เรื่องน่ารู้อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งธรรมชาติที่มีความสวยงามตระการตาและสุดอัศจรรย์ แต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายมหันต์ สถานที่ที่สวยเพชฌฆาต ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอเมริกาอันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ด้วยที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ใจ
ไม่ว่าใครก็อยากมาเห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่นี่
แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักกับเยลโลว์สโตน
วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักที่นี่กัน
1. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ระหว่างรัฐไวโอมิง (Wyoming) 96%, รัฐไอดาโฮ (Idaho) 1% และรัฐมอนแทนา (Montana) 3% รวมพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 3,472 ตารางไมล์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีลักษณะของธรรมชาติที่หลากหลาย และเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์
2. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1872 ถือเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลกและของสหรัฐอเมริกา
3. ภายในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ และน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ่อน้ำพุร้อนหลากสี, ทะเลสาบ, ภูเขาไฟใต้พื้นดิน (Supervolcano), บ่อโคลนเดือด, น้ำตกมากกว่า 300 แห่ง, ไกเซอร์ (geysers) มากกว่า 10,000 แห่ง และป่าเขา แม่น้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์รอบ ๆ อุทยาน อันเกิดจากความหลากหลายด้านธรณีวิทยา
4. นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าภายใต้พื้นดินของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เต็มไปด้วยความร้อน แมกมา และก๊าซมหาศาล ซึ่งจะปะทุขึ้นมาตามรอยแยกของแผ่นดิน เกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ทั้งบ่อน้ำพุร้อนกว้างใหญ่มากกว่า 300 แห่ง, บ่อโคลนเดือด, ไกเซอร์, ปล่องก๊าซสูงหลายเมตร ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามให้เป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดในโลก
5. เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีรายงานว่าภูเขาไฟใต้พื้นดิน (Supervolcano) ภายในเยลโลว์สโตน ที่มีการปะทุในช่วงทุก ๆ เกือบ 600,000 ครั้ง (ครั้งล่าสุดเมื่อ 630,000 ปีที่แล้ว) อาจจะปะทุขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 100 ปี ข้างหน้า ซึ่งแรงระเบิดนี้จะแผ่วงกว้างมหาศาล อย่างน้อยก็ 2-3 รัฐของสหรัฐอเมริกา และจะสร้างความเสียหายให้กับโลกอย่างมากเลยทีเดียว ผู้คนจะล้มตายมหาศาล ระบบนิเวศต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์จึงต้องเฝ้าสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนอย่างใกล้ชิด
6. และด้วยความเปราะบางของพื้นผิวหน้าดินบริเวณบ่อน้ำพุร้อน ผนวกกับความร้อนของน้ำ รวมทั้งสารและก๊าซต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ทางอุทยานจึงมีกฎห้ามให้นักท่องเที่ยวเดินออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด ซึ่งจะมีป้ายแจ้งเตือนในทุก ๆ จุด
7. อากาศภายในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในเดือนเดียวจะมีทั้งฝน ลมแรง อากาศหนาวสลับกันไป ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 0-20 องศาเซลเซียส ยามค่ำคืนก็จะต่ำลงไปอีก ส่วนหน้าหนาวอากาศจะหนาวมาก อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ -20 องศาเซลเซียส ถึง -5 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส
8. จุดท่องเที่ยวเด่น ๆ ของเยลโลว์สโตน
- Mammoth Hot Springs แหล่งบ่อน้ำพุร้อนกว้างใหญ่ที่มีความสวยงามตระการตา ด้วยผลึกแร่สีขาวที่ก่อตัวลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้น ๆ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินออกนอกทางเดิน เพราะอาจเกิดอันตรายได้
- Old Faithful น้ำพุร้อนขนาดใหญ่ ที่จะพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในทุก ๆ 94 นาที (+-10 นาที) โดยเฉลี่ยความสูงจะอยู่ที่ราว ๆ 106-180 ฟุต โดยน้ำจะมีอุณหภูมิสูงเฉลี่ยมากถึง 95.6 องศาเซลเซียส
- Fishing Bridge สะพานชมปลาเทราต์อันเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1902 ปัจจุบันสะพานแห่งนี้เป็นสถานที่ยอมนิยมในการชมปลาภายในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน
- ทะเลสาบเยลโลว์สโตน เป็นทะเลสาบขนาดกว้างใหญ่ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 7,733 ฟุต ซึ่งเป็นทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ภายในทะเลสาบเต็มไปด้วยสัตว์น้ำหลากหลายชนิด โดยเฉพาะปลาเทราต์
- Grand Prismatic Spring บ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา และมีความสวยงามแปลกตาน่าค้นหา ด้วยบริเวณขอบบ่อจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ไล่ลงไปจนอ่อน ตามด้วยสีเขียวมรกตของน้ำในบ่อ ซึ่งจะไล่เฉดสีไปจนถึงฟ้าเข้มตรงกลางบ่อ หมายถึงจุดที่ลึกที่สุดนั่นเอง บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้หากมองจากมุมสูงจะดูคล้ายกับดวงตาเลยทีเดียว
9. ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะเป็นไฮซีซั่นของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมที่นี่อย่างคับคั่ง รถจะเยอะกว่าปกติ เพราะฉะนั้นต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการเที่ยวที่นี่ในช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าไม่อยากต้องมาเจอกับฝูงชนคนมากมาย ทางอุทยานแนะนำให้มาเที่ยวช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม
10. ด้วยความที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติค่อนข้างสูง นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นสัตว์ป่าอย่างง่ายดาย แต่สัตว์ป่าบางชนิดก็อันตราย เพราะฉะนั้นห้ามเข้าใกล้สัตว์ป่า และควรศึกษาถึงวิธีเอาตัวรอดจากหมีกริซลีไปด้วย เพราะอาจจะพบเห็นหมีได้ทุกเมื่อ
ยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทายมากมาย ที่รอให้เราได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองภายในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ใครมีโอกาสไปเที่ยวอเมริกา ก็หาโอกาสไปเที่ยวชมที่นี่กันสักครั้งนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
yellowstonenationalpark.com, yellowstonepark.com, nps.gov