สักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ครั้งแรกในเมืองไทย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 19 มีนาคม 2567 ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับรัฐบาลอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี พร้อม พระอรหันตธาตุพระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ จากสถูปโบราณปิปราห์วา เมืองสาญจี สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนสักการะเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รายละเอียดเป็นอย่างไรมาดูกันเลย
พระบรมสารีริกธาตุ
พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร
และพระโมคคัลลานะ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก กรมการศาสนา
พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จัดเมื่อไหร่
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรมการศาสนา ได้ประกาศเชิญชวนประชาชนสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 19 มีนาคม 2567 ใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯ ที่สนามหลวง และต่างจังหวัด ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก กรมการศาสนา
กำหนดการ
เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ของทุกวัน ซึ่งแต่ละสถานที่จัดงานมีดังนี้
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก กรมการศาสนา
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันที่ 5-8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 10-13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจาก : AnupongTermin / Shutterstock.com
วันที่ 15-18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่
ภาพจาก : Rachata Chintawong / Shutterstock.com
ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์กรุงนิวเดลี ถูกค้นพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา เมื่อ พ.ศ. 2441 สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล มีหลักฐานเป็นจารึกอักษรพราหมีบนผอบ ส่วนพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัญเชิญมาจากสถูปเมืองสาญจี ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2394 บรรจุในผอบ ซึ่งมีจารึกอักษรพราหมีว่า “สาริปุตส” แปลว่า พระธาตุของพระสารีบุตร และ “มหาโมคลานส” แปลว่า พระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียส่งมอบให้ประเทศไทยมาประดิษฐานชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 สำหรับมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุออกแบบโดยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เป็นอาคารแบบมณฑป ซึ่งเป็นอาคารเครื่องยอดที่มีฐานานุศักดิ์อาคารสูงสุดในงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณี และยังจัดทำผอบทรงเจดีย์ลวดลายแบบไทยประเพณี สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุด้วย
การแต่งกาย
ประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ขอความร่วมมือแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และงดเว้นสีดำ
วิธีเดินทาง
การบริการขนส่งสาธารณะ เส้นทางเดินรถเฉพาะกิจ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการประชาชน 3 เส้นทาง ฟรี
- เส้นทางที่ 1 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (เกาะพญาไท) - สนามหลวง (สะพานสมเด็จพระนั่งเกล้า ฝั่งพระนคร)
- เส้นทางที่ 2 วงเวียนใหญ่ - สนามหลวง (ตรงข้ามศาลฎีกา)
- เส้นทางที่ 3 ท่าช้าง - สนามหลวง (ตรงข้ามศาลฎีกา)
ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด
*** ออกจากท่าต้นทาง คันแรกเวลา 08.00 น. และคันสุดท้ายเวลา 20.30 น.
ที่จอดรถ
สำหรับใครที่จะเดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สามารถนำรถยนต์มาจอดได้ที่ท้องสนามหลวงด้านทิศเหนือ กองสลากเก่า และถนนราชินี ด้านหลังศาลฎีกา นอกจากนี้ยังมีสถานที่จอดรถสำรอง ณ หอประชุมกองทัพเรือ และกรมเจ้าท่าจัดเรือข้ามฟากรับ-ส่งประชาชนจากหอประชุมกองทัพเรือไปยังท่าช้าง
ส่วนประชาชน นักเรียน และนักศึกษา ที่เดินทางเป็นหมู่คณะจากกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ให้นำรถบัสไปจอดที่ร้านตำรับไทย บริเวณแยกอรุณอมรินทร์ และใต้สะพานพระราม 8 โดยมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร ดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินให้แก่ประชาชน ตลอดจนสามารถประสานมายังกองอำนวยการร่วม หรือผ่านสำนักงานจังหวัดได้
ใครที่อยากรับบุญใหญ่กับการเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ถือเป็นโอกาสดีที่ไม่ได้มีบ่อยนัก สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก กรมการศาสนา หรือโทรศัพท์ 0-2209-3699
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
แนะนำ ไหว้พระ พระบรมสารีริกธาตุ ไหว้พระธาตุ อื่น ๆ ที่น่าสนใจ