบทาสีสันสดใสดุจลูกกวาดหลากรส คือ ภาพแรกยามที่ได้เห็น Mimosa the of Love แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงแห่งเมืองพัทยา เมื่อก้าวแรกผ่านพ้นประตูทางเข้า เราต่างมองตามกรอบหน้าต่างปล่องไฟและหลังคาหลากรูปทรงคล้ายกับว่าเราหลุดหลงเข้าสู่ดินแดนในหนังสือนิทานสักเล่ม



          รูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงามสะดุดตานี้จำลองมาจากเมืองโกลมาร์ (Colmar) เมืองโบราณแถบชายแดนของประเทศฝรั่งที่เชื่อมต่อกับเยอรมนี ทำให้รูปแบบของสถาปัตยกรรมในยุคนั้นเกิดการผสมผสานหลากหลายแต่ลงตัว ตั้งแต่การใช้เฉดสีและรูปทรงของตัวอาคารบ้านเรือนที่เรียกว่า "Half-Timbered" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนในแถบทวีปยุโรป ทำให้เมืองโกลมาร์ได้รับการขนามนามว่าเป็นเมืองที่มีความโรแมนติกที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยขั้นตอนการสร้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานสถาปัตยกรรมท้องถิ่นชาวฝรั่งเศสได้ออกเดินทางไปเก็บรายละเอียดจากสถานที่จริง เพื่อสรรค์สร้างบ้านเรือนของมิโมซาให้สวยงามสมจริงที่สุด แต่เลือกใช้เฉดสีที่สดกว่า ทั้งแดง ส้ม เขียว ม่วง ฟ้า น้ำเงิน ชมพู เหลือง ฯลฯ เพื่อให้เข้ากับสีสันเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา

          ทางเดินเล็ก ๆ พาเราลัดเลาะผ่านร้านรวงมากมาย บ้างก็เป็นร้านขายของกระจุกกระจิก บ้างก็ขายขนมน่าชิม บางคนหยุดก้าวเท้าหน้าร้านสายไหมฟูนุ่มคล้ายปุยเมฆสีหวาน แล้วละเลียดความหวานนึกถึงวันวานยามเป็นเด็กตัวน้อย ขณะเพลินมองเพลินชิมเราไม่อาจผ่านเลยกับนานารูปปั้นที่เห็นแล้วเป็นอดใจไม่ไหวต้องปรี่เข้าไปโพสท่าสวย ๆ พร้อมรัวชัตเตอร์จนเมมโมรี่การ์ดแทบเต็ม แถมระหว่างทางเรายังพบกับยิ้มหวาน ๆ จากสาวสวยในชุดกระโปรงสุ่มไก่พองฟู และชุดอลังการงานโชว์อัลคาซาร์ที่ฟู่ฟ่าด้วยขนนกสีแสนสันตลอดเส้นทาง

          "แบะ แบะ แบะ แหมะ แหมะ" บางเสียงแว่วมา ยามที่เราเดินมาจนสุดทาง ฝูงแกะตัวโตร้องเรียกขออาหารจากนักท่องเที่ยวใจดีเป็นระยะ ๆ ด้านหลัง คือ โซน Marine Monsters รวบรวมเอาสัตว์น้ำแปลกประหลาดจากทุกมุมโลกมาจัดแสดงให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด เมื่อเดินผ่านม่านประตูสายโซ่เส้นหนัก ๆ เข้ามา ความน่ารักแรกก็ปรากฏ เหล่านกแก้วซันคอนัวร์ตัวจ้อยสีส้ม เหลือง เขียว ก็บินผาดโผนไปมา บ้างก็เกาะบนกิ่งไม้ บ้างก็โผไปเกาะขอบกรงแล้วห้อยหัวเอียงคอมองคนแปลกหน้าอย่างเรา


          "นกซันคอนัวร์ไม่ดุนะครับ เว้นแต่ไม่มีอาหารในมือ" ไม่รู้ว่าจริงหรือหยอก แต่พอสิ้นคำบอกเล่าของพี่เจ้าหน้าที่เราก็แทบพร้อมใจกันยืนถือถ้วยอาหารอย่างพร้อมเพรียง เมล็ดทานตะวันถูกเทใส่มือเพียงครู่เดียว ฝูงนกก็โผบินมาเกาะแขนเกาะมือแทะเมล็ดเปลือกแข็งกันอย่างเอร็ดอร่อย บางตัวค่อย ๆ ย่องไต่จากแขนมายืนบนไหล่ บ้างก็ไต่ขึ้นไปบนหัว เอาปากงับหูเราเบา ๆ พอให้ได้ซี้ดปากด้วยความจั๊กจี๋อย่างสุดจะกลั้น

          "นกพวกนี้ชอบหมวก ชอบเครื่องประดับมากครับ เห็นเป็นไม่ได้ต้องเอาปากงับดึงทุกที" พี่คนเดิมเล่าต่อ ยังไม่ทันพูดจบเด็กผู้ชายคนหนึ่งก็ร้องเสียงหลง เพราะตอนนี้นกตัวแสบสามสี่ตัวต่างพร้อมใจกันไปยืนบนหัวของเขาแล้วเอาปากทึ้งหมวกกันอย่างสนุกสนาน จนพี่ต้องไปช่วยจับแยกก่อนหมวกจะหมดสภาพ

          จากกรงนกเราก็จะพบกับคอกกระต่าย ที่บรรดากระต่ายตัวขาวสะอาดพากันนอนกลางวันหลบตามมุมต่าง ๆ อย่างสบายอารมณ์ ขณะที่หนูตะเภาตัวอวบอ้วนวิ่งไล่กวดกันไปมาอย่างไม่รู้เหนื่อย สุดทางคอกกระต่ายก็ถึงทางเข้าโซนสัตว์น้ำหายาก แสงไฟสลัวเผยให้เห็นตู้กระจกใสหลายตู้ งูงวงช้างตัวใหญ่นอนสงบนิ่ง เต่าอัลลิเกเตอร์ที่มีปากคมกริบ ปลาไร้ตาสีขาวเผือก แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ก็คือ เจ้าปลาไหล Aba Aba Knifefish ที่สามารถว่ายน้ำกระพือครีบถอยหลังได้อย่างคล่องแคล่วต่างจากปลาชนิดอื่น ๆ

          ปลายทางออกคือ บ่อฉลาม ที่เราสามารถให้อาหารเจ้าฟันคมเหล่านี้ผ่านเบ็ดตกปลาได้ในราคา 20 บาท เมื่อได้เบ็ดมาก็ค่อย ๆ เหวี่ยงสายเบ็ดลงไปในบ่อ ไม่นานนักฉลามทั้งฝูงที่ว่ายน้ำกันฉวัดเฉวียนก็ปราดเข้ามางับอาหารอย่างปราดเปรียวว่องไว แม้ฉลามพวกนี้ตัวจะไม่ใหญ่นัก แต่แรงก็เยอะเอาการ ดูจากเวลาที่ออกแรงชักเย่อดึงเหยื่อจากเบ็ดจนผิวน้ำแตกกระจาย และเพียงชั่วพริบตาเหยื่อก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย สำหรับเด็กตัวน้อยที่อยากให้อาหารปลาฉลามจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างเคร่งครัด



          ไม่ไกลจากโซน Marine Monsters เราแวะไปที่โซน Funland แดนมหาสนุก ด้านในมีมุมสนุกให้เลือกเล่นหลายอย่าง เช่น บ้านผีสิง 3 มิติ ที่สำหรับคนกลัวผี มิติเดียวก็ปาดเหงื่อหัวใจจะหล่นกันแล้ว เกมยิงปืน 3 มิติ เกมแข่งรถ ฯลฯ เราเลือกไปชมภาพยนตร์ 6 มิติ ก่อนภาพยนตร์จะฉายเราก็นั่งบนเก้าอี้คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาฉายเก้าอี้ที่นั่งก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ทำให้รู้ว่าห่วงข้างเก้าอี้มีไว้เพื่ออะไร ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ บางช่วงก็เหินเสียสูง บางตอนก็ดิ่งจนสุด เขย่าขยอกจนข้าวของในกระเป๋าเสื้อพุ่งกระจายไปคนละทิศละทาง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นข้าวโพดคั่วอย่างไรอย่างนั้น

          แดดร่มลมตกเราเดินเลียบคลองสายเล็กไปจนเจอหงส์ขาวว่ายน้ำอวดคอเรียวงาม ขณะที่หงส์ดำยืนไซ้ขนแต่งสวยอยู่ริมฝั่ง ปล่อยให้ฝูงเป็ดเดินต้วมเตี้ยมตามกันขึ้นบ้านหลังน้อย เลยจากบ้านเป็ดเราแวะไปถ่ายรูปกันที่ Art in Mimosa มุมถ่ายรูป 3 มิติ ที่ทุกคนดูพร้อมใจกันปลดปล่อยท่าทางให้ดูเนียนสมจริงไม่แพ้ภาพวาดบนผนัง เสียงเพลงแว่วดังมาจากลานน้ำพุดนตรี ทำให้รู้ว่าได้เวลาชมการแสดงโชว์คาบาเรต์สุดอลังการ หนึ่งในไฮไลท์ที่มาแล้วไม่ควรพลาดชม น้ำพุพวยพุ่งเป็นสายตามจังหวะเพลง พร้อมแสงไฟหลากสี โดยมีเหล่านักแสดงออกมาร้องและเต้นกันสดเหวี่ยง เรียกเสียงปรบมือ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะตลอดการแสดงทุกชุดตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจและสนุกจนแทบไม่อยากลุกไปไหนเลยทีเดียว แค่ 1 วันในมิโมซาคล้ายกับว่าความสุขได้ถูกเติมเต็มจนล้นเปี่ยม

Pattaya Sheep Farm ใครว่าพัทยาไม่มีแกะ

          เดี๋ยวนี้ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวฮิต ๆ ที่ไหนก็มักจะเจอแกะ พัทยาเองก็มีแกะกับเขาเหมือนกัน ไม่ไกลจากตัวเมือง บนพื้นที่หลายไรใต้ร่มเงาทิวมะพร้าว ฝูงแกะของ Pattaya Sheep Farm ดูร่าเริงเป็นพิเศษ แต่ละตัวตะเกียกตะกายปีนป่ายรั้วยื่นหน้าขอหญ้าจากนักท่องเที่ยวเคี้ยวกินกร้วม ๆ จนแก้มตุ่ย เราค่อย ๆ เอามือลูบหน้าผากและขนฟูหนาของมันอย่างแผ่วเบา

          “แกะที่เราเลี้ยงเป็นพันธุ์ผสม ขนสั้นครับ ทำให้ทนกับสภาพอากาศได้ดี” คุณนันทกร พัฒน์น้ำรอบ เจ้าของฟาร์มเล่าให้ฟัง ทางเดินพาดผ่านเนินหญ้ากว้าง จากคอกแกะเราเดินทอดน่องหามุมถ่ายภาพ ระหว่างทางเราจะได้เจอรูปปั้นแกะฮีโร่ตัวใหญ่ ๆ ทั่วฟาร์มทั้งแกะซูเปอร์แมนฉีกยิ้มเท่ ๆ แกะเขียว The Hulk ใส่เหล็กจัดฟัน หรือแม้กระทั่งแกะ Iron Man ก็มีให้ได้ขำ เยื้อง ๆ กันมีรูปปั้นเกม Angry Sheep ที่เปลี่ยนจากนกหน้ายุ่งให้กลายเป็นแกะหน้าทะเล้นทิ้งตัวอยู่ในหนังสติ๊กอันเบ้อเริ่ม เตรียมพุ่งตัวใส่ฝูงหมูเขียวให้กระเด้งกระเด็นกระดอนเหมือนในเกมที่เคยคุ้น



          เดินลัดเนินฝ่าเปลวแดดไปไม่ไกลก็พบกังหันลมสูงใหญ่ซึ่งนับเป็นแลนด์มาร์กถ่ายภาพอย่างดี นอกจากจะใช้กังหันลมเป็นฉากหลังเก๋ ๆ แล้วเรายังออกแรงชนิดไม่กลัวเมื่อยเดินขึ้นบันไดเหล็กไต่ตามความสูงไปชมวิวที่ด้านบน สูดอากาศบริสุทธิ์ และเหม่อมองความเคลื่อนไหวรอบฟาร์มแกะอย่างไม่รีบร้อน ไม่ไกลกันกล่องไม้หลากสีวางทับซ้อนเรียงราย มีรูปแกะตาโตยืนอยู่ข้าง ๆ เหมาะแก่การปีนป่ายหามุมเก๋ ๆ ถ่ายภาพตามแต่ไอเดียจะบรรเจิด

          และถึงจะเป็นฟาร์มแกะแต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแต่แกะน่ารัก ๆ เท่านั้นนะ ถัดจากคอกแกะเป็นคอกม้าตัวสีน้ำตาลใหญ่ที่ถ้าใครอยากสวมบทเป็นคาวบอยเท่ ๆ ลองขี่ม้าสักรอบสองรอบก็ทำได้ไม่ยาก ฝั่งตรงกันข้ามเป็นคอกควายตัวอ้วนท้วนเขายาว ที่พร้อมจะเล่นกล้องกับนักท่องเที่ยวใกล้กันหมูจิ๋ว (Miniature Pig) ตัวจ้อยสีขาวผสมดำสองสามตัวกำลังส่วนอยู่กับหญ้าแสนอร่อยตรงหน้า ขณะที่กวางซิกา (Sika Deer) ก็คึกคักกับการประชันเขาตามประสากวางแตกเนื้อหนุ่ม พอเพ่งดูที่เขาสีน้ำตาลเนื้ออ่อน ๆ ก็เห็นว่ามีรอยเลือดไหลย้อยจาง ๆ คล้ายกับร่องรอยแห่งประสบการณ์



          กวางบางตัวค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ริ้ว ดวงตาสีน้ำตาลใสกลมโตจ้องมองสำรวจคนแปลกหน้า เขาคู่เล็กเพิ่งงอกได้ไม่นาน ลำตัวสีน้ำตาลพราวพร้อยด้วยหย่อมสีขาวเป็นจุด ๆ ทำให้พวกมันถูกเรียกอีกชื่อว่ากวางดาว เมื่อเริ่มคุ้นเคยมันยอมให้เราเอามือลูบหัวลูบหูและแตะเขาของมันได้ แต่ก็ยังมีอาการระแวงระวังนิด ๆ ตามสัญชาตญาณเดิม

          แดดใกล้เที่ยงร้องระอุผ่าว เราหลบร้อนเขาไปในกรงขนาดใหญ่ ข้างใน คือ บ้านของสัตว์ปีกนานาชนิดที่ต่างสายพันธุ์แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลกลืน นกยูงคู่หนึ่งเยื้องย่างออกมาทักทาย ขนหางของมันยาวสวยเป็นมันวาว ตามติดด้วยไก่งวงขี้สงสัยที่มาเอียงคอมองหน้าเราเหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอม ขณะที่ลูกไก่ตัวเล็กตัวน้อยต่างเดินตามกันมาสังเกตการณ์เป็นพรวน หนึ่งในดาวเด่นของกรงนี้ คือ เจ้าไก่ยักษ์บราห์มา (Brahma) ขาใหญ่ประจำกรงด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าไก่ทั่วไป และขนที่ขึ้นปกคลุมขาทำให้ดูคล้ายกับว่ามันกำลังใส่กางเกงขายาวกรุยกรายเดินวางก้ามอยู่ทั่วกรง ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็นไก่ใจดีสุด ๆ ไม่ดุเลยสักนิด



          นาทีโกลาหลเริ่มต้นเมื่อใครสักคนถือถ้วยอาหารเดินร่อนอยู่ในกรง นกยูงเดินปรี่เข้ามาหา พร้อมยื่นคอยาวเอาปากจิกเมล็ดทานตะวันกินอย่างอร่อยปาก เพลิดเพลินได้ไม่นานไก่งวงตัวโตก็พุ่งเข้ามาอย่างไว แล้วเอาปากจิกถ้วยอย่างแรง ดุดันเสียจนคนถือตกใจแทบทำถ้วยตก ส่วนเจ้าไก่บราห์มาและลูกไก่ฝูงนั้นก็รอเก็บเมล็ดพานตะวันที่ร่วงหล่นแบบลุ้น ๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าววุ่นวายกันไปทั้งกรง ที่สำคัญพวกมันจะเดินตามติดคนให้อาหารไปเป็นพรวน จนกว่าอาหารจะหมดถ้วยถึงได้เลิกรา แยกย้ายกันไปเดินงุด ๆ จิกเขี่ยอะไรไปเรื่อยเหมือนเดิม ก่อนออกจากกรงสายตาพลันเหลือบไปเห็นลุงเต่าบกตัวโตค่อย ๆ คลานเงียบ ๆ ออกมาจากข้างบ้านไม้หลังเล็ก เราลองเอามือลูบกระดองที่นูนสูงแบบเมือ ลุงเต่าทำตาพริ้มนอนให้เราลูบอย่างสบายใจ เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเหนือเนินหญ้า ใต้ร่มเงาต้นมะพร้าวสูง ในวันฟ้าอิ่มแดด



Pattaya Dolphin World หลงรักรอยยิ้มใต้ผืนน้ำ

          ใคร ๆ ก็ชอบโลมา อาจเพราะโลมาเป็นสัตว์น้ำที่ยิ้มหวานที่สุด แสนรู้ และมากด้วยความน่ารักน่าชัง ผืนน้ำเบื้องหน้าสงบนิ่งยามเมื่อเรามาถึง Pattaya Dolphin World  ไม่กี่นาทีต่อมาบางอย่างกลมมนโผล่พ้นผิวน้ำ ผิวของเจ้าสิ่งนั้นดูนุ่มขึ้น ดวงตาเล็กดำขลับ ปากบางเผยอนิด ๆ คล้ายกับกำลังส่งยิ้ม ภาพตรงหน้าราวกับว่าเป็นคำทักทายแสนอบอุ่น โลมาหัวบาตรตัวแรกว่ายวนส่งยิ้มให้เราอยู่ริมบ่อ ขณะที่ใครบางคนยกแขนโบกมือเข้าหาตัวเองเพื่อเรียกความสนใจจากโลมา

          "ระวังเปียกนะคะ การทำท่าทางแบบนั้น คือ สัญญาณมือบอกให้โลมาพ่นน้ำใส่" เจ้าหน้าที่ร้องบอกพร้อมยิ้มกว้าง ทำเอาคนที่ถูกเตือนสะดุ้งสุดตัว นึกถึงวันก่อนตอนยังเป็นเด็ก ครั้งแรกที่ได้เห็นการแสดงโชว์โลมานั้นช่างตื่นเต้นประทับใจ ภาพครูฝึกส่งสัญญาณมือท่าทางต่าง ๆ แล้วเจ้าโลมาแสนรู้ก็ทำตามอย่างว่าง่าย

          "โลมาของที่นี่มีอยู่ 2 สองสายพันธุ์ คือ โลมาหัวบาตรหรือโลมาอิรวดี และโลมาปากขวดหรือโลมาสีชมพู โลมาของเราเป็นโลมาไทยและทีมครูฝึกก็เป็นคนไทยทั้งหมด ด้วยความที่เขาเป็นสัตว์แสนรู้ ใช้เวลาฝึกไม่นานก็แสดงโชว์ได้แล้ว" เจ้าหน้าที่คนเดิมเล่าให้เราฟัง

          เสียงเพลงกระหึ่มดังขึ้น โลมา 3 ตัว เริ่มออกมาดำผุดดำว่ายอวดโฉมโชว์ครีบหางคล้ายกับกำลังวอร์มร่างกายเพื่อให้พร้อมสำหรับการแสดงที่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้า เสียงบรรยายจากผู้พากย์เอ่ยทักทายนักท่องเที่ยวและแนะนำตัวเจ้าโลมาทั้งสาม มาตามฟิช โลมาปากขวด ตัวสีชมพูแต้มเทาอวบอ้วน น้องฮันนี่และน้องน่ารัก สองโลมาหัวบาตรตัวสีเทาดูคล่องแคล่วปราดเปรียว



          "โลมามีสมองเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ไม่ว่าเขาจะแก่แค่ไหนก็ยังคงขี้เล่นซน มีนิสัยเหมือนเด็ก" ใครบางคนกล่าวถึงความน่ารักซุกซนของโลมาให้ฟัง มาดามฟิช น้องฮันนี่ และน้องน่ารัก เริ่มต้นการแสดงด้วยการนอนหงาย ยกครีบมาประสานกันคล้ายพนมมือ ว่ายวนรอบสระ ราวกับจะเอ่ยคำว่าสวัสดีกับทุกคน จังหวะเพลงเร้าอารมณ์ ขณะที่โลมาทั้งสามโผล่ตัวพ้นผิวน้ำโบกครีบโยกตัวกันอย่างเมามันส์ บางจังหวะก็เต้นประชันกันตามท่าทางที่ครูฝึกสั่ง โดยมีรางวัลเป็นปลาข้างเหลียงสด ๆ ที่ครูฝึกคอยป้อนให้ เวลาผ่านไปสักพัก อุปกรณ์อย่างลูกบอลถูกนำมาใช้ แต่ละตัวใช้ครีบอุ้มลูกบอลว่ายโชว์ ก่อนโบกสะบัดหางเตะลูกบอลไปไกล ขณะที่มาดามฟิชว่ายน้ำเอาปากยาว ๆ ซ้อนห่วงหลากสีขึ้นมาแกว่งไกวเข้ากับจังหวะเพลง และถึงแม้อายุจะเยอะ แถมอ้วนล่ำจ้ำม่ำแค่ไหน แต่บทจะต้องโดยลอดห่วงตั้ง 3-4 ห่วง เธอก็ทำได้สบายมาก ปล่อยให้ผืนน้ำแตกกระจายดังตูมตามน้ำหนักตัว



          สักพักครูฝึกก็เรียกให้โลมาถลาไถลตัวก่ายเกยบนโป๊ะลอยน้ำ แล้วให้ใส่แว่น ใส่หมวก ทำท่าทางน่ารัก บางจังหวะก็ให้เด็กตัวเล็ก ๆ มีส่วนร่วมกับการแสดงด้วยการจูบแก้มโลมาเบา ๆ เรียกรอยยิ้มจากคนดูได้อย่างล้นหลาม เมื่อการแสดงจบลงเราเดินลัดเลาะไปที่บ่อเล็กด้านหลัง นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียสวมชุดว่ายน้ำ อาบน้ำล้างตัว พ่นแอลกอฮอล์ใส่มือ เตรียมพร้อมลงไปว่ายน้ำเล่นกับโลมาแบบถึงเนื้อถึงตัว

          "โลมามีผิวที่นุ่มและบอบบางคล้ายผิวมะเขือเทศค่ะ เพราะฉะนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องถอดเครื่องประดับออกให้หมด เล็บต้องสั้น ไม่ทำสีเล็บไม่เช่นนั้นโลมาจะเป็นอันตราย" เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังถึงเรื่องระเบียบการลงว่ายน้ำกับโลมาที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โลมาในบ่อนี้มี 3 ตัว ครูฝึกอีก 3 คน รองรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละไม่เกิน 15 คน โดยครูฝึกจะแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ซึ่งทุกคนจะได้ว่ายน้ำเล่นกับโลมาอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง



          บนโป๊ะลอยน้ำ ครูฝึกส่งสัญญาณโดยการยกแขนดึงเข้าหาตัวถี่ ๆ เพียงครู่เดียวเจ้าโลมาหัวบาตรก็พ่นน้ำพุ่งปรี๊ด ๆ ใส่หน้าเด็กน้อยผมสีทองจนร้องกรี๊ดทันที เรียกว่าเป็นเรื่องจริงตามที่เจ้าหน้าที่คนแรกบอกสำหรับการใช้สัญญาณมือ ที่บางทีการโบกไม้โบกมือแบบไม่ได้คิดอะไรอาจทำให้เราเปียกแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่นานนักครูฝึกจึงเริ่มให้นักท่องเที่ยวลองเอามือสัมผัสผิวโลมา จับครีบ แตะหาง พอคุ้นเคยดีแล้วก็ให้ลงไปลอยคอเอามือจับครีบไว้ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้โลมาพานักท่องเที่ยวว่ายวนไปจนถึงอีกขอบฝั่งก่อนว่ายพามาส่งที่โป๊ะเดิม คงเป็นเพราะความฉลาดแสนรู้ หรือรอยยิ้มละมุนใต้ผืนน้ำ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักโลมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ มองภาพมรกดทางวัฒนธรรมล้ำค่าผ่านเรือลำเล็ก

          "สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามหยดย้อยลอยหลังสินธุ์
          เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม"

          หลายคนคงจำกาพย์เห่เรือบทนี้ได้ขึ้นใจ กระบวนเรือพยุหยาตราชลมารคมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเนิ่นนานย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา สืบทอดส่งผ่านมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ความงดงามและทรงคุณค่าดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ หลายคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ชื่นชมภาพกระบวนเรือพระราชพิธีโลดแล่นล่องลอยในสายน้ำ แต่หากจังหวะและเวลาไม่เป็นใจก็ไม่ต้องไปไหนไกล แค่ไปพัทยาก็ได้ชมเรือพระราชพิธีจำลองในมุมมอง 4 มิติ กันแล้ว

          ไม่ไกลจากถนนใหญ่ อาคารสีขาวตั้งตระหง่านเห็นแต่ไกล ด้านล่าง คือ ร้านค้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนอาคารชั้น 2 คือ ที่ตั้งของศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ หนึ่งเดียวในโลก โครงการศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลองนี้ก่อตั้งขึ้นตามแนวความคิดของ คุณจิราเมศร์ โชคสุริยเกียรติ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับจัดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปะวัฒนาธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ไทยให้แก่ผู้สนใจทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงคุณค่าและช่วยกันอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมไทย

          เมื่อไต่ตามบันไดสูงชันนี้ไปก็จะพบกับห้องจัดแสดงห้องแรก เสียงเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองกาพย์เห่เรือแว่วดังขับขาน เรือพระราชพิธีจำลองลำน้อยล่องลอยเรียงรายอยู่หน้าท่าน้ำวัดอรุณราชวราราม อีกฝั่งมีวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นฉากหลัง ท่ามกลางแสงสีงดงามตา เรือพระที่นั่งจำลองมีอยู่ทั้งหมด 4 ลำ คือ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ และถึงแม้ว่าจะเป็นเรือลำเล็ก แต่การสรรค์สร้างก็มากด้วยความประณีตละเอียดอ่อนในการสลักเสลาชิ้นไม้ ให้กลายเป็นเรือพระที่นั่งจำลองย่อส่วนจากของจริง แต่เปี่ยมด้วยรายละเอียดที่งดงามวิจิตร แม้กระทั่งฝีพาย นายเรือก็สวมชุดเครื่องแบบเต็มยศชวนมอง

          นอกจากเรือพระที่นั่งจำลองแล้ว ภายในห้องนี้ยังจัดแสดงเรือรูปสัตว์อย่างเรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร ฯลฯ ที่แกะสลักโขนเรือเป็นรูปนิลพัทและหนุมาน ตัวละครเอกจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ไว้ให้ได้ชมอีกด้วย

          เมื่อเดินมาถึงห้องที่ 2 ก็เตรียมตัวรับความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเรือพระราชพิธีจากวีดิทัศน์ผ่านการบอกเล่า โดยนายเรือทั้งสี่ที่จะมาอบหลากสาระน่ารู้พร้อมด้วยเสียงหัวเราะแบบไม่หนักสมอง สำหรับไฮไลท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดอยู่ที่ห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นห้องฉายภาพยนตร์ 4 มิติ ในมุมมอง 360 องศา ถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของเรือไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบันในรูปแบบการณ์ตูนแอนิเมชั่นสนุกสนาน เมื่อภาพแรกปรากฏบนหน้าจอ ฟองสบู่กลมใสส่องประกายวิบวับก็ถูกปล่อยมาจากเพดานห้อง พร้อมด้วยละอองน้ำโปรยปราย ภาพแอนิเมชั่นเคลื่อนไหววนเป็นวงรอบจนต้องหมุนตัวมองตาม บางตอนเป็นฉากสงครามก็มีเสียงระเบิดจากปืนใหญ่แผดดังก้องสะเทือน คล้ายเรากำลังหลงยุคไปอยู่ท่ามกลางสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกได้ว่าตื่นเต้นเร้าใจกันตั้งแต่นาทีแรกจวบจนนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว

          เป็นเรื่องจริงที่เราเองอาจจำกาพย์เห่เรือไม่ได้ทุกบทตอน แต่ภาพสะท้อนทางคุณค่าทางวัฒนธรรมของชาตินั้นคงไม่อาจลืมเลือน

          หลายสิบปีก่อนตอนเรายังเป็นเด็ก พัทยา คือ ทิศทางที่เที่ยวแสนตื่นตา ยามที่เราเติบโตขึ้นพัทยาเองก็ไม่เคยหยุดโต จากวันนั้นสู่วันนี้ พัทยายังคงเป็นเมืองเปี่ยมล้นสีสัน และคล้ายกับว่านาทีแห่งความสุขที่เกิดขึ้นนั้นไม่เคยจืดจาง


ขอขอบคุณ


          คุณนุชจิรา วงศ์จิตราภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายประชาสมพันธ์การตลาด Mimosa the City of Love

          คุณนันทกร พัฒน์น้ำรอบ เจ้าของ Pattaya Sheep Farm และ Pattaya Dolphin World

          ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ สำหรับการอำนวยความสะดวกอย่างดีเยี่ยม ทำให้สารคดีเรื่องนี้สำเร็จได้ด้วยดี

คู่มือนักเดินทาง

          การเดินทาง

          จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ไปจนถึงอำเภอบางละมุงแล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) ไปจนถึงเมืองพัทยา

          เที่ยวสนุก

          Mimosa The City of Love (ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมแอมบาสเดอร์) เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทรศัพท์ 0 3723 7318-9 เว็บไซต์ mimosa-pattaya.com บัตรเข้าชม ราคา 150 บาท

          Pattaya Sheep Farm (ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับโรงเรียนนานาชาติเดอะรีเจนท์) เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.  โทรศัพท์ 09 2321 6718 เฟซบุ๊ก Pattaya sheep farm บัตรเข้าชม ราคา 50 บาท เด็กสูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร เข้าชมฟรี

          Pattaya Dolphin World เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. โทรศัพท์ 0 3805 1790-1 เว็บไซต์ pattayadolphins-world.com บัตรเข้าชมการแสดงโชว์ ราคา 250 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ราคา 100 บาท (การแสดงโชว์โลมาเวลาประมาณ 45 นาที รอบเวลา 09.00 น., 11.00 น., 13.00 น. และ 15.00 น. ว่ายน้ำกับโลมา ราคาคนละ 1,500 บาท มีรอบเวลา 09.45 น., 11.45 น., 13.45 น., 15.45 น. และ 17.00 น.)

          ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทรศัพท์ 08 1865 5353, 08 7901 6161 เว็บไซต์ www.minaturethairoylbarge.com บัตรเข้าชม ราคา 200 บาท เด็ก ราคา 150 บาท

          กินอร่อย

          พัทยามีร้านอร่อยหลากแนวให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะริมหาดทรายชายทะเล The Glass House (ตรงข้ามโรงละครอลังการ) ร้านอร่อยริมชายหาดบรรยากาศดี มีเมนูให้เลือกหลากหลาย โดดเด่นเรื่องเบเกอรี่โฮมเมด โทรศัพท์ 0 3825 5922, 08 1266 6110, เจ๊ตุ้ม (ซอยเทพประสิทธิ์ 17) อาหารทะเลสดรสเด็ด ราคาไม่แพง

          นอนสบาย

          ที่พักนอนสบายในพัทยามีหลากสไตล์ให้เลือก หากชอบบรรยากาศร่มรื่น สงบ แนะนำโรงแรมไดอาน่า การ์เต้น รีสอร์ท ราคา 800-6,000 บาท โทรศัพท์ 0 3842 5469


 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 54 ฉบับที่ 12 กรกฎาคม 2557



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พัทยา สีสันวันเวลาของครอบครัว อัปเดตล่าสุด 5 กันยายน 2557 เวลา 15:29:04 1,471 อ่าน
TOP