วันเข้าพรรษานอกจากนักท่องเที่ยวหลายคนจะวางแผนเดินทางไปชมความสวยงามตระการตาของขบวนแห่เทียนพรรษาในจังหวัดอุบลราชธานี งานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกกันแล้ว หลังจากชมขบวนแห่เสร็จก็ยังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อดี ลองแวะ "ไหว้พระ 9 วัด อุบลราชธานี" เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลในชีวิตกันดีกว่าค่ะ มีวัดไหนที่ไม่ควรพลาดบ้างไปดูกัน
1.วัดทุ่งศรีเมือง
มาเริ่มต้นที่วัดแรกคือ "วัดทุ่งศรีเมือง" วัดดังประจำจังหวัดที่มีความเก่าแก่มายาวนาน ตั้งอยู่ถนนหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชม "หอไตรกลางน้ำวัดทุ่งฯ" ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนในการเก็บตำรับตำราและเอกสารสำคัญ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระอุโบสถหรือหอพระพุทธบาท สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่จะจำลองพระพุทธบาทจำลองจากวัดสระเกศมาให้พุทธบริษัทที่อุบลราชธานีได้กราบไหว้ จึงให้ ครูช่าง ชาวเวียงจันทน์ดำเนินการก่อสร้าง
พระพุทธบาทจำลองจากวัดสระเกศ มีความกว้าง 6 เมตร ยาว 13 เมตร หลังคาทรงไทยศิลปะเวียงจันทน์ ต่อมาได้พูนดินบริเวณลานหอพระพุทธบาท เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในฤดูฝน โดยได้สร้างเป็นเขื่อนกำแพงแก้วหอพระพุทธบาท เป็นสองชั้นรอบ ๆ พระพุทธบาท กำแพงมีขนาด กว้าง 23 เมตร ยาว 32 เมตร ภายในพูนดินให้สูงเหมือนเป็นฐานรองรับหอพระพุทธบาท โดยได้ขุดเอาดินมาจากสระด้านทิศเหนือ ซึ่งมีขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 24เมตร ลึก 3 เมตร (สระนี้ต่อมาภายหลังได้สร้างหอไตรไว้กลางน้ำ จึงได้ชื่อว่าสระหอไตร)
และสิ่งสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่วัดแห่งนี้ นั่นก็คือ "หอไตรกลางน้ำ" ตั้งอยู่ใจกลาง สระหนองหมากแซว โดยมีจุดประสงค์ใช้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก คือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาและปรัชญาพื้นบ้าน รวมถึงตำราต่าง ๆ มากมาย ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าไปท่องเที่ยวภายในวัดสามารถชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Watthungubon.org และ เฟซบุ๊ก วัดทุ่งศรีเมือง
2. วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี
หรือชื่อเดิมคือ "วัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์" หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "วัดป่าใหญ่" ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง เป็นวัดเก่าแก่อีกหนึ่งแห่งในจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลักษณะศิลปะแบบลาว ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธา และมักจะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตเสมอ สำหรับผู้สนใจเดินทางไปที่วัดแห่งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Watmahawanaram.com และ เฟซบุ๊ก วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี
3. วัดพระธาตุหนองบัว
วัดพระธาตุหนองบัว อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร บนถนนธรรมวิถี แยกจากถนนชยางกูรไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 500 เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2498 เป็นวัดราษฎร์ นิกายธรรมยุต เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจคือ "พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์"ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้นได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว ซึ่งทั้ง 4 มุม ของกำแพงแก้วได้ประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็กอีก 4 องค์
ภายในองค์พระธาตุมีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน พระธาตุองค์เดิมมีขนาดกว้างด้านละ 5 เมตร สูงประมาณ 17 เมตร เมื่อสร้างใหม่ครอบองค์เดิม คือพระบรมธาตุที่เห็นในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่มาก ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 17 เมตร สูง 56 เมตร เสร็จสมบูรณ์ในปี 2512 ด้านหลังของพระบรมธาตุ เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญ ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณี กลุ่มของฆราวาสจะรวมกันอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นกุฏิที่สร้างอยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ส่วนกุฏิของแม่ชีจะแยกพื้นที่ไปอยู่นอกวัด สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุหนองบัว
4. วัดเลียบ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดเลียบ อุบลราชธานี
วัดเลียบหรือวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ ตั้งอยู่ถนนเขื่อนธานี ตำบลในเมือง จะเป็นอีกหนึ่งวัดที่เปิดให้เข้าชมการแกะสลักเทียน พร้อมบริจาคหล่อเทียนพรรษา เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นประจำจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว สำหรับสถานที่น่าสนใจของวัดแห่งนี้ คือสถาปัตยกรรมของเจดีย์วิหารอนุสรณ์สถานหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมย่อมุม ซึ่งหมายถึงจตุรารักษ์ ระเบียง มีขนาด 12.40x12.40 เมตร ส่วนผนังอาคารของเจดีย์ทำเป็นรูปดอกบัว 4 เหล่า ซึ่งดอกบัวหมายถึงสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดของวัดเพิ่มเติมได้จาก เฟซบุ๊ก วัดเลียบ อุบลราชธานี
5. วัดหลวง
วัดเก่าแก่ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งบอกว่าเป็นวัดแห่งแรกในจังหวัดอุบลราชธานี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2322 ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมเทพ (ริมฝั่งแม่น้ำมูล) ระหว่างท่ากวางตุ้งกับท่าจวน (ตลาดใหญ่) ซึ่งนอกจากจะใช้พื้นที่วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระภิกษุและสามเณร เผยแพร่พระพุทธศาสนา และยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองในสมัยก่อนอีกด้วย
สำหรับสถานที่สำคัญภายในวัดที่ไม่ควรพลาดคือ "พระเจ้าใหญ่องค์หลวง" พระพุทธรูปปางเรือนแก้วประทับนั่งขัดสมาธิราบภายในซุ้มเรือนแก้ว และ "พระแก้วไพฑูรย์" พระพุทธรูปปางสมาธิ พระแก้วที่สร้างจากหินใสจากธรรมชาติอายุกว่าร้อยปี ลักษณะองค์พระมีความใสขุ่น และเมื่อมองจากใต้ฐานจะมองเห็นสายฝน นอกจากนี้ยังมี "พระเจ้าใหญ่ปากดำ" พระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย รวมถึงพระพุทธรูปอื่น ๆ รวมไปถึงวัตถุโบราณต่าง ๆ ที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีอีกด้วย
6. วัดสุปัฏนารามวรวิหาร
วัดสุปัฏนารามวรวิหาร หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียก "วัดสุปัฏน์" พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดธรรมยุตินิกายแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ภายในถนนสุปัฏ ตำบลในเมือง โดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เริ่มสร้างวัดในปี พ.ศ. 2393 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2396 สำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเดินทางเข้าไปกราบไหว้ภายในวัดคือ "พระอุโบสถ" การผสมผสานรูปแบบทางศิลปกรรมถึง 3 ชนชาติ โดยส่วนหลังคาเป็นศิลปะแบบไทย ส่วนกลางเป็นศิลปะแบบเยอรมัน และส่วนฐานเป็นศิลปะแบบขอมโบราณ นอกจากนี้ยังมี "ถ้ำหมาไน" ซึ่งเป็นจารึกสมัยขอมโบราณและทับหลังที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งมีการจัดตั้งหอพิพิธภัณฑ์ สถานที่เก็บวัตถุโบราณที่เปิดไว้ให้นักท่องเที่ยวแวะไปชมวัตถุโบราณต่าง ๆ อีกด้วย
7. วัดศรีอุบลรัตนาราม
หรือชื่อเดิมคือ "วัดศรีทอง" ตั้งอยู่ตำบลในเมือง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่พระอุโบสถ ซึ่งจำลองแบบมาจากโบสถ์จัตุรมุข วัดเบญจมบพิตร จากกรุงเทพฯ ภายในประดิษฐาน "พระแก้วบุษราคัม" และพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องขนาดเล็กสร้างจากบุษราคัม นอกจากนี้ในส่วนบริเวณวัดยังมีศาลาการเปรียญเก่าหลังงามทำด้วยไม้แกะสลัก ทาสีแดง ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น ผ้าพิมพ์โบราณอายุกว่า 100 ปี "ฮางฮด" หรือรางน้ำสำหรับสรงพระพุทธรูปและพระสงฆ์ในวันสงกรานต์ รวมทั้งภาพถ่ายเก่าแก่และพระพุทธรูปสลักไม้จำนวนมาก
8. วัดแจ้ง
"วัดแจ้ง" วัดเก่าแก่อีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง ซึ่งภายในวัดมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเดินทางเข้าไปกราบไหว้ ได้แก่ พระอุโบสถวัดแจ้งหรือสิมวัดแจ้ง เป็นสถาปัตยกรรมแบบอีสาน มีความกว้าง 6 เมตร ยาว 15 เมตร และสูง 10 เมตร ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนมีทางขึ้นด้านหน้าทางเดียว ส่วนราวบันไดเป็นรูปจระเข้มอบ 2 ตัว ด้านหน้าบันเป็นไม้สลักลวดลายแบบพื้นบ้านผสมลายไทยภาคกลาง ส่วนหลังคาของพระอุโบสถนั้นเป็นหลังคาชั้นเดียว เดิมมุงด้วยกระเบื้องไม้ที่ปัจจุบันกลายเป็นสีดำ และด้วยความเก่าแก่ของพระอุโบสถจึงมีการปิดบูรณะอยู่บ่อยครั้งเพื่อให้ภายในยังคงสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด
9. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
และปิดท้ายด้วยวัด Unseen Thailand กับ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือเดิมวัดแห่งนี้ชื่อคือ วัดภูพร้าว ซึ่งสมัยก่อนที่นี่จะมีหินทรายคล้าย ๆ ลูกมะพร้าวเป็นจำนวนมาก หินจะมีลักษณะกลวง เมื่อทุบแตกจะเห็นภายในเป็นเนื้อทรายละเอียดระยิบระยับคล้ายเพชรพลอย ผู้ก่อตั้งวัดนี้คือ พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ ชาวจำปาสัก สปป.ลาว
สำหรับสิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ คือสถานที่สุดอันซีนที่จะต้องรอคอยชมในช่วงหลังพระอาทิตย์ตก ณ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จังหวัดอุบลราชธานี กับภาพต้นไม้เรืองแสงที่หลังโบสถ์บริเวณด้านหลังของผนังโบสถ์มีประติมากรรมภาพต้นไม้เรืองแสงสีเขียว (คล้ายต้นลีลาวดี) ซึ่งจะเรืองแสงในเวลาตอนกลางคืนสวยงามมากเลยทีเดียว
ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสายบุญสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมขบวนแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ ประจำปีของไทยแล้ว ยังสามารถเดินทางไปไหว้พระ 9 วัด ภายในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
, Watliabubon.com, เฟซบุ๊ก วัดเลียบ อุบลราชธานี, เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุหนองบัว, Watmahawanaram.com, เฟซบุ๊ก วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี, Watthungubon.org, เฟซบุ๊ก วัดทุ่งศรีเมือง, Lib.ubu.ac.th