งาน 101 ปี พระราชวังพญาไท THE GLORY OF SIAM กับกาลเวลาอันทรงคุณค่า สู่เรื่องเล่าในบทบาทใหม่ Night Museum ประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจ ณ พระราชวังพญาไท กรุงเทพมหานคร ชวนไปท่องเที่ยวย้อนวันวานเข้าสู่โลกของพระราชวังโบราณ ผสานจินตนาการของงานจัดแสดงแสง สี เสียง ที่น่าอัศจรรย์ ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีเอก “มัทนะพาธา” อันไพเราะและลึกซึ้งของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ผสานงาน Art of Light กับไฟประดับนับล้านดวง ชม Mapping Lighting Design กับอาคารพระราชวัง พร้อมการแสดงฉายภาพแสง 3 มิติ บนตัวอาคารพระราชวัง ราวกับได้ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อน พักผ่อนและดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มไทยแท้ที่ร้านกาแฟนรสิงห์ ร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคารเทียบรถพระที่นั่ง ที่มีอายุเท่ากับพระราชวัง 100 ปี ในงาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM พร้อมสัมผัสความอลังการของงานไฟล้านดวงในบรรยากาศ Night Museum พระราชวังพญาไท ตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ Google Map พระราชวังพญาไท : https://maps.app.goo.gl/cV4Bhc29EZ5fCz9d7 พระราชวังพญาไท มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ถนนราชวิถีเป็นเพียงถนนสายสั้น ๆ เริ่มต้นจากริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาสุดด้านหลังพระราชวังดุสิต ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนสายนี้ว่า ถนนซังฮี้ อันเป็นคำมงคลของจีน มีความหมายว่า “ยินดีอย่างยิ่ง” ภายหลังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานนามใหม่ว่า ถนนราชวิถี บริเวณปลายถนนซังฮี้ตอนตัดใหม่นั้นเป็นสวนผักและไร่นา มีคลองสามเสนไหลผ่าน พื้นที่ยังโล่ง กว้าง อากาศโปร่งสบาย จึงเป็นที่ต้องพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินประมาณ 100 ไร่เศษจากชาวนาชาวสวนบริเวณนั้น เพื่อใช้ทดลองปลูกธัญพืชและเป็นที่ประทับสำราญพระราชอิริยาบถ ในปี พ.ศ. 2452 ได้เริ่มก่อสร้าง พระตำหนักพญาไท ซึ่งชาวบ้านเรียกกันต่อมาว่า วังพญาไท โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นพระตำหนักที่ประทับ รวมถึงพื้นที่บริเวณตรงข้ามกับพระตำหนักที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพื้นที่สำหรับเสด็จฯ ทอดพระเนตรการทำนา ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งโรงนาที่ได้พระราชทานนามว่า โรงนาหลวงคลองพญาไท พร้อมกับตั้งการพระราชพิธีเริ่มนาขวัญ พระตำหนักพญาไท เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในระยะเวลาอันสั้น และได้เสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงย้ายมาประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้เป็นการถาวร ตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2462 หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักพญาไท พระราชทานแก่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ คงไว้เพียง พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ซึ่งเป็นท้องพระโรง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็น พระราชวังพญาไท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบรมชนกนาถ และพระบรมราชชนนี และให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่หลายองค์ด้วยกัน กระทั่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีเฉลิมพระที่นั่งตามพระราชประเพณี เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระราชวังสำคัญแห่งหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้ไปโดยตลอดจนปีสุดท้ายแห่งรัชกาล อีกทั้ง พระราชวังพญาไท ยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เป็นที่ตั้งของ ดุสิตธานี เมืองจำลองประชาธิปไตยตามพระราชดำริอีกด้วย ต่อมารัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กรมรถไฟหลวง ปรับปรุงพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งสำหรับให้ชาวต่างชาติ ตามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ไว้สำหรับรองรับพระราชดำริการจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ โฮเต็ลพญาไท ซึ่งเริ่มดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 โดยในระหว่างนั้นได้มีการใช้พระราชวังพญาไทเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของสยาม ออกอากาศเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 กรมรถไฟได้ดำเนินการ โฮเต็ลพญาไท จนถึงเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 และปิดกิจการลง เนื่องจากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในเวลาต่อมากองทัพบกได้ปรับปรุงพระราชวังพญาไทให้เป็นสถานพยาบาล มีการสร้างโรงพยาบาลทหารบกขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวัง และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ขนานนามโรงพยาบาลเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตราบจนปัจจุบัน สำหรับ พระราชวังพญาไท คงเหลือพระที่นั่งที่สร้างครั้งรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เพียงองค์เดียว คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ส่วนพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ล้วนสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีนามคล้องจองกัน ได้แก่ ไวกูณฐเทพยสถาน, พิมานจักรี, ศรีสุทธนิวาส, เทวราชสภารมย์, อุดมวนาภรณ์ ตามลำดับ ลักษณะของสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของพระราชวังพญาไท คือ หอคอยสูงและหลังคายอดแหลมของพระที่นั่งพิมานจักรี ภายในมีภาพเขียนแบบปูนเปียกเป็นลวดลายงดงามแบบตะวันตก มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มีการจัดงาน “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน (Night Museum) ระหว่างวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 จนถึงวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ณ พระราชวังพญาไท เพื่อเฉลิมฉลองพระราชวังพญาไทครบรอบ 101 ปี ถือเป็นหมุดหมายสำคัญยิ่งที่ศิลปินผู้ออกแบบจะได้แสดงสถานที่อันทรงคุณค่าสู่สายตาประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เข้ามาชื่นชมความงดงามของพระราชวังพญาไท การจัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน (Night Museum) ท่านจะได้พบกับ Free area โซนที่ 1 Architecture Lighting & Projection Mapping : การฉายภาพแสง กับงานออกแบบภาพเคลื่อนไหวภายใต้จุดกำเนิดพระราชวังพญาไท ร่วมกับการแสดงศิลปะสถาปัตยกรรมบนตัวอาคารพระที่นั่งพิมานจักรี และพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน โซนที่ 2 Architecture Lighting & Interior Lighting : นิทรรศการจัดแสดงแสงไฟเพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมภายในอันงดงาม ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ TICKET AREA Lighting Inspirations พบกับแรงบันดาลใจจากผลงานบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ในการสร้างสรรค์ผลงานไฟที่วิจิตรตระการตาบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่ 3 Projection Mapping : ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ภายในห้องธารกำนัลหรือห้องรับแขก โซนที่ 4 Projection Mapping & Lighting Installation : สัมผัสจินตนาการงานศิลปะเคลื่อนไหวในโลกของพระราชวังโบราณ ผสานจินตนาการของงานจัดแสดงแสง สี เสียง ที่น่าอัศจรรย์ พร้อมนำบทพระราชนิพนธ์ “มัทนะพาธา” ที่วรรณคดีสโมสรยกย่องให้เป็นยอดแห่งบทละครพูด คำฉันท์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง โซนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ในการจัดแสดงไฟ โดยจะมีการยิง Projection Mapping เข้าตัวอาคารพระราชวังด้านหลังทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง โซนที่ 5 Lighting Installation & Mapping on the Big Giant Tree with the Glass Screens : สัมผัสงานอาร์ตกับการจัดแสดงแสงไฟนับพันดวงที่ประดับประดาบริเวณสนามหญ้าและต้นไม้ยักษ์ ตื่นตากับเทคนิค Glass Screens สวยงามมีมิติ โซนที่ 6 Lighting Installation : เปิดประสบการณ์และดื่มด่ำไปกับความงดงามของดอกบัวนับพันดอกด้วยเทคนิคไฟย้อมสี ณ เส้นทางเดินไปสักการะ ท้าวหิรัญพนาสูร พร้อมพักผ่อนและดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มไทยแท้ที่ ร้านกาแฟนรสิงห์ ร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคารเทียบรถพระที่นั่ง บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งพิมานจักรี โดยจะเปิดให้บริการเป็นพิเศษในช่วงเวลา 16.00-20.30 น. ตลอดค่ำคืนแห่งการแสดงแสง สี เสียง ของการเฉลิมฉลอง “101 ปี พระราชวังพญาไท” THE GLORY OF SIAM งาน 101 ปี พระราชวังพญาไท THE GLORY OF SIAM เริ่มจำหน่ายบัตรเข้าชมงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ผ่าน 3 ช่องทาง คือ Agoda, KKday และ Zipevent การเดินทางไปพระราชวังพญาไท สามารถเลือกการเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้ รถยนต์ส่วนบุคคล : เดินทางโดยรถยนต์ เลี้ยวเข้าถนนราชวิถีและขับตรงไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาเพื่อจอดรถภายในโรงพยาบาล รถโดยสารประจำทาง : เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ สาย 8, 12, 14, 18, 28, 92, 97, 108, ปอ.92, 509, 522, 536, ปอ.พ.4 รถไฟฟ้าบีทีเอส : เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ออกทางออกที่ 3 (ลงฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี) ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินทางเท้าตรงมาเรื่อย ๆ ทางแยกตึกชัย จนถึงโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก 101wangphyathai และ เฟซบุ๊ก พระราชวังพญาไท Phyathai Palace หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้งขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เฟซบุ๊ก 101wangphyathai
แสดงความคิดเห็น