เส้นทางท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่มีส่วนช่วยราษฎรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างรายได้และอาชีพ ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย
ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่พสกนิกรชาวไทยอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็น 70 ปีที่พสกนิกรชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยเพราะพระราชกรณียกิจนานัปการ ล้วนอำนวยคุณประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนกับดังคำกล่าวที่ว่า "ไม่มีที่ใดบนผืนแผ่นดินไทย ที่พระองค์เสด็จไปไม่ถึง"
1. โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ
ภาพจาก นิตยสาร BAREFOOT
โครงการช่างหัวมันตามพระราชดำริ อยู่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 1 เป้าหมายต้องการให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจของ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยเลือกพันธุ์พืชท้องถิ่นที่ดีที่สุดเข้ามาปลูก แล้วให้ภาครัฐและชาวบ้านร่วมดูแลด้วยกัน ภายในยังมี "ทะเบียนบ้านเลขที่ 1" ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนพระองค์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ถือโฉนดและมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยทรงขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรทำไร่
ภาพจาก นิตยสาร BAREFOOT
กิจกรรมห้ามพลาด : นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศธรรมชาติแบบสุดลูกหูลูกตา ล้อมรอบด้วยภูเขา รวมถึงพื้นที่เกษตร เช่น สับปะรด มะนาว มะพร้าว รวมทั้งมันเทศ เป็นต้น และมีส่วนของกังหันผลิตไฟฟ้า ฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ โดยมีรถรางพานำชมทั่วไร่ และห้องชมวีดิทัศน์ของโครงการ กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ด้านการเกษตรอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ โทรศัพท์ 032 472 700-1 หรือ เว็บไซต์ phetchaburi2. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อยู่ในเขตรอยต่อของตำบลป่าเมี่ยง และตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมที่เคยเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมกว้างกว่า 8,500 ไร่ มาวันนี้พื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนารูปแบบชลประทาน ที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาดินและป่าไม้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้รับความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผืนป่าที่เข้าใจง่าย แถมยังได้สัมผัสจิตวิญญาณของป่าใหญ่ ด้วยการย่างเท้าก้าวเข้าสู่การเดินป่าท่ามกลางลุ่มน้ำห้วยฮ่องไคร้ ได้พบกับป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่สวยงาม รวมถึงการได้เข้าชมวิถีฟาร์มสไตล์ภาคเหนือ เช่น การทำปศุสัตว์ เลี้ยงโคนม สัตว์ปีก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนานาชนิดอีกด้วย
กิจกรรมห้ามพลาด : ชมการสาธิตการสร้างฝายไม้ไผ่แบบง่าย ๆ ไว้เป็นองค์ความรู้ในการใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติ และไม่พลาดชม "สวนหกศูนย์" ใจกลางศูนย์พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาดูงาน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 053 389 228-9 ต่อ 102 (ติดต่อในวันและเวลาราชการเท่านั้น) และเว็บไซต์ hongkhrai หรือ เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
3. โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่ที่อำเภอนครไทย ภายในเขตอุทยานภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำกล้าไม้ รวมถึงยังมีแปลงปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิตปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทานปลอดสารพิษ ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอย่างใกล้ชิด พื้นที่โครงการมีแนวหินผา เป็นจุดชมวิวถึง 6 จุดสำคัญด้วยกัน ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถยืนชมวิวทิวทัศน์ผืนป่าที่เขียวชอุ่มได้แบบสุดลูกหูลูกตา
กิจกรรมที่ห้ามพลาด : นักท่องเที่ยวต้องได้ลองมาเดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรัก ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของโครงการพระราชดำริภูหินร่องกล้า ซึ่งจะบานในช่วงหน้าหนาวไปจนถึงช่วงเดือนมีนาคม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 055 356 652, 081 596 5977 หรือ เฟซบุ๊ก โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า
4. ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ
ตั้งอยู่ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเป้าหมายทำการผลิต และส่งเสริมการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง นอกเหนือจากนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และขยายผลเพื่อชุมชน คน และป่าในพื้นที่เป้าหมาย พัฒนาและส่งเสริมอาชีพบนพื้นที่สูงหลายแขนง เป็นสถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ตลอดจนศูนย์อนุรักษ์และจัดการพื้นที่ป่า และการพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังน้ำ เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและความรู้กลับบ้านไปแบบเต็ม ๆ
กิจกรรมห้ามพลาด : นักท่องเที่ยวจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับการเดินลัดเลาะเนินเขาและลำธาร เพื่อขึ้นไปขมพระตำหนักปางตอง ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ชมความน่ารักของฝูงแกะและฝูงม้าที่ลานทุ่งหญ้ากว้าง และแปลงผักปลอดสารพิษ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการพัฒนาตามพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ 053 611 244 หรือเว็บไซต์ royal-project.maehongson
5. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยครอบคลุมพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบนกว่า 4,000 ไร่ เพื่อศึกษา วิจัย ทดลอง และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่งทะเล พร้อมทั้งสร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล ทั้งยังส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ และพร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตประมง ทำความรู้จักกับสัตว์น้ำและต้นไม้นานาชนิด นี่คือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิตที่น่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
กิจกรรมห้ามพลาด : นักท่องเที่ยวจะได้เดินลัดเลาะตามเส้นทางธรรมชาติของป่าชายเลน รวมถึงถ้าใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติให้มากขึ้น ที่นี่ยังให้นักท่องเที่ยวได้นอนเต็นท์ในพื้นที่รับรองของศูนย์อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โทรศัพท์ 039 433 216-8 หรือ เฟซบุ๊ก
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเว็บไซต์ fisheries
เหล่านี้เป็นเพียงโครงการในพระราชดำริบางส่วนในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสร้างคุณูปการให้กับราษฎรอย่างใหญ่หลวง และมีอะไรที่ดีไปกว่าการได้ย่ำตามรอยเท้าพ่อ แล้วคุณจะรู้เลยว่าตัวเองเป็นคนโชคดีแค่ไหน ที่ได้เกิดมาในแผ่นดินที่มีพระมหากษัตริย์ดูแลพวกเรามาตลอดระยะเวลา 70 ปีอย่างไม่ย่อท้อ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เว็บไซต์ hongkhrai, เฟซบุ๊ก โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า, เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ, เว็บไซต์ fisheries, เฟซบุ๊ก สำนักงาน กปร., สํานักงานคณะกรรมพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ, เว็บไซต์ ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง