เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld
นอกจาก "จังหวัดน่าน" จะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่งดงามตามแบบฉบับดั้งเดิมที่ยังคงอยู่แล้ว ขุนเขาและป่าไม้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสกับเมืองแห่งนี้ เพื่อมาชื่นชมความสดชื่นและเขียวชอุ่มของวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนตระการตา ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นต่อมความอยากเที่ยวให้ออกเดินทางอีกครั้ง กระปุกท่องเที่ยวจึงหยิบเอาบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายสวย ๆ ของ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งได้ไปเก็บเกี่ยวและถ่ายทอดความงามของ "อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" ในนาทีที่สายหมอกโอบกอดขุนเขามาให้ชมกันค่ะ
ฤดูฝนเป็นช่วงที่ผมมีความทรงจำต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำตอนเด็ก ๆ จนถึงตอนนี้ มันยังเป็นความรู้สึกที่เหมือนเดิมเสมอ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของทุกอย่างที่ได้เคยผ่านเข้ามา และมันก็เป็นในแบบที่ผมเฝ้าตามหา รอคอยและในที่สุดก็ได้พบเจอ อาจจะเป็นใครสักคนหรือสถานที่ใดสักที่หนึ่ง
และเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556) ผมก็ยังคงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปอยู่บนเส้นทางที่ผมหลงรัก !!!! ไปใช้ชีวิตและใช้เวลานิ่ง ๆ อยู่บนที่สูง ๆ บรรยากาศสวย ๆ ของขุนเขาเมืองน่าน จังหวัดที่อยู่ภาคเหนือของประเทศไทย ดินแดนที่เต็มไปด้วยขุนเขาและไอของสายหมอกที่จะทำให้ความทรงจำของผมหรือของใครอีกมากมายที่ได้เคยมาที่แห่งนี้ ได้กลับมามีเรื่องราว ได้กลับมารู้สึกดี ๆ และอิ่มเอมไปกับความทรงจำเดิม ๆ อีกครั้งหนึ่ง และบางทีมันอาจจะทำให้เรารู้ว่าครั้งหนึ่งเรารู้สึกแบบไหน ? และเคยยืนอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ได้
หลังจากที่เมื่อวานเย็น และเมื่อเช้าของวันนี้ ผมเต็มอิ่มและอิ่มมาก ๆ จากบรรยากาศที่ อช.ขุนสถาน (ชีวิตติดดิน หัวใจติดหมอก-อช.ขุนสถาน ขุนเขาแห่งน่าน @ สิงหาคม 2556) แต่ตอนนี้ผมขับรถออกจากที่นั้นตอน 10.30 น. มาถึงอำเภอนาน้อยตอนเกือบเที่ยง เราแวะทานข้าวกันง่าย ๆ แต่ผมจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว เป็นร้านอาหารที่ทำราดหน้าได้อร่อยมาก ๆ ปกติไม่คิดจะสั่งราดหน้าเพราะหากินร้านที่อร่อยยาก แต่ร้านนี้อร่อยมาก !!!! ขนาดเพื่อนที่ไปด้วยเล่นจ้วงตักกินในชามของผมกันมันส์มือเลย และก็ไม่ลืมสั่งข้าวกล่องไปไว้สำหรับมือเย็นนี้ด้วย
ข้อมูลสำหรับการวางแผนการเดินทางเที่ยวที่นี่ครับ
dnp.go.th
paiduaykan.com
board.trekkingthai.com
หลังจากหาอะไรทานกันอิ่มท้องแล้ว เรามุ่งหน้าเข้าสู่ อช.ศรีน่าน หรือที่เราเรียกติดปากว่า “ดอยเสมอดาว” ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็มาถึงที่ทำการอุทยานฯ และผมก็เข้าไปติดต่อห้องพักสำหรับคืนนี้
อุทยานแห่งชาติศรีน่านในมุมมองนักท่องเที่ยวของผม มันคือ อุทยานแห่งชาติที่อยู่ภาคเหนือ ที่ตั้งที่ทำการอยู่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เป็นอุทยานฯ ที่มีเทือกเขาสวย ๆ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอยเสมอดาว หรือดอยผาชู้ ระยะทางจากกรุงเทพฯ มาถึงนี่ก็ราว ๆ 700 กิโลเมตร
จะว่าไกลก็ไกลนะ เพราะต้องใช้เวลาขับรถเกือบ 8 ชั่วโมงเลย แต่ถ้าขับไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรก็มาถึงจนได้ อย่างน้อยผมก็มาที่นี่ถึง 3 ครั้ง ในรอบ 2 ปี 3 ครั้งที่ อช.ศรีน่าน ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ราว ๆ 1 ชั่วโมง มองวิวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ มันเป็นจุดชมวิวที่น่าทึ่งมาก ๆ ที่ผมจะสามารถเห็นวิวภูเขาโดยไม่มีอะไรมาบังสายตาเลย นึกถึงเมื่อเช้าตอนที่ทะเลหมอกขึ้นมามันจะสวยขนาดไหน ?
ปล. ลืมบอกไปว่าที่จุดชมวิวดอยผาชู้มีบ้านพักอยู่ 2-3 หลัง !!!!
แต่บ้านพักที่ผมเลือกไว้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่ตรงจุดตรวจแรก ตรงที่ทำการอุทยานฯ ตรงด่านตรวจแรกเลย จำได้ว่าอยู่ใกล้ทางที่ขึ้นไปจุดชมวิวดอยเสมอดาว บ้านพักที่ผมเลือกในครั้งนี้ คือ บ้านพักศรีน่าน 105
พูดถึงเรื่องของบ้านพักที่ อช.ศรีน่านจะใช้ระบบจองผ่านออนไลน์ รู้สึกจะมีอยู่สองหลังประมาณนั้น แต่มีบ้านพักหลังหนึ่งไม่ได้อยู่ในระบบออนไลน์ มันเป็นบ้านพักรับรองของผู้ใหญ่ ^^ คนทั่วไปจะพักได้ก็ต่อเมื่อวันนั้นว่าง ก่อนที่จะมาที่นี่สองอาทิตย์ผมโทรศัพท์มาแล้วบอกว่าผมอยากนอนที่บ้านพัก 105 เพราะเป็นบ้านพักที่เห็นวิวดีที่สุด และด้านในมันต้องดี เพราะเป็นบ้านพักรับรอง ผมบอกว่าผมขอจองไว้ แต่ถ้าวันนั้นมีผู้ใหญ่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีใครมาพักผมต้องได้สิทธิ์คนแรก ผมแจ้งชื่อและวันเข้าพัก พร้อมขอชื่อเจ้าหน้าที่ที่เราติดต่อเพื่อกันเหนียว แล้วสุดท้ายก็ไม่ผิดแผน ผมได้นอนที่นี่... บ้านพักศรีน่าน 105
บ้านพักศรีน่าน 105 แบ่งเป็น 2 ซีก ไม่เชื่อมกัน ซีกหนึ่งมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัว สรุปคือหลังนี้มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำแยกกัน มีระเบียงบ้านแยกกันชัดเจน มีพัดลม มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีกระติกน้ำร้อน มีกาแฟซองมีน้ำดื่ม ถ้าไม่เรื่องมากนอนได้สบายเลย
เป็นบ้านพักที่มีระเบียงเห็นวิวที่ดีมาก ๆ มีต้นไม้บังนิดหน่อย แต่ดีที่สุดของบ้านพักบน อช.ศรีน่าน ^^ มองเห็นแม่น้ำน่าน และเห็นทะเลหมอกได้จากระเบียงบ้านและห้องนอน
หลังจากนั้นเราก็ใช้เวลานอนเล่นไปเล่นมา อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ แล้วพอถึงตอนเย็นผมก็ขึ้นไปดอยเสมอดาวที่อยู่ใกล้กับบ้านพัก คำนวณคร่าว ๆ ก็ประมาณ 400-500 เมตร ได้ แต่ผมไม่อยากเดินไป ขับรถขึ้นไปด้านบนดีกว่า ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยขอนอนอยู่ในห้อง บอกว่าเดี๋ยวรอดูทะเลหมอกพรุ่งนี้เช้าดีกว่า ผมเลยต้องลุยเดี่ยวขึ้นไปเอง
ปล. ตรงนี้เป็นดอยเสมอดาวด้านตะวันตกนะครับ เห็นวิวเขากับไร่ข้าวโพด
โดยส่วนตัวผมมีความรู้สึกแบบนี้ตลอดว่า ตอนเย็นผมต้องไปถ่ายรูปเอาฤกษ์ เสริมดวง เจอทะเลหมอกไว้ก่อน เพราะมีหลายทริปที่รอตอนเช้าอย่างเดียว สุดท้ายก็ไม่เห็นอะไร แต่ถ้าตอนเย็นไปจุดชมวิวแล้วจัดเต็มกันเช้าอีกวัน ผมจะได้เห็นในแบบที่อยากเห็น
แต่วันนี้เงียบมากถึงมากที่สุด พวกเราคือกลุ่มเดียวที่มาเที่ยวที่นี่ เป็นทริปที่เหมาอุทยานแห่งชาติอีกแล้ว เหมือนกับเมื่อคืนที่นอนที่ขุนสถานเลย แต่บรรยากาศแบบนี้ผมชอบนะ ชอบมาก ชอบที่จะได้ทำอะไรในแบบที่ไม่ต้องสนใจใคร และให้ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ตัวของผมกับสิ่งที่ผมรัก
แล้วผมก็เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ ทางชันนิดหน่อย แต่มีทางให้เดินได้สะดวก ทำเป็นขั้น ๆ ไม่ให้ลื่น สุดท้ายผมก็เดินขึ้นมาจุดที่สูงอีกจุดหนึ่ง ที่นี่คือ จุดชมวิวดอยเสมอดาว ดอยที่ทำให้ได้เห็นแม่น้ำน่าน ที่ไหลผ่านหุบเขาที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย
จุดชมวิวตรงนี้แหละที่จะทำให้ผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะผมมาที่นี่กี่ครั้งผมก็ได้เห็นทะเลหมอกตรงนี้ทุกรอบ มันยิ่งใหญ่ มันสวย และทำให้รู้สึกดีเสมอ...ถามว่ามั่นใจแค่ไหนกับพรุ่งนี้ ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่แน่ใจ !!!
เพราะธรรมชาติเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยากมาก ความเป็นไปได้เท่า ๆ กับความเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะไอ้ความรู้สึกแบบนั้นแหละที่ทำให้ผมขับรถมาเกือบพันกิโลเมตร เพื่อขอทดสอบกับมันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้า
และตอนนี้แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลง และกำลังหมดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ภายใต้บรรยากาศที่ค่อย ๆ เริ่มเย็นลง กับความเป็นไปได้ที่ฝนจะตกตอนเย็นเท่ากับศูนย์เลย แต่ผมก็ยังเชื่อว่าความชื้นที่ผ่านมาจะทำให้มวลไอน้ำรวมตัวกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
เช้านี้เราตื่นกันแบบสบาย ๆ ตั้งเวลาไว้ตอนตีห้าครึ่ง ตื่นมาแบบดีใจมาก ทะเลหมอกมารอแต่เช้ามืดแล้ว ผมรีบเรียกให้ทุกคนตื่นล้างหน้าแปรงฟันเก็บของเช็กเอาท์ทันที
เห็นไหมว่าความเป็นไปได้ก็ยังคงทำงานอยู่เสมอ กับบ้านพักที่วิวที่ดีที่สุดของที่นี่ บ้านพักศรีน่าน หมายเลข 105 ตอนนี้พวกผมพร้อมกันแล้ว
ผมขับรถขึ้นไปจุดชมวิวดอยเสมอดาว แต่เลือกที่จะไปดูไร่ข้าวโพดก่อน ที่อยู่ด้านตะวันตก ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่างเท่าไหร่ บรรยากาศยังไม่เต็มที่ แต่คิดว่าทะเลหมอกคงเต็มที่ได้แค่นี้
ยังนึกถึงความรู้สึกของปีที่แล้วได้เลย แค่ได้นึกก็รู้สึกเย็น ๆ ชื้นขึ้นมาทันที บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหน แต่มันบอกได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาที่นี่ เดือนเดียวกันแต่คนละปี และห่างกัน 365 วัน !!!!
มันเป็นดอยเสมอดาวที่สวยที่สุดในความทรงจำของผมเลย ทะเลหมอกอาจจะไม่ได้เยอะอะไร แต่จำได้ดีเลยว่าหัวใจพองโตแค่ไหนที่ได้เห็นภาพแบบนี้ในปีนั้น แม้ทริปนั้นจะมีปัญหารถเสียให้เครียดระหว่างทางมากมายก็ตาม
และนี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง ที่ทำให้ความพยายามไม่เคยหยุดนิ่ง และเป็นความพยายามอีกครั้งที่มันจะต้องได้ผล
และไม่ว่าปีนั้นหรือปีนี้มันจะเป็นความพยายามที่ลงท้ายแบบไหน ? แต่ผมรู้ว่าผมจะภูมิใจกับทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนี้อย่างแน่นอน !!!!
แล้วความพยายามของผมก็กำลังเริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากตื่นนอนไม่ทันได้อาบน้ำ แค่ล้างหน้า แปรงฟัน ผมดิ่งมาที่นี่ก่อนเลย เพราะคิดว่ามันเป็นจุดชมวิวที่สูงต้องได้เห็นมุมอะไรสวย ๆ อย่างแน่นอน
ทะเลหมอกวันนี้ดูท่าทางจะมาไม่เยอะ แต่ก็ยังดีที่มันมา อย่างน้อยก็ไม่ผิดแผน ประมาณว่ามาบ้างดีกว่าไม่มาเลย
ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าตรงนี้คงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแล้ว เรารีบเดินขึ้นไปที่ดอยเสมอดาวดีกว่า ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก นั่นก็คืออีกฝากหนึ่ง วันนี้ดูทีท่าแล้วอากาศน่าจะปิดแน่ ๆ พอถึงจุดชมวิวดอยเสมอดาวผมมองไปด้านที่ผมไปชมวิวเมื่อกี้ ทะเลหมอกมันเยอะมาก
มาถึงแล้วครับจุดชมวิวดอยเสมอดาว วันที่ฟ้าไร้ดาวมีเพียงแต่ขุนเขาและทะเลหมอก บรรยากาศที่บอกกับผมอีกทีว่าความพยายามของผมอยู่ที่ไหน ?
มันอาจจะไม่ใช่ทะเลหมอกที่ดีที่สุด แต่มันดีที่สุดสำหรับวินาทีในตอนนี้
และผมก็ทำในแบบที่เคยชอบทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือ การเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้า นี่ละมั้งเหตุผลที่บอกว่าทำไมผมถึงพยายามและพยายามมากขึ้น
มันดีแค่ไหนที่เราพยายามในสิ่งที่เรารัก ?
ผมยังจำปีที่แล้วได้เลยที่ผมมาที่นี่ในเดือนสิงหาคม แล้วรถผมเสียข้างทางช่วง อำเภอร้องกวาง-เวียงสา ทำให้ผมต้องจอดรถนอนตอนตี 1 ในคืนที่ฝนตกลมแรงและมองไม่เห็นอะไร
แล้วเช้านั้นผมก็พยายามพารถที่มีสภาพแบบว่าไม่ไหวแล้ว ขึ้นมาบนดอยเสมอดาวจนได้ในตอนเกือบ 7 โมงเช้า แล้วก็ไปสลบนอนหลับเป็นตายที่บ้านพักดอยแม่จอก 1 ที่ อช.ศรีน่านในคืนนั้น
แต่วันนี้ลานดูดาวที่นี่กำลังสวยที่สุดในความทรงจำของผมอีกครั้ง และอีกไม่นานทะเลหมอกรอบแรกของผมก็กำลังถูกลมพัดให้หายไป
แต่เชื่อได้เลยว่าผมจะเก็บความทรงจำแบบนี้ให้มันดีที่สุด ให้เท่ากับความพยายามที่ผมได้ค้นเจอ และวันใดที่ผมอยากจะค้นหาอีกครั้ง ภาพพวกนี้จะเป็นเงาสะท้อนที่บอกว่ามันเคยเกิดขึ้นกับผม
ผมขับรถลงมาที่ดอยผาชู้ ห่างจากจุดชมวิวดอยเสมอดาวราว ๆ 5 กิโลเมตร สายหมอกเริ่มฟุ้งเหมือนทุกอย่างกำลังจะจบในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แต่ตอนนี้ทะเลหมอกกลับมาอีกระรอกหนึ่ง ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก มันต้องให้ได้แบบนี้สิ ความพยายามของผมที่เคยทำไว้เมื่อปีก่อน ^^
อาจจะกำลังแสดงถึงผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ได้ กับวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในความทรงจำของผม
ผมใช้เวลาต่อจากนี้ไปเรื่อย ๆ ดูวิวภูเขา เดินไปจุดต่าง ๆ ถ่ายรูป และชวนให้เพื่อนดูตรงนั้นตรงนี้ ราวกับว่าเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก และก็ไม่เคยเห็นวิวและบรรยากาศแบบนี้มาก่อนในชีวิต
บรรยากาศที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกช่วงเวลา เหมือนกับชีวิตของเราหรือของใครก็ตาม
แล้วสักพักก็ถึงเวลาอาหารเช้าของผมกับเพื่อน เราโชคดีที่ซื้อมาม่าคัพเตรียมไว้ในรถ และที่ศาลาชมวิวก็มีกระติกน้ำร้อน รอเวลาต้มน้ำให้เดือดไปเรื่อย ๆ
แล้วสักพักมาม่าคัพรสอร่อยร้อน ๆ ก็เข้าไปอยู่ในท้องผม เป็นออเดิร์ฟเช้าแรกที่ไม่เยอะจนเกินไป ยังจำกลิ่นต้มยำกุ้งกับไอร้อนตอนซดน้ำจากถ้วยได้เลย ไอน้ำไปติดกระจกแว่นตาจนผมรำคาญ และถอดแว่นกินมาม่าพร้อม ๆ กับเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของทะเลหมอก
มันยังไม่จบง่าย ๆ หรอก นี่ก็ 8 โมงเช้าแล้ว ที่ทะเลหมอกวันนี้มีให้ดู 2 รอบ และพระอาทิตย์เหมือนกับว่าไม่มาแน่ ๆ ทำให้ทะเลหมอกยังคงอยู่กับผมไปอีกนานเลย
มีหลายคนมักพูดเสมอว่าไปบ่อย ๆ ที่ซ้ำ ๆ ไม่เบื่อหรือ ? ยังไม่เบื่ออีกหรือ...ยังจะไปอีกหรือ !!!! ผมก็ไม่รู้จะตอบแบบไหนที่ทำให้คนที่ถามเข้าใจ ในเมื่อทุก ๆ 1 องศา ทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไป มันก็เป็นความทรงจำอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้ามันจะเป็นความทรงจำในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำซาก จำเจ แต่ผมก็เชื่อ เชื่อทุกครั้งที่ตัดสินใจมาที่นี่ว่ามันต้องมีรายละเอียดอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ใครสักคนยังคงเดินทางมาที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เวลาที่ผมเห็นทะเลหมอกบนภูเขาสูงผมรู้สึกยังไงหรือ ? ผมจะตอบละนะ...ผมรู้สึกกลับเป็นเด็กอีกครั้ง !!! ความเป็นเด็กที่ผมพูดถึง นั่นก็คือ อยู่ตรงนั้นแหละ ทำอะไรก็ทำตรงนั้น ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลัง และไม่ได้รู้สึกต้องมองอะไรไปข้างหน้า ตอนเห็นทะเลหมอกผมก็มีความรู้สึกแบบนั้น ไม่มีอะไรเข้ามาในหัวให้ต้องคิดเยอะ ไม่ได้คิดว่าใครจะรักเรา ไม่รักเรา ไม่ต้องรับรู้ว่าโลกนี้กำลังจะแตกตอนไหน ? ไม่ต้องคิดว่าใครจะทะเลาะกัน น้ำมันจะขึ้นตอนไหน ? ไม่ต้องสนใจว่าสิ้นปีนี้จะมีเงินเก็บแค่ไหน ? ไม่ได้คิดว่าพรุ่งนี้จะทำไงกับชีวิตต่อ...นี่ละมั้งคำอธิบายที่ผมจะมีให้ ถ้ามีใครถาม
แล้วตอนที่ชอบที่สุดเวลาดูทะเลหมอก นั่นก็คือ การตะเวนไปยังจุดชมวิวที่เห็นทะเลหมอก อาจจะได้แค่เดินไปในมุมต่าง ๆ หรือต้องขับรถไป ยิ่งได้อยู่บนเส้นทางที่เห็นทะเลหมอก 2 ข้างทาง แบบนี้.มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า ไอ้ตอนที่เรายังเป็นเด็ก ๆ แล้วหัดขี่จักรยาน ล้มกี่ครั้งก็ล้มไป แล้วสักพักเราก็เริ่มล้มน้อยลง และในที่สุดเราก็ขี่มันได้ นั่นละมั้งวินาทีในตอนนั้น ตอนแบบนั้นเลย !!!
แต่บางทีช่วงเวลานั้นมันก็นานจนนึกอะไรไม่ออก ว่าตอนที่อยู่บนอานจักรยานแล้วปั่นมันไปในลานสนามหน้าบ้าน มันเป็นยังไงนะ ? ในตอนนั้นผมรู้สึกยังไง สนุกแค่ไหน ? แต่ตอนนี้ผมจำได้แล้ว มันเหมือนตอนนี้เลย
เมื่อสายหมอกโอบกอดขุนเขา-อุทยานแห่งชาติศรีน่าน-ขุนเขาแห่งน่าน
https://www.facebook.com/chanomworld
http://pantip.com/profile/569090
Chanomworld* world of wonder
Photo by chanomkids : word by chanomworld*
Sri Nan national park, Nan province, Thailand # August 2013
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld
นอกจาก "จังหวัดน่าน" จะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่งดงามตามแบบฉบับดั้งเดิมที่ยังคงอยู่แล้ว ขุนเขาและป่าไม้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสกับเมืองแห่งนี้ เพื่อมาชื่นชมความสดชื่นและเขียวชอุ่มของวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนตระการตา ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นต่อมความอยากเที่ยวให้ออกเดินทางอีกครั้ง กระปุกท่องเที่ยวจึงหยิบเอาบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายสวย ๆ ของ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งได้ไปเก็บเกี่ยวและถ่ายทอดความงามของ "อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" ในนาทีที่สายหมอกโอบกอดขุนเขามาให้ชมกันค่ะ
ฤดูฝนเป็นช่วงที่ผมมีความทรงจำต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำตอนเด็ก ๆ จนถึงตอนนี้ มันยังเป็นความรู้สึกที่เหมือนเดิมเสมอ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของทุกอย่างที่ได้เคยผ่านเข้ามา และมันก็เป็นในแบบที่ผมเฝ้าตามหา รอคอยและในที่สุดก็ได้พบเจอ อาจจะเป็นใครสักคนหรือสถานที่ใดสักที่หนึ่ง
และเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556) ผมก็ยังคงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปอยู่บนเส้นทางที่ผมหลงรัก !!!! ไปใช้ชีวิตและใช้เวลานิ่ง ๆ อยู่บนที่สูง ๆ บรรยากาศสวย ๆ ของขุนเขาเมืองน่าน จังหวัดที่อยู่ภาคเหนือของประเทศไทย ดินแดนที่เต็มไปด้วยขุนเขาและไอของสายหมอกที่จะทำให้ความทรงจำของผมหรือของใครอีกมากมายที่ได้เคยมาที่แห่งนี้ ได้กลับมามีเรื่องราว ได้กลับมารู้สึกดี ๆ และอิ่มเอมไปกับความทรงจำเดิม ๆ อีกครั้งหนึ่ง และบางทีมันอาจจะทำให้เรารู้ว่าครั้งหนึ่งเรารู้สึกแบบไหน ? และเคยยืนอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ได้
>>>>>>>>>>เมื่อสายหมอกโอบกอดขุนเขา-อช.ศรีน่าน @ สิงหาคม 2556
หลังจากที่เมื่อวานเย็น และเมื่อเช้าของวันนี้ ผมเต็มอิ่มและอิ่มมาก ๆ จากบรรยากาศที่ อช.ขุนสถาน (ชีวิตติดดิน หัวใจติดหมอก-อช.ขุนสถาน ขุนเขาแห่งน่าน @ สิงหาคม 2556) แต่ตอนนี้ผมขับรถออกจากที่นั้นตอน 10.30 น. มาถึงอำเภอนาน้อยตอนเกือบเที่ยง เราแวะทานข้าวกันง่าย ๆ แต่ผมจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว เป็นร้านอาหารที่ทำราดหน้าได้อร่อยมาก ๆ ปกติไม่คิดจะสั่งราดหน้าเพราะหากินร้านที่อร่อยยาก แต่ร้านนี้อร่อยมาก !!!! ขนาดเพื่อนที่ไปด้วยเล่นจ้วงตักกินในชามของผมกันมันส์มือเลย และก็ไม่ลืมสั่งข้าวกล่องไปไว้สำหรับมือเย็นนี้ด้วย
ข้อมูลสำหรับการวางแผนการเดินทางเที่ยวที่นี่ครับ
dnp.go.th
paiduaykan.com
board.trekkingthai.com
หลังจากหาอะไรทานกันอิ่มท้องแล้ว เรามุ่งหน้าเข้าสู่ อช.ศรีน่าน หรือที่เราเรียกติดปากว่า “ดอยเสมอดาว” ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็มาถึงที่ทำการอุทยานฯ และผมก็เข้าไปติดต่อห้องพักสำหรับคืนนี้
อุทยานแห่งชาติศรีน่านในมุมมองนักท่องเที่ยวของผม มันคือ อุทยานแห่งชาติที่อยู่ภาคเหนือ ที่ตั้งที่ทำการอยู่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เป็นอุทยานฯ ที่มีเทือกเขาสวย ๆ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอยเสมอดาว หรือดอยผาชู้ ระยะทางจากกรุงเทพฯ มาถึงนี่ก็ราว ๆ 700 กิโลเมตร
จะว่าไกลก็ไกลนะ เพราะต้องใช้เวลาขับรถเกือบ 8 ชั่วโมงเลย แต่ถ้าขับไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรก็มาถึงจนได้ อย่างน้อยผมก็มาที่นี่ถึง 3 ครั้ง ในรอบ 2 ปี 3 ครั้งที่ อช.ศรีน่าน ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ราว ๆ 1 ชั่วโมง มองวิวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ มันเป็นจุดชมวิวที่น่าทึ่งมาก ๆ ที่ผมจะสามารถเห็นวิวภูเขาโดยไม่มีอะไรมาบังสายตาเลย นึกถึงเมื่อเช้าตอนที่ทะเลหมอกขึ้นมามันจะสวยขนาดไหน ?
ปล. ลืมบอกไปว่าที่จุดชมวิวดอยผาชู้มีบ้านพักอยู่ 2-3 หลัง !!!!
แต่บ้านพักที่ผมเลือกไว้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่ตรงจุดตรวจแรก ตรงที่ทำการอุทยานฯ ตรงด่านตรวจแรกเลย จำได้ว่าอยู่ใกล้ทางที่ขึ้นไปจุดชมวิวดอยเสมอดาว บ้านพักที่ผมเลือกในครั้งนี้ คือ บ้านพักศรีน่าน 105
พูดถึงเรื่องของบ้านพักที่ อช.ศรีน่านจะใช้ระบบจองผ่านออนไลน์ รู้สึกจะมีอยู่สองหลังประมาณนั้น แต่มีบ้านพักหลังหนึ่งไม่ได้อยู่ในระบบออนไลน์ มันเป็นบ้านพักรับรองของผู้ใหญ่ ^^ คนทั่วไปจะพักได้ก็ต่อเมื่อวันนั้นว่าง ก่อนที่จะมาที่นี่สองอาทิตย์ผมโทรศัพท์มาแล้วบอกว่าผมอยากนอนที่บ้านพัก 105 เพราะเป็นบ้านพักที่เห็นวิวดีที่สุด และด้านในมันต้องดี เพราะเป็นบ้านพักรับรอง ผมบอกว่าผมขอจองไว้ แต่ถ้าวันนั้นมีผู้ใหญ่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีใครมาพักผมต้องได้สิทธิ์คนแรก ผมแจ้งชื่อและวันเข้าพัก พร้อมขอชื่อเจ้าหน้าที่ที่เราติดต่อเพื่อกันเหนียว แล้วสุดท้ายก็ไม่ผิดแผน ผมได้นอนที่นี่... บ้านพักศรีน่าน 105
บ้านพักศรีน่าน 105 แบ่งเป็น 2 ซีก ไม่เชื่อมกัน ซีกหนึ่งมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัว สรุปคือหลังนี้มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำแยกกัน มีระเบียงบ้านแยกกันชัดเจน มีพัดลม มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีกระติกน้ำร้อน มีกาแฟซองมีน้ำดื่ม ถ้าไม่เรื่องมากนอนได้สบายเลย
เป็นบ้านพักที่มีระเบียงเห็นวิวที่ดีมาก ๆ มีต้นไม้บังนิดหน่อย แต่ดีที่สุดของบ้านพักบน อช.ศรีน่าน ^^ มองเห็นแม่น้ำน่าน และเห็นทะเลหมอกได้จากระเบียงบ้านและห้องนอน
หลังจากนั้นเราก็ใช้เวลานอนเล่นไปเล่นมา อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ แล้วพอถึงตอนเย็นผมก็ขึ้นไปดอยเสมอดาวที่อยู่ใกล้กับบ้านพัก คำนวณคร่าว ๆ ก็ประมาณ 400-500 เมตร ได้ แต่ผมไม่อยากเดินไป ขับรถขึ้นไปด้านบนดีกว่า ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยขอนอนอยู่ในห้อง บอกว่าเดี๋ยวรอดูทะเลหมอกพรุ่งนี้เช้าดีกว่า ผมเลยต้องลุยเดี่ยวขึ้นไปเอง
ปล. ตรงนี้เป็นดอยเสมอดาวด้านตะวันตกนะครับ เห็นวิวเขากับไร่ข้าวโพด
โดยส่วนตัวผมมีความรู้สึกแบบนี้ตลอดว่า ตอนเย็นผมต้องไปถ่ายรูปเอาฤกษ์ เสริมดวง เจอทะเลหมอกไว้ก่อน เพราะมีหลายทริปที่รอตอนเช้าอย่างเดียว สุดท้ายก็ไม่เห็นอะไร แต่ถ้าตอนเย็นไปจุดชมวิวแล้วจัดเต็มกันเช้าอีกวัน ผมจะได้เห็นในแบบที่อยากเห็น
แต่วันนี้เงียบมากถึงมากที่สุด พวกเราคือกลุ่มเดียวที่มาเที่ยวที่นี่ เป็นทริปที่เหมาอุทยานแห่งชาติอีกแล้ว เหมือนกับเมื่อคืนที่นอนที่ขุนสถานเลย แต่บรรยากาศแบบนี้ผมชอบนะ ชอบมาก ชอบที่จะได้ทำอะไรในแบบที่ไม่ต้องสนใจใคร และให้ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ตัวของผมกับสิ่งที่ผมรัก
แล้วผมก็เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ ทางชันนิดหน่อย แต่มีทางให้เดินได้สะดวก ทำเป็นขั้น ๆ ไม่ให้ลื่น สุดท้ายผมก็เดินขึ้นมาจุดที่สูงอีกจุดหนึ่ง ที่นี่คือ จุดชมวิวดอยเสมอดาว ดอยที่ทำให้ได้เห็นแม่น้ำน่าน ที่ไหลผ่านหุบเขาที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย
จุดชมวิวตรงนี้แหละที่จะทำให้ผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะผมมาที่นี่กี่ครั้งผมก็ได้เห็นทะเลหมอกตรงนี้ทุกรอบ มันยิ่งใหญ่ มันสวย และทำให้รู้สึกดีเสมอ...ถามว่ามั่นใจแค่ไหนกับพรุ่งนี้ ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่แน่ใจ !!!
เพราะธรรมชาติเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยากมาก ความเป็นไปได้เท่า ๆ กับความเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะไอ้ความรู้สึกแบบนั้นแหละที่ทำให้ผมขับรถมาเกือบพันกิโลเมตร เพื่อขอทดสอบกับมันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้า
และตอนนี้แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลง และกำลังหมดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ภายใต้บรรยากาศที่ค่อย ๆ เริ่มเย็นลง กับความเป็นไปได้ที่ฝนจะตกตอนเย็นเท่ากับศูนย์เลย แต่ผมก็ยังเชื่อว่าความชื้นที่ผ่านมาจะทำให้มวลไอน้ำรวมตัวกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
เช้านี้เราตื่นกันแบบสบาย ๆ ตั้งเวลาไว้ตอนตีห้าครึ่ง ตื่นมาแบบดีใจมาก ทะเลหมอกมารอแต่เช้ามืดแล้ว ผมรีบเรียกให้ทุกคนตื่นล้างหน้าแปรงฟันเก็บของเช็กเอาท์ทันที
เห็นไหมว่าความเป็นไปได้ก็ยังคงทำงานอยู่เสมอ กับบ้านพักที่วิวที่ดีที่สุดของที่นี่ บ้านพักศรีน่าน หมายเลข 105 ตอนนี้พวกผมพร้อมกันแล้ว
ผมขับรถขึ้นไปจุดชมวิวดอยเสมอดาว แต่เลือกที่จะไปดูไร่ข้าวโพดก่อน ที่อยู่ด้านตะวันตก ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่างเท่าไหร่ บรรยากาศยังไม่เต็มที่ แต่คิดว่าทะเลหมอกคงเต็มที่ได้แค่นี้
ยังนึกถึงความรู้สึกของปีที่แล้วได้เลย แค่ได้นึกก็รู้สึกเย็น ๆ ชื้นขึ้นมาทันที บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหน แต่มันบอกได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาที่นี่ เดือนเดียวกันแต่คนละปี และห่างกัน 365 วัน !!!!
มันเป็นดอยเสมอดาวที่สวยที่สุดในความทรงจำของผมเลย ทะเลหมอกอาจจะไม่ได้เยอะอะไร แต่จำได้ดีเลยว่าหัวใจพองโตแค่ไหนที่ได้เห็นภาพแบบนี้ในปีนั้น แม้ทริปนั้นจะมีปัญหารถเสียให้เครียดระหว่างทางมากมายก็ตาม
และนี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง ที่ทำให้ความพยายามไม่เคยหยุดนิ่ง และเป็นความพยายามอีกครั้งที่มันจะต้องได้ผล
และไม่ว่าปีนั้นหรือปีนี้มันจะเป็นความพยายามที่ลงท้ายแบบไหน ? แต่ผมรู้ว่าผมจะภูมิใจกับทุกอย่างที่ได้เห็นในวันนี้อย่างแน่นอน !!!!
แล้วความพยายามของผมก็กำลังเริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากตื่นนอนไม่ทันได้อาบน้ำ แค่ล้างหน้า แปรงฟัน ผมดิ่งมาที่นี่ก่อนเลย เพราะคิดว่ามันเป็นจุดชมวิวที่สูงต้องได้เห็นมุมอะไรสวย ๆ อย่างแน่นอน
ทะเลหมอกวันนี้ดูท่าทางจะมาไม่เยอะ แต่ก็ยังดีที่มันมา อย่างน้อยก็ไม่ผิดแผน ประมาณว่ามาบ้างดีกว่าไม่มาเลย
ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าตรงนี้คงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแล้ว เรารีบเดินขึ้นไปที่ดอยเสมอดาวดีกว่า ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก นั่นก็คืออีกฝากหนึ่ง วันนี้ดูทีท่าแล้วอากาศน่าจะปิดแน่ ๆ พอถึงจุดชมวิวดอยเสมอดาวผมมองไปด้านที่ผมไปชมวิวเมื่อกี้ ทะเลหมอกมันเยอะมาก
มาถึงแล้วครับจุดชมวิวดอยเสมอดาว วันที่ฟ้าไร้ดาวมีเพียงแต่ขุนเขาและทะเลหมอก บรรยากาศที่บอกกับผมอีกทีว่าความพยายามของผมอยู่ที่ไหน ?
และผมก็ทำในแบบที่เคยชอบทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือ การเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้า นี่ละมั้งเหตุผลที่บอกว่าทำไมผมถึงพยายามและพยายามมากขึ้น
มันดีแค่ไหนที่เราพยายามในสิ่งที่เรารัก ?
ผมยังจำปีที่แล้วได้เลยที่ผมมาที่นี่ในเดือนสิงหาคม แล้วรถผมเสียข้างทางช่วง อำเภอร้องกวาง-เวียงสา ทำให้ผมต้องจอดรถนอนตอนตี 1 ในคืนที่ฝนตกลมแรงและมองไม่เห็นอะไร
แล้วเช้านั้นผมก็พยายามพารถที่มีสภาพแบบว่าไม่ไหวแล้ว ขึ้นมาบนดอยเสมอดาวจนได้ในตอนเกือบ 7 โมงเช้า แล้วก็ไปสลบนอนหลับเป็นตายที่บ้านพักดอยแม่จอก 1 ที่ อช.ศรีน่านในคืนนั้น
แต่วันนี้ลานดูดาวที่นี่กำลังสวยที่สุดในความทรงจำของผมอีกครั้ง และอีกไม่นานทะเลหมอกรอบแรกของผมก็กำลังถูกลมพัดให้หายไป
แต่เชื่อได้เลยว่าผมจะเก็บความทรงจำแบบนี้ให้มันดีที่สุด ให้เท่ากับความพยายามที่ผมได้ค้นเจอ และวันใดที่ผมอยากจะค้นหาอีกครั้ง ภาพพวกนี้จะเป็นเงาสะท้อนที่บอกว่ามันเคยเกิดขึ้นกับผม
ผมขับรถลงมาที่ดอยผาชู้ ห่างจากจุดชมวิวดอยเสมอดาวราว ๆ 5 กิโลเมตร สายหมอกเริ่มฟุ้งเหมือนทุกอย่างกำลังจะจบในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แต่ตอนนี้ทะเลหมอกกลับมาอีกระรอกหนึ่ง ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก มันต้องให้ได้แบบนี้สิ ความพยายามของผมที่เคยทำไว้เมื่อปีก่อน ^^
อาจจะกำลังแสดงถึงผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ได้ กับวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในความทรงจำของผม
ผมใช้เวลาต่อจากนี้ไปเรื่อย ๆ ดูวิวภูเขา เดินไปจุดต่าง ๆ ถ่ายรูป และชวนให้เพื่อนดูตรงนั้นตรงนี้ ราวกับว่าเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก และก็ไม่เคยเห็นวิวและบรรยากาศแบบนี้มาก่อนในชีวิต
บรรยากาศที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกช่วงเวลา เหมือนกับชีวิตของเราหรือของใครก็ตาม
แล้วสักพักก็ถึงเวลาอาหารเช้าของผมกับเพื่อน เราโชคดีที่ซื้อมาม่าคัพเตรียมไว้ในรถ และที่ศาลาชมวิวก็มีกระติกน้ำร้อน รอเวลาต้มน้ำให้เดือดไปเรื่อย ๆ
แล้วสักพักมาม่าคัพรสอร่อยร้อน ๆ ก็เข้าไปอยู่ในท้องผม เป็นออเดิร์ฟเช้าแรกที่ไม่เยอะจนเกินไป ยังจำกลิ่นต้มยำกุ้งกับไอร้อนตอนซดน้ำจากถ้วยได้เลย ไอน้ำไปติดกระจกแว่นตาจนผมรำคาญ และถอดแว่นกินมาม่าพร้อม ๆ กับเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของทะเลหมอก
มันยังไม่จบง่าย ๆ หรอก นี่ก็ 8 โมงเช้าแล้ว ที่ทะเลหมอกวันนี้มีให้ดู 2 รอบ และพระอาทิตย์เหมือนกับว่าไม่มาแน่ ๆ ทำให้ทะเลหมอกยังคงอยู่กับผมไปอีกนานเลย
มีหลายคนมักพูดเสมอว่าไปบ่อย ๆ ที่ซ้ำ ๆ ไม่เบื่อหรือ ? ยังไม่เบื่ออีกหรือ...ยังจะไปอีกหรือ !!!! ผมก็ไม่รู้จะตอบแบบไหนที่ทำให้คนที่ถามเข้าใจ ในเมื่อทุก ๆ 1 องศา ทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไป มันก็เป็นความทรงจำอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้ามันจะเป็นความทรงจำในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำซาก จำเจ แต่ผมก็เชื่อ เชื่อทุกครั้งที่ตัดสินใจมาที่นี่ว่ามันต้องมีรายละเอียดอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ใครสักคนยังคงเดินทางมาที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เวลาที่ผมเห็นทะเลหมอกบนภูเขาสูงผมรู้สึกยังไงหรือ ? ผมจะตอบละนะ...ผมรู้สึกกลับเป็นเด็กอีกครั้ง !!! ความเป็นเด็กที่ผมพูดถึง นั่นก็คือ อยู่ตรงนั้นแหละ ทำอะไรก็ทำตรงนั้น ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลัง และไม่ได้รู้สึกต้องมองอะไรไปข้างหน้า ตอนเห็นทะเลหมอกผมก็มีความรู้สึกแบบนั้น ไม่มีอะไรเข้ามาในหัวให้ต้องคิดเยอะ ไม่ได้คิดว่าใครจะรักเรา ไม่รักเรา ไม่ต้องรับรู้ว่าโลกนี้กำลังจะแตกตอนไหน ? ไม่ต้องคิดว่าใครจะทะเลาะกัน น้ำมันจะขึ้นตอนไหน ? ไม่ต้องสนใจว่าสิ้นปีนี้จะมีเงินเก็บแค่ไหน ? ไม่ได้คิดว่าพรุ่งนี้จะทำไงกับชีวิตต่อ...นี่ละมั้งคำอธิบายที่ผมจะมีให้ ถ้ามีใครถาม
แล้วตอนที่ชอบที่สุดเวลาดูทะเลหมอก นั่นก็คือ การตะเวนไปยังจุดชมวิวที่เห็นทะเลหมอก อาจจะได้แค่เดินไปในมุมต่าง ๆ หรือต้องขับรถไป ยิ่งได้อยู่บนเส้นทางที่เห็นทะเลหมอก 2 ข้างทาง แบบนี้.มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า ไอ้ตอนที่เรายังเป็นเด็ก ๆ แล้วหัดขี่จักรยาน ล้มกี่ครั้งก็ล้มไป แล้วสักพักเราก็เริ่มล้มน้อยลง และในที่สุดเราก็ขี่มันได้ นั่นละมั้งวินาทีในตอนนั้น ตอนแบบนั้นเลย !!!
แต่บางทีช่วงเวลานั้นมันก็นานจนนึกอะไรไม่ออก ว่าตอนที่อยู่บนอานจักรยานแล้วปั่นมันไปในลานสนามหน้าบ้าน มันเป็นยังไงนะ ? ในตอนนั้นผมรู้สึกยังไง สนุกแค่ไหน ? แต่ตอนนี้ผมจำได้แล้ว มันเหมือนตอนนี้เลย
เมื่อสายหมอกโอบกอดขุนเขา-อุทยานแห่งชาติศรีน่าน-ขุนเขาแห่งน่าน
https://www.facebook.com/chanomworld
http://pantip.com/profile/569090
Chanomworld* world of wonder
Photo by chanomkids : word by chanomworld*
Sri Nan national park, Nan province, Thailand # August 2013