x close

จากโลว์คอสต์สู่เฟิร์สคลาส กับประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้สัมผัส

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ MADE IN BROOKLYN สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปชมอีกหนึ่งบันทึกการเดินทางที่บอกเล่าประสบการณ์การเดินทางโดยสารเครื่องบินของ คุณ MADE IN BROOKLYN สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กับ FIRST CLASS FIRST TIME : จากโลว์คอสต์สู่เฟิร์สคลาสกันค่ะ นั่นแน่ ! สงสัยกันละสิว่ามันจะมีอะไรพิเศษตรงไหน...แค่นั่งเครื่องบิน ? ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นเพียงแค่การนั่งเครื่องบินระดับ First Class ครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่ทำให้หลาย ๆ คนอมยิ้มเมื่ออ่านจบแน่นอน เพราะได้พบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างการเดินทาง พร้อมกับนำมาบอกเล่าได้อย่างสนุกสนาน อ๊ะ ๆ ขอออกตัวก่อนนะคะว่ารีวิวนี้เป็นเพียงแค่การนำเสนออีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ ในการนั่งเครื่องบินเท่านั้นนะคะ ^__^

+++++++++++++++++++++

          นี่คงไม่ใช่กระทู้พาชมการนั่งเครื่องบินระดับ First Class กระทู้แรกของพันทิป แต่นี่คือรีวิวแรกที่มาจากความรู้สึกของคนเขียนไม่เคยก้าวเท้าไปไกลกว่าการนั่งชั้นประหยัด ผู้อ่านทุกท่านโปรดจินตนาการไปพร้อม ๆ กัน ท่านที่ทั้งชาติอาจจะย่างเท้าไม่เกินระดับ Economy ทั้งปีอาจจะไม่เคยได้สัมผัสอะไรนอกจากการบิน Air Asia ใช่แล้วครับ Background ของคุณไม่ต่างอะไรกับผมเลย 555555555555555

          ก่อนหน้านี้ผมมีความคิดมาตลอด และหลาย ๆ ท่านก็คงคิดเหมือนกัน คือเป็นความคิดแบบองุ่นเปรี้ยว มีรายการดังต่อไปนี้

          "การเดินทางก็คือแค่การเดินทาง จุดหมายปลายทางสิสำคัญกว่า นั่งอะไรก็ได้ขอให้มันไปถึงไว ๆ"

          "นั่งแพง ๆ ไปทำไม ถึงจุดหมายก็พอ เก็บตังค์ไว้ช้อปดีกว่า"

          "ถ้าเครื่องตกมันก็ตายหมดเหมือนกัน อีพวกนั่ง First Class อยู่หัวเครื่องตายก่อนเพื่อนเลย คริคริ"

          "รวยอย่างเดียวไม่พอต้องโง่ด้วย"

          ครับ...มีใครให้อย่างอื่นมากกว่านี้ไหมครับ

          จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปีผมได้มีโอกาสเดินทางไปฮ่องกงเป็นครั้งแรก..และที่สำคัญกว่า คือ เป็นการเดินทางด้วยเฟิร์สคลาสเป็นครั้งแรก !!!

          คุณพระ ! พูดตรง ๆ ชาตินี้ยังไม่เคยคิดจะนั่ง Business Class ซะด้วยซ้ำ อยู่ดี ๆ มีโอกาสได้นั่ง Royal First ของการบินไทย เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีแลกไมล์ซื้อตั๋วให้ในราคาที่เรียกว่าจ่ายแล้วพอ ๆ กับตั๋วปกติเลย และนั่นเป็นที่มาที่ทุกอย่างในทริปนี้เริ่มต้นด้วยคำว่า..."เอาวะ ครั้งหนึ่งในชีวิต"

          เกริ่นมานานพอแล้ว มาที่วันเดินทางเลยแล้วกัน

          ไฟลท์ขาไปตามกำหนดการ คือ เครื่องออก 8 โมงเช้า แต่ไฟลท์ดีเลย์เป็น 08.50 น. เลยมีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศไฮโซมากขึ้นมาหน่อย คนเราปกติคงไม่มีใครอยากจะไปนั่งรอสนามบินนาน ๆ แต่นี่ระดับเฟิร์สคลาส จากที่อ่านรีวิวมาพบว่ามีสิทธิพิเศษและคุณประโยชน์มากมายให้ท่านเลือกจนหนำใจ ด้วยความเห่อ…ผู้เขียนจึงไปถึงสนามบินตั้งแต่ตีห้าครึ่ง !!

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ปกติเวลาเราจะขึ้นเครื่อง โหลดกระเป๋า เราก็จะไปต่อแถวตรงเคาน์เตอร์แถวยาวเหยียด แยกกันไปตามแต่ละสายการบิน แต่ครั้งนี้เวลาลงตรงอาคารผู้โดยสายขาออก ประตู A ซึ่งเปิดเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับเฉพาะผู้โดยสารชั้น Business และ First เท่านั้น โดยถ้าจำไม่ผิดผู้โดยสาร Business Class นี่จะมีเป็นเคาน์เตอร์ที่ดูไฮโซกว่าปกตินิดหนึ่งให้เช็กอิน แต่ถ้าเป็น First Class จะมีเจ้าหน้าที่มาต้อนเราผ่านศาลาทองคำเข้าไปในโซนลับเข้าไปในโซนรับรอง

          ถึงบริเวณต้อนรับครับ เรียกว่าเหมือนยกเคาน์เตอร์มาให้บริการเราแค่คนเดียว เพราะมีทุกอย่างพร้อม ตั้งแต่พนักงานยกกระเป๋า ตาชั่งน้ำหนัก เจ้าหน้าที่เช็กอิน โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจาก...นั่งเฉย ๆ แต่ยังไม่ทันทำอะไรทุกอย่างก็เสร็จอย่างรวดเร็ว "ทุกนาทีมีค่าและเวลาเป็นเงินเป็นทอง" คงจะใช้อธิบายการใช้บริการเฟิร์สคลาสได้ตั้งแต่ก้าวแรก เพราะทุกอย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย เพราะผู้ใช้บริการเฟิร์สคลาสประจำคงเป็นคนที่ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการใช้เครื่องต่อแถวร่วมกับคนอีกมาก ซึ่งในฐานะคนที่ปกติต้องลากกระเป๋าใบโต ๆ ข้ามทวีป แบกตั้งแต่ลงจากจุดจอดแท็กซี่จนแทบจะโยนเข้าสายพานไปเกยตาชั่งให้เจ้าหน้าที่ สำหรับเฟิร์สคลาสตั้งแต่ก้าวเข้าศาลาทองคำของเฟิร์สคลาสมา เราไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากนั่ง และตอบว่า "ครับ" พนักงานเดินมารับพาสปอร์ต พนักงานทำการตรวจเช็กเอกสาร พนักงานเขียนใบขาออกให้ทุกบรรทัด พร้อมทั้งเขียนใบขาเข้ามาให้ด้วย โดยที่เราแค่ขยับมือจรดลายเซ็นพอเป็นพิธี



          หลังจากที่ขั้นตอนการเช็กอินเสร็จสรรพ คุณเจ้าหน้าที่ก็พาเราเดินไปพื้นที่ข้างหลัง ตอนแรกนึกว่าจะเดินไปไหนต่อ ช็อกรอบที่ 2 คือ การบินไทยนางยกเคาน์เตอร์ ตม. แถวพิเศษ มาไว้หลังพื้นที่ First Class !!!!!!!!!!! (พื้นที่ตรงนี้ห้ามถ่ายรูปนะครับ เลยไม่มีบรรยากาศมาฝาก) ปกติเวลาเราจะเดินทางออกนอกประเทศเราต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน แล้วก็ลงมาชั้นล่างอีกทีเพื่อต่อแถวพร้อมทั้งโบกมือลาญาติพี่น้องที่มาส่งผ่านกระจกใส ๆ ว่า หนูจะไปแล้วนะ พร้อมทั้งไปต่อแถวยาวเหยียดแย่งกับประชากรอีกล้านแปด

          สำหรับเฟิร์สคลาสมีอยู่ 2 เคาน์เตอร์สวย ๆ ที่เปิดมาเพื่อตรวจผู้โดยสารชั้นพิเศษเท่านั้น แน่นอนระหว่างทุกขั้นตอนจะมีคุณเจ้าหน้าที่จากเคาน์เตอร์เช็กอินเดินมาประกบเราตลอดเวลา (ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่เดินมาส่ง+ให้กำลังใจ+ให้เรารู้สึกไฮโซเล่น ๆ แค่นั้นเอง)

          หลังจากที่ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้า (ออกจาก) เมือง เราจะต้องเจอกับด่านที่ต้องแก้ผ้าและโยนของเพื่อตรวจอาวุธและของเหลว ในขณะที่เฟิร์สคลาส ทั้งเครื่องและเจ้าหน้าที่เขายกมาเพื่อบริการเราคนเดียวเท่านั้น และที่เราต้องเดินกันอีกยาวไกลเพื่อไปยังเกท ผ่านพวกดิวตี้ฟรี ผ่านร้านอาหารต่าง ๆ หลังจากที่เราออกจากการตรวจสิ่งของ ก็มีรถคันเล็ก ๆ ขับมารอเราพร้อมบริการรับส่งไปถึงเลานจ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งสำหรับทางนี้วิ่งอยู่ในเลนพิเศษตรงจากด่าน ตม. ไปจนถึงเลานจ์โดยตรงเลย ระหว่างทางก็จะมีเสียงปี๊บ ๆๆๆ เพื่อบอกให้คนที่เดินอยู่หลบไป

          พอไปถึงเลานจ์เจ้าหน้าที่จะถามหา Boarding Pass ว่าอ๊ะ ๆ เราจะมาตีมึนเหมือนกินเลี้ยงโต๊ะจีนงานแต่งไม่ได้นะจ๊ะ คนที่ใช้บริการได้ต้องเป็นผู้โดยสารมีคลาสเท่านั้น...ห้ามมโน

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          (จากรูปสังเกตจากเวลาว่าเช้ามาก….ไฟลท์ออก 9 โมง ^__^)

          พนักงานในชุดไทยมาเดินประกบเราตั้งแต่เช้า บางทีแม็คก็สงสัยเหมือนกันนะว่ากว่าจะอาบน้ำแต่งหน้าทำผม น้องเขาได้นอนบ้างหรือเปล่า นางก็จะพาเราไปยังห้องส่วนตัวเพื่อรับประทานอาหารเช้า ซึ่งถ้าเป็น Royal Silk (Business Class) เข้าใจว่าจะเป็นโต๊ะแยกเฉย ๆ แต่ระดับ First Class พนักงานจะอัญเชิญเราเดินเข้าไปในห้องพิเศษ มีคอมพิวเตอร์ มีสมาร์ททีวีให้ใช้

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ทันทีที่เข้ามาพนักงานจะมาเสิร์ฟเครื่องดื่มกับผลไม้ชุดเล็ก ๆ ก่อนที่จะถามว่ารับอาหารเช้าเป็นอะไรดี หลังจากที่เราสั่งอาหารเช้าไป โจ๊กหมูร้อน ๆ น้ำส้ม และปาท่องโก๋ (มาพร้อมนมข้น รู้ insight คนไทยมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องขอ) ก็มาเสิร์ฟ โดยพนักงานในชุดไทยผ้าไหมกระโปรงยาวก็คลานเข่ามาเสิร์ฟ จนหลังจากการแทะปาท่องโก๋กรุบกรับ ๆๆๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าเราเริ่มไม่มีมารยาทขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับคนที่นี่ทุกคน

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          กินเสร็จนั่งสักพักก็ถึงเวลาทำการของลำไส้ เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ คุณผู้ชมครับ ลืมภาพห้องน้ำสาธารณะในสนามบินแคบ ๆ เล็ก ๆ กลิ่นแปลก ๆ ไปได้เลย เพราะแค่ห้องน้ำอย่างเดียวก็ใหญ่กว่าห้องพักสมัยผมอยู่นิวยอร์กแล้ว/ปาดน้ำตา/

          สำหรับห้องน้ำผู้ชายจะไม่มีโถเรียงราย เพราะจะมีห้องน้ำส่วนตัวแบบนี้ติด ๆ กันประมาณ 6 ห้อง แต่ละห้องมีทั้งชักโครก โถ อ่างล้างมือพร้อมผ้าเช็ดมือที่พับมาสวยจนไม่กล้าแกะมาใช้อะ...เกรงใจ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          หลังจากที่ทานอาหารเช้าจนอิ่มละ เวลาของเรายังเหลือ พนักงานเลยถามว่าจะนวดไทยไหมคะยังพอมีเวลาเหลืออยู่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในบริการของเฟิร์สคลาส มีหรือจะพลาด แล้วพนักงานก็นำเราไปยังโซน Spa ซึ่งก็มีพนักงานนวดยืนรอสวัสดีเราตั้งแต่ทางเข้า ความช็อกรอบที่ 3 เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเปิดประตูเข้าไปยังห้องนวด ในหัวมีเสียงอุทานเป็นชื่อสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งยาวมากกกกกกกก เพราะแค่เฉพาะห้องนวดก็ใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านอีก T T

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          หลังจากนวดเสร็จก็จะมีห้องรับรองให้นั่งพักจิบน้ำผลไม้หรืออ่านหนังสือพิมพ์โดยที่เราไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะพนักงานก็จะคอยดูให้เวลาว่าถึงเวลาที่เราจะทำการ Boarding หรือยัง โดยปกติชั้นประหยัดเราต้องไปถึงเกทประมาณ 30 นาที ก่อนเครื่องออกเพื่อแย่งกันเข้าที่นั่งและโยนของขึ้น Overhead Bin แต่ First Class ระบุไว้ในบอร์ดดิ้งพาสว่าให้เราไปถึงแค่ 10 นาที ก่อนเวลาก็พอ และแน่นอนครับไม่ต้องเดินเผาผลาญพลังงานแต่อย่างใด มีรถรับ-ส่งมารอถึงหน้าเลาจน์อีกเช่นกัน

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ถึงแม้จะ Board ด้วยประตูเดียวกัน แต่ไม่ต้องกลัวจะเกลือกกลั้วไปใช้ทางเดินร่วมกับผู้โดยสารท่านอื่น เพราะ First Class จะขึ้นไปนั่งบนชั้นสอง (A380 เครื่องมี 2 ชั้น โดย First และ Business จะอยู่ชั้นบนครับ) โล่ง ๆ สบายแน่นอนครับ ทุกขั้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาต้อน...เอ่อ อำนวยความสะดวกจนถึงที่นั่ง

          มาถึงประตูทางเข้าที่ปกติจะมีแอร์และสจวร์ดมายืนต้อนรับ นี่ก็มีเหมือนกันครับ แต่ด้วยความสัตย์จริง ความคิดแรกที่เกิดขึ้น คือ ทำไมแอร์แก่จัง พนักงานต้อนรับน่าจะดูมีประสบการณ์และอายุมากกว่าชั้นประหยัดหลายรอบอยู่ อันนี้พอเข้าใจเพราะเคยได้ยินมาว่ายิ่งชั้นที่นั่งไฮโซเท่าไร ลูกเรือที่ให้บริการต้องมืออาชีพมากขึ้นเท่านั้น ไม่ปล่อยให้เด็ก ๆ เข้าไปให้บริการแน่นอน วันดีคืนดีมีทั้งนักการเมือง คุณหญิงคุณนายโดยสาร พวกแกอยู่ดี ๆ อาจจะร้องหาอยากกินน้ำเต้าหู้ผสมงาดำคั่วบดสดใหม่จากตลาด อตก. ก็ต้องอาศัยแอร์รุ่นเดอะที่มีประสบการณ์เนี่ยแหละเข้าไปรับมือ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          เอาล่ะครับปัญหาที่สองมาแล้วครับ จากเบาะที่นั่งเนี่ยแหละ ทั้งปีทั้งชาติขึ้นเครื่องบินพอได้เข้าไปในตัวเครื่อง เราก็จะรีบ ๆ แย่งอาเจ็กอาอึ้มร่วมการเดินทางเพื่อโยน Carry on อันแน่นปริเข้าไปเก็บให้ได้ไวที่สุด แต่พอมาเป็นเฟิร์สคลาสครับ ฮิปหาย ไม่มีแม้แต่กระทั่งช่องเก็บของบนหัว เท่านั้นยังไม่พอ พอไปถึงที่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกครับ เพราะ Space มันเยอะมากจนรู้สึกว่ามันโหรง ๆ ผิดจากชั้นประหยัดที่ปกตินั่งเป็นประจำ เลยไม่รู้ว่า เอ...แล้วจะต้องทำอะไรต่อดี - -"

          มาถึงจะพบวัตถุต้องสงสัย 3 อย่างครับ เป็นหมอนสองใบและผ้าห่มอีก 1 ผืน เบาะก็เหมือนกับเบาะทั่วไปเนี่ยแหละครับ แต่จะสามารถปรับพนักเก้าอี้ได้ด้วยระบบไฟฟ้าในท่าทางทั้งนอนราบ นอนพิงอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือนั่งกินข้าวแบบสบาย ๆ และจะกว้างว่าเก้าอี้ชั้น Economy พอสมควร ด้านหน้าอีกไกล ๆ จะเป็นทีวี ลืมภาพทีวีหนวดกุ้งไซส์ 7 นิ้ว ที่ติดบนเบาะไปได้เลย เพราะจอทีวีของ First Class ใหญ่กว่าคอมพิวเตอร์ที่ผมกำลังนั่งพิมพ์กระทู้นี้อยู่อีก  T T

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          แต่ยังไม่ทันจะได้สำรวจอะไรมากมาย คุณพนักงานต้อนรับก็รีบเข้าชาร์จพร้อมถามว่ารับอะไรดีคะ เรียกว่าเครื่องยังไม่ทันจะสตาร์ทเราก็มีเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟกันแล้ว โชคดีของการมีความช่างสังเกต เพราะพนักงานแอบถามคำถามนี้กับผู้โดยสารท่านอื่นแล้วเฮียเบาะข้าง ๆ บอกว่า "ผมขอดอมครับ"

          แต่หลังจากที่ได้ยิน ดอม................ดอมอะไรวะ แต่นั่นแหละครับ ด้วยความไม่รู้แต่เราจะแสดงความซื่อบื้อไม่ได้ครับเดี๋ยวไก่ตื่น 555555555 ก่อนจะตอบเราก็ยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหันขวา 45 องศา กลับไปตอบว่า "อ๋อ งั้นผมขอดอมครับ" พร้อมกับทำตัวให้ดูยุ่ง ๆ เหมือนมีบีซี่ไลฟ์สไตล์ตลอดเวลา เราก็รีพีทประโยคดังกล่าวไปให้พนักงานไปสรรหามาซะ จะได้รู้สักทีว่าดอมดมอะไรนี่มันเป็นยังไง

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          แล้วดอมเจ้าปัญหาก็มาครับ ดอมของแอร์ย่อมาจาก ดอมพริยง หรือ Dom Pérignon นั่นเอง ซึ่งถามว่าคืออะไร ความรู้เดียวที่ตอบได้คือเป็นแชมเปญหรูหรา (อยากรู้ก็เชิญกูเกิลเลยฮะ) เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำเปล่าแก้วกระจิริด นางก็จะนำเครื่องดื่มมาวางและเสิร์ฟสวย ๆ ตรงข้างที่วางแขนนั่นเอง และในที่สุดเราก็ค้นพบแล้วว่าที่เก็บของเหนือหัวที่เคยอยู่ในชั้นประหยัดมันหายไปไหน ปรากฏว่ามันมาเป็นกล่องสมบัติส่วนตัวข้าง ๆ นี่เอง O_O

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          หลังจากแก้วแรกไม่ทันกินหมด แอร์ก็นำเมนูมาเสิร์ฟ แต่เป็นเมนูเฉพาะเครื่องดื่มไฮโซเท่านั้นว่าจะรับน้ำอะไรดีคะ ส่วนอาหารเนื่องจากจองตั๋ว First Class อีกหนึ่งความเหนือคือสามารถออร์เดอร์เมนูพิเศษล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบกินอาหารฝรั่ง เมนูที่สั่งจำได้ลาง ๆ ว่าคือแกงเผ็ดเป็ดย่างเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย แต่กว่าจะผ่านไปถึง Main Course นั้นไม่ง่ายนัก แอร์จะทำการตัดกำลังเราด้วยสารพัดของกินที่ยังไงก็กินไม่หมดหรอก (ในขณะที่ผู้โดยสารชั้นประหยัดอย่างเรา ๆ จะคอยถามว่ามีอย่างอื่นนอกจากข้าวกล่องแช่เย็นนี้ไหมคะ TvT)

          เริ่มต้นด้วยการกินพอเป็นพิธีแบบ Breakfast ครับ เริ่มต้นพนักงานจะนำขนมปังมาเสิร์ฟที่นั่งละ 1 ตะกร้า พร้อมกับเนย และชุดช้อนส้อมสำหรับใช้ชิ้นละ 1 หน้าที่ มีดทาเนย…มีดหั่นขนมปังออกเป็นสองซีก…มีดบากรอยแอปเปิลให้พอดีกับองศาการกัด เป็นต้น ตามมาด้วยคอร์นเฟลกใส่นมเหมือนกับกินตามอาหารเช้าโรงแรมทุกประการ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ตามมาด้วยผลไม้ครับ อันนี้ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะระดับนี้จะเสิร์ฟมาเป็นถุงไม้เสียบเหมือนรถเข็นก็ใช่ที่ แต่เรียกได้ว่าอยู่บนเครื่องบินยังมีเวลามานั่งจัดสวยงามขนาดนี้ก็ต้องขอชื่นชมไปตามที่เห็นครับ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          และอาหารที่เราออร์เดอร์ไปก่อนขึ้นออกเดินทางก็มาแล้วครับ แต่มันไม่ได้มาแค่ข้าวราดผัดเป็ด ความรู้สึกคือเหมือนกับเรานัดเดทกับใครสักคนไปกินข้าวกัน แล้วอีกฝั่งพาญาติมาร่วมวงประมาณนั้นเลย ซึ่งต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้เราซัดมาแล้วทั้งโจ๊ก ปาท่องโก๋ คอร์นเฟลก ขนมปัง และอาหารชุดใหญ่ขนาดนี้ไม่อิ่มให้มันรู้ไป

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ทั้งเซตนี่คือสำหรับผู้โดยสาร 1 ท่านเท่านั้นครับ ดูรูปแล้วอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ! ก็ดูเหมือนร้านอาหารธรรมดา แต่อย่าลืมนะครับว่านี่เรากำลังทานข้าวอยู่บนเครื่องบิน (ที่ปกติจะได้กินแค่อาหารแช่เย็นอุ่นร้อนแล้วก็ยังเย็นในกล่องพลาสติก)

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          มาที่อีกไฮไลท์เด็ดของ First Class ครับ นั่นก็คือ ห้องน้ำ ต้องบอกก่อนว่าข้าง ๆ ห้องน้ำจะมีพื้นที่ที่เป็น Common Area ที่ผู้โดยสารสามารถเดินมานั่งเล่น (ถ้าเบื่อเตียงไฮโซของท่าน) โดยจะมีหนังสือมากมาย และโซฟาอีกสองสามตัว แต่พอดีกำลังแฮปปี้กับที่นั่งของตัวเองเลยไม่ได้สนใจมากนัก

          ห้องน้ำเครื่องบินที่เราเคยใช้บริการกันส่วนใหญ่พื้นที่จะมีขนาดเล็กมาก เรียกว่าอ้วน ๆ เข้าไปนี่จะเข้าออกทีต้องเบียดตัวสุดชีวิต ความคิดแรกหลังจากที่เปิดประตูเข้าห้องน้ำคือ "ให้มานั่งในนี้ตลอดทั้งไฟลท์แทนยังได้ !!!" คือในห้องน้ำจะมีพื้นที่ที่เป็นเบาะกับกระจกใบใหญ่ คาดว่าน่าจะเอาไว้แต่งหน้าทำผมแต่งตัว ถัดมาคือพื้นที่ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกเป็นแบบพับเก็บได้ และอีกซีกหนึ่งจะเป็นชักโครกครับ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          รูปตรงชักโครกไม่ได้ถ่ายมา ขอยืมรูปจากกระทู้นี้นะครับ http://pantip.com/topic/31594779

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ระหว่างไฟลท์ก็กลับมานั่งดูซีรีส์ผ่านทีวี สำหรับหูฟังที่ปกติเราจะได้เป็นหูฟังจิ้มหูธรรมดา แต่หูฟังวางบนที่นั่งนี่เป็นหูฟังแบบครอบครับ สบายและเสียงดีกว่าที่เคยมาก ๆ และมีเรื่องหนึ่งสำหรับชั้นเฟิร์สคลาส ก็คือ กระจกจะอยู่ถัดไปจากกล่องเก็บของอีก ทำให้ไม่สามารถเอาหน้าแนบกระจกดูวิวข้างนอกชัด ๆ ได้

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          ก่อนเครื่องจะลงพนักงานต้อนรับจะเดินแจกดอกกล้วยไม้ให้ผู้โดยสารชาวต่างชาติคนละ 1 ก้าน (ก้านจริง ๆ ครับ บางทีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะดีใจไหม เวลาเดินลงก็แบกแท่งม่วง ๆ ไปด้วย) ส่วนผู้โดยสารชาวไทย เขาจะลงมานั่งย่อตัวคุกเข่าข้าง ๆ

          "ท่านคะ" พนักงานกล่าวพร้อมยิ้มโชว์ฟันขาวอย่างสวยงามด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กระเส่า ๆ ตอนนั้นเป็นโมเม้นท์ที่ผมโคตรจะเกร็งเลยครับ เพราะไม่รู้จะต้องทำอะไร ทำยังไง อยู่ดี ๆ มาท่งมาท่าน จะให้กูซื้อของดิวตี้ฟรีเปล่าวะ มานั่งเฟิร์สคลาสนี่ฟลุคมา ไม่ได้มีตังค์โว้ยยยย (นั่นคือความคิดในตอนนั้น)

          "ค...ครับ"

          "จะมาขอบคุณที่ท่านเลือกใช้บริการการบินไทยค่ะ"

          ^__^ (ถึงขนาดต้องมาขอบคุณเป็นรายบุคคลเลยเหรอ)

          "ดิฉันหวังว่าเที่ยวบินในครั้งนี้จะสะดวกสบายนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ" (จริง ๆ พูดยาวกว่านี้อีกเยอะแต่จำไม่ได้ครับ สติหลุด) พร้อมกับยกมือไว้หนึ่งที

          ผมก็เลยยกมือไหว้กลับด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ T__T หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีเครื่องก็ลงจอด ณ สนามบินฮ่องกง ซึ่งเราสามารถเปิดกล้องที่ติดที่ท้ายหางเพื่อดูการบินลงจอดได้ เหมือน (เล่นเกม) ขับเครื่องบินเลยครับ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          สุดท้ายตอนลงจากเครื่องครับ First Class จะได้ออกจากเครื่องก่อนเสมอ คือต้องให้ผู้โดยสารทั้งหมดออกจากเครื่องก่อน ชั้น Business และ Economy จึงจะออกมาได้ ระหว่างที่เดินออกมาทางงวงช้างเข้าอาคาร ก็จะมีคนถือป้ายชื่อเราครับ คอยเดินถามว่ายู ๆ ใช่คนนี้หรือเปล่า

          ซึ่งเขาจะพาเราไปขึ้นรถกอล์ฟครับ เพื่อแซงหน้าผู้โดยสารท่านอื่นไปยัง Immigration หรือ ตม. ของประเทศที่เรากำลังเดินทางเข้าไป เรียกว่าคนสุดท้ายของเครื่องยังไม่ทันจะก้าวลงจากประตู ผู้โดยสารทั้ง 12 ชีวิต ก็กำลังตรวจพาสปอร์ตแล้วครับ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส

          รูปนี้อาจมีแสงสะท้อนมากไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยครับ

          แต่หลังจากลงจากรถกอล์ฟแล้ว ขั้นตอนการ Immigration ไม่ว่าจะเป็นต่อคิว เรียกตรวจเอกสาร หรือยกกระเป๋าเราก็ต้องทำตามปกตินะครับ ไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ นอกเหนือสนามบินสุวรรณภูมิอีกแล้ว

          สำหรับขากลับครับ จะไม่มีเลานจ์อลังการเหมือนที่ไทย แต่ก็ยังมีอาหาร เครื่องดื่ม ให้บริการครับ ส่วนอาหารในเครื่องขากลับ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร โดยเฉพาะไอ้พวกอะไรที่มาใน Portion เหมือนให้แมวดม แถมรสชาติยังไม่ได้เรื่องไม่ค่อยจะถูกปากผมเท่าไร ที่อร่อยคือขนมหวาน เป็น เอแคลรขฺ กับ ช็อกแล่ตเค้กซอสแรสเบรี่ (ถอดเสียงตามที่แอร์คนนั้นถาม)

ท่องเที่ยว

ท่องเที่ยว

ท่องเที่ยว

          ครับ...จบแล้วครับการรีวิวครั้งแรกและคงเป็นครั้งเดียว (ในเร็ว ๆ นี้ เพราะทริปหน้าที่วางแผนไว้ก็จองโลว์คอสต์เหมือนเดิมครับ 55555555555555) ผิดพลาดหรือมีข้อแนะนำยังไงเชิญคอมเม้นท์ได้ตามสบายครับ

          ขอบคุณครับพันทิปและเพื่อน ๆ ทุกคน ^___^

          ราตรีสวัสดิ์ครับ

เครื่องบินเฟิร์สคลาส




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จากโลว์คอสต์สู่เฟิร์สคลาส กับประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้สัมผัส อัปเดตล่าสุด 19 ตุลาคม 2564 เวลา 16:05:17 11,353 อ่าน
TOP