ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เมืองมรดกโลกแห่งวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชีวิตและเมืองเก่าอายุนับพันปี แต่ทว่ายังมีลมหายใจจวบจนปัจจุบัน
นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนเวียดนาม
ต่างเลือก "ฮอยอัน" เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
เพราะเสน่ห์ของตึกเก่าสไตล์โคโลเนียล
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวเมือง ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาสัมผัส
วันนี้เราเลยรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวในฮอยอันที่ไม่ควรพลาดมาแนะนำกัน
1. สะพานญี่ปุ่น
สะพานทอดข้ามคลองแบ่งเขตที่กั้นชุมชนชาวญี่ปุ่นกับชาวจีน สะพานแห่งนี้จึงเป็นสะพานที่เชื่อมเขตชุมชนระหว่างชาวจีนและชาวญี่ปุ่นไปมาหาสู่กันเพื่อทำการค้าขาย เอกลักษณ์ของสะพานแห่งนี้คือมีหลังคาอยู่ด้านบน มีรูปปั้นสุนัขและลิงอยู่ที่เชิงสะพาน บ้างเชื่อกันว่าสะพานดังกล่าวเริ่มสร้างเมื่อปีวอกและเสร็จในปีสุนัข ไม่ก็เชื่อกันว่าสุนัขและลิงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใครที่มาที่นี่จะพบเห็นบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ตลอดจนร้านแกลลอรี่ให้ได้เดินเลือกซื้อของกันจนเพลินใจ
2. สมาคมฟุกเกี๋ยน
เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่หรูหราของสมาคมจีนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสมาคมจีน 5 แห่ง ในเมืองฮอยอัน ที่นี่เป็นศูนย์ของชาวจีนอพยพ ภาพบ้านเรือนเก่าแก่ประจำตระกูลกว่า 20 หลัง ใช้เป็นที่พบปะสมาคมของคนหลายต่อหลายรุ่นที่อพยพมาจากฟุกเกี๋ยนที่มีแซ่เดียวกัน จุดเด่นของสมาคมฟุกเกี๋ยนอยู่ที่อาคารไม้แกะสลัก รอบบริเวณเต็มไปด้วยร้านขายสินค้าทำมือที่รอให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก ทั้งงานแกะสลัก โคมไฟผ้าไหม และภาพวาดที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวฮอยอัน สมาคมแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
3. สมาคมชาวจีนกวางตุ้ง
สถานที่ที่ชาวจีนสร้างไว้พบปะสังสรรค์ รวมถึงใช้เป็นที่บูชาบรรพบุรุษของตน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1786 นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความงามทางสถาปัตยกรรมของอาคาร รูปปั้นมังกรและสิงโตที่ประดับตามซุ้มประตูต่าง ๆ และรอบบริเวณน้ำพุ ด้านในอาคารมีแท่นบูชาที่อุทิศให้กับ Quan Cong นายพลผู้เป็นที่รักนับถือในยุคสามก๊ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรม สถานที่แห่งนี้จึงเป็นประจักษ์พยานแห่งอารยธรรมที่รุ่งเรืองของชุมชนชาวจีนในฮอยอัน
4. บ้านเลขที่ 101
สถานที่ที่ชาวฮอยอันใช้เป็นที่พักตากอากาศในหน้าร้อน บรรยากาศของหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวตามชายฝั่ง น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม ชายหาดแห่งนี้ยังมีความเงียบสงบอยู่มาก ด้วยเพราะผู้คนยังไม่พลุกล่านมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันธรรมดา หาดคัวไดจะกลายเป็นหาดส่วนตัวสำหรับนักท่องเที่ยวให้นอนอาบแดด ฟังเสียงคลื่นทะเล ซึ่งมีเก้าอี้และเตียงอาบแดดให้เช่าบริการ เรียกได้ว่าเป็นชายหาดสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
6. แม่น้ำทูโบน
แม่น้ำสายสำคัญของเมืองฮอยอัน เป็นเส้นทางติดต่อค้าขายทางน้ำมาตั้งแต่สมัยโบราณ ต่อมาภายหลังแม่น้ำเริ่มตื้นเขิน และเรือสินค้าไม่สามารถล่องเรือเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามสายน้ำแห่งนี้ไม่ได้สูญหายไปตามกาลเวลา แต่ยังคงเป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านที่ออกหาปลาในแม่น้ำ ปัจจุบันการเดินเที่ยวชมริมแม่น้ำทูโบน ยังคงมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูด ด้วยเพราะเป็นสายน้ำที่เชื่อมต่อเวลาในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวบ้านริมสองฝั่งแม่น้ำ
7. พิพิธภัณฑ์เซรามิก
ตั้งอยู่บนถนนสายตรันฝู ณ บ้านเลขที่ 80 เป็นบ้านไม้สองชั้นที่มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี ปัจจุบันมีการดัดแปลงบ้านไม้หลังนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เซรามิก เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น ถ้วย ชาม หรือเครื่องใช้ไม้สอยในสมัยโบราณ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญทางอารยธรรมสมัยโบราณ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของงานเซรามิกแล้ว เมื่อขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน คุณจะมองเห็นวิวเมืองฮอยอันในมุมสูงอีกด้วย
8. ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม
ศูนย์รวมงานฝีมือและสินค้าพื้นบ้าน เช่น งานไม้ งานแกะสลัก ตลอดจนโคมผ้าไหมหลากสีสัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมทุกขั้นตอนงานผลิตสินค้า และสามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก สิ่งที่โดดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือ "โรงละครหลังเล็ก" สำหรับจัดการแสดงพื้นบ้านที่หาดูได้ยากของชาวเวียดนาม ตั้งแต่การจับปลา การเกี่ยวข้าว ท่ามกลางนักร้องนักดนตรีที่มาร้องให้ฟังกันสด ๆ
9. หุบเขาหมีเซิน
อยู่ห่างจากเมืองฮอยอันมาทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นหุบเขาที่แสดงถึงร่องรอยวัฒนธรรมจาม ซึ่งในอดีตเป็นชุมชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากกว่าพันปี และมีศูนย์กลางอารยธรรมอยู่ที่หมีเซิน ภายในมีปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ มีศาสนสถานที่สร้างด้วยอิฐมากกว่า 70 แห่ง แต่ภายหลังสงครามเวียดนาม ศาสนสถานจำนวนมากถูกทำลายลง อย่างไรก็ดีโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ก็ยังควรค่าแก่การเข้าชม จนได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2542
10. ตลาดกลาง (Hoi An Central Market)
ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเมืองเก่า มีอาหารมากมายหลากหลายชนิด ทั้งสมุนไพร เครื่องเทศ ผักและผลไม้สด รวมถึงอาหารท้องถิ่นเวียดนาม บรรยากาศที่ตลาดแห่งนี้คึกคักตลอดเวลา เพราะที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนท้องถิ่นที่เป็นกันเอง และแสนจะเรียบง่าย เสียงที่ดังส่วนใหญ่มาจากการต่อรองราคาระหว่างแม่ค้าและลูกค้ากันอย่างดุเดือด ใครที่อยากจะฝึกภาษาเวียดนามลองเข้าไปต่อราคากับแม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้ดูได้
น่าสังเกตว่าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งในเมืองฮอยอัน เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงการพยายามจัดการมรดกโลกร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชนอย่างลงตัว เราจึงรู้สึกว่าที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่มีชีวิต ทั้งโบราณสถาน ท้องทะเล หรือแม้กระทั่งผู้คนที่ยังใสซื่อ ดังสมญานามของเมืองฮอยอันที่ว่า "เมืองมรดกโลกที่ยังมีลมหายใจ"
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
vietnam-guide.com, worldheritagesite.org, travelfish.org, hoian-tourism.com และ travelovietnam.com
1. สะพานญี่ปุ่น
สะพานทอดข้ามคลองแบ่งเขตที่กั้นชุมชนชาวญี่ปุ่นกับชาวจีน สะพานแห่งนี้จึงเป็นสะพานที่เชื่อมเขตชุมชนระหว่างชาวจีนและชาวญี่ปุ่นไปมาหาสู่กันเพื่อทำการค้าขาย เอกลักษณ์ของสะพานแห่งนี้คือมีหลังคาอยู่ด้านบน มีรูปปั้นสุนัขและลิงอยู่ที่เชิงสะพาน บ้างเชื่อกันว่าสะพานดังกล่าวเริ่มสร้างเมื่อปีวอกและเสร็จในปีสุนัข ไม่ก็เชื่อกันว่าสุนัขและลิงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใครที่มาที่นี่จะพบเห็นบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ตลอดจนร้านแกลลอรี่ให้ได้เดินเลือกซื้อของกันจนเพลินใจ
2. สมาคมฟุกเกี๋ยน
เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่หรูหราของสมาคมจีนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสมาคมจีน 5 แห่ง ในเมืองฮอยอัน ที่นี่เป็นศูนย์ของชาวจีนอพยพ ภาพบ้านเรือนเก่าแก่ประจำตระกูลกว่า 20 หลัง ใช้เป็นที่พบปะสมาคมของคนหลายต่อหลายรุ่นที่อพยพมาจากฟุกเกี๋ยนที่มีแซ่เดียวกัน จุดเด่นของสมาคมฟุกเกี๋ยนอยู่ที่อาคารไม้แกะสลัก รอบบริเวณเต็มไปด้วยร้านขายสินค้าทำมือที่รอให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก ทั้งงานแกะสลัก โคมไฟผ้าไหม และภาพวาดที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวฮอยอัน สมาคมแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
3. สมาคมชาวจีนกวางตุ้ง
สถานที่ที่ชาวจีนสร้างไว้พบปะสังสรรค์ รวมถึงใช้เป็นที่บูชาบรรพบุรุษของตน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1786 นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความงามทางสถาปัตยกรรมของอาคาร รูปปั้นมังกรและสิงโตที่ประดับตามซุ้มประตูต่าง ๆ และรอบบริเวณน้ำพุ ด้านในอาคารมีแท่นบูชาที่อุทิศให้กับ Quan Cong นายพลผู้เป็นที่รักนับถือในยุคสามก๊ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรม สถานที่แห่งนี้จึงเป็นประจักษ์พยานแห่งอารยธรรมที่รุ่งเรืองของชุมชนชาวจีนในฮอยอัน
4. บ้านเลขที่ 101
การเยี่ยมชมบ้านประจำตระกูลต่าง ๆ
บนถนนเหวียนไทฮ็อก บนถนนเส้นนี้มีบ้านให้เลือกเข้าชมอยู่ 3 หลัง
แต่ที่พลาดไม่ได้คือ "บ้านเลขที่ 101"
บ้านประจำตระกูล Tan Ky
บ้านหลังนี้มีความโดดเด่นที่ความสวยงามทางสถาปัตยกรรม
ซึ่งเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ไม่มีหน้าต่าง
เหนือบานประตูประดับเครื่องหมายสัญลักษณ์หยิน-หยาง
ภายในบ้านมีการจัดแบ่งพื้นที่ห้องเป็นสัดส่วนชัดเจน ตั้งแต่ห้องสมุด
ห้องรับแขก และห้องครัว
ภาพจาก salajean / Shutterstock.com
5. หาดคัวไดสถานที่ที่ชาวฮอยอันใช้เป็นที่พักตากอากาศในหน้าร้อน บรรยากาศของหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวตามชายฝั่ง น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม ชายหาดแห่งนี้ยังมีความเงียบสงบอยู่มาก ด้วยเพราะผู้คนยังไม่พลุกล่านมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันธรรมดา หาดคัวไดจะกลายเป็นหาดส่วนตัวสำหรับนักท่องเที่ยวให้นอนอาบแดด ฟังเสียงคลื่นทะเล ซึ่งมีเก้าอี้และเตียงอาบแดดให้เช่าบริการ เรียกได้ว่าเป็นชายหาดสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
6. แม่น้ำทูโบน
แม่น้ำสายสำคัญของเมืองฮอยอัน เป็นเส้นทางติดต่อค้าขายทางน้ำมาตั้งแต่สมัยโบราณ ต่อมาภายหลังแม่น้ำเริ่มตื้นเขิน และเรือสินค้าไม่สามารถล่องเรือเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามสายน้ำแห่งนี้ไม่ได้สูญหายไปตามกาลเวลา แต่ยังคงเป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านที่ออกหาปลาในแม่น้ำ ปัจจุบันการเดินเที่ยวชมริมแม่น้ำทูโบน ยังคงมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูด ด้วยเพราะเป็นสายน้ำที่เชื่อมต่อเวลาในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวบ้านริมสองฝั่งแม่น้ำ
7. พิพิธภัณฑ์เซรามิก
ตั้งอยู่บนถนนสายตรันฝู ณ บ้านเลขที่ 80 เป็นบ้านไม้สองชั้นที่มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี ปัจจุบันมีการดัดแปลงบ้านไม้หลังนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เซรามิก เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น ถ้วย ชาม หรือเครื่องใช้ไม้สอยในสมัยโบราณ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญทางอารยธรรมสมัยโบราณ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของงานเซรามิกแล้ว เมื่อขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน คุณจะมองเห็นวิวเมืองฮอยอันในมุมสูงอีกด้วย
8. ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม
ศูนย์รวมงานฝีมือและสินค้าพื้นบ้าน เช่น งานไม้ งานแกะสลัก ตลอดจนโคมผ้าไหมหลากสีสัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมทุกขั้นตอนงานผลิตสินค้า และสามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก สิ่งที่โดดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือ "โรงละครหลังเล็ก" สำหรับจัดการแสดงพื้นบ้านที่หาดูได้ยากของชาวเวียดนาม ตั้งแต่การจับปลา การเกี่ยวข้าว ท่ามกลางนักร้องนักดนตรีที่มาร้องให้ฟังกันสด ๆ
9. หุบเขาหมีเซิน
อยู่ห่างจากเมืองฮอยอันมาทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นหุบเขาที่แสดงถึงร่องรอยวัฒนธรรมจาม ซึ่งในอดีตเป็นชุมชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากกว่าพันปี และมีศูนย์กลางอารยธรรมอยู่ที่หมีเซิน ภายในมีปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ มีศาสนสถานที่สร้างด้วยอิฐมากกว่า 70 แห่ง แต่ภายหลังสงครามเวียดนาม ศาสนสถานจำนวนมากถูกทำลายลง อย่างไรก็ดีโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ก็ยังควรค่าแก่การเข้าชม จนได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2542
10. ตลาดกลาง (Hoi An Central Market)
ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเมืองเก่า มีอาหารมากมายหลากหลายชนิด ทั้งสมุนไพร เครื่องเทศ ผักและผลไม้สด รวมถึงอาหารท้องถิ่นเวียดนาม บรรยากาศที่ตลาดแห่งนี้คึกคักตลอดเวลา เพราะที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนท้องถิ่นที่เป็นกันเอง และแสนจะเรียบง่าย เสียงที่ดังส่วนใหญ่มาจากการต่อรองราคาระหว่างแม่ค้าและลูกค้ากันอย่างดุเดือด ใครที่อยากจะฝึกภาษาเวียดนามลองเข้าไปต่อราคากับแม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้ดูได้
ภาพจาก Phong.Tran / Shutterstock.com
น่าสังเกตว่าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งในเมืองฮอยอัน เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงการพยายามจัดการมรดกโลกร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชนอย่างลงตัว เราจึงรู้สึกว่าที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่มีชีวิต ทั้งโบราณสถาน ท้องทะเล หรือแม้กระทั่งผู้คนที่ยังใสซื่อ ดังสมญานามของเมืองฮอยอันที่ว่า "เมืองมรดกโลกที่ยังมีลมหายใจ"
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
vietnam-guide.com, worldheritagesite.org, travelfish.org, hoian-tourism.com และ travelovietnam.com