ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tat Sukhothai fanpage
ชื่นชมความสวยงามของดอกกัลปพฤกษ์สีชมพูสวยหวาน บริเวณริมเขื่อนสิริกิติ์ เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้เข้ามาเก็บภาพความสวยงามสุดประทับใจผ่านภาพถ่ายสวย ๆ
ฟินไปกับภาพบรรยากาศสวย ๆ ของดอกกัลปพฤกษ์ที่เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่กำลังออกดอกสีชมพูหวาน รวมถึงดอกตะแบกที่เริ่มบานสอดแทรกความสวยงามอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน มองไปมองมาไม่ต่างกับว่าคุณกำลังหลงเดินอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางดอกซากุระสวย ๆ เลยทีเดียว วันนี้เราจะไปส่องความสวยงามของสถานที่แห่งนี้กัน รับรองเลยว่าสวยประทับใจใครหลายคนแน่นอน
ฟินไปกับภาพบรรยากาศสวย ๆ ของดอกกัลปพฤกษ์ที่เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่กำลังออกดอกสีชมพูหวาน รวมถึงดอกตะแบกที่เริ่มบานสอดแทรกความสวยงามอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน มองไปมองมาไม่ต่างกับว่าคุณกำลังหลงเดินอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางดอกซากุระสวย ๆ เลยทีเดียว วันนี้เราจะไปส่องความสวยงามของสถานที่แห่งนี้กัน รับรองเลยว่าสวยประทับใจใครหลายคนแน่นอน
เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่ก่อสร้างขึ้นตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน ตั้งอยู่ที่ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมเขื่อนสิริกิติ์ ด้วยเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น "เรือนรับรองพิเศษเขื่อนสิริกิติ์" เรือนรับรองของพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จมาแปรพระราชฐาน ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเฉพาะภายนอกเท่านั้น, "หมู่บ้านเรือ" หมู่บ้านตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หรือ "สะพานเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ" สะพานแขวนที่สวยงามทอดกลางผ่านเขื่อนสิริกิติ์ เป็นต้น
และถ้าใครมาเที่ยวเขื่อนสิริกิติ์ในช่วงเวลานี้ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความงดงามของดอกกัลปพฤกษ์สีชมพูแสนหวาน ที่กำลังออกดอกชูช่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บรูปสวย ๆ โดยจะบานเต็มที่นับจากนี้ไปอีก 10-20 วัน แต่หลังจากนั้นก็จะมีต้นอื่นบานขึ้นมาแทนที่สลับกันไป (แต่อาจจะไม่เป็นกลุ่มใหญ่เหมือนกับในรูป) เป็นอีกหนึ่งสีสันดอกไม้สวย ๆ รับหน้าร้อน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนเปรี้ยง ได้ชมดอกไม้สวย ๆ ก็ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย โทรศัพท์ 055 616 228 หรือ เฟซบุ๊ก Tat Sukhothai fanpage
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Tat Sukhothai fanpage, เฟซบุ๊ก Pakapon Kesornbua, sirikitdam.egat.com