เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชมได้ไม่รู้จบจริง ๆ โดยมักจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นใหม่ตลอดทั้งปี ซึ่งบางสถานที่นั้นก็เป็นธรรมชาติที่เราเห็นกันปกติจนชินตา แต่ทว่าถ้ามองดี ๆ กลับมีความสวยงามซ่อนอยู่มากมาย อย่างเช่น ทะเลบัวแดงโคราช ที่เที่ยวโคราชแห่งใหม่ ซึ่งเป็นบึงน้ำกว้างใหญ่มากกว่า 3,600 ไร่ อยู่ในตำบลบ้านเหลื่อม อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา โดยสภาพของบึงน้ำแห่งนี้ก็เอื้อต่อการเจริญเติบโตของบัวแดง จึงทำให้ในช่วงต้นปีจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกบัวจะพากันออกดอกชูช่อสีชมพูแดงอร่ามไปทั่วทั้งบึงน้ำเลยทีเดียว คุณพิมปะการัง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้เดินทางไปยังทะเลบัวแดงโคราชและเก็บภาพความสวยงามของที่นี่มาฝากกันด้วย ถ้าอยากรู้ว่าทะเลบัวแดงแห่งใหม่ของอีสานจะงดงามขนาดไหน ไปชมกันเลยค่ะ
ทีนี้ก็โทรถาม ททท. อีกครั้ง เขาบอกว่าจากเมืองชัยภูมิมาที่ทะเลบัวแดงระยะทางแค่ 30 กิโลเมตร แต่จากเมืองโคราช 90 กิโลเมตร เป็นอันตัดสินใจมุ่งหน้าไปชัยภูมิเลยค่ะ โชคดีมีงานเจ้าพ่อพระยาแล เลยได้เดินเล่นในงานฟิน ๆ คืนหนึ่งด้วย...มาค่ะ ไปเที่ยวทะเลบัวแดงกัน
เราเดินทางเช้าวันเสาร์ แวะไปเรื่อยสไตล์เรา ไปถึงชัยภูมิบ่าย ๆ ช่วงนี้รถขนอ้อยเยอะมากกกกกกก ใครไปก็ขับรถระวัง ๆ กันด้วยนะคะ เข้าตัวเมืองชัยภูมิหาที่พัก ก็โชคดีได้ที่พักใกล้ ๆ งานเจ้าพ่อพระยาแล ลองเข้าไปถามดูก็ว่างอยู่ ชื่อโรงแรมดีพร้อม เดี๋ยวท้าย ๆ กระทู้จะรีวิวค่ะ
มาว่ากันที่ทะเลบัวแดงเลยแล้วกัน เราออกจากที่พักเช้าวันอาทิตย์ มุ่งหน้าไปทางอำเภอเนินสง่า ตัดเข้าบ้านค่ายไปออกบ้านเหลื่อม เราตั้ง GPS ไปที่โรงเรียนบ้านเหลื่อมค่ะ เพราะ GPS หาทะเลบัวแดงไม่เจอ จริง ๆ มันชื่อ "บึงละหานลูกนก" แต่ก็ไม่มีใน GPS ค่ะ พอไปถึงโรงเรียนบ้านเหลื่อมก็ใช้ปากนำทาง ถามชาวบ้านไปเรื่อย แต่...แต่ก็หลงทางค่ะท่านผู้ชม วนไปวนมาหาไม่เจอ ป้ายอะไรก็ไม่มี
หลงทางอยู่นาน จนเจอชุมชนอะไรสักอย่าง เลยไปถามที่ร้านค้า เขาเลยวาดแผนที่มาให้ เป็นอันเรียบร้อย ตามแผนที่ไปโลด ตรงไปบ้านดอนเปล้า ตอนนี้ก็ตั้ง GPS ได้แล้ว คือตั้งเป็นวัดบ้านดอนเปล้า เพราะทะเลบัวแดงอยู่หลังวัดนั่นแหละค่ะ
ตื่นเต้นค่ะ ณ จุดนี้ เข้าไปนี่ทุกอย่างยังสดดิบมากมาย ได้อารมณ์บ้านนา ฟินค่ะบอกเลย
ก็มีคนเข้ามากันบ้างนะคะ นี่ค่ะลุยเข้าไปตามคันนาเลย เหมือนเขาเพิ่งทำทางให้รถเข้าได้ ก็ขับกันระวังหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจพุ่งลงนาได้
มาถึงที่จอดรถเป็นลานกลางแจ้ง มีเซเว่นฯ ให้บริการอย่างที่เห็น อุดหนุนด้วยนะคะสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน
ตรงนี้เป็นจุดรอขึ้นเรือค่ะ มีผู้ใหญ่บ้านเป็นคนจัดลำดับคิว
เรือเป็นเรือพายนะคะ ของชาวบ้านย่านนี้ ซึ่งเราว่าดีมาก เรือพายจะไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ บางแห่งใช้เรือเครื่อง ซึ่งมันได้ตัดรากบัวจนเสียหายทำให้บัวลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ แบบนั้นเราว่าไม่ดีเลย มันเป็นการท่องเที่ยวเชิงวินาศเสียมากกว่า
ท่าเรือบ้าน ๆ มีเรืออีโปงลอยลำอยู่ ไม่ค่ะ...ไม่ใช่ลำนี้ที่พาเราล่องไป 5555 ต้องรอคิวค่ะ ณ ปัจจุบันมีเรือให้บริการเพียง 5 ลำ นั่งได้ 2-3 คน ค่าเรือหัวละ 100 บาท เราว่าราคาถูกมากนะ เพราะคนพายนี่พายกันหนักหน่วงน่าดู ระยะเวลาการนั่งเรือชมบัวประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ อ้อ ! มีชูชีพนะคะ เพื่อความปลอดภัยก็ควรสวมใส่
ระหว่างรอคิวเรือก็ส่องนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย จากที่คุยกับผู้ใหญ่บ้านก็ได้ทราบว่าพื้นที่แห่งนี้มีอาณาเขตราว ๆ สามพันกว่าไร่ ผู้ใหญ่บ้านไปดูงานบัวแดงที่อุดรธานีแล้วกลับมาพัฒนาที่ดอนเปล้าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ขอบอกว่าบรรยากาศดีมากเลย อาจเป็นเพราะมันยังสดใหม่อยู่ ผู้คนไม่เยอะ แดดจ้าแต่ก็ไม่ร้อนนะเราว่า อากาศดีมาก เสียอย่างเดียวเรามัวแต่หลงทางกว่าจะมาถึงก็สายมากแล้ว บัวเริ่มหุบแล้วค่ะ จริง ๆ เวลาที่เหมาะสมคือตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเก้าโมงครึ่ง สิบโมง ประมาณนั้นน่าจะบานเต็มที่
ถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ
อันนี้นำเสนอมากกกกกกกก ได้ยินชื่อมานานเพิ่งเคยรู้จัก
"เราเคยเล่นน้ำในลำประโดง พายเรืออีโปงเก็บดอกโสน ลุยน้ำลุยโคลน หาปูหาปลา..."
เรืออีโปง
ยืนพาย เท่จริง ๆ
เด็กแถวนี้ดูมีความสุขดีจัง
เรือตามคิวของเราลิบ ๆ มานู่นแล้ว
มาแล้วเรือของเรา
มีหน้าเราสักรูปนะ อยากให้เห็นบรรยากาศของเรือ เล็ก ๆ นั่งได้สองคนกำลังดี หัว-ท้าย ถ้าตัวเล็กหน่อยก็อาจได้สามคน ตรงกลางอีกคน
เอาล่ะออกสู่มหาสมุทร ... ไม่ใช่
ถ้ามาเช้ากว่านี้คงสวยสะพรั่งกว่านี้เยอะ นี่เริ่มหุบละค่ะ
จริง ๆ มีนกเยอะมากนะคะ โฉบไปโฉบมา แต่เราถ่ายไม่ค่อยทัน ยังไม่ชินกับกล้องตัวใหม่ อนาถใจจริง ๆ
คุณลุงที่พายเรือให้เรานั่งบอกว่าถ้าจะมาดูนกต้องมาตอนเย็นค่ะ ช่วงเย็นนกเยอะมาก เสียดายเราต้องกลับก่อนเลยไม่ได้อยู่ดูนก ไว้โอกาสหน้าค่อยไปใหม่
วนกลับมายังท่าเรือจุดเดิม ให้คิวต่อไปได้ชื่นชมความงามบ้าง
หลังจากขึ้นเรือมาก็พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านนิดหนึ่ง ถามไถ่อะไรต่อมิอะไรกันไป ระหว่างนั้นก็มีคนโทรมาถามทางเป็นระยะ ๆ เราเลยไปตั้งพิกัด GPS และได้บันทึกให้ผู้ใหญ่บ้านไปเรียบร้อยแล้ว ตามนี้ค่ะเผื่อใครไป
สำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ ช่วงเวลาที่บัวบานคือพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ใครจะไปชมก็รีบไปนะคะ ปลายกุมภาพันธ์คงเริ่มหมดแล้ว
เวลาที่เหมาะสมสำหรับชมบัวคือเช้าตรู่ หกโมงเศษ ๆ ถึงเก้าโมง สิบโมง เกินจากนั้นเริ่มหุบแล้วค่ะ ส่วนผู้ที่ต้องการไปดูนกด้วย เวลาดูนกคือช่วงเย็นค่ะ เย็น ๆ เลย
ส่วนเรื่องที่พักในย่านบ้านเหลื่อม จากที่เราขับรถหลงไปหลงมา เราเจอที่พัก (ที่ค้นกูเกิลได้ตามที่บอกข้างต้น) ชื่อ สบายใจรีสอร์ทค่ะ จากที่เห็นภายนอกก็ดูโอเคนะคะ ค่อนข้างใหม่ และใกล้ทะเลบัวแดง ไม่น่าจะเกิน 10 นาที ในการขับรถค่ะ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ นั้นสอบถามได้จาก ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทร. 08-97173261 และเบอร์ผู้ใหญ่บ้านค่ะ 08 1760 2558
*** อันนี้สำคัญมาก นักท่องเที่ยวทุกท่านเคารพในความเป็นท้องถิ่นกันด้วยนะคะ ให้เกียรติเจ้าของสถานที่ ซึ่งก็คือชุมชน (จริง ๆ ไม่ว่าที่ไหนก็ตามเราต้องท่องเที่ยวอย่างมีวัฒนธรรมค่ะ) อย่าทิ้งขยะลงในบึง อย่าเด็ดบัวเหลือไว้ให้คนข้างหลังได้ชื่นชมบ้าง อย่าทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่าเอะอะส่งเสียงดังเกินควรเพราะจะเป็นการรบกวนนกค่ะ ดูแต่ตา ถ่ายมาแต่รูป เพื่อธรรมชาติที่ยั่งยืนนะคะ ***
สำหรับคนที่มาทางฝั่งชัยภูมินะคะ แนะนำว่าพักตัวเมืองสะดวกที่สุด มีให้เลือกหลายที่อยู่ค่ะ แต่พอดีเราขับผ่านโรงแรมดีพร้อมแล้วแวะถามดู ปรากฏว่าว่างเลยเอาที่นี่ แค่อาศัยนอนขี้เกียจเลือกแล้ว โรงแรมอยู่ใกล้อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแลค่ะ หาไม่ยาก ห้องพักก็ประมาณนี้ ทีวี ตู้เย็น ของใช้ในห้องน้ำตามมาตรฐานทั่วไป น้ำดื่มสองขวดตามปกติทุกที่ แอร์เย็นดีไม่มีปัญหา ราคา 800 บาท พร้อมอาหารเช้า อาหารเช้าไม่ได้ถ่ายมาค่ะ ก็ทั่ว ๆ ไป ไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวต้มกุ๊ย ผักกาดดอง ข้าวสวย แกง ต้มผัดอีกเล็กน้อย ขนมปัง ชากาแฟทั่ว ๆ ไป ผลไม้ตามฤดูกาล ก็พออิ่มหนำตามสมควรแหละค่ะ เอาเป็นว่าเหมาะสำหรับค้างคืนเพื่อไปต่อ ไม่ต้องเอาบรรยากาศอะไรมากมาย
ส่วนอาหารมื้อเย็นที่ชัยภูมิเราฝากท้องกันที่ครัวน้องตาลค่ะ ในเมืองแหละ ก็ไม่ไกลที่พักมากนัก โอเคนะ รสชาติดี สะอาดสะอ้าน ร้านก็ดูเงียบสงบดี แหนมซี่โครงหมูอร่อยแนะนำเลย
ยำถั่วพู อร่อยมาก แต่แอบเผ็ดไปนิด
ทานมื้อค่ำเสร็จก็ไปเดินงานเจ้าพ่อพระยาแลสักหน่อย อากาศดี ๆ เดินเพลิน ๆ สนุกดีค่ะ
จบรีวิวด้วยภาพท้องฟ้าที่ชัยภูมิ
ขอบคุณที่เข้ามารับชมค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณพิมปะการัง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
