วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระอารามหลวงสุดท้ายที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณี และยังเป็นตั้งของสุสานหลวงอีกด้วย
ถ้าเอ่ยถึง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หลาย ๆ คนคงทราบเพียงแต่ว่าตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร ใกล้ ๆ กับกระทรวงมหาดไทย และเป็นที่ตั้งของ สุสานหลวง ภายในวัดยังมีความงดงามอื่น ๆ ให้ได้สัมผัสอีกมากมาย
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงจะพาไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หนึ่งในวัดสำคัญคู่กรุงรัตนโกสินทร์กัน
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตั้งอยู่ที่ไหน
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประวัติ
วัดแห่งนี้นับเป็นพระอารามหลวงสุดท้ายที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณี ที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาลที่ 5 และยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกด้วย เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 7 มิได้ทรงสร้างวัดประจำรัชกาล แต่ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุง และทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดของพระราชบิดา คือ รัชกาลที่ 5 จึงเสมือนเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์เช่นกัน
แต่เดิมบริเวณวัดเป็นวังของ พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดินทร ไพศาลโสภณ ก่อนที่ พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาล โดยสร้างเลียนแบบ 2 วัด คือ วัดพระปฐมเจดีย์ กับ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 และภายในวัดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือเขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตสุสานหลวง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2413
พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หมายถึง วัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง และมีมหาสีมาอันเป็นเสาศิลาจำหลักยอดเป็นรูปเสมาธรรมจักร 8 เสา ตั้งเป็นสีมาที่กำแพง 8 ทิศ ส่วน "ราชบพิธ" หมายถึง พระอารามที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง และ "สถิตมหาสีมาราม" หมายถึง พระอารามซึ่งมีมหาเสมาหรือเสมาใหญ่ มีลักษณะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป คือลักษณะภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในออกแบบตกแต่งอย่างตะวันตก
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สิ่งน่าสนใจ
สำหรับพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ประกอบด้วยลวดลายกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์รูปเทพประนม ภายในเป็นสถาปัตยกรรมโกธิค พระประธานคือ พระพุทธอังคีรส แปลว่า มีรัศมีซ่านออกจากพระวรกาย ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ถูกหล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อต้นรัชกาลที่ 5 กะไหล่ทองคำเนื้อแปดหนัก 180 บาท เป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เมื่อยังทรงพระเยาว์ เดิมรัชกาลที่ 4 จะทรงนำไปประดิษฐานที่พระปฐมเจดีย์ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2415
ภาพจาก Supermop / Shutterstock.com
นอกจากนี้ที่ฐานบัลลังก์กะไหล่ทองเนื้อหกหนัก 48 บาท ภายในบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2), พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3), พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4), พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5), พระบรมอัฐิพระศรีสุลาไลย สมเด็จพระบรมราชินีในรัชกาลที่ 3 และสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร
ทั้งนี้ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ทั้งนี้ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
สำหรับ สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่นอกเขตกำแพงมหาสีมาธรรมจักรของวัด ทางด้านทิศตะวันตก ติดกับถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม แต่เดิมมีอาณาบริเวณกว้าง 4 ไร่กว่า ต่อมาในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทางผู้สำเร็จราชการและทาง กทม. ได้ตัดถนนอัษฎางค์ ซึ่งกินพื้นที่สุสานหลวงไปบางส่วน จนปัจจุบันสุสานหลวงเหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ครึ่งเท่านั้น
ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "สุสานหลวง" ขึ้นในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อเป็นที่บรรจุพระอัฐิ (กระดูก) และพระสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้ผู้ที่มีความรักใคร่ห่วงใยอย่างใกล้ชิด คือพระมเหสี เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม พระราชโอรส พระราชธิดา พระนัดดา และพระปนัดดา ได้อยู่ร่วมกัน หลังจากที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงสร้างขึ้นในสมัยหลัง
อนุสาวรีย์ที่สุสานหลวงนี้ทำเป็นรูปเจดีย์ ปรางค์ และอาคารศิลปะยุโรป โดยตั้งอยู่ในสวน ซึ่งมีต้นลั่นทมและพุ่มพรรณไม้ต่าง ๆ ปลูกไว้อย่างสวยงาม และอนุสาวรีย์ที่สำคัญคือเจดีย์สีทอง 4 องค์ เรียงลำดับจากเหนือไปใต้
ในส่วนของศิลปกรรมที่สำคัญในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ได้แก่ บานประตู และหน้าต่างของพระอุโบสถ ที่มีลายไทยลงรักประดับมุก เป็นรูปดวงตราครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ สวยงามมาก และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ กระเบื้องเบญจรงค์ ทั้งพระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ และระเบียงแก้ว ล้วนตกแต่งด้วยลายกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์ทั้งสิ้น ซึ่งทุกแผ่นเขียนด้วยมือ รวมถึงออกแบบรูปทรงกระเบื้องขนาดต่าง ๆ ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าเจดีย์ ระเบียง พระอุโบสถ ซึ่งมีรูปทรงอ่อนช้อย แต่ทุกอย่างลงตัว
ภาพจาก Krikkiat / Shutterstock.com
อีกทั้งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ยังเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย
ประกาศวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม
เวลาทำการ
พระอุโบสถจะเปิดเป็นเวลา โดยในวันธรรมดาจะเปิดช่วงพระทำวัตรเช้า-เย็น คือ 09.00-10.00 น. และ 17.00-18.00 น. วันพระและช่วงปีใหม่จะเปิดให้เข้าไปไหว้พระตั้งแต่เวลา 08.00-13.30 น. ส่วนพระวิหารจะเปิดเฉพาะเวลามีพิธีสำคัญ เช่น อุปสมบท หรือการถวายสังฆทานสมเด็จพระสังฆราช เป็นต้น
การเดินทาง
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่บริเวณถนนเฟื่องนคร ติดกับกระทรวงมหาดไทย สามารถจอดรถได้บริเวณถนนข้าง ๆ วัด
สัมผัสความงดงามของ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กันบ้างแล้ว หากมีโอกาสควรแวะไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเองนะ