
"สังขละบุรี" อำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในดวงใจของใครหลายคน เพราะธรรมชาติที่นี่ยังคงสวยงาม ผสานลงตัวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญที่อาศัยอยู่ท่ามกลางริมน้ำ ช่างเป็นบรรยากาศท่องเที่ยวที่ฟินสุด ๆ เริ่มอยากออกเดินทางกันบ้างหรือยัง ? ลองออกเดินทางไปค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เหมือนอย่างการเดินทางของ คุณสมาชิกหลายเลข 1161998 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศเหล่านั้นและนำประสบการณ์ดี ๆ ที่เกิดขึ้น ณ "สังขละบุรี" มาแชร์ให้เราได้ชมกันค่ะ






ด้วยงบ 2,000 บาท !!!!
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะคะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
#FANinSangkhla 4-6 สิงหาคม 2558

การไปเที่ยวสังขละบุรีครั้งนี้ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมารีวิวเลย แต่ด้วยความที่อยากมาเล่า อยากมาเม้าท์มอยการเดินทางของชะนี 3 คน ตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน ที่สังขละบุรี
วันที่ 4 สิงหาคม 2558
วางแผนกับเพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คน ว่าเราจะเดินทางไปสังขละบุรีโดยรถไฟ (เพราะเป็นทางเดียวที่ถูก) เช้าวันเดินทางมี 1 คน ไปถึงสถานีรถไฟธนบุรีแล้ว แต่อีก 2 คน ยังไปไม่ถึง นางเลยได้แต่นั่งรอต่อไป แล้วก็รอต่อไป จนรถไฟออกจากสถานีไปแล้ว 2 คนนี้ก็ยังไม่ถึง 555 เพราะอะไรก็ไม่รู้เนอะ คนมาสาย การจราจรติดขัด หรือพรหมลิขิตของพวกเรา 3 คน ทำให้พลาดรถไฟ
เพื่อนที่ถึงสถานีรถไฟแล้วส่งรูปมาเร่งชะนีอีก 2 คน ที่ยังไม่ถึงสถานีว่ารถไฟกำลังจะออกแล้ว (ในใจนี่ก็อยากจะเหาะไปให้ทันเลยค่ะ 555)

งานงอกละทีนี้ เอาไงกันต่อ แผนสองต้องมา...เลยได้ข้อสรุปว่าไปรถทัวร์กัน เลยนั่งแท็กซี่ไปสายใต้เพื่อขึ้นรถทัวร์ไปลงที่ บขส. กาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางจากสายใต้มาถึง บขส. กาญจนบุรี ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ตั๋วรถทัวร์ไปลง บขส. กาญจนบุรี ในราคา 100 บาท มีเลขที่นั่งกำกับไว้ด้วยจ้า

ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ววววววววว

จาก บขส. มีรถให้ไปสังขละบุรี 2 แบบ คือรถตู้กับรถหวานเย็น (รถบัสฉิ่งฉับทัวร์) ด้วยความที่อะไรก็ไม่รู้ดลใจพวกเราทั้ง 3 คน เดินขึ้นรถหวานเย็นอย่างพร้อมใจกัน (โดยไม่รู้ถึงชีวิตข้างหน้าเลย)
บรรยากาศบนรถคนค่อนข้างแน่น มีทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว คนขายาวนี่ต้องทำใจหน่อยนะคะ เพราะขนาดเรา 3 คน ที่ว่าขาสั้น ๆ นั่งทีเข่ายังชนเบาะคนข้างหน้าเลยยยยย T_T

นั่งไปได้ 2 ชั่วโมง ความรู้สึกแรกโคตรปวดก้น นั่งที่เดิม ๆ ขยับไปไหนไม่ได้เป็นเวลานาน ๆ มันปวดก้นมากค่ะ ใช้เวลาประมาน 3 ชั่วโมงครึ่งรถจะวิ่งมาถึงทองผาภูมิ รถที่เรานั่งมาขับผ่านตลาดทองผาภูมิแล้วก็จอด ปรากฏว่ารถไม่ไปสังขละบุรีต่อ นั่งงงกันสิคะ เลยต้องเดินมาถามคนขับว่าต้องเปลี่ยนรถเหรอลุง ลุงแกก็ชี้ไปคันข้างหน้า หนู ๆ เดินไปขึ้นคันนู้นนะ คันนี้ไม่ไปต่อ อะโอเค ไม่เป็นไรไม่จ่ายเงินเพิ่มเป็นพอ 555
ก่อนทางเลี้ยวไปสังขละบุรีรถคันที่นั่งมาได้จอดรอรถอีกคันที่มาจากกาญจน์ ก็นั่งรอกันไปชิล ๆ พอคันนั้นมาถึงปรากฏว่าต้องย้ายผู้โดยสารที่จะเข้าสังขละบุรีจากคนนั้นมาคนนี้ทั้งหมด โอเคเรามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกเกือบคันรถ คือสงสารพวกที่โดนย้ายรถกลางคันมาก เพราะรถมันแน่นมากแล้วต้องมายืนอีกเกือบ 75 กิโลเมตร นับต่อจากนี้การเดินทางไปสังขละบุรีได้เริ่มขึ้นแล้วจ้า คนอื่น ๆ ที่มาก่อนหรือมาหลังเราอาจจะไม่เจอแบบเราก็ได้ แต่ที่พวกเราเจอนับว่าพีคมาก ด้วยความที่สภาพรถมันก็เก่าอะเนอะ บวกกับจำนวนคนที่มากกว่าปกติ แล้วทางไปสังขละบุรีขึ้นเขา-ลงเขาตลอดทาง ทำให้รถวิ่งได้ 5-10 กิโลเมตร/ชั่วโมง คือวิ่งช้ามากกกกกกกก
แล้วจุดพีคก็มาถึง !!! รถขึ้นเนินไม่ไหว ทำยังไงกันต่อ คือก่อนจะเร่งเครื่องลุงคนขับแกก็ยกมือไหว้ท่วมหัว (น่าจะไหว้ศาลตรงโค้งหรือไม่ก็แม่ย่านางรถ คนในรถนี่ลุ้นกันตัวเกร็ง 555) แต่คือรถมันหนักมาก เร่งยังไงรถก็ขึ้นไม่ไหว สุดท้ายทำไง....ลงเดินกันหมดเลยจ้า คือวินาทีนั้นกอดกันกับเพื่อนเลยค่ะ กลัวมากยอมรับจากใจเลยค่ะ
เดินไปแบบมองไม่เห็นรถคุณลุงเลยค่ะ ไปจอดรอไกลเหลือเกิน ข้ามเนินหลายเนินแล้วคุณลุงงงงงงงง

กว่าจะถึงรถคุณลุงที่จอดรอ เล่นเอาหอบกินกันเป็นแถว

ถึงสังขละบุรีเวลา 19.30 น. คือแบบแก !! เดินทางนานไปไหม จากกาญจน์มาสังขละบุรี 7 ชั่วโมง พระเจ้า วินาทีที่เหยียบพื้นดินนี่งง ๆ อึน ๆ เอาไงกับชีวิตต่อดีวะเนี่ย ฝนก็ตก ที่พักก็ยังไม่ได้ติดต่อ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน สุดท้ายเลยโทรไปที่ชื่นใจเฮ้าส์ โอเคว่างอยู่ นั่งวินไปเลยจ้า ติดต่อที่พักและกินข้าวที่ชื่นใจเฮ้าส์เลย อาหารอร่อยมากค่ะ โกโก้ปั่นก็อร่อย ^^
ระหว่างรออาหารเย็น

ข้าวมื้อแรกของวันนี้ อร่อยและเยอะมาก 3 คน ยังกินกันไม่หมด

วันที่ 5 สิงหาคม 2558
วันที่สองของการเดินทาง เช้านี้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ พี เกสต์เฮ้าส์ แล้วไปกินข้าวเช้าที่ฝั่งมอญ บรรยากาศช่วงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร ถ่ายรูปได้สบาย ๆ เลย

ไปเดินสะพานลูกบวบก็ได้เจอกับซุปตาร์สังขละ "พี่เย็น" นั่นเองค่ะ เลยติดต่อเรือไปไหว้พระกับพี่เย็นเลย









หนุ่มสเปนคนนั้นค่ะคุณขา งานดี งานประณีตมาก 555 (รูปแอบถ่ายเบา ๆ เจ้าตัวไม่รู้ตัวค่ะ ป.ล. รูปแตกขออภัย)

ฝนตกเลยแวะเติมพลังที่ 7-11 ซะหน่อย เลยได้เสื้อกันฝนติดมือกันมาคนละตัว รอให้ฝนหยุดจะได้แว้นไปด่านเจดีย์สามองค์ต่อ แต่มันไม่ทีท่าว่าจะหยุดนี่สิ สุดท้ายเป็นไงเป็นกันแว้นไปทั้งฝนตกเนี่ยแหละ เดี๋ยวมันก็หยุด สรุปตกหนักตลอดทางจ้า -_- ต้องจอดแวะพักร่มไม้ตลอดทาง คิดในใจนี่ตรูมาทำอะไรวะเนี้ย ข้างหน้ามันจะคุ้มกับที่ทำอยู่ไหม และใส่เสื้อกันฝนยังไงไม่รู้สุดท้ายก็เปียกทั้งตัวจ้า [เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าใส่เสื้อกันฝนคุ้มมาก]
เมื่อข้ามมาเขตพม่าเรานี่กลายเป็นคนต่างด้าวแล้วค่ะ คุยกับใครไม่รู้ คุยกับวินมอเตอร์ไซค์พม่ายังต้องใช้ภาษามือ ที่แรกที่มาคือ "วัดเสาร้อยต้น"

ต่อกันที่ "เจดีย์ทอง" บอกเลยว่าทางขึ้นปราบเซียนมาก ใครที่ว่านั่งมอเตอร์ไซค์เซียนแค่ไหนเราขอเชิญคุณที่เจดีย์ทองพม่าค่ะ ทั้งทางขึ้น-ทางลงถ้าไม่จับแน่น ๆ มีสิทธิ์ร่วงได้ชัวร์


พระพุทธรูประหว่างทาง แต่กว่าจะสื่อสารกับมอเตอร์ไซค์พม่ารู้เรื่อง วนไปวนมาหลายรอบค่ะ 5555

ก่อนออกจากพม่าเจอคุณป้ากำลังทอดอะไรอยู่ แวะสิจ๊ะแวะ ขอลองชิมหน่อย ใครอยากรู้รสชาติอย่าลืมไปลองนะ แปลกดี ลักษณะเหมือนผักชุบแป้งทอด (แต่เดาไม่ออกจริง ๆ ว่ามันคืออะไร)

ได้เวลากลับสังขละบุรีฝนก็ยังไม่หยุดตก ก็เลยได้แว้นฝ่าสายฝนกลับเช่นเคย ขากลับก็เจอด่านตรวจเป็นระยะทหารเค้าก็ขำ ๆ ฝนตกขนาดนี้ยังจะขี่มอเตอร์ไซค์มากันอีก (มันมาขนาดนี้แล้วอะพี่ ให้เปลี่ยนใจคงไม่ทันแล้วล่ะ 55)
วันที่ 6 สิงหาคม 2558
เช้านี้ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เพราะตั้งใจจะไปใส่บาตรกันค่ะ แว้นมอเตอร์ไซค์ไปถึงสะพานคนยังเงียบ ๆ อยู่เลย นั่นแน่ !! เจอเซเลบสังขละอีกแล้ว พี่แกเลยชวนไปใส่บาตรฝั่งนู้น


น้องเล็ก เด็กปั้นของพี่เย็น น้องน่ารักมาก ชวนคุยตลอดทางเลย

ที่สะพานฝั่งไทยก็จะมีของขายให้ใส่บาตรเหมือนกัน แต่ต้องใส่บาตรฝั่งนี้ เพราะพระฝั่งนู้นจะไม่ข้ามมาค่ะ ที่ฝั่งมอญก็มีของใส่บาตรค่ะ ชุดละ 99 บาท


ช่วงระหว่างรอพระ [อันนี้แอบเม้าท์มอย 55] จะมีป้าคนหนึ่งมาขายข้าวต้มมัดอันละ 20 บาท ขนมกล้วยอันละ 5 บาท อันใหญ่มาก ไซส์ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ หลายเท่ามาก ส่วนรสชาติใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องมาชิมเองค่ะ แต่แนะนำให้รวมตังค์กันซื้อค่ะ จะได้ไม่เสียดายตังค์มาก 55555
ขนมกล้วยค่ะ ส่วนข้าวต้มมัดนี่ถ่ายไม่ทันจริง ๆ มันลงไปอยู่ในถุงขยะเร็วเกินไป

ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว ^^
ขากลับตกลงกันเป็นเอกฉันท์ว่าเราจะกลับรถตู้ !! ลาก่อนหวานเย็น แต่เดี๋ยว ! คุณจำหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นได้ไหมคะ ปรากฏว่าขึ้นรถตู้คันเดียวกันจ้า ชะนี 3 คน นี่มองตากันเลย 55 ระหว่างทางจะเจอด่านตลอดค่ะ อย่าลืมพกบัตรประชาชนติดไว้ด้วยนะคะ จะได้ยืนยันว่าเราเป็นคนไทย ด้วยความที่ตอนมาเราไม่ได้นั่งรถไฟ ขากลับเลยขอนั่งรถไฟกลับหน่อยเหอะ เลยลงรถตู้ที่น้ำตกไทรโยคน้อย ก่อนจะปิดประตูฝรั่งคนนั้นได้หันมา Bye Bye ชะนีทั้ง 3 คน ปิดประตูเสร็จแทบกรี๊ดค่ะ ลงจากรถตู้ก็ต่อสองแถวเพื่อเข้าไปสถานีรถไฟน้ำตก
ฉันกลับแล้วนะแก...สังขละบุรี !!!!

ระหว่างทางรถไฟมีจอดรออีกขบวนมาเชื่อมต่อกันบ้าง จอดนานเฉย ๆ เหมือนจะเสียบ้าง (นานจนลงไปถ่ายรูปได้เป็นร้อย 555) วิ่งถอยหลังบ้าง ฮาดีค่ะ


สุดท้ายอยากบอกว่าขอบคุณสังขละบุรีที่ให้ประสบการณ์ดี ๆ กับชีวิต ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน ได้เพื่อนใหม่ ได้มิตรภาพตลอดการเดินทาง
- - - - - สรุปค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน (หารเฉลี่ยกัน 3 คน) - - - - -















รักนะ...สังขละบุรี แล้วเราจะพบกันใหม่ :)
#FANinSangkhla
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1161008 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม