ใครว่าการ เที่ยวกรุงเทพฯ มีแต่ห้างหรือคาเฟ่ ? เพราะความเป็นจริง เมืองหลวงแห่งนี้ยังมี ย่านเก่ายังมีชีวิต หรือ ย่านชุมชนเก่า ที่ซ่อนเสน่ห์ไว้ในทุกมุมถนน ไม่ว่าจะเป็น ย่านทรงวาด ที่ยังคงกลิ่นอายการค้าจีนในอดีต บ้านไม้เก่าแก่ริมคลอง อาคารโคโลเนียลที่เคยรุ่งเรืองในยุคบุกเบิก หรือวัดวาอารามเก่าแก่ที่เงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายของเมือง
ถึงแม้จะเก่า แต่ย่านเหล่านี้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คน อาคารเก่าแก่ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง หรือวัฒนธรรมเก่า ๆ ที่ยังมีลมหายใจ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่หลายคนอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวกรุงเทพฯ แบบไม่ซ้ำใคร ได้ทั้งเดินเล่น ชมงานคราฟต์ กินของอร่อย และพูดคุยกับผู้คนให้อบอุ่นใจ แนะนำให้ลองแวะไปเดินเล่นในย่านเก่าเหล่านี้สักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่า กรุงเทพฯ ยังมีอีกหลายมุมที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
ย่านเก่ากรุงเทพฯ
ที่ยังมีลมหายใจ และน่าเที่ยว
1. ย่านเสาชิงช้า - ศาลเจ้าพ่อเสือ - ถนนดินสอ (เขตพระนคร)
แลนด์มาร์กใจกลางกรุงที่ใครผ่านก็ต้องหันมามอง เสาชิงช้าที่สูงเด่นเป็นสง่า ตั้งอยู่หน้าวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งเคยใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้าของพราหมณ์ในอดีต เพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ประทานพืชผลอุดมสมบูรณ์ แต่ในปัจจุบันนั้นเป็นเสาต้นใหม่ และกลายเป็นที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ
จากเสาชิงช้าเดินลัดไปตามถนนดินสอจะเจอกับร้านอาหารเก่าแก่มากมายที่เปิดขายกันมาหลายสิบปี รวมถึงร้านหนังสืออิสระที่ให้ฟีลเหมือนได้กลับไปอ่านหนังสือที่บ้านเพื่อนสายเนิร์ด แถมบริเวณใกล้เคียงยังมี ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าจีนสายมูที่คนแน่นทุกวัน โดยเฉพาะช่วงตรุษจีน เพราะเชื่อกันว่าเจ้าพ่อเสือให้โชคด้านอำนาจ การงาน และโชคลาภ ใครอยากขอพรเรื่องตำแหน่งงานหรือสอบเข้าที่ไหนไม่ควรพลาดเลย
บรรยากาศโดยรวมของย่านนี้ได้ทั้งความคลาสสิกของเมืองเก่า บวกกับความคราฟต์ของร้านแนวอาร์ต ๆ และของกินอร่อย ๆ ที่ยังคงรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ครบ เหมาะกับการเดินเล่นชิล ๆ ในวันว่าง หรือจะพกกล้องไปถ่ายรูปแนวสตรีตก็เก๋ไม่แพ้ย่านฮิตอื่น ๆ เลย

ภาพจาก : suttirat wiriyanon / Shutterstock.com
2. ย่านสามแพร่ง (เขตพระนคร)
ย่านสามแพร่ง คือกลุ่มชุมชนเก่าแก่ในเขตพระนคร ที่แทรกตัวอยู่ไม่ไกลจากสนามหลวงและศาลหลักเมือง หากย้อนกลับไปในอดีต ที่นี่เคยเป็นที่ดินของพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ 4-5 ที่ดินเหล่านี้ถูกแบ่งเป็น แพร่ง (หมายถึงตรอกหรือทางแยก) และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของชาววัง พ่อค้า และขุนนางมากมาย ซึ่งสามแพร่งในปัจจุบัน ได้แก่
-
แพร่งนรา มีตึกแถวโบราณสไตล์โคโลเนียลเรียงรายริมถนนนราธิวาสราชนครินทร์
-
แพร่งภูธร เต็มไปด้วยร้านขนม ร้านขายยาเก่า และร้านอาหารท้องถิ่น
-
แพร่งสรรพศาสตร์ ที่สงบและอบอวลด้วยกลิ่นอายของร้านหนังสือเก่าและร้านชาเล็ก ๆ
โดยทุกแพร่งมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่ทั้งหมดเชื่อมโยงกันด้วยบรรยากาศของวันวานที่ยังไม่จางหาย อาคารไม้เก่า ๆ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ คาเฟ่สไตล์วินเทจที่ตกแต่งด้วยของสะสมยุค 80-90 ร้านขนมไทยดั้งเดิมที่หากินยากในยุคนี้ หรือแม้แต่ร้านตัดผมโบราณก็ยังเปิดให้บริการอยู่เลย บรรยากาศโดยรวมของย่านนี้เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายภาพสตรีตสวย ๆ หรือมานั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ตามร้านกาแฟที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ที่นี่อาจไม่ได้หวือหวา แต่ให้ความรู้สึกสงบ ซึ้งและสุข แบบที่หายากในเมืองใหญ่

ภาพจาก : SirichaiKeng / Shutterstock.com
3. ย่านท่าเตียน - ท่ามหาราช (เขตพระนคร)
ถ้าอยากเที่ยวกรุงเทพฯ แบบได้ทั้งวิวแม่น้ำ ศิลปะ วัด และคาเฟ่ในทริปเดียว ย่านท่าเตียน - ท่ามหาราช คือหนึ่งในย่านเก่าที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเก่าแก่ไว้ครบถ้วน แต่ในขณะเดียวกันก็นำกลิ่นอายร่วมสมัยมาผสมผสานได้อย่างกลมกล่อม
ในอดีตท่าเตียนเคยเป็นท่าเรือสำคัญของพระบรมมหาราชวัง ใช้เป็นจุดขนถ่ายสินค้าและเป็นย่านการค้าใหญ่ของเมืองกรุง มีตึกแถวเก่าเรียงราย และซอกซอยที่ซ่อนร้านขายของชำ ร้านทอง ร้านขายยาจีน ไปจนถึงร้านอาหารพื้นบ้านที่เปิดมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ปัจจุบันบางส่วนถูกรีโนเวทให้กลายเป็นคาเฟ่กึ่งวินเทจกึ่งอาร์ต ที่ยังคงเสน่ห์ไว้ไม่เปลี่ยน นอกจากนี้ยังมี ท่ามหาราช ซึ่งอยู่ใกล้กัน เดิมเป็นพื้นที่ริมน้ำธรรมดา แต่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยร้านเก๋ ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มองออกไปจะเห็นฝั่งวัดอรุณ และเรือด่วนเจ้าพระยาแล่นผ่านไป-มา เรียกได้ว่าบรรยากาศดีสุด ๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นหรือวันหยุด
บรรยากาศโดยรวมคือการผสมผสานระหว่างความขลังของวัดเก่าและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ กับความมีชีวิตชีวาของเมืองสร้างสรรค์ เหมาะกับคนที่อยากเดินเล่น ถ่ายรูป ชิมของอร่อย หรือหามุมสงบ ๆ ริมน้ำไว้ชาร์จพลังในวันว่าง ๆ

ภาพจาก : Kittipong Chararoj / Shutterstock.com
4. ชุมชนบ้านบาตร (เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย)

ภาพจาก : Oscar Espinosa / Shutterstock.com
5. ย่านหัวลำโพง (เขตปทุมวัน)

6. สะพานหัน - คลองโอ่งอ่าง (เขตสัมพันธวงศ์)
หากคุณกำลังมองหาย่านที่คลาสสิกแต่ครีเอทีฟ ต้องไม่พลาด สะพานหัน - คลองโอ่งอ่าง ย่านเก่าในเขตสัมพันธวงศ์ที่กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยพลังของชุมชน ศิลปะ และการฟื้นฟูเมืองอย่างสร้างสรรค์ ในอดีต พื้นที่นี้เคยเป็นแหล่งค้าขายสำคัญของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคลองโอ่งอ่างที่เป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมเจ้าพระยากับคลองรอบกรุง ขนส่งสินค้าเข้าตลาดสำเพ็งและเยาวราช ส่วนสะพานหันก็เคยเป็นตลาดชั้นนำที่มีทั้งร้านทอง ร้านขายของเล่น และร้านค้าชาวจีนรุ่นบุกเบิกเต็มสองฝั่งคลอง
แต่หลังจากเมืองขยายตัว บริเวณนี้เคยถูกลืมไปพักใหญ่ จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางกรุงเทพฯ ได้มีโครงการปรับปรุงคลองโอ่งอ่างใหม่ ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กริมคลองสุดชิคที่มีทั้งลานกิจกรรม ลานสเกตบอร์ด สตรีตอาร์ต คาเฟ่ และร้านขายของแฮนด์เมด รวมถึงเปิดทางเดินริมน้ำและเปิดไฟประดับในตอนเย็น ทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ย่านนี้ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัว มีอะไรให้ดูตลอดทาง ทั้งตึกเก่า กลิ่นอาหารจีน งานศิลปะ และรอยยิ้มของคนในชุมชน อีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วย ใครที่อยากเที่ยวกรุงเทพฯ แบบเดินสบาย ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปทุกสามก้าว บอกเลยว่าห้ามพลาดย่านนี้เด็ดขาด

ภาพจาก : Bangprikphoto / Shutterstock.com
7. ชุมชนเจริญพาศน์ (เขตคลองสาน)
หนึ่งในย่านเก่ากรุงเทพฯ ของทางฝั่งธนบุรี ที่หลายคนอาจมองข้าม ที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในยุครัชกาลที่ 5-6 ซึ่งชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากมาตั้งรกรากที่นี่ และค่อย ๆ สร้างชุมชนให้เจริญรุ่งเรืองควบคู่กับการค้าขายทางเรือ โดยชื่อ เจริญพาศน์ มาจากชื่อถนนสายสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลผสมจีนแบบโบราณ มีเอกลักษณ์ด้วยซุ้มโค้ง หน้าต่างไม้ ลูกกรงเหล็กดัด และสีซีด ๆ ที่ดูเก่าอย่างมีเสน่ห์ ซึ่งหลายแห่งถูกปรับเป็นร้านกาแฟและแกลลอรี่ขนาดย่อม ให้บรรยากาศสงบ ๆ เหมาะกับคนที่ชอบเดินชมเมือง แถมยังมีศาลเจ้าเก่าแก่แทรกอยู่ตามซอกซอย เช่น ศาลเจ้าพ่อฮงกง ศาลเจ้ากวนอู ให้ได้แวะสักการะขอพรกันอีกด้วย
บรรยากาศโดยรวมของย่านนี้คือความเนิบ ๆ แต่มีเรื่องราว เหมาะกับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย แล้วมาเดินทอดน่องช้า ๆ แวะดูชีวิตผู้คน แชะภาพตึกเก่า จิบกาแฟในร้านเงียบ ๆ หรือแค่ได้นั่งริมแม่น้ำก็รู้สึกว่าได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีตอันมีชีวิตชีวาแล้ว

ภาพจาก : Claudine Van Massenhove / Shutterstock.com
8. ชุมชนตลาดพลู (เขตธนบุรี)
แค่ได้ยินชื่อ ตลาดพลู หลายคนก็เริ่มนึกถึงของกินขึ้นมาทันที และไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะย่านเก่าฝั่งธนบุรีแห่งนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารระดับตำนานที่อยู่คู่ชุมชนมายาวนานหลายสิบปี บางเจ้ามาตั้งแต่สมัยสงครามโลก หรือรุ่นรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว ในอดีตตลาดพลูเคยเป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าและการเดินทางของชาวฝั่งธนฯ โดยเฉพาะในช่วงปลายรัชกาลที่ 5-6 ที่มีทั้งคลองและทางรถไฟตัดผ่าน เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าแม่ค้าหลากหลายเชื้อชาติ โดยเฉพาะจีนและมอญ ซึ่งปัจจุบันยังเห็นได้จากบ้านเรือนเก่า ๆ ร้านค้าโบราณ และวัดวาอารามที่แทรกอยู่ในชุมชน
ตลาดพลู ไม่ใช่แค่ย่านของกินเท่านั้น แต่ยังเป็นชุมชนเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ทั้งวัดอินทารามวรวิหาร วัดสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้ได้สักการะ บ้านไม้เก่า อาคารพาณิชย์โบราณ และโรงหนังร้างในตำนาน ที่กลายเป็นมุมถ่ายรูปสุดเท่ คาเฟ่สุดเก๋ ที่รีโนเวทจากบ้านไม้เก่า กลมกลืนกับกลิ่นอายดั้งเดิม หรือบางร้านที่ขายทั้งกาแฟและขนมโบราณสูตรคุณยาย ใครที่ชอบการเดินลัดเลาะในซอยเก่า ฟังเสียงล้อรถไฟผ่านข้างทาง แวะกิน แวะถ่าย แวะไหว้พระ และพูดคุยกับผู้คนในชุมชนที่ยังใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนไปตามเวลา ต้องไม่พลาดย่านนี้
ภาพจาก : ms.laddawan funsakool / Shutterstock.com
9. ชุมชนตลาดเก่าหัวตะเข้ (เขตลาดกระบัง)

ภาพจาก : Sumeth anu / Shutterstock.com
10. คุ้งบางกะเจ้า - ชุมชนบางน้ำผึ้ง (เขตพระประแดง สมุทรปราการ)
แถมให้อีกนิดสำหรับย่านเก่าที่ยังมีชีวิตชีวากับ คุ้งบางกะเจ้า - ชุมชนบางน้ำผึ้ง ที่ถึงแม้จะอยู่ในเขตสมุทรปราการ แต่ก็แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ อยู่แล้ว เพราะแค่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากฝั่งคลองเตย หรือบางนา ก็จะได้พบกับโอเอซิสสีเขียวที่ยังคงความเงียบสงบและวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างน่าอัศจรรย์
คุ้งบางกะเจ้า เป็นพื้นที่สีเขียวรูปหยดน้ำขนาดใหญ่ ถูกขนานนามว่า ปอดของกรุงเทพฯ และได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ว่าเป็น Best Urban Oasis in Asia พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ลุ่มริมน้ำของชาวมอญดั้งเดิมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และยังคงรักษาวิถีชีวิตเรียบง่ายไว้อย่างต่อเนื่อง ใจกลางของคุ้งบางกะเจ้า คือ ชุมชนบางน้ำผึ้ง ซึ่งโด่งดังเรื่องตลาดน้ำบางน้ำผึ้งที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ มีทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารสุขภาพ ขนมไทยหายาก ผลไม้ตามฤดูกาล ไปจนถึงงานคราฟต์ งานแฮนด์เมดของชาวบ้าน ให้เลือกช้อปแบบละลานตา มีเส้นทางปั่นจักรยานเลียบสวน ทั้งแบบปูนเรียบและทางยกระดับที่เลาะผ่านสวนกล้วยไม้ สวนผลไม้ และคลองเล็ก ๆ อีกทั้งยังมีศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบางน้ำผึ้ง ที่จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปทำธูปหอม น้ำอบ หรือจักสานจากทางมะพร้าวอีกด้วย
ย่านเก่าในกรุงเทพฯ ยังมีชีวิต ยังมีผู้คน และมีเรื่องราวให้เรียนรู้และสัมผัส ไม่ใช่แค่ที่เที่ยว แต่คือพื้นที่ที่บอกเล่าอดีตผ่านวิถีชีวิตในปัจจุบัน เที่ยวกรุงเทพฯ ครั้งต่อไป ลองหลีกหนีจากเส้นทางเดิม ๆ แล้วออกไปค้นพบสีสันใหม่ในย่านเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของวันวานดูสักครั้ง รับรองว่าคุณจะหลงรักกรุงเทพฯ ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวกรุงเทพฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
+++ รวมที่เที่ยวกรุงเทพฯ ทั้งวัด ตลาด และสวนสาธารณะต่าง ๆ
+++ เที่ยวกรุงเทพฯ เดินเล่นย่านเก่า กินเที่ยวแบบจัดเต็ม
+++ เที่ยว 9 ชุมชนเก่าในกรุงเทพฯ สัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตที่มีลมหายใจ