เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนร้านอาหารที่ปลูกสร้างรุกล้ำชายหาดเขาตะเกียบ หัวหิน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด, รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
จัดระเบียบร้านอาหารหัวหิน หั่นราคาลงเพียบ กำหนดราคากลางเท่ากันทุกร้าน ตำปูม้าเหลือ 150 บาท เร่งรื้อร้านล้ำชายหาด หากเตือนครบ 3 ครั้ง สั่งปิดกิจการ
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมแก้ไขปัญหาการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน จุดร้านค้า 22 ร้านค้า เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวแจ้งว่ามีการขายอาหารแพงเกินเหตุ โดยการประชุมดังกล่าวได้เรียกผู้ค้าทั้ง 22 ร้านค้า มาทำความเข้าใจว่าการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ไม่ได้จะไล่ผู้ประกอบการออกจากพื้นที่ทำกิน แต่ต้องการจัดระเบียบเพื่อความเรียบร้อยสวยงาม ดังข้อตกลงปี 2534 ที่ประกอบด้วย..
ห้ามปลูกสร้างอาคารถาวรบนชายหาด
ห้ามปรุงอาหารบนชายหาด
ร้านค้าขนาดกว้าง 6 เมตร ลึก 28 เมตร เว้นทางเดิน 2 เมตร
ให้ติดป้ายราคาอาหารตามราคาที่กำหนด
แต่ทั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบก็พบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหลายประการ โดยปัจจุบันมีการสร้างร้านค้ากึ่งถาวรบนชายหาด ราคาอาหารก็แพงเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ และมีการตั้งร้านค้าเกินพื้นที่ โดยผลการหารือได้ข้อสรุปในการกำหนดผังการจัดระเบียบร้านค้าที่หัวหินแล้ว ดังนี้..
ให้ร้านค้าขนาดกว้าง 6 เมตร ลึก 21 เมตร เว้นทางเดิน 2 เมตร โดย 1 เมตรติดแนวกำแพง เป็นพื้นที่เก็บอุปกรณ์ 3 เมตร
พื้นที่ปรุงอาหารที่จะต้องเป็นอุปกรณ์แบบน๊อกดาวน์ หรือรถเข็นรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งปรุงอาหารได้ภายในเต็นท์ที่สร้างใหม่ ถัดมาอีก 2 เมตร เป็นทางเดินสำหรับประชาชนทั่วไป และที่เหลือเป็นที่ตั้งโต๊ะ จำนวน 6 ตัว
ร่มที่ใช้กางกี่อันก็ได้ แต่ห้ามเกินจากขนาดพื้นที่ที่กำหนดไว้ที่เหลือจำนวน 15 เมตร และจะต้องให้เก็บร่มทั้งหมดในเวลา 18.30 น.
เต็นท์ร้านค้า จะต้องมีขนาดเท่ากันและสีเดียวกันเพื่อความเรียบร้อยสวยงาม โดยทางเทศบาลจะเป็นผู้ออกแบบให้ ส่วนพื้นที่ 1 เมตร ชิดแนวกำแพง สำหรับเก็บร่มและเตียงผ้าใบเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ประกอบอาหารจะต้องเก็บให้เรียบร้อย
ทางด้าน นายอนุวัตร เต็มชัย ปลัดอำเภอหัวหิน ระบุว่า หลังจากที่ทำความเข้าใจทั้งหมดแล้ว จะต้องมีการทำบันทึกตามรายละเอียดที่ได้ทำข้อตกลงกันใหม่อีกครั้ง และจะนำเอาประกาศของ คสช. ที่บังคับใช้ไปติดที่ชายหาดด้วย หากไม่ทำตามข้อตกลงก็จะมีบทลงโทษชัดเจน
ครั้งที่ 1 ว่ากล่าวตักเตือน
ครั้งที่ 2 สั่งหยุด 7 วัน
ครั้งที่ 3 สั่งปิดกิจการและห้ามขายอีกต่อไป
สำหรับปัญหาอาหารราคาแพงนั้น นางสาวสุภาดี การะเกด การค้าภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว พบว่าส่วนใหญ่มีการติดป้ายราคาอาหารเอาไว้ แต่คาดว่าผู้บริโภคไม่ทันสังเกต และจากการสอบถามกลุ่มผู้ค้าอาหารก็อ้างว่าต้นทุนอาหารสูงจึงต้องขายอาหารราคาแพง ทั้งนี้ ทางการค้าภายในจึงได้ตั้งราคากลางเป็นเมนูหลักที่ราคาเป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้ติดป้ายที่หน้าร้านไว้อย่างชัดเจน โดยราคากลางของอาหารมีดังต่อไปนี้..
ส้มตำปูเค็ม ราคา 45 บาท
ส้มตำปูม้า ราคา 150 บาท
ส้มตำไทย ราคา 45 บาท
ปลาเผา ราคาตามน้ำหนัก ทะเลเผา ขนาดเล็ก/ใหญ่ ราคา 350/500 บาท
หอยแมลงภู่ ราคา 100 บาท
หอยแครง ราคา 120 บาท
กุ้งอบวุ้นเส้น ราคา 250 บาท
หมึกย่าง ราคา 150 บาท
ข้าวผัดปู ขนาด 4 คน ราคา 200 บาท
แกงจืดหมูสับ เล็ก/ใหญ่ ราคา 80/120 บาท
ผัดกะเพราทะเล ราคา 150 บาท
กุ้งชุบแป้งทอด ราคา 250 บาท
ต้มยำทะเล ราคา 250 บาท
เบียร์ลีโอ ราคาขวด 80 บาท
โค้ก 1.25 ลิตร ราคา 30 บาท
น้ำขวดละ 10 บาท
ด้าน นายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอหัวหิน เปิดเผยหลังจากประชุมว่า ในวันที่ 15-17 สิงหาคมนั้น ทุกร้านค้ายังคงขายอาหารได้ แต่จะเริ่มต้นรื้อร้านในวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม ไม่เกิน 5 วันคงแล้วเสร็จ จากนั้นในวันเสาร์ที่ 23 ก็จะลงมือปักหมุดวางแผนร้านค้าใหม่อีกที โดยกำหนดให้ทุกวันพุธเป็นวันหยุดประกอบการ เพื่อคืนความเป็นธรรมชาติให้ชายหาดหัวหินด้วย
ส่วนทางด้าน นางจงกลนี ฤทธิยงค์ เจ้าของร้านค้า เป็นตัวแทนกล่าวว่า ตนรู้สึกขอบคุณที่ภาครัฐเข้าใจผู้ประกอบการร้านค้า และให้แม่ค้าทุกคนประกอบอาชีพได้ ซึ่งทางออกในวันนี้พวกตนยอมรับได้ถึงแม้จะต้องมีการปรับตัวบ้างก็ตาม แต่คิดว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก