ล่องเรือสตาร์ครูซส์ ขึ้นบก...สิงคโปร์

 

ล่องเรือสตาร์ครูซส์ ขึ้นบก...สิงคโปร์ (คมชัดลึก)

โดย :  อารยา  มาลัยเล็ก

         
          เมื่อได้เหยียบย่างเท้าเข้าไปในเรือ เรารู้สึกได้ถึงความโอ่อ่าฟู่ฟ่า ทั้งร้านค้า, คาราโอเกะ, กาสิโน, สวนน้ำ, เกม, ห้องฟิตเนส ฯลฯ แหล่งบันเทิงทั้งหลายถูกยกมาตั้งไว้บนเรือแห่งนี้ครบครัน
        
          ภายหลังจากที่สายการบิน สวิส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ ไลน์ นำเราเหินฟ้าไปยังท่าอากาศยานชางกี ประเทศสิงคโปร์ ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คืออากาศอันบริสุทธิ์  ณ ดินแดนอันศิวิไลซ์ แต่แฝงไว้ด้วยความเงียบสงบไกด์ชาวสิงคโปร์ จากการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ เป็นผู้มาต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเราถึงสนามบินด้วยความอบอุ่นกับภาษาไทยที่เราคุ้นเคย หนแรกนึกสงสัยว่า เขาเป็นคนไทยหรือคนสิงคโปร์กันแน่ แต่ไกด์ยืนยันว่า เขาเป็นคนสิงคโปร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กว่าจะเรียนและพูดภาษาไทยได้จนคล่องอย่างทุกวันนี้ ก็ใช้เวลานานพอสมควร

         
          เรานั่งรถไปได้สักพัก จึงสังเกตเห็นว่า ผู้คนสิงคโปร์นั้น ดูแล้วก็ไม่แตกต่างจากคนไทยเท่าใดนัก ทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ แต่สิงหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือบ้านเมืองของสิงคโปร์ที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ รถราทุกคันนั้นใหม่ ไร้ฝุ่นจับให้รำคาญตา และแม้จะมีตึกสูงระฟ้า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเขียวชอุ่มของต้นไม้แซมอยู่ทั้งสองข้างทาง

         
          วันที่เราไปถึงนั้นเป็นวันศุกร์ วันสุดท้ายของการทำงาน ไกด์บอกว่าวันนี้รถจะค่อนข้างติด ถ้าเทียบกับวันอื่นๆ แต่ถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก เพราะรถติดนานที่สุดก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อ๊ะๆ...คนไทยอย่าเพิ่งน้อยใจไป ที่เป็นอย่างนี้ เพราะประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ มีประชากรเพียงแค่ 4 ล้านคนเท่านั้น

          เราถึงท่าเรืออาคาร ฮาร์เบอร์ฟรอนท์ เซ็นเตอร์ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพื่อเดินทางลงเรือ ซูเปอร์สตาร์ เวอร์โก้ ภายใต้การดูแล บริษัทสตาร์ครูซส์

         
          เมื่อได้เหยียบย่างเท้าเข้าไปในเรือ เรารู้สึกได้ถึงความโอ่อ่าฟู่ฟ่า ทั้ง ร้านค้า, คาราโอเกะ, กาสิโน, สวนน้ำ, เกม, ห้องฟิตเนส ฯลฯ แหล่งบันเทิงทั้งหลายถูกยกมาตั้งไว้เรือแห่งนี้ครบครัน  ก่อนที่เรือจะออก ได้มีการสาธิตถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยบนเรือ จากนั้นได้พาเราเดินทางออกจากท่าเรือประเทศสิงคโปร์ มุ่งหน้าสู่เกาะมะละกา ประเทศมาเลเซีย

         
          และที่แห่งนี้ มีไกด์ชาวมาเลเซีย เป็นผู้พาเราไปทัวร์ทิวทัศน์เมืองมะละกา สัมผัสบรรยากาศเมืองแห่งประวัติศาสตร์อันงดงาม  และเต็มไปด้วยมรดกทาวัฒนธรรมอันเก่าแก่ อาทิ เซนต์ ปอล ฮิล คอมเพล็กซ์ (St.paul\'s Hill Complex)และ ดัตซ์ สแควร์ (Dutch Square)    ไกด์ชี้ให้ดูต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และบอกเราว่าเป็นต้นมะละกา อันเป็นที่มาของชื่อเกาะแห่งนี้ เรา เดินไต่เนินเขาขึ้นไปถึงโบสถ์คริสต์มะละกา ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1753 ก็ได้เห็นป้ายหินใหญ่ๆ หลายป้ายอยู่ในนั้น ตอนแรกเห็นแปลกๆ ก็กะจะถ่ายรูปคู่ดูสักหน่อยปรากฏว่าป้ายหินขนาดใหญ่นั้น คือ ป้ายชื่อหลุมศพนั่นเอง บรื๋อ...

          เวลาผ่านไปได้ครึ่งวัน ท้องเริ่มหิว ไกด์ชาวมาเลย์จึงพาไปกินอาหารพีรานากันอันเลิศรสของชาวมะละกา หน้าตาก็คล้าย ๆ กับกับข้าวบ้านเรานี่ล่ะ แต่รสชาติอาจจะผิดลิ้นไปนิดหนึ่ง แต่อาหารทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของพวกเราเป็นที่เรียบร้อย  จากนั้นไกด์ชาวมาเลย์ก็พาเรามาส่งยังท่าเรือคลัง แต่ก่อนจะขึ้นเรือ เราได้มีโอกาสเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของบริษัท สตาร์ครูซส์ และศูนย์ฝึกปฏิบัติการ  และบังคับการเรือแบบจำลอง เพื่อฝึกกัปตันเรือฝึกหัด ให้ก้าวมาเป็นกัปตันเดินเรือตัวจริงของสตาร์ครูซส์ในวันข้างหน้า

          หลังจากโบกมือลาเรือซูเปอร์สตาร์ เวอร์โก้ กันแล้ว ไกด์ชาวสิงคโปร์คนเดิม ที่เดินทางมารับเราที่ท่าเรือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมที่จะพาเราไปสู่ที่พักแห่งใหม่ ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนโรงแรมในเมืองไทยแม้แต่น้อย

          เพราะเพียงแค่เข้าไปยังห้องโถง ก็ไม่มีพนักงานคอยยืนยกมือไหว้ต้อนรับ การตกแต่งก็ดูคล้าย ๆ กับนั่งอยู่ในแกลลอรี่ๆ หนึ่ง สมแล้วที่ชื่อว่า โรงแรมแกลลอรี่ ที่ภายในห้องแต่ละห้อง จะมีของไม่เหมือนกัน เนื่องจากเจ้าของโรงแรมชอบท่องเที่ยว เมื่อเจอสิ่งของแปลกๆ ก็จะซื้อมาประดับไว้ เพื่อให้แต่ละห้องมีความแตกต่างกัน นับว่าเป็นไอเดียที่เก๋ไก๋ไม่น้อย

          ถึงแม้กลางคืนจะเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับใหล แต่ที่สิงคโปร์ก็ไม่เคยหลับใหลไปตามกาลเวลา เราตะเวนท่องราตรีตามผับต่างๆ มีเด็กมาเที่ยวเหมือนกับเมืองไทยเรานี่ล่ะ แต่เขาจะเน้นคุยกันมากกว่าเต้น และพ่อแม่ชาวสิงคโปร์ก็ไม่ต้องกังวลกับการเที่ยวของลูกสาวมากเท่าใด เพราะที่นี่เขามีกฎหมายเข้มงวด จนคนไม่กล้าทำผิด

          เราชมผับกลางคืนมาพอสมควร  ถึงคราวที่จะเดินชอปปิ้งหาของฝากกันบ้าง กับแหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ Mustaffa (มุสตัฟฟา) ซึ่งไกด์บอกว่าที่แห่งนี้จะใส่ชุดนอนออกมาช้อปก็ได้ไม่ว่ากัน...

          เช้าวันต่อมา ไกด์พาเราไปกินมื้อเบาๆ  ไข่ลวก กาแฟ ขนมปังปิ้ง สังขยา ขอบอกคำเดียวว่า อร่อยมาก ทั้งหอมทั้งหวาน จนไม่อยากจะหยุดหม่ำ แต่ก็จำใจต้องยั้งน้ำย่อยเอาไว้ก่อน เพื่อไปผจญภัยต่อในสวนสัตว์สิงคโปร์พร้อมกับขึ้นกระเช้าลอยฟ้า มองเห็นทิวทัศน์รอบเกาะ เซนโตซ่า อย่างชัดเจน ก่อนจะปิดท้ายการท่องเที่ยวครั้งนี้ด้วยการช้อปปิ้งที่ Sim Lim Square (ซิม ลิม สแควร์) อันเป็นแหล่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ และถูกของสิงคโปร์

          ถึงแม้เราจะรู้จักประเทศสิงคโปร์เพียงไม่กี่วัน แต่ความประทับใจก็ติดใจเรามาจนทุกวันนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก