แนะนำที่เที่ยวเดือนกันยายน กับ 15 ที่เที่ยวทั่วไทย ที่รอให้ทุกคนออกไปเที่ยวหน้าฝนในช่วงพีคของกรีนซีซั่น
กันยายน เดือนที่ไม่มีวันหยุดยาวแถมยังอยู่ในช่วงหน้าฝน หลายคนมองปฏิทินแล้วอาจจะรู้สึกว่างเปล่าเพราะไม่รู้จะไปเที่ยวไหน แต่จริง ๆ แล้ววันหยุดสุดสัปดาห์อย่างเสาร์-อาทิตย์ เราก็สามารถหา
ที่เที่ยวเดือนกันยายน ออกไปเจอโลกกว้างได้แล้ว ยิ่งในช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ธรรมชาติสวยงามที่สุดด้วย ว่าแล้วอย่ามัวแต่รอช้าอยู่เลย เตรียมวางแผน
เที่ยวเดือนกันยายน กับ
ที่เที่ยวหน้าฝนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ดีกว่า
ที่เที่ยวเดือนกันยายน 2567
1. ประเพณีตักบาตรขนมครก จังหวัดสมุทรสงคราม
วัดแก่นจันทน์เจริญ ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เตรียมจัดงานตักบาตรขนมครกและน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาเกือบ 100 ปี โดยปี 2567 กำหนดจัดงานในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 ที่ลานวัดแก่นจันทน์เจริญ เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00-11.00 น. โดยประเพณีทำบุญตักบาตรขนมครกของชาวตำบลบางพรมนั้น มีการเลียนแบบมาจากประเพณีตักบาตรขนมเบื้องของพระราชพิธีในวัง และมีการจัดต่อเนื่องกันมาช้านาน
ผู้ที่ริเริ่มจัดงานทำบุญนี้คือ พระครูสุนทรสุตกิจ (หลวงปู่โห้) อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดแก่นจันทน์เจริญ เนื่องจากสมัยนั้นคลองหน้าวัดแก่นจันทน์เจริญมีแม่ค้าพายเรือมาขายขนมหลายลำ ส่วนใหญ่เป็นขนมครกเพราะทำง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แต่คนซื้อมีน้อย เนื่องจากชาวบ้านต่างมีฐานะค่อนข้างยากจน หลวงปู่โห้อยากช่วยเหลือแม่ค้า จึงได้นัดแม่ค้าให้ทำเฉพาะขนมครกมาขายที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัดปีละครั้ง ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี เพื่อให้ญาติโยมได้ซื้อขนมครกและน้ำตาลทรายมาถวายพระ จนถือปฏิบัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกปี ไม่ว่าวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 จะตรงกับวันอะไรก็ตาม ส่วนน้ำตาลทรายที่ถวายคู่กันนั้น เนื่องจากพระบางรูปชอบหวานจึงมีน้ำตาลทรายให้มาด้วย นอกจากนี้ยังนำน้ำตาลทรายไปทำอย่างอื่นได้ จนกลายเป็นประเพณีสืบทอดเรื่อยมาถึงปัจจุบัน
2. งานประเพณีสารทไทยกล้วยไข่และของดีเมืองกำแพง ประจำปี 2567 จังหวัดกำแพงเพชร
งานประเพณีประจำปีของเมืองกำแพงเพชร จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายกล้วยไข่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดกำแพงเพชร ด้วยความโดดเด่นที่ผลดก เปลือกสีทอง เนื้อแน่น รสหอมหวาน จึงทำให้เมืองกำแพงเพชรได้ชื่อว่าเป็นเมืองกล้วยไข่ เพื่ออนุรักษ์สืบสานประเพณีการทำบุญวันสารทไทย และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกำแพงเพชรด้วย โดยในปี 2567 กำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน - 5 ตุลาคม 2567 บริเวณวัดพระธาตุนครชุม พระอารามหลวง หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายในงานจะมีการจัดขบวนแห่รถกล้วยไข่ ประกวดกล้วยไข่ดิบและกล้วยไข่สุก การประกวดธิดากล้วยไข่ การกวนกระยาสารท การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่ การออกร้านจําหน่ายสินค้าราคาถูกจากโรงงาน มหรสพ ดนตรี คอนเสิร์ต หมอลำครบชุด สวนสนุกชุดใหญ่
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก คนกำแพงเพชร
3. ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว จังหวัดจันทบุรี
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 10 กิโลเมตร อยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เดิมเป็นชุมชนชาวจีนเก่าแก่นับร้อยปี อาชีพดั้งเดิมของชาวชุมชนคือการทำประมงน้ำตื้นและเจียระไนพลอย แต่หลังจากที่พลอยดิบในจันทบุรีลดน้อยลง ส่งผลให้ชุมชนเงียบเหงาตามไปด้วย ชาวชุมชนจึงปรึกษาหารือกัน และนึกถึงอีกหนึ่งฝีมือที่คนในชุมชนมี นั่นคือฝีมือในการทำขนมและอาหารที่ไม่เป็นรองใคร จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำมาความคึกคักกลับมาสู่ชุมชนอีกครั้งด้วยการทำขนมขาย เพราะมีขนมท้องถิ่นหลายอย่างที่หากินได้เฉพาะที่นี่
ภาพจาก : oHooHo / Shutterstock.com
ภายในชุมชนประกอบด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่สองฟากฝั่งถนน วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวประมงพื้นบ้าน และย่านการค้าในอดีต โดยทุกวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ จะมีชาวบ้านร่วมกันนำอาหารพื้นเมืองและขนมแปลกโบราณ รวมทั้งสินค้าของที่ระลึก มาวางจำหน่ายสร้างรายได้แก่ครอบครัวและเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน ทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว จันทบุรี โทรศัพท์ 09-8124-3749
4. เขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี
เขาอีโต้ หรือชื่อทางการว่า วนพุทธอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ และ ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำตกเขาอีโต้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเนินหอม ตำบลบ้านพระ และตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมืองปราจีนบุรี มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นแนวภูเขาที่ต่อเนื่องมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปลายยอดเขาตัดราบเป็นแนวยาว มีความลาดเอียง คล้ายสันของมีดอีโต้ จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขาแห่งนี้
จุดเช็กอินที่เป็นไฮไลต์ของเขาอีโต้ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะชมเมื่อมาเที่ยวที่นี่คือ
- จุดชมวิวผาหินซ้อน เวิ้งหน้าผาเปิดโล่งเห็นทัศนียภาพเบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา เป็นจุดชมวิวที่มีความพิเศษคือสามารถดูได้ทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า และจุดชมวิวหลังฝนตกที่จะมองเห็นหมอกปกคลุมบริเวณผาและสันเขา
- พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ ประดิษฐานอยู่บริเวณวนพุทธอุทยานโลกเขาอีโต้ ลักษณะงานศิลป์เป็นเอกลักษณ์ถอดแบบจากองค์พระพุทธรูปสมัยทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดหน้าตักกว้าง 14.9 เมตร สูง 34 เมตร ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวปราจีนบุรี
- อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เกิดขึ้นจากโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ใช้ยามหน้าแล้ง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม ด้วยทัศนียภาพของผืนน้ำกว้างใหญ่โอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีของป่าเขา สามารถขับรถ เดิน หรือปั่นจักรยานไปตามแนวสันอ่างเก็บน้ำ และเป็นสถานที่ที่เปิดให้เข้าพักแรมในรูปแบบกางเต็นท์ได้
ภาพจาก : AlivePhoto / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้-ป่าในเมืองเดิม โทรศัพท์ 0-3721-0253
5. น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก
ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร ลำห้วยหลัก 2 สาย คือ ห้วยทีเครโกร และห้วยกล้อทอ ไหลผ่านช่องเขาขาด กลายเป็นน้ำตกทีลอซู ซึ่งคำว่า ทีลอซู แปลว่า น้ำตกดำ เพี้ยนมาจากคำว่า ทีหล่อชู ที่เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตก นั่นเอง
น้ำตกทีลอซู ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยงาม มีน้ำไหลแรงตลอดปี แต่จะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน น้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธาร ทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น แต่เป็นช่วงที่ทางรถเข้าน้ำตกปิด เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทางและถนอมสภาพทางไม่ให้เสียหาย นักท่องเที่ยวอาจเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ได้โดยการซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยว ซึ่งจะเดินทางด้วยเรือยางและเดินป่าอีกราว 12 กิโลเมตร แต่หากมาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน ระหว่างเดือนธันวาคม-พฤษภาคม ก็สามารถใช้ทางรถยนต์เข้าน้ำตกได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เที่ยวได้สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไป-กลับหรือพักค้างแรม
6. ถนนคนเดินเชียงคาน จังหวัดเลย
ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัสอากาศหนาวและเที่ยวชมวัฒนธรรมแบบพื้นเมืองของถนนคนเดินเชียงคาน สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่ยิ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็ต้องรีบจับจองที่พักกันเลยทีเดียว ไฮไลต์ของที่นี่จะเป็นการเดินชมบ้านไม้เก่าที่ติดริมแม่น้ำโขง พร้อมทั้งยกกล้องขึ้นมาแชะรูปอวดลงโซเชียลได้อีกด้วย นอกจากนี้ทางถนนคนเดินเชียงคานยังมีจักรยานให้นักท่องเที่ยวได้ปั่นเพื่อชื่นชมบรรยากาศแสนคลาสสิก เรียกได้ว่าชิคและชิลกันสุด ๆ สำหรับสายกินสายชอปปิ้งที่นี่ก็เต็มไปด้วยสินค้าให้เลือกสรรมากมาย อิ่มท้องแล้วยังได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย
ภาพจาก : Em7 / Shutterstock.com
7. เขายายเที่ยง จังหวัดนครราชสีมา
เขายายเที่ยง ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว เป็นที่เที่ยวยอดฮิตของจังหวัดนครราชสีมา ที่ขับรถจากกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะได้พักผ่อนชิล ๆ ชมวิวทิวทัศน์ภูเขาและเขื่อนลำตะคอง พร้อมเซลฟี่คู่กังหันลม รับรองว่าถูกใจสายธรรมชาติอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้ามาในเดือนกันยายนที่บรรยากาศจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ พร้อมลมเย็น ๆ ให้ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว
สำหรับจุดเช็กอินเขายายเที่ยงที่น่าสนใจและน่าไปเที่ยวชม ได้แก่
- กังหันลมยักษ์เขื่อนลำตะคอง ตั้งอยู่บนอ่างเก็บน้ำตอนบนเขายายเที่ยง ซึ่งเป็นจุดรับลมที่ดี ทางการไฟฟ้าจึงติดตั้งกังหันลมขนาดใหญ่เพื่อใช้ปั่นกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า โดยบริเวณนี้สามารถเช่าจักรยานปั่นชมวิวเขื่อนลำตะคองได้
- ผายายเที่ยง อยู่ใกล้กับอ่างพักน้ำตอนบนของโรงไฟฟ้าลำตะคองและกังหันลมยักษ์ เป็นจุดที่สามารถชมวิวมุมกว้างของเขื่อนลำตะคองที่อยู่ด้านล่าง และยังมองเห็นแนวกังหันลมอีกด้วย ถือเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามมาก ๆ เลย
ภาพจาก : Mister_Knight / Shutterstock.com
8. ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติกุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี
ปรากฏการณ์ กุ้งเดินขบวน (Parading Shrimp) เป็นปรากฏการณ์ที่กุ้งฝอยนับล้านตัวพร้อมใจกันเดินพาเหรดบนพลาญหินเลียบแก่งน้ำ มุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูงบนเทือกเขาพนมดงรัก โดยจะเดินขบวนในช่วงกลางคืนหลังฝนตกหนัก หรือสายน้ำในแก่งมีความเชี่ยวกราก สถานที่ที่สามารถไปชมกุ้งเดินขบวนได้คือ บริเวณน้ำตกแก่งลำดวน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านแข้ด่อน ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัด ตามเส้นทางอุบลฯ-เดชอุดม-น้ำยืน-แก่งลำดวน ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และหาชมได้ยาก มีเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี แก่งลำดวน
สำหรับในปี 2567
เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี แก่งลำดวน ได้ประกาศเชิญร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกับปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวน ระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. อย่างไรก็ตาม การจะพบเจอกุ้งเดินขบวนนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติ ฤดูกาล และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ดังนั้น ก่อนเดินทางควรสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า อุบลราชธานี โทรศัพท์ 09-7212-3951
9. น้ำตกกินรี จังหวัดบึงกาฬ
น้ำตกกินรี หรือ ตาดกินรี เป็นธารน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติชาติภูลังกา อยู่ในส่วนหนึ่งของพิกัดเดินป่าวังนาคินทร์ ดินแดนที่มีเสน่ห์และมนตร์ขลัง ณ บึงโขงหลง ช่วงรอยต่อบึงกาฬและนครพนม เรียกว่าใครไปเที่ยวถ้ำนาคาก็มักจะมาเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้เพื่อผ่อนคลายไปกับสายน้ำไหลเย็นชื่นใจ โดยไฮไลต์สำคัญที่น่าไปเช็กอินของน้ำตกกินรี คือ หินโลมา ก้อนหินใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนน้องโลมานอนหันหน้าเข้าหากันปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเขียว บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ด้านล่างจะเป็นธารน้ำตกใสไหลเย็น เหมือนน้องโลมากำลังเล่นน้ำไปกับเรา สำหรับการเดินทางเข้าไปยังหินโลมาจะเป็นการเดินเท้าขึ้นไประยะทาง 800 เมตร เป็นทางเดินทั้งทางราบและบันได บางช่วงที่มีความชันเล็กน้อยก็จะมีเชือกให้เกาะดึงตัวขึ้นไป สองข้างทางสวยงามร่มรื่นด้วยธรรมชาติ เดินเพลินจนลืมเหนื่อยเลย อย่างไรก็ตาม การจะเดินขึ้นน้ำตกกินรีและหินโลมาจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ดูแลและเดินนำทางไปด้วยทุกครั้ง
10. ประเพณีสลากย้อมเมืองลำพูน ประจำปี 2567 จังหวัดลำพูน
งานสลากย้อมเมืองลำพูน และทานสลากภัต ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 11-17 กันยายน 2567 ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน เป็นประเพณีที่ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกิดขึ้นที่เดียวในโลก โดยมีรากฐานมาจาก ชาวยอง หรือกลุ่มชาติพันธุ์ลื้อจากสิบสองปันนา ก่อนจะอพยพมาอยู่ที่เมืองยองในพม่า และย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดลำพูนอีกทีหนึ่งเมื่อ 200 กว่าปีก่อน
ประเพณีสลากย้อมเมืองลำพูน เกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูน เป็นส่วนสำคัญของงานประเพณีทานสลากภัต ซึ่งเป็นการทำบุญประจำปีก่อนออกพรรษา มักจะจัดทานสลากภัตในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 โดยสลากย้อมจะเป็นการถวายทานเพื่อเป็นพุทธบูชาของหญิงสาว (อายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรืออยู่ในช่วงอายุ 20 ปี) ที่ยังไม่แต่งงาน และเชื่อกันว่าการถวายสลากย้อมของหญิงสาวได้รับอานิสงส์ผลบุญสูงยิ่งเทียบเท่ากับการบวชของผู้ชาย
ลักษณะพิเศษของทานสลากย้อม คือ การนำประวัติของหญิงสาวที่เป็นเจ้าภาพของงาน หรือเป็นผู้ทานสลากย้อม มาแต่งเป็นคำประพันธ์ นำมาผูกเล่าทำนองโบราณตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ได้รับรู้ถึงประวัติและความดีงามของผู้ทานสลากย้อม เหมือนกับการเรียกขวัญนาคที่กำลังจะบวช ซึ่งตามประเพณีล้านนาจะมีการเล่าเป็นทำนองเทศน์ล้านนา บอกเล่าประวัติของผู้ที่กำลังจะบวช ให้รู้ว่าเป็นผู้ที่กำลังทำความดี สละทุกอย่าง เพื่อก้าวเข้าสู่บวรพระพุทธศาสนา ประเพณีตานก๋วยสลาก หรือสลากย้อม เป็นประเพณีเก่าแก่โบราณที่ชาวจังหวัดลำพูนแต่ละชุมชนยังคงยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานลำปาง โทรศัพท์ 0-5422-2214-5 หรือ
เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน โทรศัพท์ 0-5356-1430
11. นาข้าวขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ จังหวัดน่าน
ตั้งอยู่ในตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีแนวทางในการลดการใช้พื้นที่ป่า แสวงหาวิธีปลูกข้าวแบบใหม่ ๆ นั่นคือการนำวิธีการทำนาขั้นบันไดบนพื้นที่ภูเขามาแทนข้าวไร่ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช่แค่ขุดนาขั้นบันไดอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสร้างบ่อกักเก็บน้ำ ฝาย การปลูกถั่วเหลือง รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ด้วย นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นความเขียวขจีของนาข้าวขั้นบันได และความอลังการของภูเขาที่เรียงรายสลับกันไป-มาอย่างงดงาม ซึ่งถ้ามาในช่วงเดือนกันยายนก็จะได้เจอความเขียวของนาข้าวชุ่มฝน อากาศเย็นสบายสดชื่น และในตอนเช้าก็อาจจะได้เห็นสายหมอกที่คลอเคลียไล่เรี่ยมากับทิวเขาอีกด้วย
12. หล่มภูเขียว จังหวัดลำปาง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กินเนื้อที่ราว 1-2 ไร่ เป็นแหล่งน้ำอยู่บนเขาลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ มีการสันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อนแล้วจมลงใต้น้ำ เรียกว่า หลุมยุบ (Sink Hole) ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ ส่วนภายในหลุมจะมีน้ำสีฟ้าและน้ำสีเขียวมรกตที่มีความใส นิ่ง และลึก อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลายชนิด นอกจากนี้บริเวณโดยรอบของหล่มภูเขียวยังมีลักษณะเป็นป่าดิบแล้ง ล้อมไปด้วยหน้าผาที่เกิดจากภูเขาหินปูน ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนของธรรมชาติในจังหวัดลำปางนั่นเอง
13. น้ำตกเหวโหลม จังหวัดชุมพร
ตั้งอยู่ที่บ้านบกไฟ ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากหน้าผาสูง 80 เมตร โดยมีทั้งหมด 2 ชั้น ในช่วงที่น้ำตกไหลแรงจะได้เห็นสายน้ำกระทบกับโขดหินจนเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งไปทั่วบริเวณ และตัวน้ำตกยังมีบริเวณของแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถลงเล่นได้
สำหรับการจะเข้าไปยังน้ำตกเหวโหลม ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 200-500 เมตร บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยป่าดงดิบชื้น สามารถเดินศึกษาธรรมชาติและดูนกมากมายหลายชนิดได้อีกด้วย น้ำตกแห่งนี้มีน้ำตลอดทั้งปี แต่จะมีปริมาณน้ำมากและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน โทรศัพท์ 0-7781-0239
14. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ (สะพานเอกชัย) จังหวัดพัทลุง
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ หรือสะพานเอกชัย เป็นสะพานที่ทอดผ่านข้ามทะเลน้อย เชื่อมต่อระหว่างอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ถือว่าเป็นสะพานข้ามน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยมีระยะทางถึง 5.5 กิโลเมตร ไม่เพียงแต่ความสวยงามของสะพานที่คดโค้งทอดยาวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเช็กอินที่สะพานแห่งนี้ วิวทิวทัศน์ของสองฟากฝั่งถนนยังมองเห็นทะเลน้อยได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี แนวขุนเขาตระหง่านมหึมาเป็นฉากหลัง พร้อมภาพวิถีธรรมชาติของพื้นที่ชุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณ นกนานาชนิด และฝูงควายน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ชวนให้ทุกคนมาเยี่ยมเยือน จนกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ต้องปักหมุดเมื่อมาเยือนพัทลุง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง โทรศัพท์ 0-7467-1800
15. ชุมชนกือดาจีนอ (ชุมชนตลาดจีน) จังหวัดปัตตานี
ชุมชนกือดาจีนอ หรือชุมชนตลาดจีน เป็นย่านเมืองเก่าปัตตานี อยู่ในพื้นที่ของถนน 3 เส้นด้วยกัน คือ ถนนอาเนาะรู ถนนปัตตานีภิรมย์ และถนนฤาดี เป็นย่านอยู่อาศัยของชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้มีความโดดเด่นทั้งด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่มีความคล้ายคลึงกับปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าสงขลา นอกจากตึกสวย ๆ แล้วยังมีอาคารบ้านเรือนไม้ที่มีเสน่ห์และเรียบง่าย ซึ่งมีอายุเก่าแก่เป็นร้อยปี เพราะได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวชุมชน
ภาพจาก : Amnat Phuthamrong / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี โทรศัพท์ 0-7346-0 115
กันยายน เดือนเก้าของปี เป็นเดือนที่อยู่ในช่วงกลางฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ดูวิวทะเลหมอก สัมผัสอากาศเย็นสบาย สายชิลไม่ควรพลาด บอกเลยต้องรีบเก็บกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวได้แล้ว
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวหน้าฝน สถานที่ท่องเที่ยว อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก องค์การบริหารส่วนตำบลบางพรม,
เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม : TAT Samut Songkhram Office,
เฟซบุ๊ก คนกำแพงเพชร,
เฟซบุ๊ก ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว จันทบุรี,
เฟซบุ๊ก ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้-ป่าในเมืองเดิม,
เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง - Umphang Wildlife Sanctuary,
เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า อุบลราชธานี,
เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม - Phulangka National Park Thailand,
เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานลำปาง,
เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน,
เฟซบุ๊ก มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ,
เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน,
เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง,
เฟซบุ๊ก สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี