สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สุดน่าทึ่ง ที่เที่ยวต่างประเทศน่าสนใจ

ชวนไปชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สวย ๆ ทั่วโลก ทั้งโบสถ์ อาสนวิหาร มหาวิหาร หลากหลายสไตล์ บางแห่งยิ่งใหญ่อลังการ บางแห่งก็ซ่อนอยู่ในสถานที่ลับ สวย น่าค้นหา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศในฝันของใครหลายคน

ไม่ว่าจะเกิดมานับถือศาสนาใดหรือมีความเชื่อแบบไหน มนุษย์ทุกคนก็ต้องมีสถานที่สักแห่งไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจหรือทำใจให้สงบ วันนี้เราขออาสาพาไปเที่ยวต่างประเทศชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลก ซึ่งเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนแต่ละศาสนา นอกจากจะใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของเมืองนั้น ๆ ด้วย มีที่ไหนบ้าง ไปชมความสวยงามอลังการกันเลย

1. นครวัด เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา

ยังคงเป็นปริศนามาถึงปัจจุบันถึงการก่อสร้างปราสาทอันมหึมาแห่งนี้ เพราะนครวัดสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่จะนำก้อนหินขนาดใหญ่มาเรียงต่อกันสร้างขึ้นเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่และโอ่อ่าขนาดนี้ได้ ปราสาทนครวัดสร้างขึ้นโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อใช้ถวายแด่พระนารายณ์ เป็นศิลปะแบบขอมโบราณ มีลักษณะเป็นปราสาท 5 ปรางค์ ล้อมรอบด้วยคูน้ำทั้ง 4 ด้าน คล้ายกับเขาพระสุเมรุ ปรากฏภาพแกะสลักของนางอัปสรที่อยู่ในท่วงท่าอ่อนช้อย งดงาม อยู่รอบปราสาท นครวัดมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวกัมพูชา และมีคุณค่ายิ่ง ต้องหาโอกาสไปเยือนสักครั้ง

2. มัสยิดวาซีร์ คาน (Wazir Khan Mosque) ประเทศปากีสถาน

มัสยิดสุดอลังการแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1634 โดย Shaikh Ilm-ud-din Ansari ซึ่งมีการออกแบบให้ใช้หินทรายสีแดงในการก่อสร้าง ตกแต่ง ประดับประดาลวดลายต่าง ๆ รอบมัสยิดอย่างงดงาม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปากีสถานที่ต้องมาเคารพกันสักครั้งในชีวิต

3. โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja church) เมืองเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 แต่เสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1986 การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเย็นตัวของลาวาก่อนที่จะกลายเป็นหินบะซอลต์ ลักษณะอาคารด้านหน้าจึงเป็นทรงยอดสูง 73 เมตร มีปีกลดหลั่นกันลงมาคล้ายกับการไหลของลาวาและแข็งตัวในที่สุด ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่มีมนตร์ขลัง มีไปป์ออร์แกนขนาด 15 เมตร หนัก 25 ตัน ตั้งอย่างสง่างามอยู่ภายในโบสถ์ สร้างความน่าทึ่งให้กับโบสถ์แห่งนี้อีกเท่าตัว

4. วัดตุง คาลัต (Taung Kalat) ภูเขาโปปา ประเทศเมียนมา

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตของหุบเขาโปปา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ห่างจากเมืองพุกามเพียงแค่ประมาณ 50 กิโลเมตรเท่านั้น ตัวของวัดตุง คาลัต ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว สูงกว่า 1,518 เมตร ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวขจี ภายในวัดมีเจดีย์สีทองตั้งอยู่ จึงยิ่งทำให้วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล การที่จะขึ้นไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนวัดตุง คาลัต ได้นั้นต้องเดินขึ้นบันไดถึง 777 ขั้น แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวและตัววัดแล้วทัศนียภาพด้านบนก็จะทำให้ความเหนื่อยหายไปโดยไว ด้วยสามารถมองเห็นสายหมอก ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมกับอากาศเย็นสบาย สดชื่น และบริสุทธิ์

5. มหาวิหารกลอสเตอร์ (Gloucester Cathedral) เมืองกลอสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

ศาสนสถานที่สำคัญของชาวคริสเตียน มีอายุมากกว่า 1,300 ปี โดยมหาวิหารนั้นมี 2 อาคารที่สำคัญ คืออาคารที่มีศิลปะแบบโรมัน และอาคารที่มีลักษณะของโครงสร้างที่เป็นการตั้งฉาก ภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยกระจกสีและลวดลายที่อ่อนช้อยสวยงาม สถานที่แห่งนี้เคยใช้ในการถ่ายทำเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาแล้ว

ภาพจาก A G Baxter / Shutterstocks

6. พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา

บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ปรากฏเจดีย์สีเหลืองทองอร่าม ตั้งอย่างโดดเด่น เป็นที่เคารพสักการะของชาวพม่า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1778 หล่อด้วยปัญจโลหะ คือ ทอง เงิน ทองแดง ตะกั่ว และสังกะสี สูงประมาณ 8 ฟุต ยอดของเจดีย์ประดับประดาด้วยอัญมณีมีค่ามากมาย ยามที่แสงจากดวงอาทิตย์และพระจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เจดีย์แห่งนี้สว่างไสวสวยงาม

7. มัสยิด Jama Masjid เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย

มัสยิดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในอินเดีย สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1644-1658 โดยจักรพรรดิโมกุล ซึ่งใช้หินทรายแดงและหินอ่อนมาทำการก่อสร้างเป็นหลัก โดยช่างฝีมือมากกว่า 5,000 คน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,200 ตารางเมตร ตัวอาคารสูงประมาณ 10 เมตร มีทั้งหมด 3 ประตู 4 หอคอย และ 2 หอคอยสุเหร่า

8. วัดทักซัง เมืองพาโร ประเทศภูฏาน

อีกหนึ่งเส้นทางในฝันของนักเดินทางกับการตามหาวัดบนสวรรค์อย่างวัดทักซังแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดในศาสนาพุทธ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงมากกว่า 3,120 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในหุบเขาของเมืองพาโร สร้างขึ้นโดย Gyalse Tenzin Rabgye ในช่วงปี ค.ศ. 1692 กว่าที่จะได้ไปพิชิตยังวัดทักซังต้องผ่านเส้นทางวัดใจมากมาย แต่ความลำบากเหล่านั้นก็ถูกแทนที่ไปด้วยความประทับใจในวิวของธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ทั้ง 2 ข้างทาง รวมทั้งอากาศที่บริสุทธิ์และเย็นสบายตลอดทั้งปี

9. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi-Inari-Taisha) เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

ศาลเจ้าในลัทธิชินโต สิ่งสำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ ประตูบานโทริอิ สีแดงสด ซึ่งมีมากกว่า 1,000 ประตูที่ตั้งเรียงรายกันทอดยาวไปยังภูเขาอินาริด้านหลังของวัด และเมื่อขึ้นไปยังภูเขาแล้ว ก็จะได้พบกับวิวที่สวยงามของเมืองเกียวโต จึงทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเกียวโตไปโดยปริยาย

10. เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย

เมืองที่เก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย ที่ยังมีเสน่ห์มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งบ้านเรือนริมน้ำหลากสีสัน วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม อาหารการกินพื้นเมือง มิตรภาพไมตรีของคนท้องถิ่น ล้วนสร้างความสวยงามให้กับพาราณสีเรื่อยมา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคงคา เป็น 1 ใน 7 เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู จึงมีผู้แสวงบุญเดินทางมาเยี่ยมเยียนพาราณสีไม่ต่ำกว่าล้านคนต่อปี โดยชาวฮินดูเชื่อว่าหากผู้ที่ตายแล้วได้มาเผาศพที่นี่ก็จะหลุดพ้นจากวงโคจรแห่งการเกิดและการเกิดใหม่ และสามารถมาชำระล้างบาปได้ที่แม่น้ำคงคาในเมืองแห่งนี้

11. โบสถ์ Borgund Stavekirk ประเทศนอร์เวย์

โบสถ์ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180 ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ นามว่า Borgund เมืองซองน์ อ็อก ฟยอร์ดาเน (Sogn og Fjordane) ประเทศนอร์เวย์ นอกจากจะเป็นโบสถ์ไม้ที่เก่าแก่มาก ๆ แล้ว ยังมีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ด้วยมีหลังคาซ้อนกันถึง 5 ชั้น มีลักษณะเป็นทรงแหลมขึ้นไป ภายในไม่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา แต่เผยให้เห็นลวดลายไม้อย่างชัดเจน เป็นความสวยงามที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

12. สุเหร่า The Spanish Synagogue กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก

สุเหร่าแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าของชาวยิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1868 ถูกออกแบบในสไตล์ Moorish โดย Vojtech Igntz Ullmann ลักษณะโครงสร้างในส่วนอาคารหลักจะเป็นโดมคล้ายกับสุเหร่าทั่วไป แต่มีการออกแบบภายในที่สวยงามอลังการ มีสีเหลืองทองอร่าม ใช้กระจกสีมาทำหน้าต่างอย่างหรูหรา

ภาพจาก pryzmat/Shutterstocks

13. วิหารเกลือซีปากีรา (The Salt Cathedral of Zipaquira) เมืองคันดินามาร์ก้า ประเทศโคลอมเบีย

คริสจักรโรมันคาทอลิกที่ตั้งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินของเหมืองเกลือ เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1995 มีความลึกประมาณ 180 เมตร ภายในมหาวิหารแห่งนี้ไม่ได้ตกแต่งอย่างหรูหรา แต่กลับมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่สำคัญของชาวคริสต์นิกายคาทอลิก

24 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สุดน่าทึ่ง ต้องไปตะลึงสักครั้งในชีวิต

14. โบสถ์ Chapel of the Holy Cross เมืองเซโดนา รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

นอกจากโบสถ์แห่งนี้จะตั้งอยู่บนเนินเขาสีแดงแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกด้วย Chapel of the Holy Cross ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ลักษณะอาคารคล้ายกับกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ออกแบบให้ตัวอาคารแทรกเข้าไปกับหน้าผาอย่างลงตัว ด้านหลังเป็นภูเขาหินสีแดงขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่มีมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหล

15. มหาวิหารซากราดาฟามีเลีย เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

Antoni Gaudi เป็นผู้ที่ออกแบบมหาวิหารซากราดาฟามีเลียให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นจากหิน มีลวดลายอ่อนช้อยสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1866 โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 8 คอหอย หอคอยแรกที่สร้างเสร็จนั้นสูงราว 100 เมตร และจะมีการสร้างต่อไปจนครบ 18 หอคอย ตามแบบที่ Gaudi ได้ออกแบบไว้ ซึ่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 90-120 เมตร มันจึงดูโดดเด่น ยิ่งใหญ่ กลายเป็นสถานที่ห้ามพลาดของเมืองบาร์เซโลนาเลยทีเดียว

16. โดมทองแห่งเยรูซาเลม (The Dome of the Rock) เมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล

เมืองเก่าแก่เยรูซาเลมแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและสำคัญยิ่งต่อชาวโลก อดีตเป็นดินแดนที่มีความขัดแย้งกันระหว่าง 3 ศาสนา คือ ศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาห์ และศาสนาอิสลาม ซึ่งหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ยังคงอยู่เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนถึงประวัติศาสตร์เหล่านั้นก็คือ “โดมทอง” (The Dome of the Rock) สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 687-691 โดย Caliph Abd al-Malik เป็นศาสนสถานที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ตั้งขึ้นอยู่บนเนินเขาศักดิ์สิทธิ์โมริยาห์ (Mount Moriah) ตัวโดมเป็นสีทอง และอาคารตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกที่มีลวดลายสวยงาม ดูโดดเด่นและสง่างามกลางเมืองเก่าเยรูซาเลม

17. โบสถ์แซ็งต์ ชาแปล (The Sainte Chapelle) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

โบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกแบบฝรั่งเศส หรือสถาปัตยกรรมแรยอน็อง (Rayonnant) สร้างขึ้นโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 12 ตัวอาคารมีความยาว 36 เมตร กว้าง 17 เมตร และสูง 42.5 เมตร ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยกระจกสีและกระเบื้องลวดลายสวยงาม มีโคมไฟห้อยระย้าให้แสงสว่างแบบรำไร ให้ความรู้สึกที่เงียบสงบ

18. โบสถ์เซนต์จอห์น เดอะ ดีไวน์ (Saint John The Divine) นครนิวยอร์ก

โบสถ์เซนต์จอห์น เดอะ ดีไวน์ ตั้งอยู่บริเวณอัมสเตอร์ดัม อเวนิว ในนครนิวยอร์ก มีสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก มีอายุมากกว่า 120 ปี เป็นโบสถ์ของชาวคริสเตียนที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 3 ของโลก มีความยาว 186 เมตร สูง 37.7 เมตร ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเงียบสงบ

19. มัสยิดชีคซาเญด (Sheikh Zayed Grand Mosque) เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

มัสยิดที่ยิ่งใหญ่ อลังการ หรูหรา แห่งหนึ่งของโลก ด้วยมีสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่ไม่ธรรมดา สามารถบรรจุคนมากถึง 40,000 คน มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบมัมลุค (Mamluk) ออตโตมัน (Ottoman) และฟาติมิด (Fatimid) มีโดมทั้งหมด 82 โดม เสามากกว่า 1,000 ต้น โคมไฟแชนเดอเลียร์ทอง 24 และพรมถักมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะอาคารภายนอกเป็นสีขาวสว่าง ภายในเหลืองทองอร่าม เป็นความอลังการที่ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง

20. สุเหร่า New Synagogue เมือง Szeged ประเทศฮังการี

อีกหนึ่งศาสนสถานที่สำคัญของชาวยิว เปิดใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ตัวอาคารมีความสูงประมาณ 48.5 เมตร มีสถาปัตยกรรมแบบ Moorish ด้านในบริเวณผนังเหนือออร์แกนมีการออกแบบแบบโกธิกและเสาแบบโรมัน เอกลักษณ์ที่สำคัญของโบสถ์แห่งนี้ก็คือการออกแบบภายในของโดมกลาง มีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องลวดลายอ่อนช้อยและสีสันที่กลมกลืน ประกอบกับกระจกสีที่เข้ากันอย่างลงตัว

21. โบสถ์ Las Lajas Sanctuary เมือง Narino ประเทศโคลอมเบีย

โบสถ์ในสไตล์โกธิก ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1916-1944 บนสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำในหุบเขา เพื่อรำลึกถึงการปรากฏตัวของพระแม่มารี ตามตำนานที่เล่าขานกันมาว่า ภาพของพระองค์ปรากฏขึ้นบนหินขนาด 45 เมตร เหนือแม่น้ำแห่งนี้ ภายในตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโคมไฟห้อยระย้า ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเงียบสงบ

22. พระอาราม Thikse Monastery เมืองลาดักห์ ประเทศอินเดีย

Thikse Monastery เป็นพระอารามที่ใหญ่ที่สุดในเมืองดาลักห์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ (Leh) เพียงแค่ 18 กิโลเมตรเท่านั้น พระอารามแห่งนี้เป็นวัดพุทธแบบทิเบต ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเนินเขาสูง มีสถูปเจดีย์ตั้งอยู่รายล้อมรอบพระอาราม ทัศนียภาพโดยรอบเป็นพื้นที่โล่งกว้างและภูเขาสูงชัน มีอากาศหนาวเย็น ถือได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทิเบต ชาวอินเดีย และชาวพุทธ ต้องไปเคารพสักการะสักครั้งในชีวิต

23. วิหารทอง Harmandir Sahib เมืองอมฤตสาร์ แคว้นปัญจาบ ประเทศอินเดีย

สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สำคัญของศาสนาซิกข์ เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของ Guru Amardas Sahib ที่อยากให้มีศาสนสถานของชาวซิกข์ และท่าน Guru Ramdas Sahib ได้นำคำสั่งนี้มาสร้างวิหารแห่งนี้จนสำเร็จ วิหารทอง Harmandir Sahib มีตัวอาคารทั้งหลังเป็นสีทอง ล้อมรอบด้วยสระน้ำ ยามแสงอาทิตย์ตกกระทบจึงมีแสงสะท้อนที่งดงามอลังการ

24. โบสถ์ The Church of the Assumption ทะเลสาบ Bled ประเทศสโลวีเนีย

โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนเกาะกลางทะเลสาบ Bled ในประเทศสโลวีเนีย เป็นโบสถ์เก่าแก่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค เมื่อนักท่องเที่ยวนั่งเรือจากแผ่นดินใหญ่มายังตัวเกาะแห่งนี้ ก็จะได้สัมผัสกับบันไดหินทั้ง 99 ขั้น พร้อมกับบรรยากาศอันน่าหลงใหลของโบสถ์เก่าแห่งนี้ ในฤดูหนาวน้ำทั้งทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง จึงปรากฏภาพของโบสถ์ The Church of the Assumption ที่ตั้งอยู่กลางแผ่นน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ที่งดงามเกินคำบรรยาย

ในโลกนี้ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชวนตะลึงและตื่นตาให้เราออกไปค้นหาอีกมากมาย ถามใจตัวเองว่ากล้าพอหรือยังที่จะออกไปยืนมองโลกจากหน้าผาสูงใหญ่ ถ้าใจพร้อมก็ได้เวลาออกไปตะลุยโลกกันแล้ว

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
tourismcambodia, orientalarchitecture, visitreykjavik, wondermondo.com, gloucestercathedral, uasean, culturalindia, parotaktsang, japan-guide, varanasicity, stavechurch, pragueexperience, southamerica, colombia, chapeloftheholycross, aviewoncities, sagradafamilia, domeoftherock, discoverfrance, nyc-architecture, stjohndivine, visitabudhabi, zsinagoga, southamerica, travel.india, sgpc, slovenia

24 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สุดน่าทึ่ง ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต