ถ้าให้เลือกจังหวัดน่าท่องเที่ยวสักสี่ห้าอันดับในดวงใจ รับรองว่าต้องมี "เชียงใหม่" รวมอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน ก็แหม...เพียบพร้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ที่พักก็มีให้เลือกเพียบ แถมยังเดินทางสะดวกสบาย ใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงเชียงใหม่ถ้าอยากท่องเที่ยวพักผ่อน ที่สำคัญผู้หญิงยังลุยเดี่ยวเที่ยวคนเดียวชิล ๆ ได้อีกด้วย อ๊ะ ๆ ไม่เชื่อล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นตามบันทึกการเดินทางของ คุณเจ้าหญิงหมวกฟาง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปโลดแล่นเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวเพลิน ๆ ด้วยการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งขึ้นดอยอินทนนท์หรือแว่บเข้ามาชิลในตัวเมือง เอาเป็นว่าอย่าเสียเวลาตามรีวิวนี้ไปเที่ยวเชียงใหม่กันค่ะ
เคยมีอารมณ์อโลนลี่กันมั่งไหม ? แต่ทริปนี้คืออโลนลี่แบบไม่ได้ตั้งใจ ไปแบบโดนเพื่อนเบี้ยว เลยต้องหอบหัวใจใส่กระเป๋าไปเที่ยวคนเดียวแบบมึน ๆ มีแต่คนถามว่า "บ้าหรือเปล่า ทำไมไปคนเดียว เป็นผู้หญิงนะ อันตรายนะ จะพาตัวเองไปลำบากทำไม" ฯลฯ แต่คิดในใจ เอาวะ...ตัดสินใจไปแล้วก็ลุยเลย !!
ไปเชียงใหม่ครั้งนี้ตั้งใจไว้ว่าอยากแว้นมอเตอร์ไซค์ เพราะจะได้แวะหลายที่ จอดตรงไหนก็ได้ แวะตรงไหนก็ได้ อยากถ่ายรูปตรงไหนก็จอดเลย จริง ๆ แล้วเราก็ขี่รถแข็งหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถนนแถวบ้านก็ลงไปวัดมาหมดแล้ว ฮ่า ๆๆ
ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเราจะเป็นยังไง ผู้หญิงบ้า ๆ มึน ๆ ที่ไปไหนก็หลง ดูแผนที่กี่ทีก็งง มันจะไปรอดไหม …
ทริปนี้ก็ยังคงไปกับน้อง fuji xa-1 กับ sj 4000 Wi-Fi เหมือนเดิมจ้า
Review by Journeyaholic
Page : เฟซบุ๊ก journeyaholic.thailand
Facebook : เฟซบุ๊ก panwadprem
IG : instagram.com/journeyaholic
กระทู้อื่น ๆ ของเรา
ตะลุย : เกาะล้าน 3 วัน 2 คืน แบบชิค ๆ คูล ๆ http://pantip.com/topic/33653738
สวัสดีคนแปลกหน้า ฉันจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรี มีตังค์ 550 บาทก็พอ http://pantip.com/topic/34118815
ถ้ารักกันชอบกัน ช่วยกด + ด้านซ้ายมือเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
001. การเดินทางมาเชียงใหม่ก็มาได้หลายเส้นทางนะคะ ตามความชอบ ตามกำลังทรัพย์ ตามเวลาที่มี
1. รถไฟ : ใครชอบสโลว์ไลฟ์ เวลาเยอะ จัดเลยค่ะ อินสุด ๆ หลับหลายตื่น สบายกระเป๋า รถไฟฟรีก็ยังมีนะเออ
2. รถทัวร์ : ก็มีหลายบริษัทนะคะ ราคาก็อยู่ประมาณ 500-800 บาท แล้วแต่รถที่เราเลือก รถจะออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
3. เครื่องบิน : มีหลายสายการบินม้ากก ราคาโปรโมชั่นบางทีถูกกว่ารถทัวร์อีกนะคะ อันนี้ต้องแล้วแต่ดวงและความสามารถส่วนบุคคลค่ะ ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข (พหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ หลังจากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยังพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ paiduaykan.com
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ของบริษัทนครชัยแอร์ โทรไปจองกับคอลเซ็นเตอร์ แล้วเอารหัสไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสได้เลย ง่าย ๆ เก็บใบเสร็จไว้ดี ๆ นะคะ เพราะต้องใช้แทนตั๋วเวลาขึ้นรถค่ะ เราจองไว้รอบห้าทุ่มครึ่ง จะได้ไปถึงเชียงใหม่เช้า ๆ พอดี
มารอรถที่ท่าอากาศยานนานาชาติหมอชิต (ใครบางคนเคยกล่าวชื่อนี้ไว้ อลังดีค่ะ 555)
ขึ้นรถที่ชานชาลา 102 รถมาช้านิดหน่อย แบกเป้ขึ้นรถกันเลยค่ะ
สายการบิน เอ๊ย ! รถทัวร์บริษัทนี้เราชอบนะคะ แจกขนมทั้งคืน มีเพลงให้ฟัง มีหนังให้ดูเพลิน ๆ กันไป ลืมตาอีกทีก็มาถึงเชียงใหม่แล้วค่ะ เราลงที่อาเขตค่ะ ถึงปุ๊บงง หลง ไปทางไหนก่อนดี ที่นี่ตรงไหน เค้าพามาผิดหรือเปล่า แต่ก็มึน ๆ เดินตามเค้าไป ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ไหน ?? เดินวนสองรอบยังหาไม่เจอ จนต้องโทรถามพี่ชายเรา บอกทางทีละสเต็ปในที่สุดก็เจอค่ะ ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เพียบเลย ใกล้ ๆ เซเว่นฯ มีหลายร้านนะคะ เราเลือกเช่าที่ Bikky ไปถึงก็เลือกรถเลยเอาแบบไหน เราเลือกเกียร์ออโต้ ขี่ง่ายดีน่าจะไปรอด ขึ้นดอยแนะนำเป็น 125 CC นะคะ
เราเลือกคันนี้ สีแดงแรงฤทธิ์ 300 บาท/วัน ไม่ต้องมีมัดจำ แค่ขอถ่ายรูปเรากับรถเอาไว้ค่ะ
ได้รถแล้วไปลุยกันเลยดีกว่าค่ะ...ขี่ออกมาจากร้านยังไม่รู้จะไปทางไหน ขี่ ๆ ไปก่อน ฮ่า ๆ หลง ๆ ไปถามคนแถวนั้นเอา
"จะไปอินทนนท์ค่ะ ต้องไปทางไหนอะคะ" ถามอย่างมั่นมากชั้นจะไป !
"โหยยยยยยน้อง ต้องไปอีกแปดสิบเก้าสิบโลเลยนะ" ห้ะ ห้ะ ห้ะ !! ความมั่นใจข้างบนลดลงไปครึ่งหนึ่ง ในชีวิตนี้ก็ยังไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ไกลเกินสิบกิโลเมตรเลย ให้ตายสิ ตอนนี้ต้องดึงมโนภาพดอยอินทนนท์มาเลยค่ะ เพิ่มความมั่น ชั้นต้องไป...ชั้นจะไป คุยมาคุยไปได้ความว่าต้องหาเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ให้เจอก่อนนะคะ แล้วก็ขี่ไปทางที่จะไปหางดง จอมทอง แม่ฮ่องสอนนั่นแหละ
เอาล่ะ มั่ว ๆ มาค่ะ ไม่ยาก มีป้ายบอก จากตรงนี้มีป้ายบอกจอมทอง 55 กิโลเมตร/อินทนนท์ 81 กิโลเมตร ปานวาดสู้ ๆ ค่ะ พอเห็นป้ายนึกในใจเลยค่ะ ตรูจะไปถึงไหม !! ขี่เรื่อย ๆ บิดมันส์ ๆ ค่ะ ถนนดี มีป้ายบอก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ในที่สุดเราก็มาถึงจอมทองแล้ว แวะสักการะพระธาตุเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกันก่อนนะคะ แต่แล้ว......ฝนตก !!!!
เซเว่น-อีเลฟเว่น ที่พึ่งที่ดี ณ ตอนนี้ค่ะ แวะเข้ามาซื้อเสื้อกันฝน แต่ฝนก็ตกหนักมากเลยต้องนั่งรออยู่พักใหญ่ ๆ เตรียมกดเงิน เติมน้ำมันให้เรียบร้อยก่อนขึ้นดอยนะคะ
ออกมาจากจอมทองยังไม่ทันถึงไหนตกหนักอีกแล้วจ้า ขี่ไม่ไหว ยังไงก็จอดดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัย กว่าจะออกจากเพิงนี้ก็เกือบบ่ายสองแล้ว ขี่ไปเรื่อย ๆ ฝนยังคงโปรย ๆ เกือบตลอดทาง ผ่านตรงด่านตรวจด่านที่สอง บอกว่าจะไปแม่แจ่มค่ะ เค้าก็ให้ผ่านเลย ไม่เสียค่าเข้า เพราะเราแพลนจะเข้าไปพักที่แม่แจ่มคืนนี้ค่ะ โนแพลน โนจอง
ขี่ไปเรื่อย ๆๆๆๆ ระหว่างทางหนาวมากค่ะ อุณหภูมิเย็น ๆ กับชุดชื้น ๆ ยิ่งสูงยิ่งหนาวจริง ๆ ค่ะ เรามาถึงแล้วจุดสูงสุดดอยอินทนนท์ แต่..... แต่.....แบตกล้องหมด หิวมาก ชื้นไปทั้งตัว และฝนยังคงลงเม็ดอย่างต่อเนื่อง และสี่โมงเย็นแล้วค่ะ ตระหนักแล้วว่าด้วยสภาพอากาศและสภาพร่างกายในตอนนี้ เข้าแม่แจ่มคงไม่รอดแน่ค่ะ เลยรีบขี่กลับไปหาที่พักที่แม่กลางหลวงก่อนจะมืด
และแล้วก็มาได้ที่นี่ค่ะ..แม่กลางหลวง วิลล่า (Mae klang luang villa) มั่ว ๆ มาจอด แวะที่อื่นก็เต็ม โทรไปไหนก็ไม่ได้ ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ดีแทคค่ะ และเราใช้ดีแทค ฮ่า ๆๆ ติดต่อที่พัก 08 2946 6651 และ 09 6281 0466
จัดมาม่ากับแคบหมูไปสองถุง กับสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนักมาก และไฟที่ดับทั้งหมู่บ้าน คือแบบ สโลว์มากค่ะ ทำอะไรไม่ได้ กินเสร็จแล้วนอน นอน และนอนค่ะ ไม่มีการปิดประตูหรือหน้าต่างใด ๆ ทั้งสิ้น พูดตรง ๆ กลัวววววววว สะดุ้งตื่นมาตอนทุ่มหนึ่งเพราะแม่เจ้าของที่พักเดินเอาเทียนมาจุดให้ในห้อง แล้วก็หลับต่อ
ตื่นอีกทีเจอแบบนี้ค่ะ ไฟมาแล้ว ข้าวมาแล้ว น่ารักมากกกกกกก กินข้าว ชาร์จแบตกล้อง แบตโทรศัพท์ อาบน้ำ สระผม
paiduaykan.com
นอนยาว ๆ ค่ะ เพลียมาก โดนฝนแต่เช้า แอร์ไม่มี พัดลมไม่ต้อง อากาศดีโคตร...ราตรีสวัสดิ์
002. เช้าวันที่สอง ตื่นมาพร้อมความสดใสพระอาทิตย์
ลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย แต่ก็แอบคิดนะคะว่านาขั้นบันไดเนี่ยทางลงที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน กลับมานั่งนึกทีไรก็เห็นแต่ภาพตัวเองเอาก้นไถลลงมา ฮ่า ๆๆ
กลับขึ้นมาเตรียมตัวออกเดินทางต่อค่ะ
ก่อนออกเดินทางก็ต้องนี่เลยค่ะ มาม่า...อาหารเช้าที่คุณคู่ควร
แวะเติมน้ำมันก่อนออกจากหมู่บ้านนะคะ ที่แม่กลางหลวงมีปั๊มน้ำมันปั่น ๆ อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ลิตรละ 40 บาท
003. มุ่งหน้าสู่สถานีต่อไป "กิ่วแม่ปาน" ค่ะ
มันดีตรงภาพบรรยากาศระหว่างทางนี่แหละค่ะ เลอค่าจริง ๆ และแล้วก็มีเหตุไม่คาดฝันเดินขึ้น !! ไม่รู้เหมือนกันว่าฝัน เหม่อ หรือมัวแต่ละเมออะไร รู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนสโลว์ไลฟ์อยู่ข้างถนนแล้ว โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่...รถมันดันลงไปติดอยู่ในร่องน้ำข้างถนน ยกไม่ได้ มันยกไม่ไหวค่ะ มันติด
ที่เห็นนี่อย่าเข้าใจผิดว่าจอดถ่ายรูปนะคะ เปล่า...มันติดดดดดดดดด นั่งรอ ยืนรอ โบกรถก็ไม่มีใครจอด จนมาเจอพี่ ๆ กลุ่มนี้ค่ะ
ลงมาช่วยเรายก เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เค้ามากันสี่คนค่ะ เราก็แอบได้ยินว่าเค้าจะไปกิ่วแม่ปานกันพอดี เนียนสิคะ เนียน ๆ ตามเค้าไป ขอเค้าไปด้วย ฮ่า ๆๆ อารมณ์ยังตกใจ ชั้นยังคงต้องการที่พึ่ง ณ เวลานี้
ในที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะกิ่วแม่ปาน พร้อมได้เพื่อนร่วมทริปมาอีกสี่คน ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย แต่สำหรับเรามันโคตรเป็นโชคดีเลยค่ะ
ลงทะเบียนกันก่อนนะคะ ลงชื่อและเวลาที่เราเข้าไปค่ะ ค่าเข้ากลุ่มละ 200 บาท เรามากัน 5 คน ก็คนละ 40 บาท
"พี่ฝุ่น" ไกด์ของเรากำลังแนะนำและอธิบายเส้นทางที่เราจะต้องเดินเข้าไปค่ะ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร
ตรงนี้เค้าเรียกว่าป่าเมฆ เพราะเรายืนอยู่ในความสูงระดับเดียวกับเมฆนั่นเอง
เดินมาสักประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้านะคะ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่เค้ากำหนดไว้นะคะ อันตรายค่ะ
เดินมาอีกนิดก็จะถึงแลนด์มาร์กที่เรารอคอยค่ะ "จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน"
แต่...ฟ้าไม่เปิดค่ะ คือจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา พอหมอกไปลมก็พัดมาอีก พัดมา พัดมา อยู่แบบนั้น ก็สวยไปอีกแบบนะคะ สวยแบบฟุ้ง ๆ
เราอยู่จุดนี้กันนานเหมือนกันค่ะ ยืนรอฟ้าเปิด ฮ่า ๆๆ
ได้เปิดสุด ๆ ก็เท่านี้อะค่ะ เปิดไม่ถึงนาทีกดชัตเตอร์แทบไม่ทัน จุดต่อไปก็จะเป็นบริเวณหน้าผา ที่เราเรียกกันว่า "ผาแง่มน้อย" พี่ฝุ่น ไกด์ที่นำทางเราเข้าไปเล่าว่าในสมัยก่อน ชาวบ้านที่มีคู่รักมักจะพาคนรักของตนมาสาบานรักต่อหน้าผาแง่มน้อยแห่งนี้ จะช่วยให้ได้ครองคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า แต่ติดที่ทริปนี้เรามาเดี่ยวค่ะ ฮ่า ๆๆ
มีหัวใจเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางระหว่างสองแง่มด้วยนะคะ
เราจะต้องเดินผ่านทางเล็ก ๆ บริเวณสันเขา จึงเป็นที่มาของชื่อ "กิ่วแม่ปาน" ... "กิ่ว" เป็นภาษาเหนือแปลว่าเล็ก ๆ
และสุดท้าย "จุดชมวิวพระธาตุ" ค่ะ
ต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า ๆ จะเป็นระยะทางที่เราต้องเดินกลับค่ะ งานนี้อากาศเย็นแต่ได้เหงื่อนะคะ เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันค่ะ
หยุดพักกันเป็นระยะ ๆ หลายระยะเหมือนกัน ฮ่า ๆๆ ลิ้นห้อยกันเป็นแถวค่ะ
ขอบคุณพี่ ๆ สี่คนมากนะคะที่ช่วยหนูยกรถจากตรงนั้น และก็ยังมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง แถมยังเลี้ยงข้าวกลางวันอีก มิตรภาพดี ๆ หาได้ระหว่างทางนะคะ
004. ออกจากกิ่วแม่ปาน ทานอาหารเสร็จก็ไปต่อกันที่จุดสูงสุดยอดดอยอินทนนท์กันค่ะ
ดอยอินทนนท์ เดิมชื่อ "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" คำว่าดอยหลวงหมายถึงภูเขาสูงใหญ่ ส่วนดอยอ่างกานั้นมีเรื่องเล่ากันว่า ห่างจากยอดดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำแต่ก่อนนั้นมีนกกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงรวมเรียกว่าดอยอ่างกา ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7
มาถึงแล้วก็แชะสักรูป ดีนะคะเราไปวันธรรมดาไม่ต้องรอคิวที่ป้ายนี้ คนไม่มีเลย
พระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ หรือกู่เจ้าหลวง เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) ทรงเป็นพระราชบิดาในพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีความหวงแหนป่าไม้มาก โดยเฉพาะดอยหลวงแห่งนี้จึงได้รับสั่งไว้ว่าหากพระองค์ถึงแก่พิราลัยแล้วให้นำพระอังคารของพระองค์มาไว้ ณ ยอดดอยหลวงด้วย ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ถึงแก่พิราลัย ราชธิดาคือเจ้าดารารัศมี จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ มาประดิษฐาน ณ พระสถูปบนยอดดอยหลวง เพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวเขาและประชาชนทั่วไป
หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม
ด้านบนมีร้านโปสเตอร์นะคะ สามารถเขียนแล้วหย่อนตู้ที่นี่ได้เลยค่ะ
กลับลงมาจากยอดดอยก็แวะเที่ยวพระเจดีย์กันก่อนนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ค่าเข้า 40 บาท/คน
และที่สุดท้ายก่อนกลับเข้าไปพักในเมืองก็คือ "น้ำตกวชิรธาร" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ "ตาดฆ้องโยง" ตัวน้ำตกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 750 เมตร
ถ่ายมาไม่กี่รูปเองค่ะ แค่เดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เปียกแล้ว อีกอย่างฝนกำลังตั้งเค้าอีกแล้ว รีบกลับเข้าเมืองดีกว่าค่ะ คืนนี้เรามีที่พักในเมืองแล้ว เดี๋ยวไปดูกันค่ะ
005. ที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ ที่นี่เลยค่ะ Plern Plern Bed and Bike Chiang Mai
ที่พักอยู่ใกล้ตัวเมือง หาง่าย ไม่หลงค่ะ เพราะเราเปิด Google Map ฮ่า ๆๆ
ติดต่อที่พักได้ที่ เฟซบุ๊ก bnbcm
เก็บของเสร็จออกไปหาข้าวกินกันดีกว่าค่ะ ร้านนี้เลย Imm Aim Vegetarian & Bike Cafe\' อาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ ร้านเปิด 10 โมงถึงสองทุ่มนะคะ เราไปสองทุ่มพอดี เกือบไม่ได้กิน ฮ่า ๆๆๆๆ
พี่เค้าบอกมันเยอะมากนะน้อง พี่เตือนแล้ว เราสั่งมาสองอย่าง ผัดไทยกับยำหัวปลี สำหรับเราชอบนะ...อร่อยแต่เยอะโคตร แต่เราสายโหดค่ะ สองจานนี้เกลี้ยง
ติดต่อร้านได้ที่ เฟซบุ๊ก ImmAimVegetarianCafe
จากนั้นก็ขี่รถไปเซเว่นฯ เพื่อจ่ายค่าเครื่องที่เพิ่งจองเมื่อกี้ ตอนแรกกะจะนั่งรถทัวร์กลับเหมือนเดิม แต่พรุ่งนี้ขอเที่ยวอีกครึ่งวันก็ยังดี เลยรีบเปิด App Lion Air จองพรุ่งนี้รอบ 15.45 น. จ่ายเงินเรียบร้อยกลับห้องไปเก็บแรงไว้พรุ่งนี้อีกวันดีกว่าค่ะ
ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
006. เช้าวันสุดท้าย
วางแพลนว่าจะเที่ยวรอบ ๆ คูเมืองค่ะ ได้เพื่อนรุ่นพี่ที่บังเอิญได้รู้จักกันมาเป็นไกด์และเพื่อนร่วมเดินทาง 1 คน ไปกันเลยยยยยยย เช้า ๆ แบบนี้เริ่มที่ "วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร"
จุดชมวิวระหว่างทางสวยมากเลยค่ะ เห็นเชียงใหม่แบบ 360 องศา
ทางขึ้นด้านหน้ามีกระเช้านะคะ คนละ 10 บาท ถ้าไม่อยากเดินขึ้นบันได
สถานีต่อไป "ดอยปุย" ค่ะ แวะทานข้าวกันก่อน จะมีร้านอาหารอยู่ตรงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แต่เราไม่ได้เข้าไป ช่วงนี้ดอกไม้ยังไม่ค่อยออก ต้องเป็นช่วงต้นปีนะคะ
มื้อเช้าจัดแน่น ๆ ค่ะ สองอย่างเช่นเคย ฮ่า ๆๆ
หมู่บ้านม้งดอยปุย ระหว่างทางขี่ขึ้นมาระวังหน่อยนะคะ ถนนไม่ค่อยดีแล้วก็ลื่นค่ะ
007. กลับเข้ามาในคูเมือง เที่ยววัดกันบ้างค่ะ วัดแรก "วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)"
ด้านในร่มเย็นและก็สงบมาก ๆ นะคะ
008. โครงการบ้านข้างวัด
ด้านในประกอบด้วยบ้านสไตล์พื้นเมืองครึ่งตึกครึ่งไม้ปูนเปลือยหลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงเรียนสอนศิลปะ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายงานศิลปะ และมีพื้นที่แสดงงานศิลปะที่เป็นหลุมลึกที่ทำให้โครงการนี้ดูพิเศษกว่าที่เคยเห็น ทานข้าวมาแล้วเลยมาแวะจิบกาแฟยามบ่ายก่อนค่ะ
การเดินทางจากวัดอุโมงค์ ขี่มาทางที่จะไปวัดรำเปิงนะคะ
009. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"
เฟซบุ๊ก ImmAimVegetarianCafe
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พระธาตุเจดีย์หลวงนั้นถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือหรือล้านนา คือสูงประมาณ 80 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณด้านละ 60 เมตร ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ถือว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองเชียงใหม่ ต่อมาในสมัยมหาเทวีจิรประภา รัชกาลที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย เกิดพายุฝนตกหนัก แผ่นดินไหว พระมหาเจดีย์หลวงได้พังทลายลงมาเหลือเพียงครึ่งองค์ จากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานกว่า 4 ศตวรรษ พระมหาเจดีย์หลวงที่เห็นปัจจุบันกรมศิลปากรเพิ่งจะบูรณปฏิสังขรณ์เสร็จไปเมื่อ พ.ศ. 2535
และแลนด์มาร์กสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเชียงใหม่นะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง "ประตูท่าแพ"
****************************************
เรานัดคืนรถที่สนามบินนะคะ ทางร้านคิดค่าบริการรับรถที่สนามบินเพิ่มอีก 50 บาทค่ะ แต่ควรโทรนัดก่อนแล้วก็เผื่อเวลาให้มากหน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจตกเครื่องได้ เพราะเราไปรออยู่นานมากค่ะ
บ๊ายบายเชียงใหม่....แล้วพบกันอีกแน่นอน
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมานะคะ ขอโทษด้วยที่ล่าช้าไปบ้าง ทริปหน้าจะไปบ้า ฮา ติสต์ ที่ไหนอีก สามารถติดตามได้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวหรือแฟนเพจ Journeyaholic นะคะ จะพยายามอัพเดทเรื่อย ๆ ค่ะ
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่ารถทัวร์นครชัยแอร์ : 584 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 2 วัน : 600 บาท
แวะเติมน้ำมันครั้งที่ 1 : 70 บาท
ค่าเสื้อกันฝน : จำไม่ได้ ซื้อในเซเว่นฯ ค่ะ
ค่าเข้าอุทยาน : บอกไปแม่แจ่มเลยไม่เสียค่าเข้าค่ะ
ค่าที่พักคืนแรกที่แม่กลางหลวง : 500 บาท (ห้อง 4 คน ราคาปกติ 1,200 บาท)
ค่ามาม่า-แคบหมู : 30 บาท
เติมน้ำมันครั้งที่ 2 ก่อนออกจากแม่กลางหลวง : 40 บาท
ค่าเข้ากิ่วแม่ปาน : 40 บาท (กลุ่มละ 200 บาท กลุ่มเรามี 5 คน)
อาหารกลางวัน : ฟรี (ขอบคุณพวกพี่ ๆ ด้วยนะคะ)
ค่าโปสการ์ด : 65 บาท
ค่าเข้าพระเจดีย์ : 40 บาท
ค่าที่พักคืนที่ 2 ที่ Plern Plern Bed and Bike : ค่าที่พักมีตั้งแต่ 899-1,199 บาท
ค่าอาหารที่ Imm Aim Vegetarian & Bike Cafe\' : 150 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน : 1,325 บาท
ค่าขนมในเซเว่นฯ : 120 บาท
ค่าระฆังซื้อขึ้นไปห้อยบนพระธาตุ : 100 บาท
ค่าเข้าบ้านม้ง ดอยปุย : 10 บาท
ค่ากาแฟที่บ้านข้างวัด : 100 บาท
คืนรถมอเตอร์ไซค์ : 350 บาท (เป็นค่าเช่าเพิ่มอีก 1 วัน 300 บาท/ค่าบริการรับรถนอกสถานที่ 50 บาท)
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเจ้าหญิงหมวกฟาง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก journeyaholic