แหล่งมรดกโลกที่น่าสนใจจากทั่วโลก เน้นความสวยงามและน่าทึ่งของสถานที่ ควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต
แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) พื้นที่หรือภูมิสัญลักษณ์แห่งความทรงจำและเอกลักษณ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งมรดกโลกในประเทศไทยก็มีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง แต่วันนี้เราขอแนะนำ 12 แหล่งมรดกโลกจากต่างประเทศ ที่น่าไปเยือนสักครั้ง ลองไปดูว่ามีที่ไหนกันบ้าง
แหล่งมรดกโลก
ที่เที่ยวต่างประเทศ
1. ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของทุ่งนาขั้นบันไดฮาหนี สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทุ่งนาขั้นบันไดฮาหนี (Hani Rice Terraces) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเมืองหงเหอ มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2556 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่นี่เป็นทุ่งนาที่ถูกจัดขึ้นไล่เรียงเป็นรูปขั้นบันไดกว่า 3,000 ขั้น ตลอดหุบเขา เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับงานศิลปะ ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวบ้านท้องถิ่นที่นิยมเพาะปลูกแบบขั้นบันไดอีกด้วย
2. เขาสิกิริยา ประเทศศรีลังกา
เขาสิกิริยา (Sigiriya) ตั้งอยู่ในเมือง Matale ในจังหวัดทางภาคกลางของประเทศศรีลังกา หลายคนรู้จักที่นี่ในชื่อว่า พระราชวังลอยฟ้า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2525 ถือเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญของเอเชียที่ประกอบด้วยหินปลักภูเขาไฟสูงกว่า 370 เมตร ป้อมปราการ ปราสาทโบราณ ที่ถูกรายล้อมด้วยสวนหย่อมและระบบชลประทาน อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณ ภาพเฟรสโก้ (Fresco) ภาพเขียนสีที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี เล่ากันว่าในอดีตหินก้อนนี้เป็นรูปสิงโต ปัจจุบันเหลือเพียงแค่เท้าสิงโต 2 ข้าง นักท่องเที่ยวรู้จักกันในชื่อ Lion Rock
3. อุทยานแห่งชาติเกอเรเม ประเทศตุรกี
นครโบราณที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางป่าหินในประเทศตุรกี สำหรับ อุทยานแห่งชาติเกอเรเม (Goreme Historical National Park) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2528 โดยมีพื้นที่กว้างราว 1,000 ตารางกิโลเมตร เป็นจุดที่มีลักษณะแปลก เพราะมีผาหินและแท่งหินแหลมจำนวนมากผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เรียกกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า กระทั่งในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 9 ชาวบ้านสร้างเมืองเล็ก ๆ ขึ้นเป็นที่อยู่อาศัย รวมทั้งสร้างอารามใต้ดิน ประดับด้วยภาพเขียนเพื่อบูชาพระเจ้า ทว่าแท่งหินแหลมนี้กลายเป็นศัตรูที่อันตรายต่อผู้คนในเมือง ผู้คนพากันป่วยล้มตายและแทบไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองแล้ว ก่อนจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อของตุรกี
4. เยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา
เยลโลว์สโตน หรืออุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) ดินแดนแห่งธรรมชาติที่มีความสวยงามตระการตาสุดอัศจรรย์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2521 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าใต้พื้นดินเต็มไปด้วยความร้อน แมกมา และก๊าซมหาศาล ซึ่งจะปะทุขึ้นมาตามรอยแยกของแผ่นดิน เกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ทั้งบ่อน้ำพุร้อนกว้างใหญ่, บ่อโคลนเดือด, ไกเซอร์ และปล่องก๊าซสูงหลายเมตร อีกทั้งยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนหลากสี, ทะเลสาบ, ภูเขาไฟใต้พื้นดิน (Supervolcano), บ่อโคลนเดือด, น้ำตกมากกว่า 300 แห่ง, ไกเซอร์ (geysers) มากกว่า 10,000 แห่ง, ป่าเขาและแม่น้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์รอบ ๆ อุทยาน อันเกิดจากความหลากหลายด้านธรณีวิทยา
5. รูปปั้นโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี
โมอาย (Moai) รูปปั้นหินที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2265 โดยนักสำรวจชาวดัตช์ นามว่า เจค็อบ ร็อกเกวีน โดยรูปปั้นนี้สร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ กระจัดกระจายทั่วเกาะอีสเตอร์ (Easter Island) หรือ เกาะราปานูอี (Rapa Nui) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศชิลี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2533 ซึ่งจุดประสงค์ของการสร้างโมอายยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเพื่ออะไร จึงถือเป็นปริศนาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสสักครั้ง
6. หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์
หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos Island) ปลายทางในฝันของนักผจญภัย ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส อยู่ในเขตการปกครองของประเทศเอกวาดอร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2521 โดยจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หลากหลายสายพันธุ์ทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละชนิดหาดูไม่ได้ในที่อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเต่ากาลาปากอส, สิงโตทะเลกาลาปากอส, นก Blue Footed booby, นก Flightless cormorant, นก Red footed booby, นก Frigatebird และปูแซลลี่ย์ไลท์ฟุต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งปีนเขา ดำน้ำ ส่องสัตว์ หรือล่องเรือ
7. Vatnajokull National Park - dynamic nature of fire and ice ประเทศไอซ์แลนด์
สถานที่ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2562 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไอซ์แลนด์ มีลักษณะเป็นพื้นที่ภูเขาไฟ ครอบคลุมพื้นที่ราว ๆ 1,400,000 เฮกตาร์ หรือราว ๆ 14% ของเกาะไอซ์แลนด์ มีภูเขาไฟอยู่ 10 ลูก ซึ่ง 8 ใน 10 ยังเป็นภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง ที่เหลือ 2 ลูกยังคุกรุ่นในไอซ์แลนด์ โดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างภูเขาไฟและรอยแยกใต้ธารน้ำแข็ง Vatnajökull มีหลายรูปแบบ หนึ่งในปรากฏการณ์ที่โดดเด่นที่สุดคือ Jökulhlaup มีลักษณะเกิดจากน้ำท่วมฉับพลันจากการแตกของธารน้ำแข็งในระหว่างการปะทุของภูเขาไฟ จนก่อเกิดเป็นที่ราบทราย ระบบแม่น้ำหรือเครือข่ายแม่น้ำ และหุบเขาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้พื้นที่ภูเขาไฟยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำใต้ดินเฉพาะถิ่นที่รอดชีวิตมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง
8. Ushguli Village ชุมชนโบราณบนแนวเทือกเขาคอเคซัส ประเทศจอร์เจีย
Ushguli (อุชกูลี) เขตชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำ Patara Enguri ในภูมิภาค Upper Svaneti ในหุบเขา Enguri บนแนวเทือกเขาคอเคซัส ทางด้านเหนือของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนความสูงจากเชิงเขา Shkhara ราว ๆ 2,100 เมตร ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในชื่อ Upper Svaneti เมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย 4 หมู่บ้าน ได้แก่ Zhibiani, Chvibiani (Chubiani), Chazhashi (Chajashi) และ Murqmeli รวมแล้วมีประชากรอยู่ราว ๆ 70 ครอบครัว มีโรงเรียนและโบสถ์ บ้านเรือนส่วนใหญ่จะสร้างด้วยอิฐ หิน และวัสดุพื้นบ้าน มีหอคอยแทบทุกหลัง สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันบ้านหลาย ๆ หลังได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นโฮมสเตย์และร้านอาหารท้องถิ่นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
9. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ประเทศโครเอเชีย
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ตั้งอยู่ที่เมืองลิก้า (Lika) ประเทศโครเอเชีย เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลบนหินปูนจำนวนมาก โดยแบ่งออกเป็นทะเลสาบตอนบนและตอนล่าง ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายในอุทยานมีน้ำตกขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ Galovac Waterfall และ Veliki Slap Waterfall อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงมีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือในทะเลสาบหรือเดินสำรวจป่าไม้สีเขียว
10. เมเตโอรา อารามลอยฟ้าเหนือผาหิน ประเทศกรีซ
เมโตโอรา (Meteora) กลุ่มผาหินสูงลักษณะเหมือนแท่นศิลา ใจกลางประเทศกรีซ คาดว่าก่อตัวขึ้นในช่วง 5,000-50,000 ปีที่แล้ว มีกลุ่มอารามลอยฟ้า 24 แห่ง ถูกสร้างขึ้นเหนือผาหินเหล่านั้น นับเป็นที่ตั้งศาสนสถานของอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ที่ยิ่งใหญ่ ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยในคริสต์ศตวรรษที่ 9 กลุ่มนักบวชที่เคร่งครัดได้ละทิ้งทางโลกเข้ามาอยู่อาศัย และในช่วงปลายคริสศตวรรษที่ 11 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 ได้มีการเริ่มต้นสร้างอารามทางศาสนาขึ้นโดยกลุ่มนักบวชที่ศรัทธา ปัจจุบันมีอารามลอยฟ้าในพื้นที่เมโตโอรา 6 อาราม ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์และยังคงใช้เป็นสถานที่พำนักของนักบวชหรือโรงเรียนสอนศาสนา
11. หมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ ประเทศออสเตรีย
ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ ในเขตภูมิภาค Salzkammergut ประเทศออสเตรีย เป็นหนึ่งในหมู่บ้านแหล่งมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท (Salzkammergut) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2540 ความโดดเด่นที่นี่คือความเป็นเมืองชนบทเล็ก ๆ ที่มีอากาศแสนบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศและชมทัศนียภาพที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลสาบและเทือกเขาสูงตระหง่าน สวยราวกับอยู่ในเทพนิยาย
12. หน้าผา Stevns Klint ประเทศเดนมาร์ก
Stevns Klint หรือที่เรียกว่า Cliffs of Stevns สถานที่ทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญ ตั้งอยู่ที่เกาะ Zealand ประเทศเดนมาร์ก หน้าผาแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงหน้าผาธรรมดา แต่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาต Chixulub ในยุคไดโนเสาร์ เมื่อประมาณ 66-67 ล้านปีที่แล้ว ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งหน้าผาสีขาวแห่งนี้มีความยาวไปตามริมฝั่งทะเลประมาณ 15 กิโลเมตร สูงประมาณ 40 เมตร ด้านบนปกคลุมด้วยต้นไม้ร่มรื่น
และนี่เป็นเพียงไม่กี่แห่งที่เรานำมาแนะนำกัน เอาเป็นว่าหากมีโอกาสก็อย่าลืมไปเช็กอินตามสถานที่แหล่งมรดกโลกต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันนะ
บทความ มรดกโลก ที่เที่ยวต่างประเทศ อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
+++ ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เมืองมรดกโลกที่คุณต้องหลงรัก
+++ 24 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สุดน่าทึ่ง ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต
+++ มูน แลนด์สเคป ดินแดนราวดาวอื่น ณ ทะเลทรายนามิบ
+++ ภูเขาฟ่านจิ้ง ทิวทัศน์แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของจีน งดงามยามต้องแสงตะวัน
+++ Dubrovnik เมืองมรดกโลกแห่งโครเอเชีย ที่ถูกใช้ถ่ายทำ Game of Thrones