สัมผัสความน่ารักของตัวอัลปาก้า ในวันพักผ่อนกับครอบครัว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก alpacahill.com และ เฟซบุ๊ก AlpacaHillThailand
"สวนผึ้ง" จังหวัดราชบุรี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนอยากพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แถมยังคงความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม และมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเปิดขึ้นจำนวนมาก เพื่อตอบรับความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงแวะไปหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสุดน่ารักมาอัพเดทให้เพื่อน ๆ กัน นั่นก็คือ อัลปาก้าฮิลล์ (AlpacaHill) ส่วนภายในจะมีอะไรน่าสนบ้าง ตามเราไปตะลุยที่นี่พร้อม ๆ กันเลย
อัลปาก้าฮิลล์ (AlpacaHill) เป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ "อัลปาก้า" แห่งแรกและแห่งเดียวของไทย สถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ฟาร์มที่โดดเด่นด้วยการเลี้ยงตัวอัลปาก้าสุดแสนน่ารัก สำหรับอัลปาก้าเป็นสัตว์เลี้ยงในตระกูลอูฐ อาศัยอยู่ในภูเขาสูงแถบทวีปอเมริกาใต้ มีขนที่เป็นเส้นใยสามารถนำมาทำเครื่องนุ่งห่มได้เหมือนแกะ ซึ่งปัจจุบันตัวอัลปาก้าถือเป็นสัตว์เลี้ยงหายาก ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2553 พันตรีหม่อมราชวงศ์พีรานุพงศ์ ภาณุพันธุ์ ได้พบความประทับใจกับสัตว์เหล่านี้ระหว่างพักร้อนในประเทศเปรู พร้อมทั้งมีความตั้งใจว่าจะนำพวกเขากลับมาเพื่อให้ชาวไทยได้ชื่นชม หลังจากศึกษาและค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี จึงสามารถพาอัลปาก้าฝูงแรกจำนวน 36 ตัว มาสู่ประเทศไทยได้เมื่อต้นปี พ.ศ. 2555 จากประเทศออสเตรเลีย จนสามารถเพาะเลี้ยงในประเทศไทยได้จนถึงปัจจุบัน
โซนขายของที่ระลึก, โซน Pony Express กับกิจกรรมขี่ม้าแคระและเก็บไข่ และ THE MAZE โซนพิศวงสุดยากที่จะคาดเดาทางออก เป็นต้น นอกจากนี้ ในฟาร์มจะมีรถเปิดประทุนไว้บริการนักท่องเที่ยวในการเยี่ยมชมโซนต่าง ๆ อย่างสะดวกสบาย
วันศุกร์ เวลา 09.30-17.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลสัตว์เลี้ยงและลดความเครียดอันเนื่องมาจากการติดต่อกับมนุษย์ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มละ 8-15 คน (พร้อมทั้งไกด์ส่วนตัวหากต้องการ) เรากำหนดจำนวนผู้เข้าชมไว้ที่ 200 ท่านต่อวันเท่านั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสถึงความเป็นส่วนตัว ด้วยการสำรองที่นั่งออนไลน์ และสิ่งสำคัญในการท่องเที่ยวภายในฟาร์ม คือ การปฏิบัติตามกฎของฟาร์ม เช่น ห้ามป้อนอาหารจากภายนอก, การงดใช้เสียง และแฟลชการถ่ายภาพ
1. บัตรธรรมดา (ราคา 190 บาท) ชม Alpaca อยู่ในบริเวณพื้นที่ที่กำหนด
2. บัตร VIP (ราคา 290 บาท) สามารถเดินชมได้อย่างใกล้ชิดอยู่กับฝูง Alpaca ได้
3. บัตร VIP EXPRESS (ราคา 390 บาท) เข้าชมอย่างใกล้ชิด 2 ครั้ง/ปี
4. บัตร YEAR PASS (ราคา 500 บาท) เข้าชมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
หมายเหตุ : มีรถบริการรับ-ส่ง จากกรุงเทพฯถึงฟาร์ม Alpaca Hill พร้อมคนขับ ราคา 3,000 บาท (ไม่เกิน 4 คน), รถตู้ VIP ราคา 6,000 บาท (ไม่เกิน 8 คน)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
alpacahill.com, เฟซบุ๊ก AlpacaHillThailand