x close

เที่ยว ๓ แหล่งกำเนิดผ้าทออันล้ำค่า พัฒนาสู่ยุค ๔.๐ อย่างยั่งยืน

ท่องเที่ยวชุมชน

          ชวนเที่ยวและเรียนรู้กระบวนการทอผ้าไทยกับ ๓ แหล่งกำเนิดผ้าทออันล้ำค่าของเมืองไทย ที่จะมีการพัฒนาต่อยอดสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ อย่างยั่งยืน ผ่านทางผลงานวิจัยทางวัฒนธรรม ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สนับสนุนให้จัดทำขึ้นเพื่อหาแนวทางเพิ่มมูลค่าสินค้าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

          คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารายได้หลัก ๆ ของประเทศไทยส่วนหนึ่งก็มาจากการท่องเที่ยว นั่นก็เป็นเพราะว่าเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ได้เที่ยวชมมากมาย อีกทั้งค่าครองชีพไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีนักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แท้จริงของคนไทย หรือแม้แต่ชาวไทยเอง ที่หลายคนก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นที่แท้จริงของแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ ยิ่งในยุคประเทศไทย ๔.๐ ยุคที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม พร้อมทั้งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ก็ยิ่งต้องสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวได้รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับรากฐานของวัฒนธรรม

           ถ้าเรามองลงไปให้ลึกก็จะพบว่าเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่สวยงาม เงียบสงบ มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรมให้เราได้ไปเยี่ยมเยือนมากมาย อย่างที่เราเคยนำเสนอ เช่น เที่ยวท้าลมหนาวกับ ๕ ชุมชนวัฒนธรรม อบอุ่นหัวใจเมื่อไปเยือน และ ๑๐ ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บรรยากาศสุดชิล เที่ยวได้ตลอดทั้งปี วันนี้เราอยากจะชวนไปเที่ยวอีก ๓ ชุมชนอันเป็นแหล่งกำเนิดผ้าทอไทยอันล้ำค่า จนมีการวิจัยเพื่อพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นผ้าทอในยุคประเทศไทย ๔.๐ ได้อย่างมั่นคง และจะเป็นการสร้างมูลค่าให้กับผ้าทอไทย ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้อย่างยั่งยืน ใครที่ชอบผ้าไทยตามเราไปค้นหาแหล่งกำเนิดผ้าทอสวย ๆ กันค่ะ

๑. เที่ยวให้ถึงแม่แจ่ม ผ่านลวดลายสวย ๆ ของผ้าทอจกชื่อดัง จังหวัดเชียงใหม่

ท่องเที่ยวชุมชน
ไหมโทเร วัตถุดิบทำลายจก

ท่องเที่ยวชุมชน
วิธีการจกลาย

          นอกจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จะมีชื่อเสียงในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่นี่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าด้วย เพราะแม่แจ่มเป็นแหล่งกำเนิดของผ้าทออันงดงาม เชื่อได้เลยว่ามีหลายคนเคยได้ยินคำว่า "ผ้าซิ่นตีนจก แม่แจ่ม" และพอทราบกันมาบ้างว่าผ้าซิ่นที่นี่สวยงามและมีคุณค่ามากขนาดไหน ด้วยมีกระบวนการถักทอที่ละเอียดและประณีต มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็ยังมีหลายคนเช่นกันที่ยังไม่เคยได้เห็นกระบวนการผลิตผ้าทออย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังไม่รู้ถึงที่มาที่ไปของผ้าทอและยังไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนแม่แจ่มจริง ๆ

          ต้องบอกว่าผ้าทอกับคนแม่แจ่มมีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันหญิงสาวชาวแม่แจ่มก็มักที่จะแต่งตัวสวยงามด้วยผ้าซิ่นตีนจกไปร่วมงานบุญต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ ถ้าเราได้ไปเที่ยวชมหมู่บ้านต่าง ๆ ในอำเภอแม่แจ่ม ก็จะเห็นว่าบริเวณใต้ถุนเรือนจะมีกลุ่มผู้หญิงและแม่อุ๊ย นั่งถักทอผ้ากันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีไม่เยอะเท่ากับอดีต แต่ก็มีการเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมกันด้วย

ท่องเที่ยวชุมชน
ลายขันเสี้ยนสำ (ลายจก)

ท่องเที่ยวชุมชน
ลายกุดขอเบ็ด (ลายจก)

ท่องเที่ยวชุมชน
ลายเชียงแสนหงส์ปล่อย (ลายจก)

          และจากการที่ผ้าทอจกแม่แจ่มนี้ เป็นมรดกภูมิปัญญาอันล้ำค่า สามารถต่อยอดไปสู่การผลิตสินค้าอื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้มากยิ่งขึ้น ดั่งเช่นงานวิจัยเรื่อง การศึกษาลวดลายจกแม่แจ่มเพื่อประยุกต์ใช้ในการถักนิตติ้ง ของนางสาวจินตนา พันจินดา โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ให้เป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาของการประยุกต์ลวดลายจกแม่แจ่ม นำไปใช้สร้างสรรค์สินค้าพื้นเมืองประเภทอื่น ๆ โดยการวิจัยดังกล่าวจะนำระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยด้วย ซึ่งก็จะเป็นการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าซิ่นตีนจกได้อย่างมั่นคงในยุคประเทศไทย ๔.๐

          โดยผลการวิจัยพบว่ามี ๓ แนวทางสำหรับการพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผ้าทอจกแม่แจ่ม ประกอบด้วย

          ๑. ผ้าทอจกแม่แจ่มเป็นศิลปะการสร้างลวดลายบนผ้าที่มีความเป็นอิสระในตัวเอง ผู้ทอสามารถสร้างจินตนาการและแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองลงบนผืนผ้าได้ และพบว่าผ้าจกแม่แจ่มแบ่งตามลักษณะได้ ๔ ลาย คือลวดลายอุดมคติ ลวดลายคนและสัตว์ ลวดลายพรรณพฤกษา และลวดลายเปรียบเทียบสิ่งของใกล้ตัว ซึ่งซิ่นตีนจกแม่แจ่มจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนเอวซิ่น ส่วนตัวซิ่น และส่วนที่เป็นตีนจกหรือตีนซิ่น

          โดยส่วนตีนซิ่นที่อยู่ล่างสุดของซิ่นจะมีลวดลายจกแม่แจ่มถึง ๑๖ ลาย ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เช่น ลายโคมหัวหมอน ลายโคมรูปนก ลายนกนอน ลายขันเอวอูลายละกอนขันเชียงแสน ลายขันเอวอูห้องนก ลายนาคกุม ลายเชียงแสนหงส์ปล่อย เป็นต้น พบว่าเทคนิคการทอที่สำคัญคือการจกเป็นเทคนิคการทำลวดลายบนผืนผ้าให้เส้นด้ายพุ่ง ด้วยวิธีการสอดด้ายเส้นพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วง ๆ  และการทอในลักษณะคว่ำลายทำให้ลวดลายผ้าจกแม่แจ่มมีความสวยงามประณีตเป็นแบบเฉพาะ โดยเอกลักษณ์ของผ้าทอตีนจกแม่แจ่มจะมีสีโทนเหลือง สีแดง และสีส้ม สามารถผสมสีอื่นได้เล็กน้อย

          ๒. ต่อยอดการออกแบบลวดลายจกเพื่อประยุกต์ใช้ในการถักนิตติ้ง โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาออกแบบลายจำนวน ๓ ลาย ได้แก่ ลายกุดขอเบ็ด ลายเชียงแสนหงส์ปล่อย และลายขันเสี้ยนสำ นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าพันคอที่มีลวดลายปักของลายจกแม่แจ่ม โดยเน้นการให้สีโทนพาสเทลเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสวมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย

          ๓. ผลการทดสอบแนวคิดผลิตภัณฑ์กับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใน ๓ พื้นที่ คือตลาดไนท์บาร์ซ่า  มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และถนนคนเดินท่าแพ พบว่ากลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ผ้าพันคอถักนิตติ้งอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะผ้าพันคอถักนิตติ้งที่ประยุกต์มาจากลายขันเสี้ยนสำ ผู้บริโภคให้ความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และยังได้ข้อเสนอแนะว่าควรใช้วัสดุในการถักที่หลายหลาย เช่น ไหมพรม เหยื่อไผ่ ด้ายฝ้าย เป็นต้น เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความนุ่ม เมื่อนำมาผลิตเป็นผ้าพันคอ จะทำให้ผู้สวมใสไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง และสามารถสร้างเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้มากว่าไหมพรมอะคริลิก ดังภาพตัวอย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าถักนิตติ้งที่ประยุกต์จากลายจกแม่แจ่ม

ท่องเที่ยวชุมชน
ผ้าพันคอถักนิตติ้งที่ประยุกต์จากลายเชียงแสนหงส์ปล่อย

ท่องเที่ยวชุมชน
ผ้าพันคอถักนิตติ้งที่ประยุกต์จากลายขันเสี้ยนสำ

ท่องเที่ยวชุมชน
ผ้าพันคอถักนิตติ้งที่ประยุกต์จากลายกุดขอเบ็ด

ท่องเที่ยวชุมชน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ลายจกแม่แจ่ม

ท่องเที่ยวชุมชน
ต้นแบบลายเชียงแสนหงส์ปล่อย

ท่องเที่ยวชุมชน
ต้นแบบลายขันเสี้ยนสำ

ท่องเที่ยวชุมชน
ต้นแบบลายกุดขอเบ็ด

ท่องเที่ยวชุมชน
ช่างทอผ้าของกลุ่มทอผ้าตีนจกบ้านไร่

ท่องเที่ยวชุมชน
การทอจกหน้าหมอน

          อำเภอแม่แจ่ม เป็นเส้นทางท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องหาโอกาสไปเช็กอินกันสักครั้ง ไปลองเดินเล่นบนท้องทุ่งนาสีเขียวขจี สูดอากาศอันสดชื่นแจ่มใสเข้าไปให้เต็มปอด นอนโฮมสเตย์ กินอาหารพื้นเมือง และที่แนะนำเป็นพิเศษต้องไปสัมผัสกับความงามอันวิจิตรของผ้าทอชื่อดังของแม่แจ่ม และอุดหนุนผ้าทอลายจก ผลิตภัณฑ์ที่มาจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากให้กับคนที่คุณรัก รับรองได้เลยว่านอกจากจะได้ฟินกับธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังได้สนับสนุนให้ชาวบ้านได้มีรายได้เพิ่มขึ้น ฟินทั้งกายและฟินทั้งใจจริง ๆ

          (งานวิจัยของนางสาวจินตนา พันจินดา สนับสนุนโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๒. ชุมชนทอผ้าไหมหมักโคลนในภาคอีสาน

ท่องเที่ยวชุมชน
ไหมหมักโคลน

ท่องเที่ยวชุมชน
การฟอกไหม

ย้อมไหม
การย้อมไหม

          ผ้าไหมหมักโคลน ถือได้ว่าเป็นผ้าทอที่มีชื่อเสียงอีกประเภทหนึ่งของประเทศไทย โดยนิยมทอกันในทางภาคอีสาน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีวัตถุดิบ ดินโคลนที่เหมาะแก่การนำมาหมักเส้นไหมเพื่อการทอผ้า วิธีการทอผ้าไหมหมักโคลนนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างดีเยี่ยม

          สำหรับการทอผ้าไหมหมักโคลนนั้น เป็นกระบวนการทอผ้าแบบโบราณ ใช้ดินโคลนมาหมักเส้นไหม เพื่อให้เส้นใยไหมมีความนุ่มและเหนียว สีของการย้อมธรรมชาติจะสว่าง คงทน สวยงาม ยิ่งมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ก็จะยิ่งเพิ่มความงดงามให้กับผ้าไหมขึ้นไปอีกเท่าตัว

ท่องเที่ยวชุมชน
ยกเส้นไหมขึ้นพัก

ท่องเที่ยวชุมชน
ดินสีแดงสำหรับทำโคลน

          ผลงานวิจัยของรองศาสตราจารย์ ดร.ทรงคุณ จันทจร (หัวหน้าผู้วิจัย) ในเรื่อง การพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ในการผลิตและออกแบบผ้าไหมหมักโคลน เพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ของชุมชนในภาคอีสาน ได้หยิบยก ๔ ชุมชนมาเป็นกลุ่มตัวอย่าง คือกลุ่มทอผ้าตำบลกุดหว้า จังหวัดกาฬสินธุ์, กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าพื้นเมืองบ้านอุปรี จังหวัดกาฬสินธุ์, กลุ่มอาชีพสหกรณ์บ้านโพนสวรรค์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และบ้านสมพรรัตน์ จังหวัดอุบลราชธานี
 

ท่องเที่ยวชุมชน
ไหมดิบพันธุ์นางน้อย

          ผลการวิจัยพบว่าเส้นใยที่ใช้ในการทอผ้าปัจจุบัน จะนิยมใช้เส้นฝ้ายโรงงานและเส้นฝ้ายสำเร็จรูป ส่งผลให้ภูมิปัญญาด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและการปลูกฝ้ายอาจสูญหาย จึงได้มีการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ในการผลิตและออกแบบผ้าไหมหมักโคลนดินแดงบริเวณเนินที่ราบสูง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าค่าความเข้มของสีเส้นไหมหมักโคลน ๑๐ ครั้ง จะมีค่ามากที่สุด ค่าความสว่างของเส้นไหมหมักโคลนย้อมร้อนมีค่ามากที่สุด

          ด้านความคงทนของสีต่อแสง แบบย้อมเย็นและแบบย้อมร้อน มีค่าความคงทนของสีต่อแสงเท่ากัน ด้านความคงทนของสีต่อการซักล้าง แบบย้อมเย็น ๑ ครั้ง มีค่าความคงทนของสีต่อการซักล้างสูงสุด ด้านความคงทนของสีต่อการขัดถู ย้อมร้อนมีค่าสูงสุด ด้านการคืนตัวจากรอยยับ แบบย้อมเย็นมีความสามารถในการคืนตัวต่อรอยยับได้ดีกว่าการย้อมร้อน  และจากการวิเคราะห์สิ่งทอไม่พบค่าตะกั่วในผ้าไหม ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ พบว่าจากการระดมแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาศัยทุนทางวัฒนธรรม โดยชุมชนที่สามารถผลิตได้จริง ด้านผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมคือ ผ้าคลุ่มไหล่ ผ้าพันคอ ผ้าสไบ

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ต้นแบบต่าง ๆ 01 ไหมหมักโคลน

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ต้นแบบต่าง ๆ 02 ไหมหมักโคลน

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ต้นแบบต่าง ๆ 03 ไหมหมักโคลน

          ชุมชนกลุ่มทอผ้าพื้นบ้าน นอกจากจะมีเอกลักษณ์ของการทอผ้าและลวดลายผ้าที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไปแล้ว ยังเป็นชุมชนที่น่าท่องเที่ยว บรรยากาศโดยรอบชุมชนเงียบสงบ ยังมีโฮมสเตย์ไว้รับรองนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งยังมีแหล่งเรียนรู้การทอผ้าพื้นเมืองและการทอผ้าไหมหมักโคลนให้กับผู้ที่สนใจรวมถึงนักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชม ใครอยากลองทำผ้าไหมหมักโคลนด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะทำกันได้ เป็นกิจกรรมที่ร่วมสนุกกันได้ทั้งครอบครัว แถมยังได้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมหมักโคลนสวย ๆ กลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

          อยากได้ของฝากสวย ๆ ดี มีคุณภาพ เป็นงานฝีมือที่หาซื้อได้ยาก ยังมีแหล่งซื้อของฝากพื้นเมือง ราคาย่อมเยาอยู่ในชุมชน  ได้ทั้งความรู้และการพักผ่อน พร้อมกับความสนุกสนานเพลิดเพลินขนาดนี้ วันหยุดครั้งต่อไปก็อย่าพลาดที่จะลองไปแวะเที่ยวชมกัน

          (ผู้วิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.ทรงคุณ จันทจร สนับสนุนโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๓. ชุมชนบ้านไผ่หูช้าง "เลอค่าผ้าทอลายทวารวดี" จังหวัดนครปฐม

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ผ้าลายก้านขดบัวตูม

          จังหวัดนครปฐม อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร มีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ไปเที่ยวชมมากมายและหลากหลายแบบ แต่ด้วยความที่นครปฐมอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก แหล่งท่องเที่ยวอย่างชุมชนเก่าแก่ เราจึงไม่ค่อยได้นึกถึงกัน ซึ่งในอำเภอบางเลน จะมีชุมชนที่ชื่อว่าบ้านไผ่หูช้าง เป็นชุมชนที่มีความน่าสนใจมาก ๆ ด้วยเป็นแหล่งทอผ้าลวดลายโบราณที่ทรงคุณค่า น้อยคนนักที่จะเคยเข้าไปสัมผัสและเที่ยวชม

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ผ้า (ลายกระจังก้านขด)

ท่องเที่ยวชุมชน
ผลิตภัณฑ์ผ้า (ลายข้าวหลามตัด)

          ชุมชนบ้านไผ่หูช้าง เป็นชุมชนชาติพันธุ์ไทยทรงดำ หรือไทยโซ่ง เอกลักษณ์สำคัญของชาวบ้านที่นี่ก็คือการแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสีดำ มีภาษาพูดของตนเอง มีการสร้างบ้านเรือนและวิถีชีวิตที่โดดเด่น รวมไปถึงการทอผ้าของชาวบ้าน ที่ได้มีการคัดลอกลายจากโบราณวัตถุสมัยทวารวดี อันเป็นอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองอยู่ในจังหวัดนครปฐมมาจำนวน ๔ ลาย คือลายพืชก้านขด ลายข้าวหลามตัด ลายลูกแก้ว และลายกลีบบัว โดยลวดลายทั้ง ๔ นี้เป็นลวดลายที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์สมัยทวารวดี มีความสวยงาม สามารถนำลายดังกล่าวมาประยุกต์ให้เป็นลายผ้าทอที่ทันสมัย นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย

ท่องเที่ยวชุมชน
พระธรรมจักร (ที่มาลายก้านพืชขด)

ท่องเที่ยวชุมชน
พนักพุทธบัลลังก์ประดับลวดลาย (ที่มาลายข้าวมหลามตัด)

ท่องเที่ยวชุมชน
ฐานรองพระธรรมจักร (ที่มาของลายกระจังก้านขด)

ท่องเที่ยวชุมชน
แบบลายข้าวหลามตัด

ท่องเที่ยวชุมชน
แบบลายกระจังก้านขด

ท่องเที่ยวชุมชน
แบบลายก้านขดบัวตูม

ท่องเที่ยวชุมชน
การพัฒนาลายสำหรับการทอ (ลายข้าวหลามตัด)

ท่องเที่ยวชุมชน
การพัฒนาลายสำหรับการทอลายกระจังก้านขด

ท่องเที่ยวชุมชน
การพัฒนาลายสำหรับการทอลายก้านขดบัวตูม

          โดยกลุ่มผู้วิจัยนำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพจน์ สุทธิศักดิ์  ที่ทำวิจัยถึง "แนวทางการพัฒนาผ้าทอลายทวารวดี เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของชุมชนในจังหวัดนครปฐม" ก็พบว่าสามารถนำไปพัฒนาต่อยอด ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ให้กับชุมชนในจังหวัดนครปฐมได้อีกทางหนึ่ง

          ชุมชนบ้านไผ่หูช้าง จึงเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่เราอยากจะแนะนำให้ได้ลองไปเที่ยวชมกันค่ะ ซึ่งนอกจากจะได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างแล้ว ก็ยังจะได้ชมการสาธิตการทอผ้าลวดลายสมัยโบราณที่หาชมได้ยากอีกด้วย ใครที่ชอบเที่ยวและชอบของโบราณด้วย พลาดไม่ได้เลยทีเดียว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก หมู่บ้านท่องเที่ยวไทดำ ไผ่หูช้าง

          (ผู้วิจัย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพจน์ สุทธิศักดิ์ สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

          ได้เห็นถึงการพัฒนาผ้าทอฝีมือคนไทยแล้วก็ถึงกับร้องว้าวๆๆๆ เลยทีเดียว คนไทยมีความเก่งไม่แพ้กับชาติใดเลย จากภูมิปัญญาของชาวบ้านเล็ก ๆ สามารถเปลี่ยนเส้นด้ายในท้องถิ่นให้เป็นเม็ดเงิน สร้างมูลค่าให้กับสินค้า พร้อมทั้งสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนและครอบครัวอย่างยั่งยืน พร้อมที่จะเติบโตก้าวหน้าเข้าสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ ได้เข้มแข็งและยั่งยืน ใครที่อยากเห็นกระบวนการทอผ้าอันงดงามเหล่านี้กันสักครั้ง ก็หาเวลาแวะไปเที่ยวชมกันนะคะ :) 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
qakm.lib.ubu.ac.th, thaitambon.com, เฟซบุ๊ก หมู่บ้านท่องเที่ยวไทดำ ไผ่หูช้าง


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยว ๓ แหล่งกำเนิดผ้าทออันล้ำค่า พัฒนาสู่ยุค ๔.๐ อย่างยั่งยืน อัปเดตล่าสุด 30 พฤษภาคม 2560 เวลา 11:58:40 9,385 อ่าน
TOP