ภาพจาก sittitap_720 / shutterstock.com
พาไปสัมผัสเสน่ห์น่ารัก ๆ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ถ้าได้ลองไปเที่ยวอุตรดิตถ์สักครั้งรับรองว่าติดใจแน่นอน
"เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก" คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงแม้ว่าอุตรดิตถ์อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางในใจเวลาไปเที่ยวภาคเหนือ แต่ถ้าได้ลองไปสักครั้งแล้ว ร้อยทั้งร้อยคุณต้องหลงรักในเสน่ห์ความเรียบง่ายและความเป็นกันเองของผู้คนที่นี่อย่างแน่นอน
วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่ภายในชุนชนท่าเสา ชุมชนเก่าแก่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งภายในวัดมีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมาย ทั้งศาลาการเปรียญ, พระอุโบสถ, หอไตร, หอระฆัง และห้องสมุด (คัมภีร์ธรรม) โดยศาสนสถานเหล่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นอันเงียบสงบของวัด อีกทั้งยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ ทั้งไม้ดอกและไม้ประดับทำให้ดูร่มรื่นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย ส่วนเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัด คือต้นตาลและต้นตะเคียนขนาดใหญ่ข้างศาลาการเปรียญ และยังมีลานกว้างไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ โดยในช่วงเข้าพรรษาและออกพรรษาจะมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญทุกวันพระเป็นประจำ
2. วัดธรรมาธิปไตย
วัดธรรมาธิปไตยเดิมชื่อ "วัดต้นมะขาม" และเนื่องจากน้ำเซาะตลิ่งพังเข้ามาเรื่อย ๆ วัดจึงย้ายหนีน้ำขึ้นมาห่างจากที่เดิมประมาณสองกิโลเมตร จากสภาพทำเลที่ตั้งใหม่ของวัดมีต้นไม้ร่มรื่นมากมาย โดยเฉพาะต้นมะขามขนาดใหญ่อยู่บริเวณวัด จึงได้ให้ชื่อว่า "วัดต้นมะขาม" วัดแห่งนี้เป็นที่เก็บบานประตูของวิหารหลังใหญ่ของวัดพระฝาง โดยบานประตูทำจากไม้ปรู แกะสลักในสมัยอยุธยาเป็นลายกนกก้านขด ระหว่างพุ่มมีกนกใบเทศขนาบสองด้าน กล่าวกันว่าเป็นบานประตูไม้แกะสลักที่มีความงามเป็นที่สองรองลงมาจากประตูวิหารวัดสุทัศน์ฯ ที่กรุงเทพฯ
ภาพจาก ททท.
3. หลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน
"วัดท่าถนน" เดิมชื่อวัดวังเตาหม้อ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชร เล่ากันว่าเมื่อปี พ.ศ. 2436 หลวงพ่อด้วงได้เดินทางผ่านวัดร้างแห่งหนึ่ง และพบเข้ากับจอมปลวกขนาดใหญ่ผิดกว่าปกติ เลยเอาไม้เคาะปลายแหลมยอดของจอมปลวกนั้นจนดินหลุดออกมา และพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ฝังอยู่ในจอมปลวกนั้น หลวงพ่อด้วงและเหล่าบรรดาลูกศิษย์จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นั้นไปไว้ที่วัดหนองไม้ ต่อมาประชาชนได้แวะเวียนมาสักการะพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก และเล็งเห็นว่าสถานที่อาจคับแคบเกินไป จึงเห็นควรให้เชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานที่วัดวังเตาหม้อ (วัดท่าถนนในปัจจุบัน)
วัดนี้มีพระแท่นศิลาอาสน์ศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีตำนานเล่ากันว่าพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมีที่แห่งนี้ ภายในวิหารยังมีภาพวาดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรี ส่วนใหญ่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 5 และรัชกาลปัจจุบัน โดยปกติแล้วทางวัดจัดให้มีงานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ในวันเพ็ญเดือน 3 ของทุกปี นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แสดงเครื่องมือจับสัตว์น้ำโบราณ เรือพายโบราณ เครื่องจักสาน เครื่องมือตีเหล็กและก่อสร้าง และเครื่องมือปรุงยาสมุนไพรแผนโบราณไว้ภายในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
ภาพจาก ททท.
5. บ้านท่าเรือ
หมู่บ้านริมทะเลสาบ เป็นท่าเรือสำหรับขนถ่ายปลา ขณะเดียวกันก็มีแพไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการล่องแพเที่ยวชมอ่างเก็บน้ำและทะเลสาบเหนือเขื่อนสิริกิติ์ นักท่องเที่ยวสามารถล่องแพท่ามกลางทะเลสาบกว้างสุดลูกหูลูกตา สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน และเฝ้ามองดูพระอาทิตย์กำลังตกดิน ลำแสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็นตกกระทบกับสายน้ำในทะเลสาบ พลันทำให้น้ำในทะเลสาบแลดูเป็นสีส้มทั่วท้องน้ำ ที่นี่ยังมีบริการที่พักแบบข้างคืนหรือเช้าไป-เย็นกลับ พร้อมอาหารแสนอร่อยไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ภาพจาก ททท.
6. อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก
ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติความกล้าหาญและเสียสละของ "พระยาพิชัย" เมื่อครั้งพม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัยในสมัยกรุงธนบุรีจนได้รับชัยชนะ ถึงแม้ว่าในการรบครั้งนั้นดาบคู่ใจของพระยาพิชัยข้างขวาจะหักไปหนึ่งเล่มก็ตาม ด้วยวีรกรรมความกล้าหาญในครั้งนั้น ทำให้ได้รับสมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" ภายในบริเวณอนุสาวรีย์ยังมีพิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหักอีกด้วย
เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เดิมชื่อ "เขื่อนผาซ่อม" ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" บริเวณเหนือเขื่อนเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "ทะเลสาบสุริยันจันทรา" เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่พร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง ยังมีการให้บริการเช่าจักรยาน เช่าเรือท่องทะเลสาบเหนือเขื่อน และบ้านพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ภาพจาก ททท.
8. บ่อเหล็กน้ำพี้
ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพี้ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 56 กิโลเมตร ภายในมีบ่อเหล็กกล้าจำนวนหลายบ่อ และยังปรากฏเตาถลุงเหล็กโบราณนับพัน ๆ แห่ง แต่บ่อสำคัญและสงวนใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ มีด้วยกัน 2 บ่อ คือ "บ่อพระแสง" และ "บ่อพระขรรค์" โดยการนำแร่เหล็กน้ำพี้ไปถลุงทำอาวุธเพื่อใช้ในการทำสงคราม อีกทั้งยังมีความเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าเหล็กจากแหล่งน้ำพี้มีความแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยโบราณจึงมีช่างทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์ โดยนำแร่เหล็กน้ำพี้จากบ่อไปถลุงทำพระขรรค์นั่นเอง
9. อุทยานแห่งชาติคลองตรอน
อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์กว่า 300,000 ไร่ ประกอบไปด้วยป่าและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง สิ่งที่น่าสนใจภายในอุทยานแห่งชาติคลองตรอน ได้แก่ น้ำตกคลองตรอน , น้ำตกห้วยคอม, ผาภูเมี่ยง เป็นผาสูงสวยงามที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว เมื่ออยู่บนหน้าผาสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั่วทั้งบริเวณหมู่บ้าน และถ้ำจัน ลักษณะเป็นถ้ำหินอ่อน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้
ภาพจาก cbenjasuwan / shutterstock.com
10. หลวงพ่ออกแตก วัดบ้านแก่งใต้
ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าสร้างในสมัยไหน ซึ่งความโดดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่องค์พระประธานชื่อ "หลวงพ่อเพชร" หรือที่ชาวบ้านหลายคนเรียกว่า "หลวงพ่ออกแตก" เนื่องจากพระประธานองค์เดิมที่ทำจากศิลาแลงผุกร่อนลงมาก ทางวัดและชาวบ้านจึงลงความเห็นว่าจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาอีก 1 องค์ ด้วยการสร้างครอบองค์เดิมไว้เพราะไม่มีสถานที่สร้างแห่งใหม่ ต่อมาช่างจากจังหวัดพิจิตรที่ทำการบูรณะพระอุโบสถได้พบรอยแตกพังทลายที่บริเวณหน้าอกองค์พระประธานดังกล่าว ทำให้มองเห็นใบหน้าและเศียรพระพุทธรูปองค์เดิมอยู่ด้านใน จนกลายเป็นวัดดังที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
จังหวัดอุตรดิตถ์นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่แอบซ่อนความน่าสนใจไว้มาก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะกับการไปเที่ยวแบบสบาย ๆ ล่องแพท่ามกลางอากาศชิล ๆ หรือแวะชมแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชุมชน ว่ากันว่าใครได้เข้าไปจังหวัดนี้เมื่อไหร่เป็นต้องติดใจกันทุกคนเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
, innnews, uttaradit.go.th และ dnp.go.th