ข้อมูลและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม
มิงกะลาบา อ๊ะ ๆ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมวันนี้คำทักทายเราแปลกไปค่ะ ^__^ มิงกะลาบา เป็นคำทักทายภาษาเมียนมาร์ หมายถึง สวัสดี เพราะกระปุกท่องเที่ยวได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับโครงการ "เปิดประตู AEC เชื่อมไมตรีสองฝั่งเมย" ตอน ไหว้พระสองแผ่นดิน เยือนถิ่นวัฒนธรรมเมืองชายแดน แคว้นพุทธภูมิ ไทย-สหภาพเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 10-12 มกราคม 2557 ซึ่งจัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) by นิตยสารโฟโต้เทค เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวด้วยกัน ขอบอกเลยว่าทริปนี้ได้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้องอีกด้วย
แม่สอด ดินแดนสุดประจิมที่ริมเมย เปี่ยมเสน่ห์ หลากหลายวัฒนธรรมน่าชมเชย
แม่สอด เป็นอำเภอหนึ่งทางตอนกลางของจังหวัดตาก อยู่ห่างจากอำเภอเมืองตาก 86 กิโลเมตร จากประวัติความเป็นมามีหลักฐานว่า เมื่อปี พ.ศ. 2404 2405 บริเวณที่ตั้งอำเภอแม่สอดในปัจจุบัน ได้มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานทำมาหากิจอยู่ เรียกชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านพะหน่อแก" ต่อมามีคนไทยจากถิ่นอื่นพากันอพยพลงมาทำมาหากิน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวกะเหรี่ยงซึ่งไม่ชอบอยู่ปะปนกับชนเผ่าอื่น ต้องพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น หมู่บ้านแห่งนี้ได้เจริญขึ้นตามลำดับ ต่อมาทางราชการได้ย้ายด่านเก็บภาษีอากรมาอยู่ที่นี่ จนถึงปี พ.ศ. 2441 ทางราชการจึงได้ยกฐานะหมู่บ้านขึ้นเป็นอำเภอ เรียกชื่อว่า "อำเภอแม่สอด" ให้อยู่ในเขตปกครองของมณฑลนครสวรรค์ ต่อมาเมื่อมีการมีการปรับปรุงแก้ไขระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค อำเภอแม่สอดจึงได้เปลี่ยนมาขึ้นกับจังหวัดตาก
อำเภอแม่สอด เป็นอำเภอที่มีการค้าระหว่างประเทศไทยกับสหภาพเมียนมาร์ เนื่องจากเป็นอำเภอที่อยู่ติดชายแดน และมีวัดวาอารมต่าง ๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ไปสัมผัส ซึ่งเราได้มีโอกาสไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อพะวอ มงคลสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแม่สอด ตั้งอยู่บนเนินดินเชิงเขาพะวอ ถนนสายตาก-แม่สอด เล่ากันว่า ท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงแต่งตั้งให้เป็นนายด่านที่ด่านแม่ละเมา เพื่อคอยเฝ้าป้องกันข้าศึกมิให้ข้ามเขามาถึงเมืองตากได้ และได้ต่อสู้กับพม่าที่รุกรานเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเพื่อปกป้องเอกราชของชาติจนตัวเองต้องเสียชีวิตในสนามรบแห่งนี้ ทั้งนี้ ด้วยเหตุเพราะเจ้าพ่อพะวอท่านเป็นนักรบ จึงชอบเสียงปืน เพื่อแสดงความเคารพผู้ที่เดินทางผ่านไปมา มักจะสักการะท่านด้วยการบีบแตรรถ ยิงปืน หรือจุดประทัดถวาย
จากนั้นเราไปไหว้พระขอพรที่ วัดแม่ซอดน่าด่าน หรือวัดเงี้ยวหลวง (วัดหลวง) แต่เดิมเป็นที่พักแรมของพ่อต้าชาวไทยใหญ่ ต่อมาได้ตั้งรกรากที่นี่และรวมกันสร้างวัดนี้ขึ้นมา มีพระพุทธรูปปูนปั้นอยู่ในวิหาร 5 องค์ พระพุทธรูปหินอ่อน 2 องค์ ทองเหลือง 1 องค์ ซึ่งได้มาจากสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งในช่วงวันเข้าพรรษาของทุกปี ทางวัดจะจัดให้มีประเพณีแล้อุปั๊ดตะก่า หรือแห่ข้าวพระพุทธ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยใหญ่ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี
และไปเยี่ยมชม วัดท่าสายโทรเลข หรือวัดห้วยม่วง บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด ตั้งอยู่ติดชายแดนสหภาพเมียนมาร์ มีแม่น้ำเมยกั้นเขตแดน และมีสายโทรเลขของทางราชการมาจบสุดเขตที่หมู่บ้านนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อวัด ภายในมีมหาเจดีย์จตุราจารย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2539 สุดงดงาม อีกทั้งยังมีพระอุโบสถหลังใหญ่ตระการตา
นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) ศิลปะพม่าขนาดใหญ่ ความยาม 93 ศอก ประดิษฐานอยู่ในศาลาบริเวณด้านหลังศาลาการเปรียญ แถมเรายังได้มีโอกาสชมศิลปะการแสดงของชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบ ๆ ด้วย แถมที่นี่เรายังได้ชมการแสดงของชนเผ่าต่าง ๆ ด้วย
เยือน "เมียวดี" สัมผัสเมืองหน้าด่านสุดชายแดนเมียนม่าร์
หลังจากเที่ยวกันจนจุใจที่ฝั่งประเทศไทยแล้ว ก็ได้เวลาพาเพื่อน ๆ ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เพื่อไปเยือนดินแดนเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์กันบ้าง ด้วยการตะลุยไหว้พระขอพระวัดที่มีเรื่องราวและความงดงาม รวมถึงชมวิถีชีวิตของชาวบ้านกันด้วย
ต่อมาเราไปเยี่ยมชม วัดเด้ถั่นเอ่ (วัดอธิษฐาน) เป็นวัดสร้างใหม่ สร้างในปี พ.ศ. 2544 นับเป็นวัดที่ชาวบ้านนิยมไปกราบไหว้ขอพร "พระอธิษฐาน" พระพุทธรูปหลังเจดีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าหากใครได้มาขออธิษฐานพรแล้วจะประสบปรารถนาตามที่อธิษฐาน ทั้งในเรื่องการงาน การเงิน และความรัก รวมถึงวัดนี้ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ถึงอำเภอแม่สอดได้อีกด้วยนะ
ก่อนจะไป วัดเจ้าโหล่งจี (วัดก้อนหินใหญ่) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขา ทำให้มองเห็นยอดเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามมาแต่ไกล โดยมีเรื่องเล่ากันมาว่า ในอดีตมีพระพุทธรูปสายธุดงค์ได้มาจำพรรษาอยู่บริเวณวัดนี้ พอตื่นเช้าขึ้นมามีงูเหลือมมาขดอยู่ด้านบนหินที่ท่านจำพรรษาอยู่ ชาวบ้านผ่านมาเห็นจึงเกิดความศรัทธา และนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่จนมรณภาพ อย่างไรก็ตาม คนไทยที่มาเที่ยวเมียวดีนิยมมาไหว้พระธาตุแห่งนี้เพื่อเป็นสิริมงคล หรืออาจจะลองเสี่ยงทายยกหินสีทองลูกกลม ๆ หลักราว 10 กิโลกรัม ที่เป็นของแปลกสำหรับวัดนี้ ซึ่งวิธีเสี่ยงทาย คือ ให้ยกก้อนหินก่อนว่าหนักแต่ไหน จากนั้นให้อธิษฐานแล้วลองยกอีกครั้ง ถ้ารู้สึกว่าเบากว่าครั้งแรกหรือก่อนอธิษฐาน แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นจะมีโอกาสเป็นจริง แต่ถ้ารู้สึกว่าหนักกว่าเดิมแสดงว่าคำอธิษฐานนั้นไม่ได้ผล
ชวนชิมของอร่อย ๆ ในอำเภอแม่สอด
ขนมจีนขยุ้มป้าน้อย ร้านขนมจีนชื่อดังประจำแม่สอด ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีวิทยุเอเอ็ม ที่ชื่อนี้เพราะจะเสิร์ฟเส้นขนมจีนที่ผ่านการขยุ้มเป็นก้อนเล็ก ๆ พอดีคำมาให้ลูกค้าได้รับประทานง่าย ๆ พร้อมน้ำยากะทิ น้ำเงี้ยว น้ำยาป่า และแกงเขียวหวาน พร้อมผักและเครื่องเคียงนานาชนิด
ชวนช้อปชิล ๆ เดินเพลิน ๆ ในอำเภอแม่สอด
ตลาดอัญมณีแม่สอด หรือตลาดสยาม เป็นตลาดค้าขายอัญมณีมากมาย เช่น หยก พลอย ทับทิม ฯลฯ ให้เลือกซื้อ แต่เราขอแนะนำว่าควรซื้ออัญมณีจากร้านค้าที่มีใบรับประกันเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะอาจโดนหลอกได้ ซึ่งที่นี่เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. ใครชื่นชอบเครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ ราคาย่อมเยาห้ามพลาดจ้า
ทิปส์ท่องเที่ยว
- การเข้าไปภายในวัดสหภาพเมียนมาร์ จะต้องถอดถุงเท้า รองเท้า และเดินเท้าเปล่าตั้งแต่เขตพัทธสีมาเข้าไป หรือจะเตรียมถุงพลาสติกใส่รองเท้าแล้วหิ้วติดตัวไปด้วยก็ได้
- การเข้าไปท่องเที่ยวในจังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมาร์ ควรมีไกด์เป็นคนนำเที่ยว
- ขั้นตอนการผ่านแดนแม่สอด-เมียนมาร์ จากตำรวจท่องเที่ยวแม่สอด ดูได้ที่ maesotclub.com
จะเห็นได้ว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของทั้งไทยและสหภาพเมียนมาร์ มีอะไรที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงให้ทั้ง 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กันเสมอ นั่นคือ พระพุทธศาสนา เอาเป็นว่าหากเพื่อน ๆ มีเวลาและโอกาสก็ลองไปสัมผัสกับอำเภอแม่สอด อำเภอเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และอย่าลืมข้ามไปเยือนจังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมาร์ รับรองว่าคุณจะเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลเชียวล่ะ
สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก 193 ถนนตากสิน ตำบลหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก 63000 โทรศัพท์ 0 5551 4341-3 และ 0 5551 4344 ในเวลาทำการ 08.30-16.30 น. หรือ เฟซบุ๊ก TAT TAK