เที่ยวโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับ 6 กิจกรรมเด็ด ไม่ทำเหมือนไปไม่ถึง

         เที่ยวโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น จังหวัดเล็ก ๆ แต่มากล้นด้วยเสน่ห์อย่างน่าประทับใจ และพร้อมทำให้คุณตกหลุมรักทุกที่เที่ยวและกิจกรรมที่ทำ มาครั้งเดียวก็ติดใจจนแกะไม่ออก

         “โออิตะ” จังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกแห่งภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ชื่อจังหวัดโออิตะ อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่คุ้นหูผ่านตานักท่องเที่ยวเสียเท่าไรนัก แต่สำหรับการเดินทางสู่โออิตะครั้งนี้ เราเริ่มต้นเดินทางไปพร้อมกับบล๊อกเกอร์เว็บไซต์ลาพักเที่ยวแบบไม่มีความรู้อื่นใดเกี่ยวกับจังหวัดนี้เลย จนเมื่อมาถึงที่นี่จริง ๆ ถึงได้พบเรื่องราวความน่าสนใจหลากหลาย ที่ทำให้โออิตะกลายเป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย และไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในญี่ปุ่น

         และถ้าหากว่าใครก็ตามนึกอยากจะลองวางแผนเที่ยวโออิตะ เราเลยอยากจะขอแนะนำลิสต์ที่เที่ยวที่พ่วงด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งธรรมชาติสวย ออนเซ็นดี หมู่บ้านน่ารัก และของกินขึ้นชื่อมากมาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ ที่ไม่รู้ว่าไปโออิตะแล้วจะทำอะไรดี ลองทำตามที่เราบอกดูนะคะ ตามรอยเที่ยวง่าย ๆ แถมได้ความประทับใจกลับไปเต็ม ๆ 

กิจกรรมที่ 1 เปิดประสบการณ์การทำเหล้าบ๊วย (Umeshu) ด้วยตัวเอง

         เดินทางมาถึงโออิตะทั้งที ถ้าพลาดของดีไป เห็นทีจะไม่ได้การ ก่อนหน้านี้เราทำการบ้านมาว่า ที่โออิตะถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิตเหล้าบ๊วยขึ้นชื่อของคิวชู จนครั้งนี้มีโอกาสมาเยือนถึงแหล่ง “Umeshu Gura Oyama” (พิกัด Google Maps) คุณลุงดูมีอายุทว่าดูใจดี เดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับ ร่างกายที่เคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ช่างขัดกับสีผมดอกเลาและริ้วรอยประสบการณ์ชีวิตบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง ด้วยเวลาที่ค่อนข้างกระชั้น (เพราะต้องรีบไปขึ้นรถไฟ Yufuin no mori) ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือหยิบจับอุปกรณ์ตรงหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พร้อมสายตาที่จดจ่อกับขั้นตอนการทำอย่างตั้งใจ 

Umeshu Gura Oyama แหล่งผลิตเหล้าบ๊วยขึ้นชื่อแห่งภูมิภาคคิวชู 

         ผลบ๊วยสีเขียวลูกกลมขนาดพอดีมือ ถูกเคลือบด้วยเกล็ดน้ำแข็งเย็นเฉียบ เอาล่ะ ! เริ่มต้นลงมือทำอย่างจริงจัง ด้วยการนำผลบ๊วยมาล้างน้ำ จนเกล็ดน้ำแข็งที่เคลือบเปลือกนอกค่อย ๆ ละลาย และใช้กระดาษทิชชูซับน้ำจนแห้ง แล้วห้ามลืมใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเอาขั้วผลออก ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ สอบถามดูว่าเพราะอะไร ก็ได้ความว่า… “เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดราในเหล้าบ๊วย” พอได้ยินประโยคนี้ปุ๊บ สองมือแข็งขัน แงะเอาขั้วผลบ๊วยออกลูกแล้วลูกเล่า ด้วยเพราะกลัวว่าจะอดกินเหล้าบ๊วยฝีมือตัวเอง 

นำผลบ๊วยมาล้างเพื่อละลายเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะผลบ๊วยจนหมด

เติมส่วนผสมต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ที่เหลือก็รอแค่เวลา...

         หลังจัดการความเรียบร้อยกับผลบ๊วยเสร็จหมดแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาค่อย ๆ เรียงผลบ๊วยลงใส่ขวดโหล ขณะเดียวกันก็ใส่น้ำตาลกรวดตามลงไป และมาถึงขั้นตอนสุดท้ายและท้ายสุด นำโชจู, บรั่นดี หรือสาเก (เลือกอยากใดอย่างหนึ่ง) เทใส่ขวดโหล เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็แค่รอเวลาอันเหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว สามารถนำเหล้าบ๊วยมาดื่มได้ตั้งแต่ 6 เดือน แต่ถ้าอยากให้รสชาติเข้มข้นหอมอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก แนะนำว่าให้บ่มทิ้งไว้สักประมาณ 1 ปี เป็นอันว่ารู้เรื่อง !

         จริงอยู่ว่าเดี๋ยวนี้มีเหล้าบ๊วยสำเร็จรูปขายตามร้านค้าต่าง ๆ มากมาย แต่จากปากคำของเจ้าถิ่น ก็ยืนยันกับเราว่า เหล้าบ๊วยสำเร็จรูปยังไงก็สู้เหล้าบ๊วยที่ทำมือไม่ได้ เพราะจะมีรสชาติความหอมและเข้มข้นที่เราสามารถเลือกกำกับเองได้ แต่กว่าเราจะได้ลิ้มรสผลลัพธ์ที่ว่านี้ เห็นทีว่าต้องรออีกหน่อย แล้วจะมาให้คำตอบนะคะ 

กิจกรรมที่ 2 กินอาหารชมวิวบนรถไฟ Yufuin No Mori Train

         ภาพผืนป่า ทุ่งหญ้า ทิวเขา ตัดสลับฉากไป-มาวินาทีต่อวินาที ตลอดสองข้างหน้าต่างขบวนรถไฟสายเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “ยูฟุอิน โนะ โมริ” (Yufuin no Mori) กิโลแล้วกิโลเล่าบนรถรถไฟที่กำลังพาเราไปยังเมืองยูฟุอิน เมืองชนบทเล็ก ๆ จุดหมายปลายทางที่เที่ยวอันดับต้น ๆ ของจังหวัดโออิตะ

ขบวนรถไฟ Yufuin no Mori สีเขียวมะกอกค่อย ๆ เคลื่อนตัวเทียบชานชาลา

         ขบวนรถไฟค่อย ๆ จอดเทียบชานชาลาตรงตามเวลาตามปกติวิสัยรถไฟของประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นสะดุดตาด้วยขบวนรถสีเขียวมะกอก หลังจากเดินหาเลขที่นั่ง เก็บสัมภาระต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีเวลาพอที่จะใช้สายตาสำรวจความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟสายนี้ และนั่นทำให้เราพบว่า ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวอย่างเราเท่านั้นที่รู้สึกสดชื่นกับวิวภูมิประเทศข้างนอกรถไฟเท่านั้น เรายังแอบเห็นว่าคนญี่ปุ่นเองก็ดูจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศเหล่านี้ไม่แพ้เราเลย

ภายในขบวนรถไฟสะดวกสบายทั้งที่นั่งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ 

         ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นนักท่องเที่ยว จึงไม่อาจต้านทานความอยากรู้อยากเห็นที่แล่นพล่าน ตัวนั่งติดเบาะไม่นาน ก็อดใจไม่ไหวชะเง้อคอยาว สองขาก้าวจากที่นั่ง ขอไปดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติสองข้างทาง ที่ทำเอาเราตื่นตาตื่นใจแบบไม่มีเบื่อเลยสักนิด รวมถึงการบริการของเหล่าพนักงาน ที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ผู้โดยสารอย่างไม่มีทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อย ซึ่งค่อย ๆ เข็นรถอาหารมาให้ผู้โดยสารแต่ละคนได้เลือก 

         แต่สำหรับคนที่มีโอกาสนั่งรถไฟขบวนนี้แล้วละก็ ต้องห้ามพลาดลิ้มลองชุดข้าวเบนโตะ จัดเสิร์ฟมาในกล่องน่ารักตามแบบฉบับญี่ปุ่น เราค่อย ๆ ละเมียดกินด้วยกลัวว่าจะหายวับอย่างไม่ทันตั้งตัว และน้ำยูฟุอิน ไซเดอร์ขวดเขียว รสชาติคล้าย ๆ กับสไปรท์ ดื่มแล้วทั้งซ่าทั้งสดชื่น รวมถึงยังมีขนมและของกินเล่นจำหน่ายอีกเพียบ อิ่มท้องแล้ว แถมยังอิ่มใจกับบรรยากาศสองข้างทาง แหม ! อะไรมันจะดีขนาดนี้ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เราก็เดินทางมาถึงสถานียูฟุอิน เป็นอันรู้กันว่า...ได้เวลาต้องลาจากขบวนรถไฟสายนี้อย่างเป็นทางการ

   กล่องข้าวเบนโตะ                

   น้ำยูฟุอิน ไซเดอร์

ของกินอร่อย ๆ มากมาย ให้เลือกสั่งแบบไม่อั้น 

*** ตรวจสอบตารางเวลารถไฟได้ที่ เว็บไซต์ kyushurailpass.jrkyushu.co.jp

กิจกรรมที่ 3 เดินเล่น นั่งรถม้าชมเมือง Yufuin Floral Village

         ทันทีที่ก้าวออกจากสถานี เราเห็นผู้คนมากมายเดินสวนกันไป-มาบนท้องถนน ไม่น่าเชื่อว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบย่านชนบทแห่งนี้ จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากถึงเพียงนี้ ทุกอย่างเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ ในการนำเอาวิถีชุมชนและทรัพยากรท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอด จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่า…เราคือหนึ่งในจำนวนนั้น !

ถึงแล้ว !!! เมืองยูฟุอินที่มีภูเขาเป็นฉากหลังตั้งตระหง่าน

         ก็จะไม่ให้ “รัก” ได้ยังไงไหว ลองหลับตาแล้วจินตนาการตามเราดูนะคะ หมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ แสงแดดส่องประกาย ไร้การบดบังของก้อนเมฆ สองข้างทางเรียงรายด้วยร้านค้า ร้านขนมอร่อย ๆ ตกแต่งน่ารักน่าเอ็นดู เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องหยุดอย่างเสียจังหวะ เพราะสายตาไม่อาจต้านแรงดึงดูดของขนมหรือไม่ก็แวะถ่ายรูปตามรายทางจนเหนื่อยกันไปข้าง 

ไม่ว่าจะมองมุมไหน เมืองยูฟุอินก็น่า แชะ แชะ แชะ ! ถ่ายรูป ทุกมุมเลย

         แต่ก็อย่าเพิ่งหมดแรงเดินไปเสียก่อน เพราะหมู่บ้านนี้ยังมีจุดให้เราแวะเที่ยวอีกเพียบ เดินมาเรื่อย ๆ เราจะเจอทางเข้า Yufuin Floral Village (พิกัด Google Maps) สถานที่ขายงานอาร์ตและของที่ระลึกน่ารัก (อีกแล้ว) ให้เข้าชมฟรี ไม่เสียสักเยนเดียว

         ลองได้เข้าไป จะรู้สึกเลยว่าเหมือนตัวเองหลงเข้ามาในโลกหนังสือนิทาน รายละเอียดการตกแต่ง หรือแม้กระทั่งสินค้าที่วางขาย ล่อตาล่อใจให้เราเข้าไปเชยชม หรือถ้าไม่ซื้อ ขอแค่ได้หยิบจับชื่นชมดูสักนิดก็ยังดี 

เพลิดเพลินชมของกระจุกกระจิก แพ้ความน่ารักจริง ๆ 

         แต่เดี๋ยวก่อน ! ความสนุกของการเที่ยวยูฟุอินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มาถึงที่ทั้งที จะมาเดินช้อปอย่างเดียว เดี๋ยวจะไม่คุ้ม เรามีอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้คุณรู้จักยูฟุอินได้มากขึ้น กับการนั่งรถชมเมือง ถ้านึกไม่ออก ให้นึกว่าคล้าย ๆ กับการนั่งรถม้าชมเมืองที่ลำปาง จะผิดกันก็แต่ เปลี่ยนจากแรงงานม้ามาเป็นแรงงานคนเท่านั้นเอง รถเคลื่อนตัวขึ้นลงไปตามทางลาด ลงเนินแล้วเนินเล่า ทะลุตรอกซอกซอยต่าง ๆ จนเราอดทึ่งพละกำลังคนลาก ตลอดจนควบคุมของรถให้ไปตามทิศทางที่ต้องการ จบรูทเส้นทางนั่งรถชมเมืองบริเวณทะเลสาบ Kinrin อีกหนึ่งจุดเช็กอินขึ้นชื่อแห่งเมืองยูฟุอิน

สองหนุ่มและรถลาก ที่พาเราเที่ยวชมเมืองยูฟุอินทุกซอกทุกมุม

กิจกรรมที่ 4 เสพบรรยากาศความงามทะเลสาบ Kinrin

         เดินมาถึงสุดทางย่านร้านค้า เราจะเห็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว อันเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองยูฟุอิน กับทะเลสาบคินริน (Kinrin) เพียงปราดสายตามองเพียงครั้งแรก นั่นอาจไม่ทำให้คุณตกหลุมรักที่นี่แบบรักแรกพบ แต่จะค่อย ๆ รู้สึกรัก เมื่อคุณใช้เวลาทำความรู้จักอย่างไม่รีบร้อน แล้วคุณจะเห็นรายละเอียดความสวยงามต่าง ๆ ที่บรรจงสร้างทัศนียภาพตรงหน้า ให้เราดื่มด่ำกันได้ไม่มีเบื่อ

         ด้วยขนาดความกว้างของทะเลสาบที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก นั่นจึงเป็นแรงจูงใจชั้นดี ให้เราออกกำลังขาท่ามกลางลมเย็น ๆ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม เราเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวยืนกระจายตัวอยู่รอบทะเลสาบ บ้างอาสาเป็นตากล้อง บ้างเต็มใจยืนเป็นแบบ บ้างก็ควงแขนคนรัก ให้คนไม่มีคู่อิจฉาเล่น บ้างก็ฉายเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนหรือมากับใครไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากความสวยงามที่แท้ของทะเลสาบคินริน ได้ตะโกนเรียกร้องความสนใจตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ไม่ว่าจะฤดูไหน ทะเลสาบคินรินก็ยังคงสวยงามเสมอ

         น้ำในทะเลสาบทั้งใสและนิ่ง มองเห็นปลาแหวกว่ายสบายใจเฉิบ ลองใช้มือจุ่มในทะเลสาบ จะรู้สึกว่าอุ่นกำลังพอดี เป็นเพราะทะเลสาบคินรินไหลมาจากน้ำพุร้อนนั่นเอง ว่ากันว่าช่วงเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว จะมีปรากฏการณ์หมอกควันลอยขึ้นมาจากพื้นผิวทะเลสาบ กลายเป็นภาพราวกับโลกจินตนาการ ตลอดจนใบไม้เปลี่ยนสี ทำหน้าที่แต่งแต้มตลอดทางเดินให้เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสุขและความประทับใจ 

กิจกรรมที่ 5 ชมการแสดงสิงโตทะเลและผองเพื่อนที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquarium Umitamako

         Aquarium Umitamako พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำติดทะเลใจกลางเมืองเบปปุ (Beppu) แน่นอนเลยว่านักท่องเที่ยวจะเต็มอิ่มกับโลกใต้น้ำ ทั้งยังสัมผัสชีวิตสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยในระหว่างวันยังเพลิดเพลินกับการชมโชว์ของโลมา วอลรัส แมวน้ำ สิงโตทะเล และเหล่าผองเพื่อนอีกมากมาย เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย

         เรามาถึง Aquarium Umitamako ก็พอดีกับเสียงเพลงจากเวทีกลาง พร้อมกับโฆษกส่งเสียงเชิญให้นักท่องเที่ยวในบริเวณนั้นไปรวมตัวเพื่อชมการแสดง แม้เสียงตามสายที่ส่งมาจะเป็นภาษาญี่ปุ่น (ที่เราแปลไม่ออกเลยสักนิด) หากแต่น้ำเสียงขึ้น-ลง เป็นจังหวะ ก็กระตุ้นเราให้เดินเข้าไปจับจองที่นั่งแต่โดยดี พลางคอก็ชะเง้อมองหานักแสดง ที่ส่งเสียงทักทายผู้ชมคล้ายเป็นเงาปริศนาอยู่หลังม่าน

เจ้าสิงโตทะเลโบกมือทักทายคุณผู้ชม

         เสียงเพลงประกอบ เสียงปรบมือ และเสียงหัวเราะ ตลอดช่วงการแสดงของสัตว์ทะเลแสนรู้ ทั้งโลมา วอรัส แมวน้ำ และสิงโตทะเล ต่างออกวาดลีลาลวดลายอย่างคล่องแคล่ว โปรยเสน่ห์กระจายทั่วเวที จนทำเอาคนดูตามเก็บกันไม่หวาดไม่ไหว จนสุดท้ายการแสดงจบลง แต่ดูเหมือนอารมณ์คนดูจะไม่จบตาม ร่ำลากับเหล่านักแสดงเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเมมโมรี่ความน่ารักและแสนรู้เก็บไว้เป็นที่ระลึกความทรงจำ

หลากหลายอริยาบถแสนน่ารักและแสนรู้ของเหล่าสิงโตทะเล

         เดินเข้ามาในส่วนของอาคาร ตื่นเต้นกับตู้ปลาและอุโมงค์ขนาดยักษ์ ประดับประดาด้วยปลาหลากหลายสายพันธุ์ ต่างแหวกว่ายอวดโฉม โฉบผ่านไปผ่านมาตรงหน้า เราเห็นเด็ก ๆ ต่างส่งเสียงกันอื้ออึง ยามเมื่อปลากระเบนตัวใหญ่ ว่ายวนเวียนอยู่ข้างหน้า สยายครีบคล้ายระลอกคลื่น สะกดสายตาอย่างอยู่หมัด และสิ่งมีชีวิตแห่งโลกใต้ทะเลอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่ต่างทำหน้าที่เติมเต็มและเปิดโลกจินตนาการให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยี่ยมเยือน 

*** ข้อมูลเพิ่มเติม ตารางโชว์ของสัตว์น้ำต่าง ๆ จากเว็บไซต์ umitamago.jp

กิจกรรมที่ 6 แช่ออนเซ็นทรายดำจากปล่องภูเขาไฟ Beppu Beach Sandbath

         เมืองเบปปุ หนึ่งในเมืองออนเซ็นขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ที่นี่มีออนเซ็นให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินหลากหลาย หากแต่เราจะมาทำความรู้จักอีกหนึ่งชนิดของออนเซ็น กับการอบทรายร้อน ณ Beppu Beach ด้วยเพราะลักษณะทางภูมิประเทศทางตอนใต้ของคิวชู เป็นแถบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟ จึงทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีทรายร้อนที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ทั้งยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระบบหมุนเวียนเลือด โรคไขข้ออักเสบ บรรเทาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาวเมืองเบปปุ ถึงนิยมอบทรายร้อนกันเป็นจำนวนมาก 

         การแช่ออนเซ็นที่ Beppu Beach Sandbath (พิกัด Google Maps) เรียกได้ว่าไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากซับซ้อน ชำระเงินเรียบร้อย คุณจะได้รับชุดยูกาตะ ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บข้าวของต่าง ๆ ใส่ในล็อกเกอร์เรียบร้อย คราวนี้ก็เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมุ่งหน้าไปที่บ่อทราย จะมีพนักงานคอยดูแลและอำนวยความสะดวก เราก็มีหน้าที่เอนตัวนอนลงบนทราย วางศีรษะลงบนหมอนไม้ จากนั้นพนักงานจะค่อย ๆ เกลี่ยทรายขึ้นมาบนตัว จนเหลือแค่ศีรษะ

         ไม่นานร่างกายจะค่อย ๆ รู้สึกถึงอุณหภูมิความร้อน ที่ค่อย ๆ ไล่มาตั้งแต่เท้า ขา และช่วงตัวด้านบน ตอนแรกเราจะรู้สึกว่าร้อนเหมือนกับจะทนไม่ไหว แต่ไม่นานร่างกายจะค่อย ๆ ปรับสภาพได้ จากรู้สึกทรมานก็กลายเป็นความสบายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังมีภาพวิวทะเลสวย ๆ เบื้องหน้า ชมบรรยากาศสวย ๆ ไปพลาง “แหม ! อะไรจะสบายเยี่ยงนี้”  

ออนเซ็นอบทรายร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ 

        ...15 นาที ผ่านไปไวเหมือนโกหก พนักงานก็ค่อย ๆ เกลี่ยทรายบนตัวออกทีละนิด ๆ จนตัวเบาโหวง เป็นอันเสร็จพิธี แล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย หรือถ้าใครไม่ถนัดอบทรายร้อน ที่นี่ก็ยังมีบ่อออนเซ็นให้เรานั่งเล่นแช่เท้า แถมยังเป็นวิวเดียวกันกับบ่อออนเซ็นทรายอีกด้วย ที่นี่จึงตอบโจทย์กับคนที่รักความสบายขั้นสุด เพราะมีคนบริการทั้งชุด ทั้งกลบทราย เรามีหน้าที่แค่นอนเฉย ๆ ชมบรรยากาศสวย ๆ ก็พอแล้ว 

ระหว่างรอก็นั่งแช่ออนเซ็น พร้อมเสพบรรยากาศวิวสวย ๆ ตรงหน้าไปพลาง ๆ 

         มาถึงตรงนี้ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า กิจกรรมท่องเที่ยวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้โออิตะเป็นจังหวัดที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร นั่นคือ “ของดี” ประจำจังหวัดโออิตะไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว สินค้า หรืออาหาร แต่คือตัวเมืองที่พลิกเอาวิถีท้องถิ่น มาเป็นจุดเด่นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และนี่แหละเป็นเสน่ห์รอให้นักท่องเที่ยวทุกคนมาค้นพบด้วยตัวเอง สุดท้ายขอขอบคุณกรมการขนส่งคิวชู และจังหวัดโออิตะ ที่สนับสนุนการเดินทางตลอดจนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นอย่างดี ^ ^

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับ 6 กิจกรรมเด็ด ไม่ทำเหมือนไปไม่ถึง อัปเดตล่าสุด 11 มีนาคม 2563 เวลา 17:43:44 37,642 อ่าน
TOP
x close