
เมืองสามหมอก คำนิยามที่บ่งบอกถึง "แม่ฮ่องสอน" ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะที่นี่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงใหญ่ ธรรมชาติสีเขียวขจี อากาศหนาวเย็น ทำให้มีหมอกสวยงามตลอดทั้งปี และยังเป็นดินแดนที่มีวัฒนธรรมอันโดดเด่น ไม่ว่าใครได้เข้ามาสัมผัสต่างก็ต้องหลงรักเมืองแห่งนี้ไปตาม ๆ กัน วันนี้เราได้นำบันทึกการเดินทางไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนของ คุณเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาให้ได้ติดตามกันค่ะ เป็นเส้นทางสุดโรแมนติกที่พาเลี้ยวเที่ยวชมตั้งแต่ทุ่งดอกบัวตอง ป่าสนริมทะเลสาบที่ปางอุ๋ง หมู่บ้านรักไทย ไปจนถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย และจะทำให้คุณตกหลุมรักแม่ฮ่องสอนได้อย่างง่ายดายแน่นอน บนเส้นทางนี้จะงดงามแค่ไหน อย่ารอช้าไปชมกันเลยค่ะ
เดินทาง 23-25 พฤศจิกายน 2558 ด้วยระยะทางที่ไกลและเวลาที่จำกัด เที่ยวได้ไม่ทั่วจังหวัดแม่ฮ่องสอน เราจึงเลือกเที่ยวที่หลัก ๆ และตามเส้นทางที่ผ่านได้ประมาณนี้ค่ะ
- ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ
- ปางอุ๋ง
- หมู่บ้านรักไทย
- สะพานซูตองเป้
- พระธาตุดอยกองมู
- ถนนคนเดิน วัดจองคำ วัดจองกลาง
- สวนสนบ่อแก้ว
23 พฤศจิกายน 2558
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่เชียงใหม่ โดยสายการบินไทยสมายล์ซื้อช่วงโปรฯ 1000 บาท/เที่ยว เที่ยวบินรอบ 06.50 น. ถึงเชียงใหม่ประมาณ 08.10 น. เราจองรถเช่ากับ Budget โดยใช้ voucher ที่ซื้อตามงาน ททท. ราคาประหยัดกว่า เราโทรจองรถล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เพราะช่วงนี้ตรงกับเทศกาลประเพณียี่เป็งมีนักท่องเที่ยวต้องการใช้รถจำนวนมาก จองช้ารถอาจไม่ว่าง Budget มีเคาน์เตอร์ในสนามบินเชียงใหม่ บริษัทอื่น ๆ ก็มีค่ะ แล้วแต่ชอบเลย รถที่ใช้ในทริปคือ Vios คันใหม่ สะอาด สภาพดี พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย
จากสนามบินเป้าหมายแรกของเราคือ "ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ" อำเภอขุนยวม เราเลือกเส้นทางดอยอินทนนท์-แม่แจ่ม-ขุนยวม เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดจากเชียงใหม่เมื่อดูจากแผนที่ ขับรถมุ่งหน้าไปตามเส้นทางไปดอยอินทนนท์ ขับตามป้ายบอกทางไปดอยอินทนนท์ได้เลยค่ะ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ผ่าน อำเภอหางดง-อำเภอสันป่าตอง-อำเภอดอยหล่อ ไปยังอำเภอจอมทอง ก่อนถึงอำเภอจอมทองประมาณ 2 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาตามถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ (มีป้ายบอกชัดเจน)
แผนที่ ททท. จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ระหว่างทางที่อำเภอสันป่าตอง เราแวะร้านกาแฟชื่อ "กาแฟอินทนนท์" พิกัดเลยโรงพยาบาลสันป่าตองไป อยู่ติดถนนใหญ่ด้านซ้ายมือ ป้ายและตัวร้านสังเกตง่าย จอดรถริมถนนหน้าร้านได้เลย เราสั่งกาแฟคาปูชิโน่ร้อนกับชานมเย็น มีชาร้อนให้ด้วย รสชาติกาแฟและชาเย็นใช้ได้เลย 2 แก้วนี้รวม 70 บาท ไม่แพงเลย นั่งพักจิบกาแฟจิบชาสักพักเราก็ออกเดินทางต่อ

หลังร้านมีโรงคั่วเมล็ดกาแฟ


จากถนนใหญ่เลี้ยงขวาตามเส้นทางจอมทอง-อินทนนท์ ประมาณ 8 กิโลเมตร ก็เข้าสู้เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีด่านเก็บค่าเข้าอุทยาน เราแจ้งหน้าที่ว่าจะเดินทางไปยังขุนยวมไม่ต้องเสียค่าเข้าอุทยานค่ะ ขับตรงขึ้นมาเรื่อย ๆ ทางดีค่ะ ไม่ชันมาก ประมาณ 40 กิโลเมตร ก็จะเห็นที่ทำการอุทยาน เราขับเลยไปอีกถึงด่านที่ 2 ด่านตรวจบัตรเข้าอุทยาน แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะเดินทางไปขุนยวม ทางด้านหน้าด่านมีทางแยกซ้ายไปอำเภอแม่แจ่มค่ะ เราจะผ่านเส้นทางนี้ไปยังขุนยวม มีป้ายบอกระยะทางประมาณ 160-170 กิโลเมตร อันนี้จำไม่ค่อยแม่น ทางค่อนข้างแคบลาดยางตลอดค่ะ รถเก๋งผ่านได้สบายมาก ส่วนใหญ่จะคดเคี้ยว ชันบ้างแต่ไม่มาก ระวังรถสวนนะคะ แต่นาน ๆ มาที 2 ข้างทางเป็นป่า เป็นเขา ร่มรื่นดีค่ะ แต่ไม่ค่อยเจอรถสวนหรือตามเลย มาคนเดียวก็น่ากลัวเหมือนกันนะคะ เดินทางกลางคืนจะน่ากลัวมาก ๆ รถเสียแย่เลย แต่คงไม่มีใครใช้เส้นทางนี้ช่วงกลางคืน
ขับตามเส้นทางหลักมาเรื่อย ๆ ค่ะ เข้าตัวอำเภอแม่แจ่มแวะเข้าห้องน้ำซื้อน้ำดื่มขนมที่ปั๊ม ปตท. ถึงที่นี่ก็ประมาณเที่ยงกว่า ๆ เราแวะทานอาหารกลางวันที่แม่แจ่ม แล้วออกเดินทางต่อค่ะ ป้ายอาจจะไม่มีให้สังเกตถามทางคนแถวนั้นได้ค่ะ ใจดีทุกคน ขับผ่านสถานีตำรวจแม่แจ่มตรงไปเรื่อย ๆ จะมีทางแยกซ้ายมือเล็ก ๆ มีป้ายบอกไปขุนยวม ป้ายเล็กมากสังเกตดี ๆ เลี้ยวแล้วตรงไปเลยค่ะ มีป้ายบ้าง ประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึงถนนใหญ่ มองเห็นป้ายขนาดใหญ่ต้อนรับเข้าสู่เขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เราเลี้ยวขวาไปดอยแม่อูคอ ขับเข้าไปประมาณ 30 นาที ถึงแล้ว ตอนนี้ประมาณ 14.45 น. เดินทางนานมาก มาถึงเห็นทุ่งดอกบัวตองสวย ๆ ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ เราชื่นชมและถ่ายรูปจุดนี้ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง









มีขายใบประกาศผู้พิชิตโค้งด้วยค่ะ ใครอยากได้เป็นที่ระลึกซื้อได้แต่ลืมถามว่าเท่าไร เราไม่ได้ซื้อ คืนนี้เราจะนอนที่ปางอุ๋งจองที่พักโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่นั้นไว้ ไลน์ไปสอบถามที่พักถึงระยะทางจากดอยแม่อูคอไปปางอุ๋ง ได้ความว่า 4 ชั่วโมง เราจะถอดใจเปลี่ยนไปพักในเมืองแล้วแต่ในเมืองก็ 3 ชั่วโมง ตอนนี้ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ถึงมืดค่ำแน่ แต่พี่สาวบอกว่าไม่เป็นไรค่อย ๆ ไปกัน




16.00 น. ออกจากดอยแม่อูคอเราก็ขับรถเข้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพื่อไปยังปางอุ๋งที่พักของเราในคืนนี้ เราถึงตัวเมืองประมาณหกโมงกว่า ๆ ซื้ออาหารง่าย ๆ สำหรับมื้อเย็น และสอบถามเส้นทาง ไปตามเส้นทางไปอำเภอปางมะผ้า-ปาย ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก เลี้ยวเข้าทางแยกซ้ายมีป้ายบอก "โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)" ตรงไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกตอนนั้นมืดและไกลมาก ไม่มีรถสวนหรือตามเลย กลัวเหมือนกันโทรถามที่พักเป็นระยะถึงเส้นทาง ตรงไปจนถึงทางแยกมีรูปปั้นแกะฝูงหนึ่ง แยกซ้ายมือจะเป็นทางไปพระตำหนักปางตอง แยกขวามือไปปางอุ๋ง หมู่บ้านรักไทย เราเลี้ยวขวาแล้วตรงไปจนถึงทางแยกมีป้ายบอกทางค่ะ หากตรงไปจะไปยังหมู่บ้านรักไทย เลี้ยวซ้ายจะไปยังปางอุ๋ง เราเลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อย ๆ ทางมืดและมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ คดเคี้ยวและชันพอควร บางช่วงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แอบลุ้นเหมือนกันกลัวหลงทางออกชายแดน 555+ แต่ในที่สุดเราก็มาถึงที่พักในคืนนี้ "นายจิ่งโฮมสเตย์" ราคาคืนละ 500 บาท มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีผ้าเช็ดตัว ไม่มีสบู่ ยาสระผม ในห้องมีแต่ที่นอน ผ้าห่ม มุ้ง และเทียนไข เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ปั่นไฟถึง 4ทุ่ม เรามาถึงที่พักทุ่มกว่า ๆ รีบทานอาหารที่ซื้อมาข้างทางและอาบน้ำ น้ำในถังเย็นมาก ๆ ขันแรกหนาวทรมานสุด ๆ จากนั้นก็พอทนได้สดชื่นดีค่ะ ดีกว่าไม่อาบ อากาศคืนนี้ประมาณ 19-20 องศา อาบน้ำเสร็จเราออกไปเดินเล่นข้างนอก มีร้านขายของ ขายอาหาร น้ำเต้าหู้ น้ำขิง ถั่วเหลืองทอด ถั่วเหลืองทอดอร่อยมาก ๆ คล้ายเฟรนช์ฟรายส์ แต่เราว่าอร่อยกว่า เรามาซื้อเทียนไขเพิ่มที่มีในห้องน่าจะไม่พอใช้ เรากับพี่คุยกันอ่านหนังสือไปเพลิน ๆ ไฟก็ดับไปก่อนเวลา 10 นาที มืดมาก วันนี้มีแขกมาพัก 4-5 หลังได้ เราจุดเทียนเก็บของเสร็จก็นอน จะจุดไฟไว้ก็คงไหม้บ้านแน่นอนเพราะไม้ทั้งหลัง อากาศหนาวเย็นไม่มากกำลังสบายเลย คืนนี้หลับฝันดี
รูปที่พัก "นายจิ่งโฮมสเตย์" ถ่ายตอนเช้าอีกวันค่ะ



24 พฤศจิกายน 2558
ประมาณ 6 โมงเช้า ไฟกลางห้องติด เสียงเครื่องปั่นไฟดัง พร้อมกับนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ เราตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเดินไปชมอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง ที่พักปั่นไฟให้แค่ 30 นาที เพื่อให้เราล้างหน้าอาบน้ำแปรงฟันจากนั้นก็ตัดไฟ แต่เรามีเทียนไขพร้อม ไม่ต้องรีบมากมาย ช่วงเช้ามืดมีเสียงนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยขึ้นมาจากที่อื่นเรื่อย ๆ
ที่พักปางอุ๋งมีหลายแบบค่ะ เข้าไปดูในลิงก์นี้ได้ www.paiduaykan.com
เดินเท้าจากที่พักประมาณ 500 เมตร ก็ถึงอ่างเก็บน้ำค่ะ พี่สาวมาที่นี่ครั้งที่สองแล้ว แต่เราเพิ่งเคยมาครั้งแรก สวยมาก ๆ สวยกว่าอ่างเก็บน้ำที่ป่าสนวัดจันทร์ที่ไปครั้งก่อน ตอนนี้เราเข้าใจเลยว่าทำไมใครหลายคนต้องทนนั่งรถผ่านหลายพันโค้งหลายร้อยกิโลเมตร นอนเต็นท์หนาว ๆ ไม่อาบน้ำบ้าง เพื่อจะมาชมความงดงามที่แห่งนี้ มันคุ้มค่าและประทับใจมากจริง ๆ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในความทรงจำที่เราอยากจะกลับมาเยือนอีก อากาศเช้านี้ 19 องศา กำลังดีเลย



วันนี้วันธรรมดาแต่ก็มีนักท่องเที่ยวพอควร หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้น บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงแดดอ่อน ๆ เราลงไปล่องแพไม้ไผ่ชมบรรยากาศในอ่างเก็บน้ำกันค่ะ ราคารอบละ 150 บาท นั่งได้ 2 คน คุ้มค่ะ ส่งเสริมรายได้ให้กับคนในชุมชนด้วย







ระหว่างล่องแพชมวิวพี่สาวถามเรื่องราวเกี่ยวกับปางอุ๋งกับคุณลุงฝีพาย คุณลุงเล่าว่าที่แห่งนี้เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์เพื่อฟื้นฟูป่าบริเวณอ่างเก็บน้ำปางตองหรือปางอุ๋ง ที่ถูกบุกรุกจนเสื่อมโทรมแห่งนี้ให้กลับสู่สภาพเดิม โดยการปลูกป่าและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัญหายาเสพติดและการค้าของเถื่อนก็หมดไป คุณลุงเป็นคนไทยใหญ่ มาตั้งถิ่นฐานและทำกินที่นี่นานแล้ว เคยเห็นในหลวงเสด็จมาเมื่อครั้งอดีต
หงส์ดำและหงส์ขาวที่เห็นในปางอุ๋งทั้ง 2 คู่นั้นยังเป็นหงส์พระราชทาน ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของปางอุ๋ง ที่ดินที่ชาวบ้านจับจองแบ่งสรรที่นี่ห้ามซื้อขาย ห้ามขยายครัวเรือน อนุญาตให้ชาวบ้านทำโฮมสเตย์ได้ในพื้นที่ของตนเอง เราจึงไม่เห็นที่พักของพวกนายทุนเพราะไม่สามารถทำได้ จำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละปีสร้างรายได้ให้ชาวบ้านที่นี่ ประกอบกับการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงทำให้สังคมที่แห่งนี้มีความมั่นคงและมีความสุขอย่างยั่งยืน ข่าวดีของชาวบ้านที่นี่ เร็ว ๆ นี้ไฟฟ้ากำลังจะมาถึงปางอุ๋งแล้ว เราฟังคุณลุงเล่าถึงในหลวงรู้สึกได้เลยว่าคุณลุงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและรักในหลวงมาก เราและพี่สาวก็เช่นกัน
เรา ๆ นักท่องเที่ยวหากมีโอกาสมาเที่ยวปางอุ๋ง ช่วยกันอุดหนุนสินค้าและบริการต่าง ๆ ของคนในชุมชนด้วยนะคะ ^_^





ถ่ายรูปเพลิน เสียดายไม่ได้เดินไปตรงสวนสน สวนสนบริเวณส่วนของกรมป่าไม้สวยสะอาด มากางเต็นท์โซนนี้บรรยากาศดีมากค่ะ มีโอกาสมาครั้งหน้าจะนอนเต็นท์ค่ะ สายแล้วกลับห้องอาบน้ำแต่งตัวไปเที่ยวต่อกันค่ะ
ออกจากปางอุ๋งเราขับกลับทางเดิมออกแยกเลี้ยวซ้ายไปหมู่บ้านรักไทยประมาณ 13 กิโลเมตร บรรยากาศที่นี่ตอนเช้าคงสวยมาก มีทะเลสาบขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยภูเขา ริมทะเลสาบมีบ้านเรือนชาวจีนยูนนาน บ้านรักไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องชาและขาหมูหมั่นโถ คล้ายกับดอยแม่สลอง แต่ไร่ชาที่ดอยแม่สลองปลูกเยอะกว่า บ้านรักไทยมีที่พักค้างคืนและที่ขึ้นชื่อถึงความสวยงามของรีสอร์ทในไร่ชา คือ "ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท" เห็นใครมาต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สอบถามราคาห้องพัก คืนละ 18,00 บาท แต่เต็มยาวไปถึงเดือนมกราคมแล้วค่ะ





เวลานี้ก็ 10 โมงกว่า เราทานอาหารเช้าและกลางวันในมื้อเดียวกัน ที่ร้านลีไวน์รักไทย เราสั่งขาหมูพันปีกับ ผัดผัก อร่อยทั้งสองอย่างเลย ชอบมากค่ะให้ 9/10 เลย



ข้าง ๆ เป็นร้านกาแฟลีไวน์รักไทย เราสั่งชาเขียวอร่อยใช้ได้ แต่เราว่าอ่อนไปนิดหนึ่ง ร้านกาแฟวิวสวยมาก ถ้ามาเช้า ๆ คงเห็นหมอกลอยขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนที่ปางอุ๋ง สวยไม่แพ้กันแต่คนละแบบค่ะ เราชอบแบบธรรมชาติต้นไม้เยอะ ๆ แบบปางอุ๋งมากกว่า รับประทานอาหารเสร็จเราก็ซื้อของฝากกลับ สตรอว์เบอร์รีอบแห้งอร่อยค่ะ ซื้อไว้ทานตอนขับรถกลับเชียงใหม่ จากนั้นเราก็เดินทางไปเที่ยวต่อ



เราเดินทางไป สวนธรรมภูสมะ สะพานซูตองเป้ บ้านกุงไม้ อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านรักไทย ทางไปบ่อโคลน ยังอยู่ในเส้นทางที่เราขับเข้ามาจากถนนใหญ่เมื่อคืน (ที่เที่ยวใกล้กันเมื่อมาปางอุ๋ง มีสะพานซูตองเป้ บ่อโคลน น้ำตก หมู่บ้านรักไทย)
มาถึงนี่ก็บ่ายโมงกว่าแดดแรงมาก มีร่มกระดาษสาให้ยืมค่ะ 10-20 บาท ถือเป็นการทำบุญให้กับทางวัดด้วย
"สะพานซูตองเป้" เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ สะพานไม้ไผ่สานยาวประมาณ 500-600 เมตร สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ เณร และชาวบ้าน ทุกเช้าจะมีพระเดินบิณฑบาต มาช่วงนาข้าวยังไม่เก็บเกี่ยวจะสวยมากค่ะ แม้สะพานไม้แห่งนี้จะถูกน้ำท่วมหนักช่วงเดือนสิงหาคม และหักพังช่วงออกพรรษาที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้มาตักบาตรเทโวบนสะพานจำนวนมาก สะพานรับน้ำหนักไม่ไหวถล่มเสียหาย แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมปรับปรุงเรียบร้อยใช้งานได้ตามปกติแล้วค่ะ เนื่องจากความหมายของสะพานแปลว่า อธิษฐานสำเร็จ หากมาขอพรที่สวนธรรมภูสมะแห่งนี้มักจะสมปรารถนา แต่เราไม่กล้าขอพรค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาที่นี่อีก เพราะแม่ฮ่องสอนไกลมากจริง ๆ แต่จะพยายามหาโอกาสมาอีกค่ะ



ส่วนที่ซ่อมแซมแล้วค่ะ สร้างใหม่เบี่ยงมาด้านข้างเล็กน้อยค่ะ






จากนั้นเราก็กลับเข้ามาในตัวเมืองมายังที่พักในคืนสุดท้าย เดอะ ไลค์ วิว เกสต์เฮ้าส์ (The like view guest house) ราคา 300 บาท/คืน ห้องเตียงใหญ่ นอนได้ 2 คน มีพัดลม ห้องน้ำในตัวมีเครื่องทำน้ำอุ่น มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ ที่พักติดริมหนองจองคำและถนนคนเดิน ชั้นสองมองเห็นหนองจองคำและวัดจองคำได้เลย ผนังกั้นห้องไม่เก็บเสียงนะคะ ห้องติดกันคุยกันได้ยินบ้าง แต่ห้องด้านบนมีห้องเดียวนอนได้ 3 คน ราคา 700 บาท ห้องแอร์ด้วย มีวิวส่วนตัวมองเห็นวัดและหนองจองคำจากห้องโถงได้เลย ชอบความเป็นส่วนตัวห้องนี้ได้เลยค่ะ
เพจเฟซบุ๊กของที่พักค่ะ facebook.com/The-like-view-guesthouse

เก็บของไว้ที่พักเสร็จเราก็ขับรถไปชมพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุดอยกองมูกันค่ะ บริเวณวัดพระธาตุดอยกองมูสามารถชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนได้โดยรอบเลย ช่วงที่เรามีจัดงานด้วยมีการประดับประดาไฟที่ตัวพระธาตุ ด้านหลังบริเวณจอดรถมีร้านกาแฟเล็ก ๆ น่ารัก สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ ชื่อร้าน "ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา" (Before Sunset Coffee) เครื่องดื่มราคาปกติค่ะ ไม่ถูก ไม่แพง เราสั่งชานมอะไรสักอย่างค่ะ รสชาติไม่ค่อยโอเคค่ะ กาแฟอาจจะอร่อยไม่ได้ลองค่ะ ถือว่ามากินบรรยากาศก็แล้วกัน











ลงมาจากตัวพระธาตุก็เกือบทุ่มหนึ่งพอดีค่ะ เราไปหาปั๊มเติมน้ำมัน น้ำมันเต็มถังจากเชียงใหม่เหลือเพียงขีดเดียว ขึ้นไฟเตือนด้วยค่ะ เมืองแม่ฮ่องสอนมีปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่แค่ที่เดียวนะคะ คือปั๊ม ปตท. เติมน้ำมันเสร็จเราก็ไปเดินเล่นหาอาหารเย็นทานกันที่ถนนคนเดินค่ะ ถนนคนเดินอยู่รอบริมหนองจองคำ มีอาหารหลากหลาย ของที่ระลึก เสื้อผ้าพื้นเมือง ให้เลือกเยอะเลยค่ะ




วัดจองคำอยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ พรุ่งนี้วันลอยกระทงแต่เราต้องกลับเที่ยวบินรอบเย็น ตอนจองจองรอบ 3 ทุ่ม เนื่องจากจะมีการปล่อยโคมยี่เป็งทุกเที่ยวบินจึงเลื่อนเข้าและยกเลิกไฟลท์ทั้งหมดหลัง 2 ทุ่ม ของเราเลื่อนมาเป็น 18.30 น. เลยถือโอกาสลอยกระทงล่วงหน้าที่แม่ฮ่องสอนค่ะ

ทานข้าวเสร็จก็กลับที่พักค่ะ รูปวัดจองคำข้างล่างนี้ถ่ายจากที่พักระเบียงชั้น 2 ค่ะ 300 บาท/2คน รู้สึกคุ้มค่ามาก นอนหลับสบายเลยค่ะ


25 พฤศจิกายน 2558
ออกจากที่พัก 7 โมงเช้า ไปตักบาตรและหาอาหารเช้าทานที่ตลาดสายหยุดค่ะ เราวางแผนว่าจะกลับเชียงใหม่ไม่แวะเที่ยวที่ไหนในแม่ฮ่องสอนแล้วค่ะ เพราะไม่รู้จะถึงเชียงใหม่กี่โมง ก่อนออกเดินทางพาพี่สาวไปแวะดื่มกาแฟที่ร้าน "คอฟฟี่ มอนิ่ง" ร้านกาแฟน่ารัก มีที่พักด้วยค่ะ พี่สาวบอกกาแฟอร่อยใช้ได้ค่ะ


เกือบเก้าโมงเราออกเดินทางกลับเชียงใหม่โดยใช้ทางหลวงแม่สะเรียง-เชียงใหม่ ระหว่างทางผ่านทุ่งดอกบัวตองดอยแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง อยู่ติดถนนแวะลงไปถ่ายรูปแป๊บเดียวค่ะ

จากนั้นขับยาวเลย แวะสวนสนบ่อแก้ว อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณบ่าย 2 ได้ค่ะ


มาต่อช่วงสุดท้ายนะคะ ออกจากสวนสนบ่อเเก้วเรามุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่ ถึงประมาณเกือบ 4 โมงเย็น เครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ออกเวลา 17.40 น. เวลากระชั้นชิดมาก ไม่คิดว่าจะเดินทางนานขนาดนี้ และเนื่องจากวันนี้มีงานประเพณียี่เป็งในตัวเมืองเชียงใหม่รถค่อยข้างติดค่ะ เติมน้ำมันเสร็จก็คืนรถรอขึ้นเครื่องทันพอดีค่ะ ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่เที่ยวสวนสนบ่อเเก้ว กลับทางอำเภอปายเหมือนจะใกล้กว่าค่ะ เเต่ทางอาจจะคดเคี้ยวลาดชันกว่า
เเม่ฮ่องสอน...เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่าอยู่มาก ผู้คนน่ารัก เมืองเล็กที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาป่าไม้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย รอให้นักท่องเที่ยวมาเยือน ถึงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านพันกว่าโค้งไปได้สบาย ๆ เเต่จุดหมายปลายทางก็คุ้มค่าเมื่อได้มาสัมผัส มาเที่ยวเเม่ฮ่องสอนกันนะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
* ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ดอนเมือง-เชียงใหม่ 2 คน : 4,000 บาท
* ค่ารถเช่ารวมประกันชั้น 1 วันละ 710 บาท (voucher) 3 วัน : 2,130 บาท
* ค่าน้ำมัน E20 ตลอดทริป : 1,360 บาท
* ค่าที่พักปางอุ๋ง 500 บาท/The like view 300 : 800 บาท
* ค่าอาหาร ค่าขนม ค่าน้ำค่ากาเเฟ ประมาณ 1,200 บาท
* ค่าของฝาก ค่าทำบุญ อื่น ๆ ประมาณ 500 บาท
รวมทั้งหมด 9,900 หาร 2 คน คนละ 4,950 บาท
ทักทายได้ในเพจเล็ก ๆ ของเจ้าของกระทู้นะคะ
เพจ "เที่ยวเเล้ว เที่ยวเล่า" https://www.facebook.com/#!/เที่ยวแล้ว-เที่ยวเล่า-1438671619724207/?fref=ts
กระทู้ที่ผ่านมาค่ะ
เที่ยวเเล้ว เที่ยวเล่า "กระซิบรักหน้าฝน มนตร์เสน่ห์ น่านนคร"
http://pantip.com/topic/34231650
เที่ยวเเล้ว เที่ยวเล่า "มาเดี่ยวเที่ยว 2 จังหวัด กัลยาณิวัฒนา เชียงใหม่ / ปาย แม่ฮ่องสอน"
http://pantip.com/topic/34471158
เเล้วพบกันใหม่ตอนหน้า "เที่ยวจังหวัดเลย" นะคะ สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม