



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ libra-cat
ขึ้นชื่อว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทย เพราะมีน้ำทะเลสวยสะอาด หาดทรายขาวละเอียดนุ่มนวล ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใส อย่าง "หลีเป๊ะ" จังหวัดสตูล เกาะเล็ก ๆ ที่อยู่กลางทะเลอันดามัน คงไม่มีใครปฎิเสธที่จะไปเยี่ยมเยียน ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองกรุงหลายร้อยกิโลเมตร แต่ก็ไม่เคยเงียบเหงา เพราะเหล่าบรรดานักเดินทางมักแวะเวียนไปท่องเที่ยวสัมผัสความงดงามเหล่านั้นเสมอ ๆ
นั่นแน่! เริ่มอยากไปเห็น "หลีเป๊ะ" ด้วยตาตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นก่อนที่เพื่อน ๆ จะวางโปรแกรมไปเที่ยวหลีเป๊ะ ก็เกาะติดขอบจอตามเราไปเที่ยว เกาะหลีเป๊ะ และเกาะบ้านใกล้เรือนเคียงที่อยู่ไม่ไกลกันอย่าง เกาะไข่ เกาะหินงาม เกาะราวี และ เกาะรอกลอย ก่อนแล้วกันเนอะ เอ้า...ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวเลย


เกาะหลีเป๊ะ (Koh Lipe) หรือ เกาะสิเป๊ะ ตั้งอยู่สุดเขตแดนใต้ของไทยฝั่งทะเลอันดามัน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เกาะของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา คำว่า หลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) บนเกาะ
จุดเด่นที่สำคัญของเกาะหลีเป๊ะ คือ เวิ้งอ่าวที่สวยงาม เงียบสงบ น้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายขาวละเอียดเนียนนิ่มเหมือนแป้ง รวมถึงความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ และการดำน้ำ ทั้งการดำผิวน้ำและการดำน้ำลึก ซึ่งความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่
โดยบนเกาะมีหาดที่น่าเที่ยวอยู่ 3 หาด คือ หาดพัทยา (บันดาหยา) อยู่ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปมาก, หาดซันไรท์ อยู่ทางทิศตะวันออก ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านชาวเล และ หาดซันเซ็ท อยู่ทางทิศตะวันตก หันหน้าเข้ารับแสงอาทิตย์ตามชื่อของหาด และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดของบรรดาเกาะทั้งหลายในทะเลสตูลก็ว่าได้


สัมผัสความงดงามบนเกาะหลีเป๊ะกันมาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลานั่งเรือออกไปโลดแล่นยังเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ และสวยงามไม่แพ้กัน พอตกเย็นก็กลับมานอนที่ เกาะหลีเป๊ะ แล้วรอเรือโดยสารกลับในวันถัดไปก็ได้ โดยเริ่มกันที่ เกาะไข่ เกาะเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงโด่งดังใช่เล่น เพราะบนเกาะไข่มีซุ้มประตูหินธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อว่าคู่รักคู่ใดได้ลอดซุ้มประตูหินนี้ จะสมหวังในความรัก และครองคู่กันอย่างมีความสุข มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เหมือนดังป้ายที่จารึกไว้หน้าซุ้มประตูหิน นอกจากนี้ ทะเลรอบ ๆ เกาะไข่ยังมีแนวปะการังอยู่โดยทั่วไปด้วย

เกาะหินงาม เกาะที่เต็มไปด้วยหินสีดำ กลมเกลี้ยง เนียนเรียบ ลวดลายสวยงาม ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่คลื่นซัดสาดเข้าฝั่งกระทบ ก้อนหินจะเกิดเป็นมันวาววับ สว่างไสว งดงามจับตายิ่งนัก เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดแต่หายนะ

เกาะรอกลอย เกาะที่มีเรื่องเล่าว่าเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มมารอคอยหญิงสาวคนรัก โดยที่มีจุดเด่นคือ ชายหาดทรายที่ขาวสะอาด นุ่มเท้า มีลักษณะเป็นแหลมสามเหลี่ยมยื่นออกไปในทะเล มีโขดหินระเกะระกะที่หัวเกาะ แต่เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะราวีที่ทอดตัวยาวอยู่ทางขวา

ก่อนจะปิดท้ายทะเลสวย ๆ กันที่ เกาะราวี ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 6 (หาดทรายขาว) มีพื้นที่ประมาณ 29 ตารางกิโลเมตร มีหาดทรายที่ขาว สวย สะอาด น้ำทะเลใส เงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เกาะราวีเพื่อเล่นน้ำ ชมปะการังแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากบนเกาะยังไม่มีบริการบ้านพัก รวมถึงนักท่องเที่ยวมักแวะไปถ่ายรูปกับท่อนไม้รูปลักษณ์แปลกตา ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกาะราวีก็ว่าได้
และนี่คือความงดงามของเกาะหลีเป๊ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย หากเพื่อน ๆ มีโอกาสก็ไม่ควรพลาดไปเยือนนะจ๊ะ ^^


การเดินทาง
จากท่าเรือปากบารา-อาดัง-หลีเป๊ะ เรือจะออกจากท่าเรือปากบารา เวลา 10.30 น. และจะแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาก่อน หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเกาะอาดังและเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเรือจะกลับจากเกาะหลีเป๊ะ เวลา 09.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ค่าเรือไป - กลับ คนละประมาณ 800 บาท
ทั้งนี้ เรือโดยสารไปอุทยานแห่งชาติตะรุเตาและเกาะใกล้เคียง ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ของบริษัทต่าง ๆ (ตารางและเวลาเดินเรืออาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามรายละเอียดก่อนเดินทาง) ดังนี้…
.gif)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
