เดือนสิงหาคม ไปเที่ยวไหนดีนะ ? ถึงแม้จะเป็นหน้าฝน แต่นี่คือช่วงเวลาที่ธรรมชาติไทยสวยงามที่สุด ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2568 มีมากมายให้เลือก ตั้งแต่ทะเลใส น้ำตกสวย ไปจนถึงภูเขาหมอกคลุม
เดือนสิงหาคมกำลังจะมาถึงแล้ว หลายคนคงกำลังคิดกันว่า เดือนสิงหาคม ไปเที่ยวไหนดี ท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นหน้าฝน แต่จริง ๆ แล้วนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวไทย เพราะธรรมชาติจะอยู่ในช่วงที่สวยงามและเขียวขจีที่สุด อากาศเย็นสบาย และที่สำคัญ ราคาท่องเที่ยวจะถูกกว่าช่วงไฮซีซั่นมาก สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า เที่ยวไหนดี เดือนสิงหาคม วันนี้เราจะมาแนะนำที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2568 ที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่สถานที่เที่ยวหน้าฝนที่มีน้ำตกสวยงาม ไปจนถึงจุดหมายปลายทางที่ยังคงเที่ยวได้อย่างสนุกสนานแม้จะมีฝนตก การท่องเที่ยวไทยในช่วงนี้จะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจอย่างแน่นอน มาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้างที่คุณไม่ควรพลาด !
ที่เที่ยวเดือนสิงหาคม 2568
รวมจุดเช็กอินสวย อากาศดี ฟีลธรรมชาติ
1. ปราสาทสัจธรรม พัทยา จังหวัดชลบุรี
ปราสาทไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างสรรค์โดยคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยแบบจัตุรมุขที่สูงกว่า 100 เมตร สร้างจากไม้เนื้อแข็งหลากหลายชนิด ใช้เทคนิคการเข้าเดือย ตอกสลัก และเข้าลิ่มตามแบบช่างโบราณ โดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่น้อย ความวิจิตรบรรจงของการแกะสลักไม้สะท้อนถึงปรัชญาชีวิต ความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมอันดีงามของชาวเอเชีย โดยเฉพาะหลักการก่อกำเนิดทั้งเจ็ด และคุณธรรมข้อประพฤติปฏิบัติทั้งสี่ รวมถึงแนวคิดเรื่องความว่างเปล่า หรือนิพพาน ที่สื่อผ่านมหาบุษบกวิมานกลางปราสาท
ปราสาทแห่งนี้ได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวดีเด่น ในปี 2551 และยังคงมีการก่อสร้างต่อเนื่องมาเกือบ 40 ปี แสดงถึงความไม่สิ้นสุดของสัจธรรม ภายในปราสาทยังแบ่งห้องโถงตามทิศทางต่าง ๆ เพื่อสื่อความหมายเชิงปรัชญา อาทิ ห้องโถงด้านทิศตะวันออกที่สื่อถึงความกตัญญูของพ่อแม่ ทิศตะวันตกกับธาตุทั้งสี่ที่ก่อกำเนิดโลก ทิศใต้กับอิทธิพลของดวงดาว และทิศเหนือที่แสดงถึงการพัฒนาสังคมและจิตวิญญาณของผู้คน รวมถึงการหลุดพ้นจากกิเลส นอกจากนี้บริเวณโดยรอบปราสาทยังมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้า นั่งช้าง ขี่รถ ATV ชมทัศนียภาพทางทะเลด้วยเรือประเภทต่าง ๆ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และร้านอาหาร นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มอบทั้งความงดงามทางศิลปะ คุณค่าทางปรัชญา และประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
2. พลับพลา สถานีรถไฟบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อาคารไม้สักโบราณสไตล์วิกตอเรียนที่งดงามโดดเด่น สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับรอรถไฟระหว่างเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมายังพระราชวังบางปะอิน ตัวอาคารตกแต่งด้วยไม้ฉลุละเอียดและกระจกสีจากอิตาลี มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และเทคนิคการสร้างที่ซับซ้อน หาชมได้ยากในประเทศไทย ความโดดเด่นของพลับพลาแห่งนี้ทำให้ได้รับรางวัล อาคารควรค่าแก่การอนุรักษ์ ในปี 2540 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร นอกจากความงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว พลับพลาแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเคยเป็นที่รับเสด็จและที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ รวมถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สะท้อนถึงความสำคัญของการรถไฟไทยในอดีต นับเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันวิจิตร
3. ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
ตลาดน้ำเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญจังหวัดราชบุรี สะท้อนวิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้คนริมน้ำที่ค้าขายกันตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงเที่ยงวัน แม้จะเคยซบเซาไปบ้าง แต่ด้วยการฟื้นฟูของชุมชนทำให้ตลาดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นี่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ ทั้งของกิน ของใช้ ของที่ระลึก และงานหัตถกรรม นอกจากนี้ยังมีบริการล่องเรือชมสวนและวิถีชีวิตริมคลอง รวมถึงการสาธิตทำน้ำตาลสด ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับเสน่ห์ของตลาดน้ำแห่งนี้
4. อุทยานธรณีโคราช จังหวัดนครราชสีมา
ที่เที่ยวโคราชที่ได้รับการประกาศให้เป็น อุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) แห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมา (สีคิ้ว, สูงเนิน, ขามทะเลสอ, เมืองนครราชสีมา, เฉลิมพระเกียรติ) มีจุดเด่นคือ ภูมิประเทศแบบเควสตา หรือ เขารูปอีโต้ ที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และการค้นพบฟอสซิล 3 ยุค ทั้งไดโนเสาร์ ช้างดึกดำบรรพ์ และไม้กลายเป็นหินหลากหลายชนิด โดยเฉพาะการพบฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลกถึง 3 สกุล ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โคราชได้รับการยกย่องเป็น มหานครแห่งบรรพชีวิน
การเป็นอุทยานธรณีโลกนี้ส่งผลให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมือง 3 มรดกยูเนสโก (UNESCO Triple Heritage City) แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (มรดกโลก), ป่าสะแกราช (พื้นที่สงวนชีวมณฑลของโลก) และ อุทยานธรณีโลกโคราช ภายในอุทยานยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น แหล่งฟอสซิลช้างลุ่มน้ำมูล แหล่งฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน แหล่งประวัติศาสตร์หินตัดสีคิ้ว และพระนอนหินทรายที่วัดธรรมจักรเสมาราม ซึ่งเป็นพระนอนหินทรายเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาและสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนไปพร้อมกัน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Khorat Geopark - อุทยานธรณีโคราช
5. วัดเขาสูงแจ่มฟ้า จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดในอำเภอท่ามะกา ทำให้มองเห็นวิวทัศน์ธรรมชาติอันเขียวขจีได้ 360 องศา ไฮไลต์สำคัญคือ สกายวอล์ก ทางเดินกระจกใสที่ยื่นออกไปกลางหุบเขา ให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนฟ้า เสาโทริอิสีแดงสดใสเรียงรายตลอดทางเดิน สร้างบรรยากาศคล้ายวัดในญี่ปุ่น ประติมากรรมพญานาคราชขนาดใหญ่ และหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา นอกจากนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เช่น ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อเศรษฐี พระราหู และพระพิฆเนศ รวมถึงสะพานรวย ที่เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมโชคลาภอีกด้วย เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การหลีกหนีความวุ่นวาย สัมผัสความสงบและอลังการของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมไทยที่ผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
6. พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พระตำหนักที่ประทับริมทะเลในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 โดยรื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกใหม่ และได้รับการขนานนามว่า พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมยุโรป เป็นอาคารไม้สักทองใต้ถุนสูง ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์ ได้แก่ พระที่นั่งสมุทรพิมาน (ที่ประทับพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา), พระที่นั่งพิศาลสาคร (ที่ประทับของรัชกาลที่ 6) และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ (อาคารโถง 2 ชั้นสำหรับประชุมและแสดงละคร) ทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกันด้วยระเบียงทางเดินยาวกว่า 399 เมตร การออกแบบเน้นความโปร่งโล่งเพื่อรับลมทะเลและลมภูเขา ภายในบริเวณยังมีสวนสวยงามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 อาทิ สวนเวนิสวานิช สวนศกุนตลา และสวนมัทนะพาธา ซึ่งสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพและพระราชนิยมด้านวรรณกรรม ปัจจุบันพระราชนิเวศน์มฤคทายวันยังคงเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่งดงาม ควรค่าแก่การเยี่ยมชมและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
7. โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย
ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์ ท่ามกลางบรรยากาศท้องไร่ท้องนาอันเงียบสงบ นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนในโฮมสเตย์เรือนไม้ที่ชาวบ้านจัดเตรียมไว้พร้อมอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยอย่างขันโตก กิจกรรมเด่นของที่นี่มีหลากหลาย ทั้งการชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ การปั่นจักรยานชมทุ่งนากว้างใหญ่ ชมสาธิตการทำผ้าหมักโคลน การทำตุ๊กตาบาร์โหน และการทอผ้าโบราณ นอกจากนี้ยังสามารถลิ้มลอง ข้าวเปิ๊บ อาหารขึ้นชื่อหนึ่งเดียวในโลก และในช่วงฤดูฝน (สิงหาคม-กรกฎาคม) ยังมีโอกาสเก็บผลไม้สด ๆ จากสวน เช่น ลองกอง ชมพู่ และทุเรียน การเดินทางท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านสามารถเลือกได้ทั้งการปั่นจักรยานหรือนั่งรถอีแต๊กชมวิถีชีวิตชุมชน บ้านนาต้นจั่นจึงเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการชาร์จพลังจากธรรมชาติและสัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย
8. เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถสัมผัสชีวิตสัตว์ป่าหายากอย่างใกล้ชิดทั้งในช่วงกลางวัน (Day Safari) และกลางคืน (Night Safari) โดยการนั่งรถรางแบบปิดเพื่อเข้าชมสัตว์ใน 2 โซนหลัก ได้แก่ Savanna Safari ที่มีสัตว์กินพืชอย่างยีราฟ ม้าลาย และจิงโจ้แดง และ Predator Prowl ที่รวบรวมสัตว์นักล่า เช่น เสือโคร่งขาว สิงโต และไฮยีน่าลายจุด นอกจากกิจกรรมนั่งรถชมสัตว์แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโชว์เสือ การแสดงนักล่ารัตติกาล การแสดงเต้นรำ (Dancing Show) และการถ่ายภาพกับสัตว์ขนาดเล็ก
9. วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย
เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามและยิ่งใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเชียงราย ไฮไลต์ของวัดคือ พบโชคธรรมเจดีย์ หรือพระมหาเจดีย์เก้าชั้น รูปแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานศิลปะไทย จีน และพม่า ภายนอกประดับด้วยมังกรคู่สง่างาม ส่วนภายในตกแต่งแบบยุโรปและเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมจำลองแกะสลักจากไม้หอม นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถปูนปั้นสีขาวที่อลังการด้วยลวดลายวิจิตร และที่สำคัญที่สุดคือ รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูงถึง 79 เมตร ตั้งตระหง่านบนเนินเขา ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิมมีลิฟต์ให้ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของวัดและเมืองเชียงรายจากมุมสูงได้อย่างสวยงาม นับเป็นสถานที่ที่ผสมผสานความสวยงามทางศิลปะ ความศักดิ์สิทธิ์ และมุมมองอันน่าประทับใจไว้อย่างลงตัว
10. ถนนคนเดินปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ตั้งอยู่บนถนนชัยสงคราม ตำบลเวียงใต้ เป็นถนนคนเดินแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีทุกวัน โดยร้านค้าของที่นี่จะเริ่มตั้งร้านตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงประมาณเที่ยงคืน เสน่ห์ของที่นี่อยู่ที่ร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง หัตถกรรมร่วมสมัย อาหารพื้นเมืองและอาหารนานาชาติหลากหลาย รวมถึงการแสดงดนตรีสดที่สร้างบรรยากาศอบอุ่นและน่ารัก ถนนคนเดินแห่งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของชาวเขาและชาวบ้านที่นำสินค้ามาขายให้นักท่องเที่ยว และพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในปายได้อย่างสะดวก และมีที่พักใกล้เคียงมากมายให้บริการ
11. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สวรรค์แห่งทะเลใต้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงเดือนสิงหาคม ด้วยความงดงามของหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสีคราม และต้นมะพร้าวที่พลิ้วไหวตามสายลม เกาะสมุยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมหาดสบาย ๆ ที่หาดเฉวง หรือหาดละไม การดำน้ำชมปะการังสวยงามรอบเกาะ การเที่ยวชมหินตา-หินยาย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ หรือสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและเลือกซื้อสินค้าที่ถนนคนเดินยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและรีสอร์ตหรูมากมาย พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้มาเยือน
12. หมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในอำเภอลานสกา ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าเขาเขียวขจี และลำธารที่ไหลผ่านตลอดทั้งปี ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายของชาวบ้าน ในช่วงเดือนสิงหาคม บรรยากาศจะยิ่งร่มรื่นและเย็นสบาย กิจกรรมยอดนิยมคือการปั่นจักรยานชมสวนผลไม้ สูดอากาศบริสุทธิ์ เล่นน้ำในลำธารใสสะอาด และลิ้มลองผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มังคุด ลองกอง เงาะ ที่มีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านให้เลือกซื้อเป็นของที่ระลึก นับเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายมาชาร์จพลังกายใจในอ้อมกอดของธรรมชาติอย่างแท้จริง
13. เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในฝั่งอันดามันที่เหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงเดือนสิงหาคม ด้วยความโดดเด่นของชายหาดที่ทอดยาว ทะเลอันเงียบสงบ และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ไม่พลุกพล่านเท่าเกาะใหญ่อื่น ๆ เกาะลันตามีชายหาดสวยงามหลายแห่ง เช่น หาดคลองดาว และ หาดพระแอะ ที่เหมาะกับการอาบแดด เล่นน้ำ หรือชมพระอาทิตย์ตกดินอันงดงาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่หมู่เกาะใกล้เคียง เช่น เกาะรอก เกาะห้า ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโลกใต้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงการสำรวจชุมชนเมืองเก่าลันตา ที่มีเสน่ห์ด้วยอาคารไม้เก่าแก่และวิถีชีวิตชาวประมงพื้นถิ่น เกาะลันตาจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหาการพักผ่อนอย่างแท้จริงในบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว
14. น้ำตกโตนเต๊ะ จังหวัดตรัง
เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของจังหวัด ด้วยความสูงประมาณ 320 เมตร จนได้รับสมญานามว่า ราชาน้ำตกแห่งเมืองใต้ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ด้วยความสมบูรณ์ของป่าทำให้มีน้ำไหลตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยรถยนต์เข้าถึงบริเวณน้ำตกได้อย่างสะดวกสบาย บริเวณด้านล่างมีแอ่งน้ำที่สามารถลงเล่นได้อย่างปลอดภัย และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติโตนเต๊ะ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทางร่มรื่นด้วยพืชพรรณนานาชนิด รวมถึงหวายและกล้วยไม้ป่า ซึ่งมีป้ายสื่อความหมาย 17 จุด ให้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต น้ำตกแห่งนี้ไม่เพียงมอบความยิ่งใหญ่และความงดงามของสายน้ำ แต่ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าและวิถีชีวิตของชนเผ่าซาไกที่หาชมได้ยากอีกด้วย
15. น้ำตกโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา
เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดของภาคใต้ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ประมาณ 26 กิโลเมตร น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นไฮไลต์และที่มาของชื่อโตนงาช้าง เพราะสายน้ำจะไหลแยกออกเป็นสองทางผ่านหน้าผาหินลงมา มีลักษณะคล้ายงาช้าง คำว่า โตน ในภาษาพื้นเมืองหมายถึงน้ำตก จึงแปลว่าน้ำตกรูปงาช้าง มีน้ำไหลตลอดทั้งปี บริเวณใกล้เคียงมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น บ้านพัก ลานกางเต็นท์ และร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวโดยสารวิ่งจากตลาดสดเทศบาลเมืองหาดใหญ่-น้ำตกทุกวัน ทำให้น้ำตกโตนงาช้างเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์
เดือนสิงหาคม 2568 เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสำรวจประเทศไทย ตั้งแต่เมืองประวัติศาสตร์อย่างอยุธยาและสุโขทัย ไปจนถึงน้ำตกสวย ๆ ในภาคใต้ ซึ่งแต่ละสถานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รอให้คุณไปสัมผัส วางแผนทริปของคุณวันนี้และเตรียมพบกับประสบการณ์ที่น่าจดจำใน “สยามเมืองยิ้ม” !
บทความ เที่ยวหน้าฝน อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
เว็บไซต์ sanctuaryoftruthmuseum.com, เฟซบุ๊ก Damnoen Saduak Floating Market - ตลาดน้ำ ดำเนินสะดวก, เฟซบุ๊ก Khorat Geopark - อุทยานธรณีโคราช, เฟซบุ๊ก พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน / Mrigadayavan Palace, เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย, เฟซบุ๊ก เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari, เฟซบุ๊ก วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย - Wat Huay Pla Kang, เฟซบุ๊ก เทศบาลนครเกาะสมุย, เฟซบุ๊ก อบต กำโลน, เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง