ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
เดินทีละก้าว...เก็บทุกอารมณ์ จากสายน้ำรูปหัวใจ สู่เทพนิยายแห่งสายหมอกที่ "ปิตุ๊โกรลอซู" จ.ตาก (นิตยสารหนีกรุง)
เรื่องและภาพ : ชนัตพล หวังเพิ่ม
ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกของผมที่มีโอกาสมาเยือน เมืองอุ้มผาง อย่างแรกต้องขออนุญาตเอ่ยปาก ถึงความน่ารักของชาวบ้านที่นี่เสียหน่อยครับ ก็เมื่อตะกี้ตอนนั่งหัวกระเซิงลมอยู่ท้ายกระบะรถ จู่ ๆ สาวน้อยสองนางก็ยกมือไหว้เขาเสียอย่างนั้น เราก็หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าทุกข์ เอ้า...ก็ไม่มีใครอื่นนี่หว่า...แล้วน้องเค้าจะไหว้ทำไมกันเนี่ย
อดทนเก็บความสงสัยไว้ในใจกระทั่งลงจากรถ พอถามไปถามมาจึงรู้ว่าเด็ก ๆ ที่นี่ถูกสอนมาดี เวลาแขกไปใครมาก็จะยกมือไหว้เขาหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งคนหน้าแปลกอย่างผม อืม...น่ารักจริง ๆ เลยนะเนี่ย ก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าจะมาเจอแง่มุมดี ๆ ในที่ห่างไกลขนาดนี้ แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อดชื่นชมไม่ได้
เมืองแห่งนี้มีน้ำตก "ทีลอซู" ที่เลี่ยงชื่อมานานแล้ว แต่จุดหมายการเดินทางของผมนั้นอยู่ที่น้ำตกชื่อ "ปิตุ๊โกร" แหม...ชื่อแปลกประหลาดอย่างเดียวไม่พอ แว่วมาว่าการจะเดินทางไปได้นั้น ยังโหดเอาเรื่องอีกต่างหาก บางคนว่าต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ แต่เอาน่าเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว ชีวิตนี้ขอได้ชื่อว่า เคยไปสัมผัสกับน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยสักครั้งก็แล้วกัน
ตั้งใจเอาไว้แต่ทีแรกว่า หนนี้จะขอใส่เกียร์ต่ำแล้วเดินขึ้นเขาไปแบบสโลว์ทราเวล (ปกติจะบ้าพลัง) เพราะใจหนึ่งอยากจะเก็บแรงเอาไว้เดินต่อในวันรุ่งขึ้น ส่วนอีกใจก็อยากลองเที่ยวแบบละเมียดละไม ค่อย ๆ ซึมซับตัวตนของสถานที่นั้น บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยดูบ้าง เอาน่ะ...ขอลองเที่ยวไปตามภาษาคนเดินช้าบ้างจะเป็นไร
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
ด่านแรกของการเดินทางสู่ "ปิตุ๊โกร" เป็นการเดินลุยไปตามธารน้ำเคยเห็นแต่ในหนังฝรั่งมานาน ฝันไว้ในใจว่าจะได้เดินแบบนั้น วันนี้เหลือเชื่อครับ...ที่ได้มาเจอภาพที่ฝันถึง ผมว่าการเดินลุยธารน้ำใส ๆ นี่มันให้ฟิลลิ่งที่สุดยอดอย่างบอกไม่ถูก แต่ละก้าวที่ย่ำรับรู้ได้ถึงพลังความเย็นที่สายน้ำนำพาสู่สองเท้า แถมสองข้างทางยังมีผีเสื้อกับแมลงปอสีสวย บินหยอกล้อกันไปมาอีกต่างหาก ผมว่าเส้นทางสายนี้มันช่างคลาสสิกจริง ๆ ความเครียดทั้งมวลหายวับไปกับตาเลยครับ
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
ตลอดเส้นธารน้ำ ผมแวะทักทายดอกไม้ใบหญ้าที่ชูช่ออวดสีสวย ทุกย่างก้าวของผมอาศัยการละเมียดมองไปเรื่อย ๆ เหนื่อยนักก็พักจิบน้ำเสียหน่อย พอไต่ระดับสูงมากขึ้นวิวข้างทางก็สวยใช่ย้อยนะ ทุกคนเดินห่างไปทุกที...นาทีนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดออกมาจากโลกของความจริง มีเพียงผมและธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ ผมเดินเก็บภาพไปตลอดทางจนขึ้นไปถึงจุดพักแรม ถึงจะขึ้นมาเป็นคนลำดับท้าย ๆ แต่ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนที่มีความสุขในลำดับต้น ๆ เลยละครับ
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
แล้วในที่สุด ฝนแห่งความปิติก็เทกระหน่ำลงมาตามที่ได้คาดการณ์ไว้แต่แรก ที่ว่าเป็นฝนแห่งความปิติก็เพราะถ้าเป็นฝนเมืองกรุงฯ เชื่อเหลือเกินว่าท่าน ๆ เรา ๆ คงพากันวิ่งหนี แต่สำหรับที่นี่ ทุกคนกลับวิ่งเข้าหาพรายฝนอย่างเปี่ยมสุข ผมแหงนหน้าสัมผัสความชุ่มชื้นที่โปรยปรายลงมาด้วยความยินดี ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยัง น้ำตกปิตุ๊โกร ฤๅว่านี่อาจจะเป็นการต้อนรับของเทพยดาแห่งเทือกเขาดอยสามหมื่น?
ความสวยงามของสองข้างทางทำให้ทุกคนลืมไปเลยว่าเราเดินมากี่ชั่วโมง แต่ที่แน่ ๆ ทันทีที่เสียงน้ำตกดังแว่วเข้ามา ทำให้ทุกคนสาวเท้าก้าวเร็วกว่าที่เดินมา ผมสาวเท้าตามที่มาของเสียงจนเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วในที่สุด "ปิตุ๊โกรลอซู" ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เวลานี้หัวใจของผมมันพองโตด้วยอารมณ์ปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก
ผมมาถึงแล้ว...น้ำตกรูปหัวใจที่มีอยู่จริงไม่ได้อิงนิยาย เวลานี้ความรู้สึกมันบอกว่า ธรรมชาติกำลังบอกรักพวกเราผ่านทางสื่อรักรูปหัวใจอยู่ เป็นความรักที่บริสุทธิ์เหมือนสายน้ำใส ๆ ความรักที่ธรรมชาติ มอบให้เหล่ามวลมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่าเรา ๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ผมว่าต่อไปที่นี่คงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่คู่รักต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
ว่าแต่...เดินมาทั้งวันแล้ว น่าแปลกที่คนขาแข้งอ่อนอย่างผมยังไม่พลาดหกคะเมนตีลังกา จนต้องออกแรงใช้ทำบีบอยให้เสียฟอร์ม งานนี้ขอยกความดีความชอบให้กับสตั้ดดอย คู่ละ 35 บาท ไปเต็ม ๆ ไม่น่าเชื่อว่าพอได้มามิกซ์แอนด์แมทช์ กับถุงเท้าฟุตบอลคู่ละไม่กี่สิบ แล้วมันจะยอดเยี่ยมได้ถึงเพียงนี้ ต่อไปนี้รองเท้าเดินป่าคู่ละสามสี่พันชิดซ้ายไป แต่คิดอยู่อย่างเดียวคือเวลาใส่มันดูไม่เท่เอาซะเลย ก็คงต้องเลือกเอาครับว่าจะเอาความหล่อหรือความปลอดภัย แต่ผมขอคอนเฟิร์มว่าเวลาสวมใส่แล้วให้ผลเลิศครับ นี่มันรองเท้าติดเบรก ABS ดี ๆ นี่เอง
ส่วนใครที่คิดว่ามาป่าเขาลำเนาไพรแบบนี้แล้วจะไม่ได้อาบน้ำ ขอบอกเลยว่าคิดผิดถนัด อันที่จริงวันนี้มันพิเศษกว่าที่คิดด้วยซ้ำ เพราะเรามีอ่างจากุชชี่ดีไซน์ขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นแอ่งหินสีสวยให้นั่งแช่ตัวข้อสีฉวีวรรณกันได้เต็มที่ สายธารจากน้ำตกกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อว่าบางทีเศรษฐีหมื่นล้าน อาจไม่เคยมีโอกาสที่จะได้ทำอะไรเจ๋ง ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ เห็นไหมละครับว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง และจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตของคนเราที่จะมีโอกาสออกมาทำอะไรแบบนี้...ในที่แบบนี้...สุด ๆ จริง ๆ
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
"ต้มยำผีปู่ย่า" อาหารพื้นเมืองง่าย ๆ ถูกปรุงขึ้นโดยลูกหาบชาวกะเหรี่ยง ถึงชื่อจะฟังดูน่ากลัวไปหน่อย แต่รสชาตินั้น แซบจนหลายคนต้องขอเติมข้าวกันยกใหญ่ นี่คงจะเป็นมื้อหรูที่สุดแล้วกระมัง จะว่าไปหลายต่อหลายมื้อที่ผ่านมาเราก็กินอาหารง่าย ๆ แต่พอได้รสชาติของบรรยากาศรอบตัวมาเป็นส่วนประกอบเท่านั้นแหละ อาหารง่าย ๆ ก็อร่อยขึ้นมาได้อย่างน่าวิเศษจริง ๆ
ค่ำคืนนี้...อากาศเย็นสบาย ๆ การเดินทางแบบสโลว์ไลท์ไม่รีบไม่เร่ง ทำให้เราได้เสพกับทุกสิ่งทุกอย่าง เสียงฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ กระทบเข้ากับฟลายชีทของเต็นท์ ส่งเสียงดังเปาะแปะ ๆ ผสมเข้ากับเสียงน้ำตกที่อยู่ในหุบเขา จิ้งหรีดกับกบภูเขาก็พร้อมใจร้องประสานเสียงกัน ธรรมชาติกำลังล้างหูให้เรา เมื่อเสียงของทุกสรรพสิ่งฟีทเจอริ่งเข้าด้วยกันมัน ก็เหมือนมีวงออเครสต้ามาเล่นให้ฟังสด ๆ ผมนอนหลับตาพริ้มฟังเสียงเพลงจากธรรมชาติ ที่กำลังบรรเลงอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มเคลิ้มแล้วผ็อยหลับไปแบบสบาย ๆ
"เข้าแล้ว...ทุกคนตื่นเร็ว...สวย...สวย...สวย...สวยมาก ๆ" ผมงัวเงียมุดออกมาจากเต็นท์ ด้วยเสียงเรียกของเพื่อนร่วมเดินทาง สิ่งแรกที่เห็นคือทะเลหมอกขาวโพลน ที่ลอยเป็นแพขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า หมอกอยู่ใกล้...ใกล้ขนาดที่คิดว่าจะจับต้องได้ด้วยซ้ำ แม้แต่ภูเขาลูกโต ๆ ที่เห็นอยู่ไกลลิบ ยังถูกกลืนกินด้วยทะเลหมอกจนแทบมิด เสมือนเทพนิยายแห่งสายหมอกที่เราพบเห็นในจินตนาการ แต่วันนี้ความฝันมากองอยู่ตรงหน้า มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว แต่นาทีนี้ ผมอยากบอกว่า...ยิ่งสูงก็ยิ่งสวยเหมือนกันนะ
สองตาก็พาเพลิน สองเท้าก็เดินไป สองหูก็ไพเราะ สองข้างทางก็สวยจนสองมือต้องลั่นชัตเตอร์ แต่ขึ้นชื่อว่างานเลี้ยงก็ย่อมต้องมีวันเลิกรา ตลอดเส้นทางเดินกลับผมยังคงทำตัวแบบเดิม ๆ ยังคงเดินข้าพลางละเมียดมองหาความสวยงามของสถานที่ไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เมมโมรี่การ์ดในกล้องเริ่มจะเต็มแล้ว คงได้แต่อาศัยเมมโมรี่ที่มีชื่อว่าความทรงจำ ให้ทำหน้าที่เปิดรับแทนไปเรื่อย ๆ กระทั่งผมเดินย้อนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอีกครั้ง
มีการคำนวณคร่าว ๆ เอาไว้ว่าใน 1 กิโลเมตร คนเราสามารถเดินได้ประมาณ 1,200 ก้าว ตลอดทริปนี้ผมเดินไปทั้งหมดราว ๆ 25 กิโลเมตร ก็น่าตกใจอยู่เหมือนกันนะครับ พอรู้ว่าตัวเองเดินไปถึง 30,000 ก้าว ถามว่าเหนื่อยไหม? ก็ต้องบอกว่าเหนื่อย แต่พอมาคิดว่าเป็นการให้กำไรชีวิตกับตัวเอง ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง มันช่างเป็น 30,000 ก้าว ที่ผมรู้สึกคุ้มค่ากับมันทุกฝีก้าวจริง ๆ ครับ
ปิตุ๊โกรลอซู ตาก
สำหรับคนที่ไม่เคยออกมาใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขา น่าจะลองหนีกรุงออกมาสัมผัสกับโลกใบใหม่ดูสักครั้ง ยอมเหนื่อยเพิ่มอีกนิด ลำบากขึ้นอีกหน่อย แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า หากคุณได้ลองออกมาสัมผัสกับรสชาติชีวิตในสไตล์สโลว์ทราเวลนี้ดูบ้าง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเริ่มชอบ แล้วจากความชอบก็จะค่อย ๆ แปลเปลี่ยนเป็นความรัก สุดท้ายแล้วคุณก็จะหวงแหน และอยากจะดูแลรักษาธรรมชาติสวย ๆ ให้คงอยู่กับเราสืบไปครับ
ขอขอบคุณ ททท.สำนักงานตาก และคุณสุชาติ จันทร์หอมหวล (พี่อู้ดดี้-ตูกะสู คอทเทจ) ที่มอบประสบการณ์สุดล้ำค่าในการเดินทางครั้งนี้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
หนังสือหนีกรุง ฉบับที่ 17 พฤศจิกายน 2553