ปิตุ๊โกร จังหวัดตาก ยลโฉมความงามของสายน้ำตกรูปหัวใจ ที่ไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่นสุดอลังการ
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปชมน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยกันค่ะ ใช่แล้ว !!! เรากำลังเอ่ยถึง "ปิตุ๊โกร" หรือเปรโต๊ะลอซู หรือที่หลายคนตั้งฉายาให้ว่า "น้ำตกรูปหัวใจ" จากบันทึกการเดินทางของ คุณ zoonvors สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนน้ำตกแห่งนี้แล้วเก็บเอาประสบการณ์ระหว่างทาง พร้อมกับความประทับใจต่าง ๆ มาแชร์ให้เราได้ชมกันค่ะ อ๊ะ ๆ ก่อนไปเที่ยวน้ำตกปิตุ๊โกรลองไปทำความรู้จักกับเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ กันก่อนค่ะ
น้ำตกปิตุ๊โกร ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยสามหมื่น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูงประมาณ 500 เมตร ไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่น ในหน้าฝนหากมองในระยะไกลจะเห็นสายน้ำขาวไหลพาดขุนเขาสีเขียวงดงามเป็นอย่างยิ่ง และด้วยลักษณะของน้ำตกจะเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านหน้าผาหินขนาดใหญ่ โดยชั้นน้ำตกที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือชั้นน้ำตกที่ไหลมารวมกันจากด้านซ้ายและขวาเป็นรูปตัววีขนาดใหญ่ จนเกิดม่านสีขาวมองดูคล้ายรูปหัวใจ จึงถูกเรียกขานว่า "น้ำตกรูปหัวใจ" สุดงดงาม (ดูเพิ่มเติมได้ที่ tattak.myreadyweb.com)
++++++++++++++++
ปิตุ๊โกร เปรโต๊ะลอซู น้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยการเดินทางไปยังน้ำตกแห่งนี้ต้องเดินด้วยเท้าระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรกว่า ๆ เวลาก็แล้วแต่สมาชิกว่าจะมีมากน้อยเพียงใด มีมากก็ใช้เวลามาก มีน้อยก็ใช้เวลาน้อย ส่วนใหญ่หมดไปกับการนั่งพักและก็รอเพื่อนสมาชิกร่วมทริป ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงอำเภออุ้มผาง มาถึงยังหมู่บ้านกุยเลอตอ จัดเตรียมอุปกรณ์ สัมภาระให้พร้อม (ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า เราจะแบกกันเอง) ส่วนของกองกลาง อุปกรณ์เครื่องนอน อาหารลูกหาบจะช่วยแบกให้...พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ
ถ้าเป็นไปได้อยากให้เดินบนคันนา (เนื่องจากวันที่ไปยังไม่ได้เริ่มดำนา สมาชิกบางท่านจึงเดินบนพื้นนาไปบ้าง)
สองข้างทางเขียวขจี มีขุนเขาโอบทั้งสองข้าง บรรยากาศไม่ร้อนมาก ครึ้ม ๆ ด้วยเมฆฝน ถือว่าค่อนข้างดีครับ
ทริปนี้เรามากันหน้าฝน ก็ต้องเจอฝนเป็นธรรมดา เรื่องการเจอฝนนี้ไม่ต้องห่วงเตรียมพร้อมรับมือแล้ว แดดออก แดดร่ม แดดร่ม แดดออก สลับกันไปตลอดทาง คาดว่าไม่ถึง 15 นาที ฝนคงต้องตก เพราะลมเริ่มพัดเย็นและมีฝนปรอย ๆ มาเป็นระยะ ๆ
เรื่องการลุยน้ำ ลงน้ำนี่สบายครับ
การเดินไปน้ำตกนี้ต้องผ่านทุกสภาพพื้นผิว ไม่ต้องห่วงว่ารองเท้าจะเลอะ ไม่ต้องกลัวครับ เห็นแอ่งน้ำไม่ต้องหลบ เดินลุยมันไปเลย เพราะถึงอย่างไรถึงจุดที่เละที่แฉะรองเท้าก็ต้องเปียกด้วยน้ำ ด้วยโคลนอยู่ดีครับ จะมีลำธารมาเป็นช่วง ๆ ก็ค่อยแช่เท้าล้างเท้าได้ แต่อีกเดี๋ยวก็ต้องเลอะอีกครั้ง ฉะนั้นลุย ๆ ไปกันครับ ไม่ต้องห่วงสะอาดให้มากนัก ส่วนรองเท้าขอแนะนำให้เป็นรองเท้าเดินป่า หรือผ้าใบ หุ้มส้น หุ้มข้อครับ รองเท้าสานหรือเป็นแบบสอดรัดหน้าเท้าแล้วเห็นหลังเท้ามันจะลื่นครับ เวลาลงโคลนเท้าเราจะลงไปทั้งเท้า หากโคลนแฉะมันจะติดครับ เวลาดึงเท้าขึ้นมาอาจทำให้รองเท้าหลุดหรือขาดได้
เดินกันมาสักพักเราก็จะเจอที่พักเป็นกระท่อมหลังน้อย ๆ แวะพักให้พอหายเหนื่อย ใครที่เหนื่อยก็ทานมื้อกลางวันกันที่นี่ได้เลย
จากจุดนี้มองไปอีกด้านจะเห็นสายน้ำตกอยู่ลิบ ๆ เกือบบนยอดเขาทางด้านโน้นครับ
ยังไม่ถึงครึ่งทาง...พักให้พอหายเหนื่อยแล้วเดินทางกันต่อครับ ทั้งเดินเลาะริมหน้าผา ลุยน้ำ ปีนป่าย เรามีทุกรูปแบบครับ
รอบตัวเรามีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เห็ดถ้วยก็มีครับ มีอยู่เยอะพอสมควรครับ
ต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า มีเวลาได้ชื่นชมก็ให้เต็มที่ครับ ชาวมายาเคยมาที่นี่แน่
ข้ามน้ำตกอีกสักครั้ง มีสะพานทางเดินดูแล้วไม่น่ากลัวครับ ค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็ต้องไม่ประมาทเช่นกัน
ฝนตก แดดออก บางช่วง บางมุม บางจังหวะ...แสงมันก็เป็นใจครับ
เดินในป่าแบบนี้จะประมาทไม่ได้จริง ๆ ครับ ทั้งก้อนหิน รากไม้ สะดุด ลื่น ล้มได้ทุกเวลา ทางเดินริมหน้าผาก็ลื่นมาก เดินต้องระวังให้มาก ๆ สองมือเกาะต้นไม้ กิ่งไม้ข้างทางได้ก็ควรต้องเกาะไว้บ้าง เผื่อกันตัวเองไม่ให้ลื่นล้ม และไม่นานเราก็มาถึงแคมป์ที่พัก ทางลูกหาบมาถึงก่อนได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับคืนนี้ให้เรียบร้อยแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ดูแล้วจะเป็นปัญหาคือพื้นที่ในการกางเต็นท์และผูกเปลนอนค่อน ข้างมีจำกัด พื้นไม่เรียบ มีก้อนหินค่อนข้างเยอะ เต็นท์เรานำกันไปน้อยแค่ 2 หลัง ที่เหลือต้องนอนแบบปลาทู (กางฟายชีตแล้วปูผ้านอนเรียงตับกัน)
ทริปนี้ไม่ได้นอนเต็นท์อย่างคนอื่น เอาเปลไปแต่ไม่มีฟายชีตไว้คลุมก็นอนไม่ได้อีก ต้องมานอนปลาทูครับ แต่ก็ยังดีเปลที่เอาไปเป็นแบบมีมุ้งทำให้นอนสบายในระดับหนึ่ง (ยุงไม่กัด)
ขออนุญาตไม่เปิดแฟลช เนื่องจากต้องการให้เห็นบรรยากาศจริงเวลานั้น
ภาพอาจไม่ชัด เนื่องจากตั้งแต่ออกเดินเข้าป่ามาจนบัดนี้ยังไม่ได้หยิบกล้องใหญ่ออกมา จากกระเป๋าเลยครับ ใช้แต่กล้องมือถือทั้งสิ้น (ฝนตกกล้องใหญ่ไม่มีเคสกันน้ำเกรงว่าจะป่วย) กล้องมือถือใช่ว่าใช้แล้วจะไม่ป่วย แต่ก็ด้วยที่ต้องการได้ภาพระหว่างเดินทางยังไงก็ต้องหยิบออกมาเก็บภาพไว้ ชัดบ้างไม่ชัดบ้างต้องขออภัยครับ
ระหว่างนี้...มื้อค่ำรับประทานกันอย่างอร่อย นั่งพูดคุยสนทนากันสักพักก็แยกย้ายกันเข้านอน ฝนเริ่มจะลงเม็ดมาอีกแล้ว zZ ZZ z z คร่อกฟี้
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้ากว่า ๆ จะลุกขึ้นมา ลืมตาออกมองฟ้า ทำไมฟ้ากับพื้นมันเป็นสีเดียวกัน มีแต่หมอกฟุ้ง ๆ ขอนอนต่อดีกว่า...หกโมงเช้าตื่นล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะจิบกาแฟยามเช้ารับอรุณ ขณะนี้ฟ้าเริ่มเปิดให้เห็นน้ำตกที่อยู่เบื้องหน้าแล้วเล็กน้อย
ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ๆ กล้องมือถือไม่อยากจะหยิบออกมาแล้ว แต่ก็ต้องเสี่ยงเอาออกมาเก็บภาพไว้อีกครั้ง
และภาพที่ปรากฏตรงหน้า
อีกหนึ่งความประทับใจสำหรับน้ำตกที่จัดว่ามายากน้ำตกหนึ่งของประเทศนี้
เก็บของสัมภาระเราจะไม่ทิ้งอะไรไว้ เราจะนำกลับไปหมด เหลือไว้แค่ความทรงจำและความประทับใจ
เส้นทางกลับเราจะกลับอีกทาง ใช้ระยะทางสั้นกว่า ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ไม่เกิน 2 ชั่วโมง เดินขึ้นเขาแล้วลง แล้วจะเดินลงต่อเนื่อง ทางค่อนข้างจะลื่นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เดินมาครึ่งทางจะเจอกระท่อมหลังเดิม เราหยุดแวะพักกินมื้อเที่ยงกันที่นี่
น้ำดื่มหมดไม่ต้องห่วง ลูกหาบมีรองน้ำมาจากน้ำตก ดื่มได้เลยครับสะอาดสดชื่น
ถึงที่หมาย...ไปอาบน้ำที่คลองหลังหมู่บ้าน น้ำเย็นชื่นใจครับ ก่อนกลับแวะมื้อค่ำกันที่ตัวเมือง จำชื่อร้านไม่ได้แต่ลุงกับป้าเจ้าของร้านอารมณ์ดี อาหารอร่อยมากครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
สวัสดี
fb : zoonvors
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ zoonvors สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม