หลังจากที่เราเคยแนะนำเที่ยวดอยหน้าหนาว ยลเสน่ห์เส้นทางสายสีชมพูที่เชียงใหม่, ออกตามหาแรงบันดาลใจ กับสถานที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต, ชวนอาบลมหนาวเคล้าดาวเดือนกับ 15 ยอดดอยสุดสวย และ เที่ยวเหนือหน้าหนาว กับ 20 สถานที่ท่องเที่ยวโดนใจ กันไปบ้างแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ กำลังวางโปรแกรมหา "ที่เที่ยวหน้าหนาว" แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปหนาวนี้เที่ยวไหนดี...ก็ตามเรามาเลย
1. ดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดเรียกว่า "ดอยหลวงเชียงดาว" (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูงเพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศ รองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก
จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบ ๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้านคือทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ อากาศเย็น ลมแรง และสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่าภูเขาที่หาชมได้ยากมาก รวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย (ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ ๆ เพราะจะไปเหยียบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม)
โดยการเข้าไปใช้พื้นที่ต้องทำหนังสือขออนุญาตก่อนเท่านั้น ซึ่งในปี 2561 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้ออกประกาศ "ข้อกำหนดในการเปิดเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติดอยหลวงเชียงดาว ปีงบประมาณ 2560 (พฤศจิกายน 2560 - กุมภาพันธ์ 2561) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว" โดยเนื้อหาหลักคือการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้เพียงเฉพาะวันศุกร์-เสาร์ (เดินทางกลับในวันอาทิตย์) และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เท่านั้น คือในช่วงระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2561 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ "จัดระเบียบดอยหลวงเชียงดาว ขึ้นได้วันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์"
2. เขาโมโกจู
ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจูจึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และสูงที่สุดในผืนป่าตะวันตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไป-กลับ 4-5 วัน แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน ที่จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต
ทั้งนี้คำว่า "โมโกจู" เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกและมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ผู้สนใจจะไปสัมผัสยอดเขาโมโกจูต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้นควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยาน ซึ่งเปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี
3. ภูป่าเปาะ
4. ดอยผ้าห่มปก
ดอยผ้าห่มปก อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูงประมาณ 2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บนยอดดอยสูงสุดเป็นทุ่งโล่งอันเกิดจากสภาพธรณีวิทยาที่มีชั้นดินตื้น ชั้นหินเป็นหินแกรนิต ประกอบกับอากาศมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งปี จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ทะเลหมอกและถนนบนสันเขาขนานกับชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งถือเป็นถนนที่สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงระหว่างประเทศ
สำหรับเส้นทางขึ้นดอยผ้าห่มปกมี 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางกิ่วลม ทางปางมงคล และทางหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สา โดยนักท่องเที่ยวสามารถตั้งแคมป์พักแรมได้ตรงบริเวณกิ่วลม เนื่องจากทางอุทยานแห่งชาติไม่อนุญาตให้พักแรมบนยอดดอย เพราะเป็นหน้าผาชันและอาจเกิดอันตรายได้ ซึ่งการเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยเป็นการเดินเท้าระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินขึ้นและลง อุทยานอนุญาตให้นำรถขึ้นดอยผ้าห่มปกได้แล้ว โดยต้องขึ้นดอยก่อน 15.30 น. และต้องใช้รถกระบะเท่านั้น ถ้าไม่มีรถขึ้นดอยสามารถติดต่อรถให้บริการได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก โทรศัพท์ 0 5345 3517
5. ภูสอยดาว
ภูสอยดาว อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีความสูงอยู่ที่ 2,102 เมตร อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี สภาพป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยาน ได้แก่ ป่าสน ทุ่งดอกไม้ หน้าผาจุดชมวิว น้ำตกสายทิพย์ และน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งพื้นที่ป่าสนสามใบเหมาะแก่การมาเที่ยวชมในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เนื่องจากจะพบเห็นทะเลหมอกและดอกไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกหงอนนาคขึ้นอยู่ทั่วไป และกล้วยไม้ป่าตามคาคบไม้ใหญ่
ระยะทางเดินทางจากเชิงเขา 6.5 กิโลเมตร บางช่วงเป็นเส้นทางชัน ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง มีสถานที่กางเต็นท์และห้องสุขาบริการ ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5543 6001-2
หมายเหตุ : หากนักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวแล้วไม่สามารถขึ้นยอดภูสอยดาวได้ทัน (อุทยานแห่งชาติเปิดให้ขึ้นลานสนภูสอยดาวตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น.) ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติที่อยู่ด้านล่างไว้แล้ว
6. ม่อนจอง
ม่อนจอง ขึ้นอยู่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องไพรมายังดอยม่อนจองก็คือกวางผาหรือม้าเทวดา ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่ และทิวทัศน์ที่สวยงามของทิวเขา หากมาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้พบดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบาน ว่ากันว่าต้นนี้เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมี "ดอยหัวสิงห์" เป็นยอดเขาสูงสุด
ทั้งนี้การเดินขึ้นม่อนจองสามารถไปเช้า-เย็นกลับได้ แต่จะเหนื่อยมาก ต้องเริ่มออกเดินตั้งแต่ 06.30 น. เป็นอย่างน้อย หากเดินแบบไม่เหนื่อยเกินไปนักควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตจากหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย
การเดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 แล้วแยกซ้ายจากอำเภอฮอดเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปจนถึงตัวอำเภออมก๋อย และตรงต่อไปตามทางหลวง 1099 ประมาณ 40 กิโลเมตร จะพบหน่วยมูเซออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากหน่วยไปยังจุดเริ่มเดินอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ทางในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อและคนขับที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพทางเป็นลูกรังและแคบคดเคี้ยวริมผา ผู้ที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่มีคิวรถจากประตูช้างเผือกมายังอมก๋อย รถออกประมาณ 08.00 น. ซึ่งบนม่อนจองไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ หากต้องการพักแรมต้องนำเต็นท์และอาหารไปเอง
7. ภูลมโล
ภูลมโล อยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ จังหวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก โดยจุดสูงสุดอยู่บริเวณ "ยอดภูลมโล" มีความสูง 1,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่ไฮไลต์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัสกับที่นี่สักครั้งก็คือการไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากที่สุดในเมืองไทย
ในอดีตภูลมโลเคยถูกเรียกว่าเป็นภูเขาหัวโล้น ต่อมาทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้เข้ามาพัฒนาพร้อมกับปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งหลายหมื่นต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ เมื่อถึงช่วงราวเดือนธันวาคม-มกราคม ต้นนางพญาเสือโคร่งก็จะออกดอกบานสะพรั่งย้อมให้ภูลมโลกลายเป็นดินแดนสีชมพูสุดงดงาม ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต.กกสะทอน หรือติดต่อสอบถามที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต.กกสะทอน โทรศัพท์ 08 0791 4748, 09 1373 0903
8. อุทยานแห่งชาติเขาหลวง
อุทยานแห่งชาติเขาหลวง เป็นแหล่งท่องเที่ยวรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ปี 2541 ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช นับเป็นอุทยานแห่งชาติสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของโลก มีรายงานสำรวจพบเฟิร์นบนเขาหลวงมากกว่า 200 ชนิด เช่น เฟิร์นบัวแฉก (พรรณไม้โบราณ) เฟิร์นมหาสดำ (เฟิร์นต้นขนาดใหญ่ที่พัฒนามาก่อนยุคไดโนเสาร์) เป็น "สุดยอดแหล่งรวมกล้วยไม้เมืองใต้" เช่น กล้วยไม้สิงโตอาจารย์เต็ม, สิงโตใบพัดเหลือง, ขนตาสิงโต, เอื้องสายเสริต, เอื้องคีรีวง เป็นต้น ป่าผืนนี้ยังเป็นอาณาจักรของพืชสัตว์เฉพาะถิ่น เช่น กุหลาบพันปีเขาหลวง นกกินปลีหางยาวเขียว ฯลฯ
โดยมียอดเขาหลวงสูงที่สุดในภาคใต้ ความสูง 1,835 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในเขตอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเที่ยวชมความงามและชื่นฉ่ำกับน้ำตกมากมาย เช่น น้ำตกพรหมโลก น้ำตกอ้ายเขียว น้ำตกกะโรม น้ำตกกรุงชิง ฯลฯ การเดินป่าศึกษาธรรมชาติทั้งระยะสั้นและระยะไกลหลายเส้นทาง นักผจญภัยไม่ควรพลาดการพิชิตยอดเขาหลวงในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน ระยะเวลาที่เหมาะสม 3 วัน 2 คืน ทั้งนี้สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง โทรศัพท์ 0 7530 0494
9. ดอยเสมอดาว
ดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 16 สายนาน้อย-ปางไฮ เป็นจุดชมทิวทัศน์บนยอดหน้าผาสูง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ 360 องศา มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา สำหรับพักผ่อนและดูดาว ดูพระอาทิตย์ตกและยังเป็นจุดชมทะเลหมอกอีกด้วย หากจะเดินขึ้นไปบนผาสิงห์ (เป็นหน้าผาที่มีรูปร่างคล้ายหัวสิงห์) ระยะทาง 2 กิโลเมตร ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยาน ระหว่างทางจะพบต้นจันผาซึ่งเป็นไม้เด่น และเมื่อท้องฟ้าแจ่มใสจากผาสิงห์สามารถมองเห็น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และแม่น้ำน่านได้
สำหรับผู้ที่สนใจค้างแรมก็มีพื้นที่กางเต็นท์บริการ แต่ต้องเตรียมอาหารไปเอง ทั้งนี้ติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน โทรศัพท์ 09 8803 2872, 09 3242 2914, 054 731 714
10. เขาพะเนินทุ่ง-ทะเลหมอก กม.36
เขาพะเนินทุ่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนสันเขา รายล้อมด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อนของเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้สามารถชมทิวทัศน์ได้ตลอดสายเห็น ภูเขา ทะเลหมอก ป่าเขียวขจี และพบเห็นสัตว์นานาชนิดได้ไม่ยาก ส่วนจุดชมทะเลหมอก (ตอนเช้า) ที่ กม.36 สามารถชมทะเลหมอกได้ใกล้ชิด จุดนี้สามารถชมทะเลหมอกได้เกือบตลอดปี จุดชมวิวนี้อยู่บริเวณ กม.ที่ 36 ของเส้นทางสายวังวน-น้ำตกทอทิพย์ ก่อนถึงทางลงสู่น้ำตกทอทิพย์ ในยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วหุบเขา เมื่อทะเลหมอกสลายตัวไปแล้วจะมองเห็นผืนป่าดงดิบเบื้องล่างเบียดตัวกันแน่นท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนกว้างไกลสุดสายตา บางครั้งอาจพบนกกกและนกเงือกกรามช้างบินอยู่เหนือผืนป่า
ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวต้องการพักค้างแรมที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.19 (เขาพะเนินทุ่ง) บริเวณ กม.30 ต้องจองพื้นที่กางเต็นท์ผ่านระบบออนไลน์ ล่วงหน้า 60 วัน พื้นที่กางเต็นท์แห่งนี้รับได้ 150 คน/คืน สำหรับการเดินทางต้องใช้รถที่มีกำลังสูง สามารถเหมารถปิกอัพได้จากบริเวณที่ทำการอุทยาน เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ อุทยานจึงได้กำหนดเวลาในการขึ้น-ลง ได้แก่ เวลาขึ้น ช่วงเช้าเวลา 05.30-07.30 น. ช่วงบ่ายเวลา 13.00-15.00 น. และเวลาลง ช่วงเช้าเวลา 09.00-10.00 น. ช่วงบ่ายเวลา 16.00-17.00 น.
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่งต้องติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอใบอนุญาตผ่านทาง และผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เวลา 05.00 น. ต้องทำใบขออนุญาตล่วงหน้า 1 วัน
และนี่คือ "ที่เที่ยวหน้าหนาว" ที่เราหยิบมาแนะนำกัน ใครที่ยังมีคำถามในใจว่า "หนาวนี้เที่ยวไหนดี" ก็ลองหยิบสักหนึ่งตัวเลือกแล้วแบกเป้ สะพายกล้อง สวมรองเท้าคู่เก่ง แล้วออกไปโลดแล่นสัมผัสลมหนาวกันโลด อ๊ะ ๆ แต่ถ้าอยากรู้รายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมก็สอบถามไปได้ที่ TAT Call Center 1672 หรือ park.dnp.go.th ได้เลยค่ะ
และ www.dasta.or.th