10 จุดดำน้ำดูปะการังฝั่งทะเลอันดามัน มนตร์เสน่ห์แห่งโลกใต้ทะเลแสนงดงาม

           แหวกว่ายไปกับจุดดำน้ำดูปะการังทั้งแบบดำน้ำตื้นและน้ำลึกในท้องทะเลฝั่งอันดามัน ที่ความสวยงามติดอันดับต้น ๆ ของโลก ใครรักการดำน้ำ ไม่ควรพลาด !
           ฤดูร้อนมาถึงอย่างเป็นทางการแล้ว แสงแดดที่แผดเผาทำให้หลายคนอยากไปคลายร้อนกันที่ทะเลแสนสวย แหวกว่ายหยอกเย้ากับเกลียวคลื่น เดินเล่นพักผ่อนบนหาดทรายสีขาวเนียนละเอียด ไปจนถึงดำดิ่งลงไปดูความสวยงามของโลกใต้ทะเล ซึ่งในประเทศไทยนี้ก็มีแหล่งดำน้ำทั้งแบบดำน้ำตื้นและน้ำลึกมากมาย โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ที่เป็นเหมือนสวรรค์ของนักดำน้ำ ทั้งความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล สำหรับใครที่กำลังวางแพลนจะไปดำน้ำในช่วงหน้าร้อนนี้ ลองดูแหล่งดำน้ำสวย ๆ ที่เรานำมาฝากกัน แล้วเตรียมชุดและอุปกรณ์ให้พร้อม ก่อนจะดำดิ่งลงไปยังโลกใต้ทะเลกันเลย
ที่ดำน้ำ

ประเภทของการดำน้ำ
          ก่อนจะไปลงดำน้ำกัน ไม่ใช่ว่าใส่เสื้อชูชีพแล้วจะกระโดดตู้มต้ามลงน้ำกันได้เลยนะ เพราะการดำน้ำนั้นมีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน บางประเภทไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ลงดำได้ แต่บางประเภทจำเป็นต้องมีการเรียน หรือการทดสอบให้ผ่าน ได้รับประกาศนียบัตรเสียก่อน ส่วนจะมีการดำน้ำประเภทไหนบ้าง เราสรุปมาให้สั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
          1. การดำน้ำตื้น หรือสน็อกเกิลลิง (Snorkeling) เป็นการดำน้ำที่ง่ายที่สุด ใส่เสื้อชูชีพให้ลอยตัว และใส่หน้ากากดำน้ำที่มีท่อหายใจก็สามารถดำในระดับน้ำตื้นที่มีความลึกตั้งแต่ 1-9 เมตร
           2. การดำน้ำแบบฟรีไดฟ์วิ่ง เป็นการดำน้ำที่ต้องมีทักษะการว่ายน้ำ ประกอบกับมีการเรียนและสอบ แต่ไม่จำเป็นต้องได้ประกาศนียบัตร เพราะต้องใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญในการใช้เพียง 1 ลมหายใจในการดำลงไปใต้น้ำ เพื่อให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติใต้น้ำได้ลึกกว่าการดำน้ำแบบสน็อกเกิล โดยใช้เพียงหน้ากากดำน้ำที่มีท่อหายใจ และตีนกบเพื่อช่วยผ่อนแรงในการเคลื่อนไหวในน้ำ จากนั้นก็ดำดิ่งลงไปที่ความลึกประมาณ 5-10 เมตร จึงเป็นเทรนด์การดำน้ำที่กำลังมาแรงเพราะเรียนง่าย ใช้เวลาเรียนแค่ 1-2 วันให้รู้ทักษะ และอุปกรณ์ก็ไม่เยอะเท่ากับการดำน้ำลึกด้วย
           3. การดำน้ำลึก หรือสคูบา (Scuba) เป็นการดำน้ำลึกในระดับ 10 เมตรขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 30 เมตร และต้องมีอุปกรณ์ เช่น หน้ากากดำน้ำ ตีนกบ และถังอากาศช่วยหายใจ เพื่อทำให้หายใจได้นานกว่าการดำแบบฟรีไดฟ์วิ่ง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำน้ำลึก เช่น ชุดสำหรับดำน้ำ ทุ่นถ่วงน้ำหนักเพื่อให้จม และ Regulator (อุปกรณ์ที่ใช้ต่อกับถังอากาศ) การดำน้ำในลักษณะนี้ต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง ต้องเรียนและสอบในทะเล เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรรับรอง
แหล่งดำน้ำ ฝั่งอันดามัน
           ช่วงเดือนที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวดำน้ำคือ เดือนมกราคม-เดือนเมษายน และเดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม (สำหรับฝั่งอันดามันใต้ เช่น ภูเก็ต และสตูล)

1. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา

          สวรรค์ใต้ท้องทะเลที่หมู่เกาะสิมิลัน เป็นอุทยานแห่งชาติในจังหวัดพังงา ครอบคลุมพื้นที่เกาะและห้วงน้ำทะเลรอบเกาะที่มีปะการังสมบูรณ์ มีทั้งหมด 11 เกาะ ได้แก่ เกาะหูยง (เกาะหนึ่ง) เกาะปายัง (เกาะสอง) เกาะปาหยัน (เกาะสาม) เกาะเมียง (เกาะสี่) เกาะห้า เกาะหก เกาะปายู (เกาะเจ็ด) เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) เกาะบางู (เกาะเก้า) เกาะตาชัย และเกาะบอน

          หมู่เกาะสิมิลัน เป็นหมู่เกาะที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปลาหลากสีสันและหายาก ส่วนใหญ่พบเป็นพวกปลาทะเล ได้แก่ ปลาฉลาม ปลากระโทงแทง ปลากระเบน ปลาบิน ปักเป้าทะเล รวมตลอดถึงปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในแหล่งปะการังอีกหลายชนิด เช่น ปลาผีเสื้อ ปลานางฟ้า กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอเรย์ ปลาการ์ตูน นอกจากนี้ยังมีปะการังที่มีสีสันสวยงามหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นปะการังน้ำลึก ได้แก่ ปะการังใบไม้ ปะการังแปรงล้างขวด ปะการังรูพรุน กัลปังหา เป็นต้น

หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา

2. หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี (เกาะสต๊อค) เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) และเกาะกลาง (เกาะมังกรหรือเกาะปาจุมบา) โดดเด่นด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการพัฒนาแนวปะการัง และอุดมไปด้วยเหล่าแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารหลักของเหล่าปลาและสัตว์ทะเลต่าง ๆ ทำให้ใต้ท้องทะเลของหมู่เกาะสุรินทร์นั้นเต็มไปด้วยแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จนกลายเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำที่ชื่นชอบความสวยงามของปะการังอีกแห่งหนึ่งในไทยเลยทีเดียว ซึ่งก็สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก
หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Maymei Maythinee

           โดยแนวปะการังที่พบทั่วไปที่หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นแนวปะการังริมฝั่ง ได้แก่ ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังเขากวาง ปะการังโขดหรือปะการังนิ้วมือ ปะการังดอกเห็ด ปะการังกาแล็กซี่ ปะการังแผ่นเปลวไฟหรือปะการังดอกจอก ปะการังสมอง ปะการังจาน ปะการังไฟ ดอกไม้ทะเล ปะการังอ่อน กัลปังหา และปากกาทะเล เป็นต้น และยังพบหญ้าทะเลในบริเวณอ่าวของหมู่เกาะสุรินทร์ 3 ชนิด ได้แก่ หญ้าเงาหรืออำพัน หญ้ากุ่ยช่ายเข็ม และหญ้าชะเงาเต่า รวมถึงยังมีฟองน้ำ หนอนทะเล กุ้งมังกร กุ้ง ปู หอย หมึก ดาวทะเล ดาวเปราะ ดาวขนนก เม่นทะเล ปลิงทะเลเพรียงหัวหอม

          กลุ่มปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาสลิดหิน ปลานกขุนทอง ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว ปลากะรังและปลาทอง ปลาขี้ตังเป็ด ปลาสลิดทะเล ปลาผีเสื้อเทวรูป ปลาอมไข่ ปลาตั๊กแตนหิน ปลาบู่ ปลาสิงโต ปลากะรังหัวโขน ปลาหิน ปลากะพง ปลากล้วย ปลาสร้อยนกเขา ปลาทรายขาว ปลาหางแข็ง ปลาโมง ปลาสีกุน ปลาวัว ปลาปักเป้า ไม่เพียงเท่านั้น เพราะใต้ท้องทะเลของหมู่เกาะสุรินทร์ยังเป็นแหล่งของสัตว์ทะเลหายาก เช่น ฉลามวาฬ วาฬ และเต่าทะเล ซึ่งพบ 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ และเต่าหญ้าด้วย

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา สวรรค์ของคนรักการดำน้ำ

3. หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

           หมู่เกาะพีพี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามติดอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีเล และเกาะพีพีดอน โดยทั้ง 2 เกาะจะมีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวสวย ๆ ชายหาดทรายขาวนวลเนียนละเอียด น้ำทะเลฟ้าใส และที่เป็นมนตร์เสน่ห์ที่ดึงดูดนักดำน้ำทั้งมือใหม่และมือเก๋าให้มาลองแหวกว่ายไปในท้องทะเลแห่งนี้คือ แนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ เช่น ปะการังหนาม ปะการังนิ้วมือ ปะการังดอกไม้ ปะการังเขากวาง ปะการังแปรงล้างขวด ปะการังผิวถ้วยเคลือบ ปะการังดอกไม้แปลง ปะการังเห็ด ปะการังผักกาด ปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และสัตว์น้ำทะเลมากมายให้ได้เพลิดเพลิน ทั้งฝูงปลานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลากระเบน ปลากระโทงแทง ปลาเก๋า ปลากะรังลายขนนก ปลากะพง ปลามง ปลาไหลทะเล ปลาสินสมุทร ปลาผีเสื้อ ปลานกขุนทอง หอยมือหมี หอยนางรม กุ้ง ปลิงทะเล ดาวทะเล หอยเม่น แมงกะพรุน และถ้าโชคเข้าข้างอาจจะได้เจอเต่ากระ ฉลามเสือดาว และฉลามครีบดำในบริเวณนี้ด้วย
หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

          หมู่เกาะพีพี มีจุดดำน้ำทั้งแบบน้ำตื้นและแบบน้ำลึก จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาดำน้ำดูความสวยงามทั้งแบบมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ และนักดำน้ำที่เชี่ยวชาญเลยทีเดียว 
 

เกาะพีพี กับสารพันเรื่องน่ารู้ เที่ยวด้วยตัวเอง หรือเที่ยวคนเดียวก็สบาย

4. เกาะห้า จังหวัดกระบี่

           เกาะห้า หรือหมู่เกาะห้า ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ประกอบด้วยกลุ่มเกาะจำนวน 5 เกาะ มีเกาะห้าใหญ่เป็นเกาะที่มีรูปร่างคล้ายใบเรือ กระแสน้ำในบริเวณนี้ค่อนข้างนิ่ง และ ใส ทำให้จุดนี้กลายเป็นจุดดำดูปะการังที่มีชื่อเสียง สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก เพราะมีความลึกหลายระดับ โดยจุดที่ลึกที่สุดมีระดับมากกว่า 50 เมตร อุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังหลากหลาย และเป็นแหล่งที่พบฝูงปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ ปลาสากใหญ่ ปลากบ และปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจด้วย และอีกหนึ่งไฮไลต์ของเกาะห้าคือ คูหาถ้ำใต้น้ำ ที่ใหญ่ที่สุดที่นักดำน้ำสามารถดำเข้าไปได้โดยไม่ต้องติดตั้งไฟส่องสว่าง มีทางเข้าและออกทางเดียว ด้านในถ้ำจะเป็นความงดงามของหินงอกหินย้อยบริเวณฝาผนังถ้ำ และแสงแดดที่ส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายวิบวับ รับรองว่าใครได้เห็นเป็นต้องประทับใจในความสวยงามจนแทบลืมหายใจแน่ ๆ
เกาะห้า จังหวัดกระบี่

5. หมู่เกาะห้อง จังหวัดกระบี่

           อีกหนึ่งความสวยงามแห่งโลกใต้ทะเลของจังหวัดกระบี่ กับหมู่เกาะห้อง หรือเกาะเหลาบิเละ ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เช่น เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง โดยมีเกาะห้องเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีจุดเด่นที่มีอ่าวรูปทรงโค้ง 2 อ่าวที่เรียงตัวเชื่อมต่อเข้าหากันจนมองเห็นเป็นลักษณะคล้ายปีกนก มีหาดทรายขาวทอดตัวยาวสวย น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก เช่น ปะการังอ่อน ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง และปะการังเห็ด รวมถึงมีปลาทะเลอย่างปลากะรัง ปลากะพงแดง ปลาผีเสื้อ ปลานกแก้ว ปลาสลิดหิน ปลาสิงโต ปลาการ์ตูน ปลิงทะเล ดาวทะเล แมงดาทะเล ดอกไม้ทะเล และเม่นทะเล นอกจากการดำน้ำแล้ว บนเกาะห้องยังมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย เช่น นอนเล่นริมหาด และพายเรือคายักด้วย
หมู่เกาะห้อง จังหวัดกระบี่

6. เกาะรอก จังหวัดตรัง

           เกาะรอก ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดตรัง แต่เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย 2 เกาะคือ เกาะรอกนอก และเกาะรอกใน ซึ่งเป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์และสวยงามมาก ทั้งบนบกและใต้ท้องทะเล จนได้ฉายาว่าเป็นราชินีแห่งอันดามันเลยทีเดียว เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากดำน้ำดูปะการังและฝูงปลาชนิดต่าง ๆ เพราะเป็นจุดดำน้ำตื้นที่น้ำทะเลใส อุดมสมบูรณ์ไปแนวปะการัง เช่น ปะการังลูกโป่ง ปะการังเขากวางขนาดใหญ่ ปะการังเห็ด ปะการังดอกไม้ ปะการังดาวใหญ่ และหมู่ดอกไม้ทะเล รวมไปถึงเหล่าปลาทะเลสวยงามอย่างปลาการ์ตูนด้วย
เกาะรอก จังหวัดตรัง

7. เกาะกระดาน จังหวัดตรัง

          ถ้าพูดถึงทะเลเมืองตรัง เกาะยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต่างตกหลุมรักในความสวยงามของธรรมชาติทั้งบนบกและใต้ทะเล จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากเกาะกระดาน เกาะที่ขึ้นชื่อว่ามีชายหาดที่สวยที่สุดในจังหวัดตรัง ด้วยหาดทรายที่ขาวเนียนละเอียด ตัดกับน้ำทะเลและท้องฟ้าสีฟ้าใส ทำให้หาดทรายแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทร ในช่วงวันวาเลนไทน์ของทุกปี ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญของเกาะแห่งนี้เลยทีเดียว แต่นอกจากความโรแมนติกหวานชื่นของงานแต่งงานนั้น เกาะกระดานก็ยังเป็นจุดดำน้ำตื้นอีกหนึ่งแห่งในทะเลฝั่งอันดามันที่นักดำน้ำทั้งหลายชื่นชอบ โดยเฉพาะ หาดอ่าวเหนียง เป็นหาดทรายขาวยาว ที่สามารถดำน้ำตื้นดูปะการังจากหน้าหาดได้เลย ซึ่งแนวปะการังที่สามารถพบได้ที่เกาะกระดาน ได้แก่ ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อนหนามแดง และปลาทะเลอีกมากมายอีกหลายชนิด

เกาะกระดาน จังหวัดตรัง

8. เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย จังหวัดภูเก็ต

           ภูเก็ต จังหวัดที่เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสวยงามจนได้รับสมญานามว่าเป็น ไข่มุกแห่งอันดามัน สวรรค์ของคนรักทะเลทั้งชายหาดทรายขาวละเอียด เงียบสงบ น้ำทะเลสีฟ้าครามใสราวกับกระจก และใต้ท้องทะเลที่ยังอุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งดำน้ำที่นักดำน้ำอยากมาแหวกว่ายดำลงไปดูสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ โดยเฉพาะเกาะราชาใหญ่ และเกาะราชาน้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะภูเก็ต เป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการังทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก ซึ่งจุดดำน้ำของเกาะราชามีทั้งหมด 3 จุด คือ อ่าวคอนแค อ่าวหลา (จุดดำน้ำที่สวยที่สุด) และอ่าวสยาม  นับเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในทะเลอันดามัน เพราะน้ำทะเลรอบเกาะใสตลอดทั้งปี มีแนวปะการังที่สวยงาม และสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่หายาก เช่น ปะการังเขากวาง และปะการังสกุลแข็งชนิดต่าง ๆ ปลาไหลทะเล ปลากระเบน ปลาปักเป้า ไปจนถึงปลาหมึกยักษ์ด้วย
เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย จังหวัดภูเก็ต

9. หมู่เกาะตะรุเตา หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

           ถ้าพูดถึงแหล่งดำน้ำฝั่งอันดามัน แล้วไม่มีชื่อหมู่เกาะตะรุเตา คงถูกเหล่านักดำน้ำโวยวายแน่ ๆ เพราะที่นี่ถือเป็นแหล่งปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่สวยงามและสมบูรณ์ติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายที่จำนวน 51 เกาะ และมีจุดดำน้ำยอดฮิตที่นักดำน้ำต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งอย่าง ร่องน้ำจาบัง หรือกองหินจาบัง ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะหลีเป๊ะ ลักษณะเป็นกองหินรูปทรงคล้ายภูเขา 5 ยอดอยู่ใต้น้ำ เป็นบ้านของปะการังเจ็ดสีที่มีสีสันสวยงามทั้งปะการังสีชมพู สีแดง และสีม่วง รวมถึงดอกไม้ทะเลและสัตว์ทะเลหายากอีกมากมายอย่าง ปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และปลาทะเลน้อยใหญ่นานาชนิดแหวกว่ายในแนวปะการังให้ได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย
หมู่เกาะตะรุเตา หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

          ส่วนใหญ่แล้ว นักท่องเที่ยวที่มาดำน้ำที่หมู่เกาะตะรุเตา นิยมพักกันที่เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นเกาะกลางทะเลอยู่ในเขตตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เป็นพื้นที่บนบกที่ล้อมรอบไปด้วยท้องทะเลที่สดใสสะอาด สวยงาม เป็นเกาะที่เงียบสงบ หาดทรายสีขาวละเอียด เมื่อเข้ามาด้านในของเกาะก็จะมีความสะดวกสบาย คึกคัก และสนุกสนาน ราวกับอยู่ที่สวรรค์บนดินเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา รวมมาทั้งประวัติ ที่พัก และการเดินทาง

10. หมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล

           นอกจากร่องน้ำจาบังของเกาะหลีเป๊ะที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามต้องตาต้องใจเหล่านักดำน้ำจากทั่วทุกสารทิศแล้วนั้น จังหวัดสตูลก็ยังมีอีกหนึ่งหมู่เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งดำน้ำเช่นกัน นั่นคือ หมู่เกาะอาดัง-ราวี อยู่ในพื้นที่ของเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย ประกอบไปด้วยเกาะอาดัง และเกาะราวี มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ หาดทรายขาว น้ำใส เงียบสงบ เหมาะสำหรับการดำน้ำทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบเห็นแนวปะการังอ่อนนานาชนิด เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ปะการังดาวใหญ่ ปะการังถ้วยสีส้ม นอกจากนี้ยังพบดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูน กัลปังหาสีส้ม หอยมือเสือ ปลาสลิดหิน ปลาดาวสีฟ้า ปลาสิงโต เป็นต้น
หมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล

         ร้อนนี้ ใครเบื่อโลกบนบก ไม่อยากไปเที่ยวเขาขึ้นดอย ก็ลองลงดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล แหวกว่ายไปชมความสวยงามของแนวปะการัง ฝูงปลานานาชนิด และสิ่งมีชีวิตน่ารัก ๆ ในโลกใต้ทะเลดูนะ รับรองว่าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะต้องประทับใจไปไม่รู้ลืมแน่นอน
 

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
 

ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (1), (2), (3), (4), (5), เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง - Mu Ko Ang Thong National park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - Mu Ko Surin National Park, สำนักอุทยานแห่งชาติ, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา - Mu Ko Lanta National Park, เว็บไซต์ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกระบี่, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (1), (2), เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ Than Bok Khorani National Park, เฟซบุ๊ก TAT Phuket : Tourism Authority of Thailand, Phuket Office, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล Tarutao National Park
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 จุดดำน้ำดูปะการังฝั่งทะเลอันดามัน มนตร์เสน่ห์แห่งโลกใต้ทะเลแสนงดงาม อัปเดตล่าสุด 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14:51:01 41,142 อ่าน
TOP
x close