x close

เที่ยวกรุงเทพฯ แบบ One Day Trip สะพายกล้อง เดินท่องกรุง

          ชวนเที่ยวกรุงเทพฯ ย่านริมปม่น้ำเจ้าพระยา กับชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ทั้งชุมชนตลาดน้อย ชุมชนกุฎีจีน และปิดท้ายด้วยการกินข้าวชมพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา




          มีวันหยุดยาว ๆ หลายคนวางแผนเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกันอย่างคึกคัก แต่สำหรับใครที่ไม่อยากไปเบียดเสียดเจอผู้คนมากมาย เราจะมากระซิบบอกว่าอยู่กรุงเทพฯ ก็เที่ยวได้ค่ะ และยังไม่ต้องไปเจอกับฝูงมหาชน เที่ยวได้ภายในวันเดียว ที่สำคัญประหยัดงบด้วย เพราะเส้นทางที่เราจะมาแนะนำนี้เป็นการเดินเที่ยวกรุงเทพฯ และใช้เรือโดยสารเป็นหลัก ซึ่งแนวคิดนี้ก็เป็นแคมเปญสุดเก๋ที่ชื่อว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่ารัก จากนิตยสาร BAREFOOT ที่ต้องการนำเสนอกรุงเทพฯ ในมุมมองใหม่ วันนี้จึงขอปักหมุดไปที่ชุมชนตลาดน้อยและชุมชนกุฎีจีน ... แล้วกรุงเทพฯ จะน่ารักจริงหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์พร้อม ๆ กันเลยค่ะ






ที่เที่ยวกรุงเทพ

          จุดนัดพบของเราอยู่ที่ท่าเรือสี่พระยา อากาศยามเช้ากำลังเย็นสบายน่าเดินเที่ยวมาก ๆ เมื่อทุกคนพร้อม สองขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปยัง "ชุมชนตลาดน้อย" เมื่อเดินเข้าไปในย่านชุมชน กลิ่นไก่ย่าง หมูย่าง อาหารนานาชนิด ๆ ก็ลอยมาเตะจมูกทันที หันไปทางนั้นนั่นก็ไก่ทอด ตรงนู้นลูกชิ้นปิ้ง ตรงนั้นร้านอาหารตามสั่ง และอีกสารพัดอาหารรอบกาย...เดี๋ยว ๆ ต้องรีบดึงสติกลับมาค่ะ เพราะเราจะต้องไป "วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)" กัน

ที่เที่ยวกรุงเทพ




          วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) เป็นวัดคาทอลิกเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของที่นี่ก็คือโบสถ์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค ภายในตกแต่งอย่างงดงามและโออ่า ให้ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมนตร์เสน่ห์ที่ทำให้ที่นี่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

ที่เที่ยวกรุงเทพ



          อีกหนึ่งสิ่งที่พิเศษมาก ๆ สำหรับการเริ่มต้นทริปนี้ก็คือพวกเรามีโอกาสได้เข้าชม "รูปพระตาย" ซึ่งเป็นรูปพระศพของพระเยซู สร้างขึ้นจากไม้แกะสลักอายุหลายร้อยปี จะไม่ได้เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชม ในหนึ่งปีจะมีการนำรูปพระตายนี้ออกมาแห่ไปรอบหมู่บ้านในวันศุกร์พระตาย หรือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น (วันศุกร์พระตายหรือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ คือวันศุกร์ก่อนวันอีสเตอร์ในศาสนาคริสต์)







          จากวัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) เดินเลี้ยวซ้ายออกมาอีกนิด เดินเข้าชุมชนไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นบ้านเรือนเก่าแก่ ร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ไกด์เล่าให้เราฟังว่าแถวนี้ในสมัยก่อนจะเรียกว่าตลาดน้อย ส่วนตลาดใหญ่ก็คือตลาดสำเพ็งนั่นเอง 











          จุดหมายที่ต่อไปคือ "ศาลเจ้าโจวซือกง" แต่ระหว่างทางเดินไปยังศาลเจ้าโจวซือกง เราได้พบเจอกับสิ่งที่น่าประทับใจตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดแนวสตรีทอาร์ตบนฝาผนังกำแพงเก๋ ๆ รถขายไอศกรีมโบราณ อาม่าผู้อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส ศาลเจ้าฮ้อนหว่อง รถโฟล์คโบราณ และอีกมากมายที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดทั้งวัน

ที่เที่ยวกรุงเทพ



          สำหรับศาลเจ้าโจวซือกงเป็นศาลเจ้าของคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน ซึ่งมีอายุมากกว่า 200 ปี ภายในเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระอริยสงฆ์ ก็คือ "หลวงปู่โจวซือก๋ง" มีการออกแบบอาคารที่สวยงามตามธรรมเนียมจีนครบถ้วน ด้านหน้าหันไปทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่จึงกลายเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง

ที่เที่ยวกรุงเทพ



        
          เมื่อมาถึงชุมชนตลาดน้อยก็ต้องไปพลาดเรื่องกินค่ะ เมนูอาหารกลางวันในวันนี้เราจึงไปฝากท้องกันที่ร้านเป็ดตุ๋นเจ้าท่า ซึ่งเป็นร้านอาหารเก่าแก่ แน่นอนว่าเมนูที่ขึ้นชื่อก็คือเป็ดตุ๋นนั่นเอง เนื้อเป็ดจะนุ่ม หอมกลิ่นน้ำซุปที่ใช้ตุ๋น เมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มยิ่งอร่อย วางตะเกียบกันไม่ลงเลยทีเดียว อีกหนึ่งเมนูที่ทำให้เราติดใจมาก ๆ ก็คือหมี่ผัดผักกระเฉด รสชาติเผ็ดนิด ๆ กลิ่นหอมฉุย อร่อยแบบนี้เลยต้องลุยกินจนเกลี้ยงจานเลยค่ะ

ที่เที่ยวกรุงเทพ





          ขยับออกมาจากชุมชนตลาดน้อยมองไปที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าเรือคลองสาน ตรงนั้นมีของดีรอเราอยู่ค่ะ จ่ายค่าเรือข้ามฟากเสร็จเรียบร้อย รอเรือมารับแล้วข้ามไปยังท่าเรือคลองสาน เดินผ่านตลาดออกไป ก่อนจะเลี้ยวขวาตรงแยกแรก เพื่อไปเยือนพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงสุดชิค The Jam Factory ซึ่งที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายหนังสือ ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านสุดเก๋ และอื่น ๆ อีกมากมาย 
          


          เมื่อกลางวันรับประทานแต่ของคาว พุงก็ยังไม่เต็ม เลยอัด Library Waffle เข้าไป พร้อมกับเครื่องดื่มเย็น ๆ บ่ายนี้มันช่างฟินจริง ๆ :)

          หลังจากอิ่มท้องเราจะปล่อยให้ตาหลับไม่ได้ ข้ามฟากกลับมาที่ท่าเรือกรมท่า เพื่อนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปเที่ยวชุมชนกุฎีจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยชาวบ้านในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างของทั้ง 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม

ที่เที่ยวกรุงเทพ





          ที่แรกที่เราจะไปตะลุยในชุมชนกุฎีจีนก็คือ "วัดซางตาครู้ส" เป็นวัดคาทอลิก มีสถาปัตยกรรมแบบเรเนอซองส์ ผสมผสานกับศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ภายในตกแต่งอย่างงดงาม 



          และที่นี่ก็มีสิ่งพิเศษให้เราได้ชมอีกเช่นกัน นั่นก็คือ "ระฆังโบราณ" ที่มีอายุหลายร้อยปี โดยในวันสำคัญจะมีการตีระฆังบรรเลงเป็นเพลงต่าง ๆ ซึ่งการตีระฆังนี้จะทำเฉพาะในโอกาสสำคัญเท่านั้น ปัจจุบันมีเพียง คุณเล็ก ปฏิภาณ สมาชิกในชุมชนกุฏีจีน ที่สามารถบรรเลงเพลงจากระฆังนี้ได้



          จากโบสถ์ซางตาครู้สเราเดินเล่นเข้าไปในชุมชน เริ่มต้นที่ซอย 3 มีร้านขายขนมเจ้าอร่อย ซึ่งมีทั้งขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมกุสรัง ขนมกวยตัส และขนมหน้านวลจำหน่าย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นขนมของคนท้องถิ่น ที่มีการทำขายมายาวนาน รสชาติจะหอมหวานตามสูตรดั้งเดิมแท้





          เราเดินเข้าไปในชุมชนเรื่อย ๆ จะเห็นว่าบ้านเรือนต่าง ๆ เริ่มที่จะตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยสิ่งของน่ารัก ๆ เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง บริเวณกำแพงก็มีภาพวาดแนวสตรีทอาร์ตของเด็ก ๆ ในชุมชน ให้ได้ถ่ายรูปกันแบบเก๋ ๆ 



          หากใครเดินจนเหนื่อย บริเวณด้านหน้าวัดซางตาครู้สก็มีร้านกาแฟเล็ก ๆ เปิดให้บริการ สามารถมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเพลิน ๆ อีกด้วย

ที่เที่ยวกรุงเทพ





          มาเดินเที่ยวกุฎีจีนแล้วจะพลาดไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของย่านชุมชนเก่าแก่แห่งนี้ได้อย่างไร เราจึงเดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเลี้ยวเข้าสู่ศาลเจ้าแม่กวนอิม (กวนอันเก๋ง) ซึ่งทันทีที่ได้เห็นสถาปัตยกรรมก็ต้องบอกว่าสวยงามมาก ด้วยตัวอาคารบางส่วนนั้นเป็นไม้แกะสลักเก่าแก่ที่มีลวดลายอ่อนช้อยสวยงามตามแบบศิลปะจีน ภายในยังเงียบสงบ บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ บริเวณรอบ ๆ ศาลเจ้ามีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น ได้รับการดูแลอย่างดี สะอาดสะอ้าน เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังหาสักสถานที่เพื่อทำบุญขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สงบจิตใจ

ที่เที่ยวกรุงเทพ



          สถานที่สุดท้ายของวันนี้ก่อนที่จะไปรับประทานอาหารมื้อเย็น ก็คือ "วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร" พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร ภายในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาดใหญ่ และมีสีเหลืองทองอร่ามตา ดูศักดิ์สิทธิ์ สงบเยือกเย็น ได้ทำบุญกันไปหัวใจก็อิ่มเอิบกันถ้วนหน้า

ที่เที่ยวกรุงเทพ



          มื้อเย็นในวันนี้เราขอดื่มด่ำกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาและอาหารไทยแบบฟิวชั่นกันที่ร้านอาหาร Mango Tree on the River ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการยอดพิมาน ริเวอร์ วอร์ค จากร้านอาหารสามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา วัดกัลยาณมิตร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พร้อมทั้งบ้านเรือนชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน เป็นการปิดท้ายทริปเดินเที่ยวกรุงเทพ (Bangkok Walking Tour) ที่น่าประทับใจสุด ๆ



          เห็นไหมคะความสุขอยู่รอบตัวเราเลย เพียงแค่ลองมองให้รอบ ๆ ไม่ต้องมองไปไกล เราก็จะพบว่าความสุขอยู่ใกล้แค่นี้นี่เอง เฉกเช่นทริปเดินเที่ยวกรุงเทพฯ เป็นทริปง่าย ๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อม ก็ทำให้เราเก็บความสุขมาใส่ชีวิตได้กระบุงเบ้อเริ่มแล้วค่ะ ออกไปเที่ยวกรุงเทพฯ กันนะคะ :)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
rosary.catholic.or.th
www.catholic.or.th
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวกรุงเทพฯ แบบ One Day Trip สะพายกล้อง เดินท่องกรุง อัปเดตล่าสุด 2 ธันวาคม 2563 เวลา 10:09:38 33,213 อ่าน
TOP