ธรรมชาติมากล้น ผู้คนน้ำใจดี มากมีดอกเอื้องดิน สู่ถิ่นเมี่ยงชาและกาแฟ มียาแท้สมุนไพร ชื่นฉ่ำใจน้ำตกเย็น เห็นวิวทิวเขาสวย ร่มรื่นด้วยสวนสนบนม่อนล้าน … นี่คือสิ่งที่จะได้พบหากไปเยือน “บ้านแม่กำปอง” จังหวัดเชียงใหม่ หมู่บ้านกลางหุบเขาขนาดกะทัดรัดที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชนที่แข็งแกร่งอยู่กับผืนป่าได้อย่างกลมกลืน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ : www.mae-kampong.com) อ๊ะ ๆ หากคุณยังไม่เชื่อก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณสมาชิกหมายเลข 1555860 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปสัมผัสบ้านแม่กำปองกันดูก่อนค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- สวัสดีค่ะ -
เผอิญมีโอกาสได้ไปเยือนหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่มีชื่อว่า "บ้านแม่กำปอง" มา การไปเที่ยวในครั้งนี้นอกจากความสุขที่ได้ไปเยือนสถานที่ใหม่ ๆ แล้ว เรายังได้อะไรดี ๆ กลับมาเยอะมาก รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจและประทับใจจนเกิดความรู้สึกว่า...เราจะต้องนำ "เรื่องดี ๆ" ที่เกิดจาก "การคิดดี" ที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อส่วนรวมมาบอกต่อให้คนอื่นได้รับรู้
มันดียังไง ?? อะไรดี ?? และทำไมเราถึงประทับใจ ?? ขอเริ่มกันเลยนะคะ ^^
เราเป็นคนที่เกิดและโตในกรุงเทพฯ แต่คุณตาไปทำงานที่เชียงใหม่ แม่เราเลยเกิดและโตที่เชียงใหม่ ความเกี่ยวโยงตรงนี้ทำให้ตั้งแต่เด็กจนวันนี้อายุ 20 กว่า ๆ เราไปเชียงใหม่มาแล้วเป็นร้อย ๆ รอบ ไปแทบทุกเดือน สมัยยังเด็กเวลาปิดเทอมก็ไปอยู่ทีเป็นเดือนเหมือนกัน รักเชียงใหม่จนรู้สึกมาตลอดว่ากรุงเทพฯ คือเมืองที่ต้องอยู่ แต่เชียงใหม่คือเมืองที่เรียกว่า "บ้าน"
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเชียงใหม่เจริญขึ้นมาก นักท่องเที่ยวจีนก็เยอะมาก ตั้งแต่มีหนังชื่อ Lost in Thailand ฉายในประเทศเขา คนญี่ปุ่นก็ไปอยู่กันแบบระยะยาวเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่นับพวกฝรั่งอีกนับไม่ถ้วน ความเจริญและการขยายตัวในการท่องเที่ยวเชียงใหม่มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในที่นี้เราขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับ "การท่องเที่ยวดี ๆ ที่ควรค่าแก่การบอกต่อ" มาเล่าให้ฟังกัน
ข้อมูลเดินทาง
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ : สายการบิน Lion Air ซื้อตอนโปรฯ ราคารวมภาษีแล้ว ขาไปประมาณ 300 กว่าบาท ขากลับ 500 กว่าบาท
รถเช่า : ซื้อคูปองรถเช่าจากงานวันธรรมดาน่าเที่ยวของ Chic Car Rent ราคา 599 บาท (มีรถมาส่งที่สนามบิน)
ที่พัก : โครงการหลวงตีนตก คืนละ 1,700 บาท
การเดินทาง : ใช้ Google Map นำทางไป (จากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงโครงการหลวงตีนตก ระยะทาง 51 กม. ขับต่อไปอีกประมาณ 7 นาที บนถนนเส้นทางเดิมก็จะถึงบ้านแม่กำปอง รวมใช้เวลาทั้งหมดจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณเกือบ ๆ ชม. เพราะเมื่อเข้าไปยังถนนสายเล็กแล้ว ถนนต้องขึ้นเขานิดหน่อยและมีความคดเคี้ยวพอสมควร)
แม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และป่าเขา อากาศเย็นตลอดปี มีทรัพยากรและระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มาก ส่งผลให้ชาวบ้านมีน้ำในการทำการเกษตรตลอดปี และนี่คือแวบแรกที่เราได้เห็นบ้านแม่กำปอง เขียว สงบ เรียบง่าย ชุ่มฉ่ำ...เห็นแล้วเย็นใจ ^^
ก่อนไปเราได้โทรไปยังบ้านแม่กำปองตามเบอร์โทรในเว็บไซต์ เพื่อบอกว่าให้ทางหมู่บ้านช่วยเตรียมอาหารให้ คนที่รับโทรศัพท์เป็นผู้ชาย เสียงน่าจะมีอายุราว ๆ 50-60 ปี เราได้มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นคือ "พ่อหลวงพรมมินทร์" (ภาษาเหนือพ่อหลวงแปลว่าผู้ใหญ่บ้าน) อดีตผู้ใหญ่บ้านของแม่กำปองนั่นเอง พ่อหลวงให้เราได้คุยกับ "พี่แหม่ม" คนที่จะเตรียมอาหารให้เรา พี่แหม่มทำร้านอาหารชื่อ "เฮือนกาแฟ" ร้านของพี่แหม่มติดกับลำธารที่ไหลผ่านตลอดหมู่บ้าน ทานข้าวไปก็มองน้ำไหลไป ชิลดีแท้
นี่คือร้านเฮือนกาแฟ
ข้าว+กับข้าว 3 อย่าง คนละ 90 บาท ถ้ากับข้าว 4 อย่าง คนละ 120 บาท และนี่คืออาหารที่พี่แหม่มกับแม่ของพี่แหม่มทำให้พวกเราทาน มีข้าวนึ่ง (ข้าวเหนียวในภาษากลาง) และกับข้าวคือ
1. ไข่ป่าม (ไข่เจียวย่างบนใบตองจนหอมกลิ่นใบตองไหม้)
2. น้ำพริกหนุ่ม
3. ลาบหมูคั่ว (สไตล์เหนือ)
4. ยำผักเมี่ยง (เป็นผักท้องถิ่นที่หาทานยาก กลิ่นแรงคล้าย ๆ ใบที่เรากินกับเมี่ยงคำ เกิดมาเราไม่เคยทาน พี่แหม่มเอามายำแล้วใส่ปลากระป๋อง)
บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านที่มีการจัดการที่ดีเยี่ยมในทุก ๆ ส่วน มีระบบจัดการน้ำดื่มของชุมชนผ่านระบบกรองอย่างไฮเทคและฆ่าเชื้อโดยระบบ UV เราเห็นว่าร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงบ้านเรือนของผู้คนในหมู่บ้าน ต่างใช้น้ำดื่มของชุมชนกันทั้งนั้น
คุณแม่พี่แหม่มบอกว่าต้นไม้ใบหญ้าที่ดูเหมือนป่ารอบ ๆ หมู่บ้านที่เราเห็น จริง ๆ แล้วคือพืชที่ชาวบ้านปลูกกันทั้งนั้น หลัก ๆ ก็มีต้นเมี่ยง ต้นกาแฟ ต้นชา...
เมื่อทานข้าวเสร็จคุณแม่พี่แหม่มบอกว่าให้ขับรถเที่ยวขึ้นไปด้านบน ทางซ้ายจะมีบ้านพ่อหลวงพรมมินทร์ แม่เพิ่งเอากาแฟไปส่ง พ่อหลวงกำลังคั่วกาแฟอยู่ ขับต่อขึ้นไปทางขวาจะมีร้านกาแฟชื่อดัง ชื่อร้าน "ชมนกชมไม้" เป็นร้านกาแฟ บรรยากาศบ้าน ๆ ที่เห็นวิวทั้งหมู่บ้านจากมุมสูง ขับจากร้านพี่แหม่มมาสัก 5 นาที ก็ถึงร้านชมนกชมไม้ที่มีมุมมหาชนที่ใคร ๆ ที่มาเยือนบ้านแม่กำปองจะต้องมาถ่ายรูปกัน
จะเห็นได้ว่าบ้านแม่กำปองเป็นหมู่บ้านที่ถูกรายล้อมด้วยต้นไม้อย่างอุดมสมบูรณ์
บรรยากาศดีจริง ๆ
จากร้านชมนกชมไม้ พี่ที่ร้านบอกว่าขับรถต่อขึ้นไปไม่ถึง 5 นาที ก็จะเจอ "น้ำตกแม่กำปอง" แล้วถ้าขับต่อไปอีกสัก 15-20 นาที ก็จะเจอ “จุดชมวิวกิ่วฝิ่น” อยู่ทางซ้าย แล้วถ้าขับต่อขึ้นไปอีกก็จะเป็น “ดอยม่อนล้าน” หน้าหนาวคนจะมากันเยอะ เพราะมีดอกพญาเสือโคร่ง
สงสัยเพราะเป็นเริ่ม ๆ หน้าฝน จากร้านชมนกชมไม้ขึ้นไปไม่มีรถเลยสักคัน ทางชันมาก โค้งหักศอก แต่ก็ยังใจกล้าขับไปต่อ ไม่นานนักเราก็ถึงจุดชมวิวกิ่วฝิ่น (1,400 กว่าเมตรจากระดับน้ำทะเล) อากาศตอนนั้นครึ้ม ๆ หน่อย เลยไม่เห็นวิวอะไรสักเท่าไร แต่โดยรวมก็คุ้ม เพราะอากาศสดชื่นเย็นสบาย ทำให้ได้ใส่เสื้อหนาวทั้ง ๆ ที่เป็นเดือนพฤษภาคม
ขากลับลงมาเพิ่งจะได้เห็นแจ้งว่าทางชันมากกกกกกก !!! ถ้าใครขับรถไม่แข็ง แนะนำว่าอย่าขับขึ้นไปเองนะคะ ขึ้นอะไม่ยากนัก แต่ขาลงอะถ้าไม่เลี้ยงดี ๆ เบรกไหม้แน่ ๆ เลย
ขาลงเราจะเจอน้ำตกแม่กำปองอยู่ทางขวามือ เงียบมากกกกก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน พอจอดรถเท่านั้นแหละ มีไกด์กิตติมศักดิ์มารอรับที่ประตูรถเลยยยยย อิอิ
ทางหมู่บ้านทำบันไดเป็นทางเดินเลียบน้ำตกแม่กำปองราว ๆ 500 เมตร ทางชันพอสมควร ตลอดทางเรามีไกด์กิตติมศักดิ์ตัวนี้วิ่งนำทางตลอด พอเราเดินช้าก็จะหันมามองแล้วหยุดรอ ^^ ด้านล่างสุดของน้ำตกแม่กำปองค่ะ
เดินต่อขึ้นมาอีกหน่อย แอ่งใหญ่เชียว น้ำงี้เย็นเฉียบอย่างน้ำในตู้เย็นเลย
ทางเดินจะเป็นทางเลียบผาน้ำตกไปเรื่อย ๆ บางช่วงก็ชันทีเดียว
เราเดินไปจนสุดทางที่เค้าอนุญาตให้เดินไปได้ ความจริงมันเดินไปได้อีก แต่ทางหมู่บ้านติดป้ายว่าห้ามเดินไปต่อเกินป้ายที่เค้าติดไว้ ไปกลับก็ใช้เวลาราว ๆ 30-40 นาที ค่ะ ^^ สิ่งที่ประทับใจจากการไปเยือนน้ำตกคราวนี้คือ...รู้สึกได้ถึงการดูแลธรรมชาติที่ดีของคนในชุมชน ที่นี่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วไทย คือตลอดทางที่ไปน้ำตกตามพื้นและโคนต้นไม้ไม่มีก้นบุหรี่เลยสักมวน ไม่มีเศษแก้วจากขวดเหล้า ไม่มีถุงขนมขบเคี้ยว แม้แต่ขยะซักชิ้นก็ไม่มีเลย !!! เราเกิดคำถามในใจนะว่าเขาดูแลกันยังไงเนี่ย น่าประทับใจชะมัดเลยยยยยย ^^
กลับลงมายังหมู่บ้าน...เราจอดรถข้าง ๆ กับร้านกาแฟที่ตั้งอยู่กลาง ๆ หมู่บ้านชื่อ ร้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง
ร้านนี้ล่ะที่เราได้พบกับพี่ที่ดูแลร้านที่ชื่อ "พี่อ้อ" ด้วยความที่เราไปวันธรรมดา พี่อ้อเลยมีเวลาคุยกับเราเต็มที่ เพราะที่ร้านคนไม่เยอะ เราคุยกับพี่อ้อเกือบชั่วโมง พี่อ้อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของหมู่บ้านให้เราฟังมากมาย ซึ่งทำให้เราประทับใจมากจนเราอยากจะเอาเรื่องของที่นี่มาเล่าต่อให้คนภายนอกได้รู้กัน
พี่อ้อเล่าว่า...บ้านแม่กำปองเกิดจากคนรุ่นก่อนขึ้นมาอยู่ทางนี้เพราะหาที่ทำกิน จนกลายมาเป็นชุมชนเล็ก ๆ กลางป่าเขาอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ เมื่อสิบกว่าปีก่อนพ่อหลวงคนเดิม ชื่อ พ่อหลวงพรมมินทร์ ได้คิดริเริ่มทำให้หมู่บ้านของเรากลายเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ สมัยก่อนทุกอย่างไม่ได้ราบเรียบแบบทุกวันนี้ มีอุปสรรคต่าง ๆ มากมายกว่าทุกอย่างจะลงตัวและเป็นระบบ แต่ทุกอย่างเกิดจากการร่วมด้วยช่วยกันของผู้คนในหมู่บ้าน ทำให้บ้านแม่กำปองกลายเป็นหมู่บ้านที่ได้รางวัลอย่างทุกวันนี้ ตัวพ่อหลวงพรมมินทร์เอง พี่อ้อบอกว่าเห็นแกดูธรรมดา ๆ แบบนี้ แกได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรในที่ต่าง ๆ จังหวัดต่าง ๆ อยู่เสมอ รวมถึงได้เชิญไปรับปริญญาโทจากมหาลัยฯ ด้วย
บ้านพักที่เป็นโฮมสเตย์มีทั้งหมด 20 หลัง ทุกหลังจะเป็นระบบคิว เพื่อเป็นการกระจายรายได้เสริมให้คนในชุมชน ก่อนที่จะเข้าโครงการได้จะมีเกณฑ์การทำให้ได้มาตรฐานด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องความสะอาด คนในหมู่บ้านเองก็จะมีกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มนวดแผนไทย กลุ่มทำหมอนใบชา ฯลฯ ซึ่งอย่างการนวดแผนไทยก็เป็นระบบคิวภายใต้แนวคิดเดียวกัน
การคุยกับพี่อ้อทำให้เราได้รู้ว่า ที่แท้พี่แหม่มที่ทำกับข้าวให้เราทานนั้น เป็นลูกพ่อหลวงพรมมินทร์คนดังนี่เอง ส่วนคุณแม่พี่แหม่มก็ภรรยาพ่อหลวง แล้วพี่แหม่มก็คือพี่สะใภ้พี่อ้อนี่เอง พี่อ้อบอกว่าคนที่นี่ก็เหมือนจะเป็นญาติกันหมด พี่อ้อยังเล่าอีกว่าคนที่นี่รักป่ารักธรรมชาติกันมาก บ้านเรือนพวกเราอยู่กลางหุบเขา ถ้าเราไม่มีต้นไม้ หน้าฝนเราคงโดนน้ำป่ากันหมด สำหรับพวกเราชาวแม่กำปองป่าถือเป็นของรักที่จะต้องหวงแหน แม้แต่ต้นไม้แค่ต้นเดียวเราก็ไม่สามารถตัดได้ มันผิดกฎของหมู่บ้าน
ถ้าสังเกตบ้านเรือนจะเห็นว่าบ้านที่สร้างสมัยก่อนจะติดลำธารเลย แต่ในปัจจุบันมีกฎห้ามสร้างบ้านติดลำธารแล้ว ถ้าคนนอกจะมาซื้อที่ในหมู่บ้านชาวบ้านจะต้องรับทราบและมีข้อตกลงก่อนว่าจะซื้อไปทำอะไร และต้องปฏิบัติตามกฎของหมู่บ้านอย่างเคร่งครัด ในหมู่บ้านจะมีเซ็นเตอร์ของ Flight of the Gibbon ที่เป็นกิจกรรมผจญภัยดัง ๆ
เราก็บอกพี่อ้อว่าประทับใจกับวิถีชีวิต ความสามัคคี ระบบที่ชัดเจน และความคิดดี ๆ ของพ่อหลวงพรมมินทร์และชาวบ้านมาก ๆ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าหมู่บ้านเชิงอนุรักษ์แบบนี้ พอมีกิจกรรมผจญภัยมีรถตู้เข้ามาตรงเซ็นเตอร์วันละหลาย ๆ คันแล้วรู้สึกว่ามันขัด ๆ ไม่เข้ากันกับวิถีชุมชน พี่อ้อก็อธิบายว่า Flight of the Gibbon เป็นของคนภายนอกก็จริง แต่เขาก็ช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับชุมชนของเราเราอย่างดี กิจกรรมฯ ของเขาที่มี 30 กว่าฐานก็อยู่ด้านล่าง ไม่ใช่ตรงหมู่บ้าน เขาเข้ามาในหมู่บ้านเพียงแค่มาลงทะเบียนอะไรต่าง ๆ ที่ศูนย์ฯ
แต่ที่สำคัญก็คือเขาทำให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านของเรามีงานทำ เด็กเกเรไม่เรียนหนังสือก็มีอยู่ ถ้าเขาไม่ทำงานที่นี่เขาก็คงหางานดี ๆ ไม่ได้ แต่บริษัทนี้เขาให้รายได้ที่ดีแก่คนในชุมชน และเขาก็อนุรักษ์ธรรมชาติอย่างที่พวกเราชาวบ้านทำ เป็นอะไรที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดสิบกว่าปีมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
เราก็ถึงได้เข้าใจ...นอกจากนี้หมู่บ้านยังมีระบบสหกรณ์อีกด้วย ซึ่งทุกครัวเรือนจะเป็นสมาชิก รายได้ต่าง ๆ จากการท่องเที่ยวที่หักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะเป็นรายได้ของสหกรณ์ ถ้ามีกำไรในทุกปีก็จะมีการจ่ายปันผลให้กับสมาชิก ณ จุดนี้จากที่คุยกันมาเกือบชั่วโมงเรารู้สึกได้ถึง "ความสามัคคี" ..."ระบบชุมชนที่แข็งแกร่ง" และ "การคิดดีเพื่อส่วนรวม" ของผู้คนที่นี่ ทุกอย่างที่พวกเขาทำ เขาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนถึงผลกระทบต่าง ๆ ทั้งแง่บวกและแง่ลบมาแล้วแทบทั้งนั้น
กลับมาเราเลยลองเสิร์ชเกี่ยวกับบ้านแม่กำปอง...และนี่คือสิ่งที่เราเจอ : mae-kampong.com
“การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะต้องเข้าใจในการอนุรักษ์ทรัพยากร เพราะการท่องเที่ยวแบบนี้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในชุมชนอย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวจึงต้องมีจิตสำนึกไม่ทำลายและช่วยอนุรักษ์ให้อยู่อย่างยั่งยืน” พ่อหลวงพรมมินทร์
"ผลสำคัญของการท่องเที่ยวคือทำให้ชาวบ้านมีรายได้ในการจุนเจือครอบครัวมากขึ้น จากการที่ชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจของตน เพื่อรับการอบรมพัฒนาอาชีพเสริมที่ผู้นำหมู่บ้านจัดขึ้น เช่น กลุ่มเครื่องเรือนไม้ไผ่ กลุ่มตีเหล็ก กลุ่มสมุนไพรพื้นบ้าน กลุ่มนวดแผนโบราณ กลุ่มดนตรีพื้นเมือง กลุ่มฟ้อนรำ กลุ่มไกด์ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ชา กาแฟ มันฝรั่งทอดกรอบ กลุ่มจักสานหมวก ตะกร้าใส่ไข่ ซึ่งทุกกลุ่มมีความเกี่ยวพันและเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวทั้งสิ้น"
"ทุกวันนี้ชาวบ้านแม่กำปองได้เข้าใจเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการบริหารจัดการในทุกด้าน รวมถึงรู้จักหน้าที่และบทบาทของตัวเองในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ตลอดจนการร่วมแรงร่วมใจกันในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อมิให้เกิดเป็นผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนเช่นในอดีตที่ผ่านมา" คือ...ประทับใจมากกกกกก !!!
เล่าซะยาวเลย !!! 555 ทีนี้มาดูบรรยากาศภายในหมู่บ้านกันนะคะ ถนนเส้นหลักและเส้นเดียวของบ้านแม่กำปอง มีบ้านเรือนน่ารักสองข้างทาง
เสื้อผ้าไม่ต้องมีเยอะ แต่งตัวกันง่าย ๆ สบาย ๆ
ที่นี่ไม่มีธนาคารมีแต่สหกรณ์เท่ ๆ อยู่กลางหมู่บ้าน
มีโรงอาหารสวย ๆ ในศูนย์การเรียนรู้ของหมู่บ้าน
ท็อปส์ เซเว่นฯ แฟมิลี่มาร์ท ที่นี่ไม่มีหรอกนะ มีแต่โชว์ห่วยคลาสสิก ๆ พร้อมโทรศัพท์หยอดเหรียญอยู่ด้านหน้า
คอนโด ตึกสูง สระว่ายน้ำ คนที่นี่เขาไม่ต้องการหรอกนะ เขามีบ้านไม้สุดเท่ พร้อมลำธารที่น้ำใสแจ๋ว ไหลตรงจากภูเขาให้เล่นได้ทุกวันอยู่แล้ว
เป็นไงซูเปอร์มาร์เก็ตขายผักของที่นี่น่ารักไหมล่ะ หลังคาใบไม้ มีวิวต้นกล้วยด้านหลังด้วย ตลาด/ซูเปอร์ฯ แบบในเมืองอะ ไม่จำเป็นหรอกนะที่นี่
ร้านอาหารตามสั่งเขาก็มีดีไซน์นะ เก๋ไหมล่ะ !!
พี่อ้อเล่าว่าที่นี่จะมีรถขายของด้วย จะเข้ามาที่แม่กำปองวันละ 2 ครั้ง เช้ากับเย็น ใครอยากได้ของอะไร อยากกินอะไรจากทางด้านล่างก็จะสั่งให้รถคันนี้ไปซื้อมาให้ ตอนเรากำลังจะออกจากหมู่บ้านช่วงเย็น รถมาพอดีเลยเป็นบุญตา 555
ผู้คนที่นี่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ พึ่งพาอาศัยธรรมชาติอย่างเป็นมิตรต่อกัน เหมือนเพื่อนแท้ของกันและกัน
ผู้คนในเมืองใหญ่มีความต้องการต่าง ๆ มากมายในชีวิตมากกว่าผู้คนในเมืองเล็ก ทั้งบ้าน รถ เสื้อผ้า มือถือ เครื่องประดับ ฯลฯ ในขณะที่ผู้คนที่นี่เขาอาจจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่เขาก็มีมากเพียงพอ เขาอยู่กับธรรมชาติ ใกล้ชิดกับญาติพี่น้อง นอนหลับสบาย กินอิ่มในทุก ๆ วัน
การมาที่นี่เรารู้สึกว่าเข้าใจวลีที่ว่า "น้อยนิด...แต่ยิ่งใหญ่มหาศาล" อย่างแท้จริง
ในแง่วัตถุ คนที่นี่อาจจะไม่ได้มีมาก แต่เขาก็มีเพียงพอ แต่ในแง่ที่ไม่ใช่วัตถุแล้ว คนที่นี่เขามีมากมายมหาศาลจริง ๆ เขามีลำธารให้เล่นแทนสระน้ำ มีป่าเขาแสนสวยสุดลูกหูลูกตา มีเสียงแมลงและเสียงน้ำไหลให้ได้ยินทุกคืน มีอากาศบริสุทธิ์พร้อมกลิ่นธรรมชาติที่พวกเราคนเมืองไม่มีโอกาสได้สูดดม สิ่งที่เรียบง่ายแบบนี้ บางทีมันกลับกลายเป็นอะไรที่หายากสำหรับคนที่อยู่ในเมือง
สำหรับเราแล้วสิ่งธรรมดาที่ไม่ธรรมดาแบบนี้แหละ คือสิ่งที่เราใฝ่หา มันเป็น ความสุขที่อิ่มอกอิ่มใจ แต๊ ๆ นา ^^
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะเจ้า ^^
ตอนแรกว่าจะจบแล้ว แต่มีคนบอกว่าควรลงรูปโครงการหลวงตีนตกที่ไปพักมาด้วย อะจัดให้ !!! 555 (แต่มีแต่รูปบรรยากาศนะ ไม่มีรูปในบ้านพักและพวกอาหาร ไม่ได้ถ่ายไว้อะ) ทางจากแม่กำปองมายังโครงการหลวงตีนตก เขียวตลอดทาง
ถึงแล้ววววว เราพักบ้านธารริน 7 บ้านหลังขวาสุด แถวล่าง
รูปนี้ถ่ายจากระเบียงหน้าห้องพัก บ้านพักที่นี่ไม่มีแอร์แต่ก็ไม่ร้อน
ระหว่างวันก็นั่งจุ่มขาแช่น้ำ เป็นลำธารสายเดียวกันกับที่บ้านแม่กำปอง เส้นทางน้ำไหลก็จาก...น้ำตกแม่กำปอง >> หมู่บ้านแม่กำปอง >> โครงการหลวงตีนตก
อีกสักนิด
อาหารเช้าที่นี่ไม่มีให้มากนัก มีข้าวต้มหมูสับเห็ดหอม+ขนมปังพร้อมแยมและเนย+ชา-กาแฟ ... มีแค่นี้นะ จบแล้วค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1555860 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก : Timmy Around The World